และแล้ว...ก็ถึงวันที่เจ็ด




ท้าวความเดิม....ตอนที่แล้ว

หลังจากที่บอกตัวเองว่าจะต้องเขียนงานให้ได้จะได้เท่าไหร่ไม่รู้
แต่ต้องเขียนให้ได้...ความเครียดเริ่มเข้ามาย่างกราย...
ตามมาด้วยความกดดันอีกทั้งหลายทั้งปวง...
ให้ตายเถอะจะอะไรกันนักหนาแต่ก็ควรหยุดความคิดเหล่านี้ไว้
เพราะนั้นหมายความว่ายิ่งคิดมากเท่าไหร่
ยิ่งบั่นทอนกำลังในการเขียนงานมากเท่านั้น...เอาล่ะ เริ่มเลย...

คิดไป เขียนไป...เรื่อย ๆ พยายามประเมินวันต่อวันเลยว่า
วันนี้เขียนได้เท่านี้วันต่อไปจะเขียนเรื่องนี้
จะทันไหม๊..เขียนครบไหม๊
วันแรกพอเห็นพล็อตโครงร่างคร่าว ๆ ในหัว
เท่านั้นแหละ ไหลเลย...พอหยุดเขียนก็ประเมินตัวเองเลยว่า
ถ้ารักษาสโตรกระดับนี้ไว้ได้ที่เหลือไม่ยาก....ทันชัวร์

เวลาทำงานจริง ๆ มันเริ่มตั้งแต่ตีสี่ถึงสิบโมงเช้า
เขียนได้วันละหน้า-สองหน้า-รักษาระดับไว้ไปเรื่อย ๆ
แต่ความกังวลไม่ได้อยู่ที่เขียนได้กี่หน้าต่อวัน
แต่ความยากของแต่ละวันมันอยู่ที่การเริ่มต้นเขียนบรรทัดแรก
เพราะมันต้องคิดๆ ว่าจะเขียนอะไรแล้วจะลำดับเรื่องราวยังไง
แล้วสิ่งที่เขียนมันใช่เหมือนอย่างที่เราอยากเขียนไหม๊
มีหลายคนบอกว่าคิดอะไรได้ให้เขียนไปก่อนมันใช้ได้ผล
แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะสิ่งที่คิดได้และเขียนไปก่อน
บางทีมันก็ขัดแย้งในตัวเองเพราะอาจจะยังคิดไม่เสร็จ
สิ่งที่เขียนมันเลยตีกันเอง

ช่วงหกวันที่ผ่านมา
ความรู้สึกที่แย่ไม่ใช่อยู่ที่เขียนไม่ได้
แต่มันหงุดหงิดตัวเองเวลาที่รู้สึกว่าสมองมันล้า...
ทำอะไรไม่ได้เลย
ต่อให้นั่งอ่านสิ่งที่เขียนมามันก็ไม่ช่วยอะไรเลย
ตัดสินใจล้มตัวลงนอนพักสมองสักชั่วโมง
ตื่นขึ้นมาเขียน...ไหลเลย...ไหลอย่างไม่น่าเชื่อ

จนวันที่เจ็ด...ครบกำหนดต้องส่งงาน
แต่งานที่เหลือคือการอ่านงานทั้งหมดเพื่อแก้ไข เ
ติมเต็มให้สมบูรณ์บวกกับเขียนสรุปเพิ่มอีกนิดหน่อย
อ่านไปได้สามหน้า...รู้สึกรำคาญตัวเอง
ได้แต่ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจว่า
“ตรูเขียนเข้าไปได้ไงล่ะเนี่ยไม่ได้เรื่องเลย...”
อ่านยังไม่ทันจะจบหัวข้อไม่ไหวละ
เปิดไฟล์ใหม่ขึ้นมาเขียนเลยมองนาฬิกาบนหน้าจอ
ตีห้าแล้วคำนวณคร่าวๆ ในใจ
เดี๋ยวออกจากบ้านตอนเที่ยง..ไม่เป็นไรอีกหลายชั่วโมง

