หอสมุดแห่งชาติ

จำได้ไหม๊ว่า
เคยเข้าหอสมุดแห่งชาติครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ???
บางท่านอาจจะตอบว่าไม่เคยเข้า
ไม่รู้จักว่าอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ
เพราะดูเหมือนหอสมุดแห่งชาติ
จะห่างไกลจากชีวิตประจำวัน
ของเราๆ ท่านๆ ซะเหลือเกิน
เว้นแต่นักเรียน นักศึกษา
ที่ต้องเข้าไปค้นคว้าใช้บริการตามอัธยาศัย

ถ้าพูดถึงหอสมุดแห่งชาติ
สิ่งแรกที่แว๊บเข้ามาในหัวสมองทันทีก็คือ
คลังหนังสือที่บรรจุหนังสือเปื้อนฝุ่น
กระดาษสีน้ำตาลเหลืองๆ เก่าๆ
ภาพข่าวเก่าๆ คัมภีร์เก่าๆ
ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี
ครั้งกระโน้นเลยทีเดียวเชียว
ซึ่งคงไม่ต่างกับการนึกถึงพิพิธภัณฑ์
ที่ใช้เป็นสถานที่สะสมของเยอะๆ เก่าๆ
หลงเหลือแต่ร่องรอยให้เด็กๆ เยาวชนรุ่นอย่างเราๆ
ได้เข้าไปเดินเที่ยวเดินชมเดินผ่าน
ให้ได้รู้กันไปว่า
เออ บ้านเรามันมีอย่างนั้นอย่างนี้ด้วย

เมื่อครั้งกระโน้น
ราวสิบปีกว่าที่ฉันทำความรู้จักกับหอสมุดแห่งชาติ
ดูเหมือนจะเป็นบรรยากาศใหม่ๆ
ที่ต่างจากห้องสมุดทั่วไปตามโรงเรียน
หรือมหาวิทยาลัยลิบลับ
บรรยากาศช่างเงียบสงบ
ผู้คนหลากหลายวัยต่างก้มหน้าก้มตา
ง่วนอยู่กับการอ่านหนังสือของตัวเอง
ไม่มีเสียงจับกลุ่ม
ซุบซิบคุยกันของสาวๆ หรือเสียงคุยโทรศัพท์
บนโต๊ะอ่านหนังสือ
ที่มักเกิดขึ้นในห้องสมุดมหาวิทยาลัย
แค่บรรยากาศแบบนี้ก็ชวนให้หลงใหล
อ่านหนังสืออยู่กับตำรับตำราที่วางอยู่ตรงหน้าแล้ว

หากเดินไปที่ชั้นวางหนังสือ
ที่ถูกแยกออกเป็นหมวดหมู่
แยกออกเป็นห้องๆ ของแต่ละชั้น
ก็จะพบว่าหนังสือที่เห็น
มันไม่ได้เก่าแก่แสนสาหัสอย่างที่คิด
ในทางตรงกันข้ามมันกลับมีหนังสือใหม่ๆ
ที่ไม่เคยผ่านสายตา
หนังสือหายากที่หาไม่ได้ตามร้านหนังสือ
รวมถึงหนังสือที่ถูกใช้จนหน้าปกมีรอยยับ
วางเรียงรายอยู่หลายเล่ม

เพราะเหตุนี้เอง
ที่ทำให้ฉันยิ่งหลงรักหอสมุดแห่งชาติเข้าไปใหญ่
หลายครั้งที่นั่งอยู่ในหอสมุด
รู้สึกเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ราวกับมีมนต์ขลังซะเหลือเกิน

เมื่อละสายตาจากหนังสือตรงหน้า
เหลือบมองดูผู้คนหลากหลายวัย
ที่เข้ามาใช้บริการ
ก็เห็นภาพและบรรยากาศของการเรียนรู้แตกต่างกันไป
หลายครั้งได้เห็นแม่นั่งอ่านหนังสือ
ส่วนลูกนั่งอ่านนิทานหรือหนังสือเด็กอยู่ข้างๆ
กลุ่มเด็กนักเรียน วัยรุ่นหนุ่มสาว
ต่างม่วนอยู่กับการค้นหาหนังสือ
จับกลุ่มพูดคุยกันถึงเนื้อหาบ้างปะปราย

ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของมารยาท
และความเกรงใจที่มีต่อนักอ่านโต๊ะข้างๆ
ส่วนบุคคลวัยทำงาน
ล่วงเลยไปจนถึงผู้สูงอายุ
ส่วนใหญ่มักม่วนอยู่กับหนังสือ
ที่กองวางเรียงกันตรงหน้า
ดูเหมือนต่างคนต่างมีภารกิจหน้าที่
ที่ต้องกระทำตามเป้าหมายในใช้บริการ
ของแต่ละคน

