รู้สึกตัว..ทั่วพร้อม (Lesson Learn)

ถือเป็นโอกาสอันดีที่ฉันได้เรียนรู้การสังเกตตัวเอง..ต้องขอบคุณครูใจดีที่เป็นทั้งพี่สาวแสนดีที่เคยร่วมงานกันมาฝึกปฏิบัติให้..

จากที่เคยร่วมงานกับครูใจดีมาในเวลาสั้น ๆ ไม่ได้ลึกซึ้งแต่ก็พอจะเดาทางได้ออกว่ามันจะเป็นแบบไหน รู้สึกเขิลอย่างแปลก ๆ ที่ได้นั่งอยู่กลางวง เป็นนักเรียนที่ได้เข้าร่วมปฏิบัติจริง ๆ เพราะที่ผ่านมาเคยแต่เป็นนักเรียนที่นั่งอยู่หลังห้อง ไม่เคยเข้าร่วมวงจริง ๆ กับเขาซะที วันนี้ถือเป็นความโชคดีที่ได้เรียนรู้และได้แสดงออก

ครูใจดีสอนให้เข้าใจถึงพลัง 5 แบบ ประกอบด้วย ศรัทธา, พลัง, สติ, สมาธิ และเข้าใจ คำเหล่านี้คุ้น ๆ หูมาตลอด แต่ก็ไม่เคยเข้าใจอย่างลึกซึ้ง อธิบายหลักการเสร็จ ครูเข้าสู่กระบวนการ Check in ฟังแล้วเหมือนเวลาจะเข้าพักที่โรงแรมต้องเช็คอินน์ แต่ก็พอดีความได้ว่า มันเป็นการสำรวจจิตใจภายใน “วันนี้เรารู้สึกอย่างไร คาดหวังอะไร” รู้สึกแปลกขึ้นมาอีกที่ต้องพูดความรู้สึกออกไป ทั้ง ๆ ที่ปกติจะพูดกันด้วยความคิด หลักการ และเหตุผล ดูเหมือนความรู้สึกของเราจะแตกต่างจากเพื่อนภายในวงอย่างสิ้นเชิง แต่ก็เอาน่ะ..นั่นคือเรื่องจริง

ครูสอนให้ “นอนสมาธิ” มีเสียงครูคอยนำทางให้เราอยู่กับลมหายใจ ให้เราสงบนิ่งอยู่กับตัวเอง ด้วยเวลา 15 นาที มันไม่ได้ทำให้จิตใจฉันสบายขึ้นหรือปล่อยวางมากขึ้นเลย ยังรู้สึกหนัก ๆ แอบกังวลและตั้งคำถามมากมายอยู่ในสมอง แต่ยังโชคดีที่จิตไม่เตลิดไปไกล เพราะได้ยินเสียงของครูคอยเรียกให้กลับมา

พอเสร็จพิธีกรรมจากการ “นอนสมาธิ” ครูแจกกระดาษให้วาดรูป สิ่งที่เป็น / ความรู้สึกที่มีอยู่ในใจตอนนี้..ภาพความรู้สึกมันลอยอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน จึงไม่ยากที่จะลากเส้น วาดมันออกมา วาดเสร็จครูให้เล่าถึงภาพที่วาดตามธรรมเนียม คนแรกผ่านไป พูดถึงความฝัน ความรู้สึกดีที่สวยงาม..คนถัดมาคือฉันเอง รู้สึกเก้ ๆ กัง ๆ กับการอธิบายภาพตรงหน้า น้ำเสียงสั่นเครือ เพราะสิ่งที่ฉันรู้สึก ภาพที่ฉันระบายออกมา มันช่างแตกต่างจากความฝันของคนแรกเป็นอย่างมาก แต่เมื่อภาพมันโชว์มาแบบนี้ มันก็ยากที่จะปรุงแต่งภาษาที่จะสื่อออกไป ข้อดีของการวาดภาพมันดีแบบนี้นี่เอง...ปล่อยให้เราความคิดเราระบายออกมาเป็นภาพ ระหว่างนี้คือความจริง โกหกไม่ได้ และเมื่อต้องพูดยิ่งไม่จำเป็นจะปรุงแต่งคำโกหกใด ๆ เพราะสิ่งที่พูดมันฟ้องด้วยภาพอยู่แล้ว