เริ่มเขียนอย่างไม่สนใจอะไร
ความคิดมันกำลังแล่นแล้วมันก็พลิ้วเลย
เขียนอย่างไม่สนใจอะไร
เขียนโดยที่ไม่ได้ยินเสียงข้างนอกว่าถึงเวลาเช้าแล้ว
เขียนอย่างที่รู้ตัวเลยว่า..หัวใจ สมอง มันรวมเป็นหนึ่ง
มุ่งมั่นอยู่กับงานตรงหน้า
ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับการปล่อยใจ ปล่อยความคิด
คิดถึงคำหนึ่งที่เคยได้ยิน “writing like a fly”
การเขียนที่ทำให้รู้สึกเหมือนบินได้
มันได้ทั้งความคิด
ได้ทั้งวิธีเขียนที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน
เขียนจนจบหัวข้อ
มองที่ตัวเลขบอกจำนวนหน้ากับนาฬิกาตรงหน้าจอ
คำนวณแล้ว 2 ชั่วโมง 10 หน้า
ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลย
ดีใจที่เขียนได้เกินคาด
เขียนเสร็จแล้วไม่ย้อนกลับไปอ่านด้วย
เพราะความคิดว่าขณะเขียนนั่นแหละที่ “ใช่”
ที่เหลือไม่ยากแต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือ “ความสุข”
สุขใจจริง ๆ เวลาที่เราทำอะไรได้ตรงกับใจเรา
บอกตัวเองเลยว่าหกวันที่ผ่านมา
ไม่มีวันไหนสุขใจได้เท่าชั่วโมงนี้
เหนื่อยก็เหนื่อย ล้าก็ล้า แต่มีความสุขจนลืมความล้า

สิบโมงแล้วงานเสร็จ
รู้ตัวเลยว่ากำลังกายและกำลังสมองเริ่มหมดแรง
ในใจคิดว่ารีบ ๆ เอางานไปส่งแล้วจะได้รีบกลับมานอน
ก้าวขาออกจากรถตู้ที่จอดให้ลงตรงหน้าคณะ
มองดูนาฬิกาอีกห้านาทีเที่ยง
มองไปข้างหน้าเห็นตึกที่คุ้นเคยคิดในใจว่า
“คิดถึงฟ่ะ ไม่ได้มานานเท่าไหร่ละเนี่ย
เข้าไปจะเจอใครบ้าง”
ยังคิดไม่ทันเสร็จ
ได้ยินเสียงตามหลังแว่ว ๆ มาด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย

“อ้าว โบว์เป็นไงบ้างมีอะไรมาให้อ่านไหม๊...”
หันกลับไปด้วยท่าทีที่ตกใจอะไรจะบังเอิญปานนั้น
เจอท่านที่ปรึกษาอย่างไม่ตั้งใจหันไปสบตาและยิ้มสู้
ตอบกลับไปด้วยท่าทีนิ่ง ๆ
“มีค่ะ..เดี๋ยวไปถ่ายเอกสารก่อนค่ะ แล้วจะเอาไปให้ ^__^ ”
“โอเค..เดี๋ยวเจอกัน” คำนี้แหละที่คุ้นเคย

ถึงเวลานัดหมายกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นสาม
เดินไปหน้าห้องเคาะประตู ก๊อกๆ
เสียงต้อนรับมาแต่ไกล “เอ๊า โบว์ มาแล้วเหรอ..”
ฉันส่งงานให้ไม่พูดอะไรยิ้มรับและนั่งรอบนเก้าอี้ที่คุ้นเคย
ขณะที่ท่านที่ปรึกษาอ่านได้หน้าสองหน้า
ในใจคิดไปต่าง ๆ นานา
ลุ้นอยู่ในใจเตรียมปากกาขึ้นมาจดคำคอมเม้นท์
ผ่านไปไม่ถึงห้านาที
ประโยคแรกก็ดังขึ้น
“ชักเข้าท่า...ดูดีนะ..เดี๋ยวขออ่านก่อน..เย็น ๆ มาใหม่นะ”
ให้ตายเถอะได้ยินคำนี้เหมือนเสียงสวรรค์
หายเหนื่อย หายง่วง...
ยิ้มได้อย่างเต็มที่ซะทีสบายใจได้เกินกว่าครึ่ง
เพราะถ้างานผ่านในสายตาท่านคนนี้ที่เหลือไม่ยาก