แต่สำหรับฉันแล้วภาพที่ฉันเห็นตรงหน้า
มันเป็นภาพแห่งความดี
ความงามที่เต็มไปด้วยความรู้
ที่ถูกห้อมล้อมไว้ด้วยความอบอุ่น
เพราะเชื่อเหลือเกินว่า
การอ่านหนังสือจะช่วยกล่อมเกลาจิตใจ
ของแต่ละคนให้เป็นคนดี คิดดีและทำดี
และอย่างน้อยก็หวังไว้ว่า
เด็กไทยจะทำลายสถิติในการอ่านหนังสือ
8 บรรทัดต่อปี

แม้วันนี้หอสมุดแห่งชาติจะถูกปรับปรุงให้ดูทันสมัย
และอำนวยความสะดวกมากขึ้น
แต่บรรยากาศของการอ่านและการเรียนรู้
ที่ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับใคร
ไม่มีอะไรที่ทำให้ใจเราไขว้เขวหรือเสียสมาธิ
และถึงแม้ว่าหอสมุดนี้จะถูกมองว่า
เป็นสถานที่เก่าแก่
คร่ำครึในสายตาของใครหลายคน
แต่สำหรับฉัน
ยังคงรักและหลงใหลเสน่ห์ในบรรยากาศ
แบบนี้เสมอ

สำนึกในบุญคุณของห้องสมุดทุกที่
หนังสือทุกเล่ม
ที่หล่อหลอมหัวใจและสมองของฉัน
ตั้งแต่วันที่อ่านออกเขียนได้
จวบจนทุกวันนี้

ด้วยจิตคารวะ
ห้าทุ่มครึ่ง
27 ตุลาคม 2551


Create Date : 27 ตุลาคม 2551
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2551 18:59:51 น. 3 comments
Counter : 602 Pageviews.

 
โตมาจนป่านนี้แล้ว ยังไม่เคยไปเลย ค่ะ


อ่านแล้วก็ให้อยากไปจังเลย


โดย: PeeT IP: 115.67.176.222 วันที่: 28 ตุลาคม 2551 เวลา:12:25:51 น.  

 
ง่า อ่านไม่จบได้แค่ครึ่งเดียว ตาลาย&ปวดหัวมากมาย เพิ่งกลับจากค่ายอาสาปลูกป่ามา เอาหวัดกลับมาด้วยอีก แต่สนุกดี ชอบๆ พี่โบว์เป็นไงบ้าง ได้ดูพระจันทร์ยิ้มหรือป่าว ยิ้มน่ารักดีนะ อิอิ


โดย: พิม IP: 117.47.157.139 วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:1:17:39 น.  

 
ขอบคุณนะครับ คำชมและความประทับใจคือกำลังใจของเจ้าหน้าที่


โดย: hangman IP: 161.200.255.162 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:03:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Stand by bowky
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ความเหงาคือความรู้สึก
เหมือนมีช่องว่าง
ที่ถมไม่เต็ม
ระหว่างตัวตนภายใน
ของเรา
กับสิ่งที่เราคิดว่า
เป็นตัวตนของคนอื่นๆ
มันไม่ได้ก่อรูปขึ้น
จากความไร้ญาติขาดมิตร
หากเกิดจากการพบปะ
ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
ที่เรารู้สึกแปลกแยก
ทางความรู้สึกนึกคิด
ต่างหาก



เวลาที่คุณอยากบอกใคร
สักคนว่าคุณชอบ
และเกลียดกลัวสิ่งไหน
หรืออยากทำอะไร
ในชีวิต
แล้วเขาไม่เข้าใจ
สิ่งที่คุณพูด
คุณจะอ้างว้างหนาวใจ
ขึ้นมาติดหมัด
ในแง่นี้
การถวิลหาความรัก
ก็คือ
การค้นหาทางออก
จากสถานการณ์ดังกล่าว




เราอยากมีใครสักคน
ที่คอยบอกว่า
ฉันเข้าใจว่า
คุณรู้สึกอย่างไร
ไม่ใช่เพราะ
คุณบอกออกมา
แต่ฉันเอง
ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
กับคุณ

การบรรจบอารมณ์
ความรู้สึกนี่แหละ
ที่ทำให้
เราเรียกเพื่อนสนิท
หรือคนรักว่า"คนรู้ใจ"



คนรู้ใจไม่ต้องรอ
ฟังคำอธิบายอันยืดยาว
ก็เข้าใจทุกอย่าง
ที่คุณอยากจะบอก
เพราะเขาเอง
ก็เคยผ่านประสบการณ์
ทางอารมณ์
แบบเดียวกันมาแล้ว
เมื่อมองจากมุมนี้

เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า
เพราะเหตุใดมิตรภาพ
จึงถือเป็นความรัก
อีกสายพันธุ์หนึ่ง



จากความลับในความรัก
conditions of love
แปลโดย
จีระนันท์ พิตรปรีชา

Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Stand by bowky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.