ความรู้สึกไม่ดีในใจยิ่งทำให้รู้สึกแปลกแยกในวง ยิ่งทำให้รู้สึกกลัวและกังวลมากยิ่งขึ้นไปใหญ่ ด้วยความเป็นคนตรงไปตรงมา และถูกกระตุ้นให้ร่วมแบ่งปัน อาจจะแย่สักหน่อยเมื่อของที่ปล่อยออกไปมันอาจจะเป็นสิ่งปฏิกูลที่เพื่อน ๆ ในวงไม่อยากรับรู้ แต่ทำไงได้ เพราะนั่นคือเรื่องจริง...เอาสิ่งปฏิกูลออกมา เพื่อที่จะรีไซเคิล และสามารถรียูสให้กลับมาใช้ได้ใหม่

ช่วงบ่ายหลังจากมื้อเที่ยง ครูให้นอนสมาธิอีก แต่ปล่อยให้ทำด้วยตนเอง..คราวนี้หนักหน่อย เพราะรู้สึกทันทีเลย แว๊บแรกที่หลับตา รู้สึกมีอะไรเยอะแยะวิ่งเต็มหัวไปหมด ฟุ้งไปเรื่อย พยายามเรียกมันกลับมา กลับยิ่งรู้สึกอึดอัด ยิ่งรู้สึกอยากตื่น ยิ่งรู้สึกไม่มั่นคง ไม่สงบนิ่ง หัวใจยังไม่สบาย สมองยังไม่โล่งโปร่ง ไม่รู้ของที่ปล่อยออกไปจะสร้างความกังวลให้คนอื่นหรือเปล่า หรือมันอาจจะทำให้เรากังวลมากยิ่งขึ้น กลัวเพื่อนรับไม่ได้ กลัวเพื่อนโกรธ กลัวเพื่อนรู้สึกไม่ดี แต่ทำไงได้เพราะนั่นคือเรื่องจริง

ครูบอกว่า “นั่นคือความปั่นป่วนในใจ” ไม่แปลกเลยที่จะเกิดขึ้น ฝึกบ่อย ๆ แล้วมันจะผ่านไป มันจะจางลง และก็เป็นหน้าที่ของฉันเองที่ต้องก้าวข้ามมันไปด้วยตนเอง ครูสอนว่า “เราแค่ต้องอยู่กับมัน” ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องอยู่กับมัน รับมือกับมัน ปล่อยให้มันเข้ามา...แค่นั้น และเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป เรื่องแบบนี้รู้กันอยู่แล้ว อ่านตามหนังสือ ฟังคนอื่นพูด แต่ไม่เคยทำได้ซะที เพราะเรามักชินไปกับการปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปตามอารมณ์ ตามสัญชาตญาณ เวลามีปัญหาหนัก ๆ ก็หนีบ้าง ทุรนทุรายบ้าง โวยวายบ้าง ตีโพยตีพายบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้อยู่กับมันอย่างมีสติแท้จริง

การเรียนรู้ครั้งนี้รู้สึกได้ว่าฉันกลายเป็นเด็กท้ายห้อง เรียนได้ไม่ดีนัก ตอบคำถามมีแต่เรื่องแย่ ๆ แต่ครูไม่เคยบอกว่าถูกหรือผิด เพียงแต่ครูอาจจะต้องทำหน้าที่เหนื่อยหน่อย เพื่อเคลียร์ปัญหาและคลายความกังวลให้ฉัน แถมมานวดหัวให้ฉันได้คลายลงอีกต่างหาก แต่สิ่งที่ค้าง ๆ คา ๆ ในใจมันก็ยังไม่ได้หมดหรือสาบสูญไปสิ้นหรอกนะ เพราะนั่นทำให้ฉันต้องกลับมาฝึกต่อ