บ่ายสามต้องเอางานไปส่งท่านประธานหนึ่ง
นั่งรออยู่หน้าห้องพักนึงได้
เพราะเหลือบเข้าไปเห็นว่าท่านกำลังมีแขก
แขกที่เห็นอยู่ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกลเพื่อนเรานี่เอง
นั่งรอจนเพื่อนเดินออกมาทักทายเพื่อนที่หน้าประตูเล็กน้อย
แล้วก็ก้าวขาเข้าไปในห้อง
สัมผัสได้ว่าแอร์เย็นฉ่ำ
นั่งรอพร้อมด้วยการเล่าสิ่งที่เขียนมา

เล่าไปเล่ามา ยังเล่าไม่ทันจบ
ท่านเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามที่ไม่เคยคิดและไม่เคยได้ยิน
ต่างคนต่างไม่มีคำตอบ
แต่สิ่งที่ re act กลับไปมันไม่ใช่คำตอบสำเร็จรูป
แต่พยายามคุยให้เห็นภาพต่างคนต่างแลกเปลี่ยน
ต่างคนต่างคุย ฟุ้งไป ฟังไป
จนท่านบอกว่า... “อ๊ะ นั่น ใช่เลย...”
เราต่างหัวเราะกันร่าเสียงดังห้อง
สัมผัสได้ว่านั้นแหละ “ใช่” มันคลิ๊กล่ะ
ท่านก็คลิ๊ก ต่างคนต่างคลิ๊ก นี่แหละน๊า dialogue
ทฤษฎีที่เขียนลงไปมันพิสูจน์ได้กับตัวเอง
ไม่ต้องเอาไปใช้กับใคร

สักครู่ท่านที่ปรึกษาเดินเข้ามาจ๊ะเอ๋กันพอดี
“อ้าวโบว์ อยู่นี่เองเหรอ” ผู้เข้าร่วมสนทนาเพิ่มขึ้นอีกคน
“อันนี้เริ่มเข้าท่า ชอบมากเลยประโยคหนึ่งหน้าที่สี่...”
ฉันพลิกกลับไปดู... “อ่ะ อ๋อ..ค่ะ”
แล้วท่านก็มาช่วย confirm ความคิด
ฉันใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นราวสองชั่วโมง
เดินออกจากห้องด้วยความปิติและระรื่น

กว่าจะถึงบ้านสองทุ่มแล้ว
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถอดรองเท้า กระเป๋าเป้กองไว้
เดินเข้าห้อง หลับเป็นตาย...ลุกขึ้นมาอีกทีตีสี่...และหิวโซ

เขียนมาจนถึงตอนนี้
เหลือบไปเห็นว่ากำลังจะเข้าหน้าที่สี่แล้ว
ชักเริ่มรู้สึกอีกแล้วว่า
“กำลังบินอยู่..ที่ไหนสักที่” (writing like a fly)

สุดท้ายต้องขอบคุณจริง ๆ
ขอบคุณทุกท่านที่อยู่เป็นเพื่อนยามค่ำคืน
รุ่งเช้า ถึงสาย ๆ
ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจ ที่ไม่ปรากฏให้เห็นแต่สัมผัสได้
ขอบคุณแม่ที่เข้าใจว่าลูกต้องเขียนงานตอนเช้า
และนอนตอนกลางวัน
ขอบคุณแม่ที่เปลี่ยนจากคำบ่น มาเป็นคำว่าเป็นห่วง

พลังถูกปลดปล่อย ความอึดอัด
ความกังวลถูกคลี่คลาย...เหนือคำบรรยายจริง ๆ

8 กุมภา 2551
หกโมงสิบห้านาที



Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2551 21:57:57 น. 10 comments
Counter : 512 Pageviews.

 
มาเยี่ยม มาอ่าน มาให้กำลังใจ


โดย: นายแจม วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:27:30 น.  

 
ว้าวววววว พี่โบว์ทำได้ ฮ่าๆๆ ได้เวลาเลี้ยงโรตีพิมยาง เอิ๊ก


โดย: พิม IP: 117.47.192.169 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:06:09 น.  

 
สู้ต่อไปนะ หญิงอึด


โดย: arsenal19 IP: 116.58.231.242 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:37:51 น.  

 
ทำได้แล้วนะครับ ดีใจด้วย


โดย: InterZept IP: 202.91.18.205 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:02:08 น.  

 
เป็นกำลังใจให้อยู่นะโบว์ แล้วพอมันผ่านไปได้ เราจะรู้สึกเหมือนยกภูเขาสิบลูกออกไปจากอกเลยล่ะ อดทนและสู้ต่อไปน๊า


โดย: inita วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:43:16 น.  

 
ดีจายกะเมิงด้วยนะเฟ้ย..พลังรักหลังอกหักนี่มันช่างแรงกล้าจริงๆ .. 555

ขอให้โชคดีกับทุกสิ่งและทุกวันที่ลืมตาตื่นขึ้นมาและยังพบว่าตัวเองมีลมหายใจ... สู้ๆนะเพื่อน .. เอาใจช่วยอีกแรงวะ มาช้าแต่ก็ยังดีกว่าไม่มาใช่ปะ ..


โดย: พีช IP: 124.121.110.19 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:26:14 น.  

 


เห็นไหม
ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของน้องโบว์ไปได้
แหล่มมากๆ น้อง




โดย: อุ้มสี วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:30:46 น.  

 


ไม่ได้มามือเปล่าแต่เอากุหลาบมาฝากรักจ๊ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:20:52 น.  

 
ดีใจด้วยครับ


โดย: ความสุขเล็กๆ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:09:24 น.  

 
ไม่รุ๊จะดีใจหรือเสียใจกับการที่ได้มาอ่านคนสุดท้าย

แต่สิ่งที่ได้จากการอ่านคือสิ่งเด๋ว คือ ความสุข เบียร์ว่า

จบไปเเป็นนักเขียนท่าจะเวิก อิอิ ชอบจังเลย อ่ายแล้ว

ติดใจ มั่กมาก ในที่สุด ความพยายามอยู่ที่ไหน ความ

สำเร็จก็อยู่ที่ไหน ก็เปงผล อิอิ เก่งจังเลย

เด็กหญิงโบว์กี้


โดย: เด็กชายเบียร์ IP: 115.67.0.21 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:43:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Stand by bowky
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ความเหงาคือความรู้สึก
เหมือนมีช่องว่าง
ที่ถมไม่เต็ม
ระหว่างตัวตนภายใน
ของเรา
กับสิ่งที่เราคิดว่า
เป็นตัวตนของคนอื่นๆ
มันไม่ได้ก่อรูปขึ้น
จากความไร้ญาติขาดมิตร
หากเกิดจากการพบปะ
ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
ที่เรารู้สึกแปลกแยก
ทางความรู้สึกนึกคิด
ต่างหาก



เวลาที่คุณอยากบอกใคร
สักคนว่าคุณชอบ
และเกลียดกลัวสิ่งไหน
หรืออยากทำอะไร
ในชีวิต
แล้วเขาไม่เข้าใจ
สิ่งที่คุณพูด
คุณจะอ้างว้างหนาวใจ
ขึ้นมาติดหมัด
ในแง่นี้
การถวิลหาความรัก
ก็คือ
การค้นหาทางออก
จากสถานการณ์ดังกล่าว




เราอยากมีใครสักคน
ที่คอยบอกว่า
ฉันเข้าใจว่า
คุณรู้สึกอย่างไร
ไม่ใช่เพราะ
คุณบอกออกมา
แต่ฉันเอง
ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
กับคุณ

การบรรจบอารมณ์
ความรู้สึกนี่แหละ
ที่ทำให้
เราเรียกเพื่อนสนิท
หรือคนรักว่า"คนรู้ใจ"



คนรู้ใจไม่ต้องรอ
ฟังคำอธิบายอันยืดยาว
ก็เข้าใจทุกอย่าง
ที่คุณอยากจะบอก
เพราะเขาเอง
ก็เคยผ่านประสบการณ์
ทางอารมณ์
แบบเดียวกันมาแล้ว
เมื่อมองจากมุมนี้

เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า
เพราะเหตุใดมิตรภาพ
จึงถือเป็นความรัก
อีกสายพันธุ์หนึ่ง



จากความลับในความรัก
conditions of love
แปลโดย
จีระนันท์ พิตรปรีชา

Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
8 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Stand by bowky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.