โชคดีมากมายที่การเรียนรู้ของฉันวันนี้ ได้เห็นตัวเอง กระบวนการของครูทำให้ฉันกล้าที่จะพูดความจริงกับเพื่อน (เพราะเวลาปกติมันยากที่จะพูด) ที่สำคัญคือทำให้ฉันมีแรงบันดาลใจ มีกำลังใจที่จะกลับมาฝึกการมองเห็นตัวเองต่อ..เคยพยายามหลายครั้ง ทำ ๆ เลิก ๆ เหมือนเลิกสุราไม่หายขาด ดื่ม ๆ หยุด ๆ แต่อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้ตัวเองที่อย่างน้อยเราก็รู้ตัว และสามารถเยียวยาใจเราเองได้ทัน

สัญญากับตัวเองว่าจะอยู่กับความปั่นป่วนให้นานขึ้น..และมีสติขึ้น

ด้วยพลังแห่งศรัทธา

ตีหนึ่งสามนาที
31 มกราคม 2554




Create Date : 31 มกราคม 2554
Last Update : 31 มกราคม 2554 1:13:27 น. 1 comments
Counter : 723 Pageviews.

 

แหล่มจ๊ะน้องโบว์
ด้วยพลังแห่งศรัทธา...พี่อุ้มมาเจิมในตอนเช้า
มอร์นิ่งจ้า



โดย: อุ้มสี วันที่: 31 มกราคม 2554 เวลา:5:54:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Stand by bowky
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ความเหงาคือความรู้สึก
เหมือนมีช่องว่าง
ที่ถมไม่เต็ม
ระหว่างตัวตนภายใน
ของเรา
กับสิ่งที่เราคิดว่า
เป็นตัวตนของคนอื่นๆ
มันไม่ได้ก่อรูปขึ้น
จากความไร้ญาติขาดมิตร
หากเกิดจากการพบปะ
ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
ที่เรารู้สึกแปลกแยก
ทางความรู้สึกนึกคิด
ต่างหาก



เวลาที่คุณอยากบอกใคร
สักคนว่าคุณชอบ
และเกลียดกลัวสิ่งไหน
หรืออยากทำอะไร
ในชีวิต
แล้วเขาไม่เข้าใจ
สิ่งที่คุณพูด
คุณจะอ้างว้างหนาวใจ
ขึ้นมาติดหมัด
ในแง่นี้
การถวิลหาความรัก
ก็คือ
การค้นหาทางออก
จากสถานการณ์ดังกล่าว




เราอยากมีใครสักคน
ที่คอยบอกว่า
ฉันเข้าใจว่า
คุณรู้สึกอย่างไร
ไม่ใช่เพราะ
คุณบอกออกมา
แต่ฉันเอง
ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
กับคุณ

การบรรจบอารมณ์
ความรู้สึกนี่แหละ
ที่ทำให้
เราเรียกเพื่อนสนิท
หรือคนรักว่า"คนรู้ใจ"



คนรู้ใจไม่ต้องรอ
ฟังคำอธิบายอันยืดยาว
ก็เข้าใจทุกอย่าง
ที่คุณอยากจะบอก
เพราะเขาเอง
ก็เคยผ่านประสบการณ์
ทางอารมณ์
แบบเดียวกันมาแล้ว
เมื่อมองจากมุมนี้

เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า
เพราะเหตุใดมิตรภาพ
จึงถือเป็นความรัก
อีกสายพันธุ์หนึ่ง



จากความลับในความรัก
conditions of love
แปลโดย
จีระนันท์ พิตรปรีชา

Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
31 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Stand by bowky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.