เมื่ออุดมการณ์เรียกร้อง
สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้มันร้อนเป็นไฟซะเหลือเกิน ใจฉันมันก็รุกเป็นไฟ เช่นกันกับความไม่เป็นธรรมในสังคมไทยขวานทอง ที่ตอนนี้ดูเหมือนขวานทองจะบิ่นไป เสี้ยวหนึ่งซะแล้ว
เวลาบ่ายกว่า ๆ ของวันที่ 29 สิงหา 2551 ขณะที่ฉันนึกในใจว่า วันนี้จะต้องเป็นวันที่ฉันจะเสพสำราญกับหนังดี ๆ ซักเรื่อง อิ่มเอมกับหนังสือที่ฉันยังอ่านค้างอยู่ในร้านกาแฟ ร้านประจำที่ได้กลิ่นหอมตลบอบอวล ภายในร้านอยู่ตลอดเวลา แต่เปล่าเลย ขณะที่ฉันกำลังสำเริงสำราญอยู่กับมื้อเที่ยงในร้านอาหาร เสียงโทรศัพท์จากพี่ชายโทรมาแจ้งข่าว ตำรวจสลายม็อบที่สะพานมัฆวาน ประชาชนบาดเจ็บหลายสิบคน
และทิ้งท้ายด้วยคำเตือนว่า อย่าไปนะ !!! หลังจากนั้นที่โทรศัพท์หลายสาย ประเดประดังเข้ามาเพื่อย้ำเตือนฉันว่า อย่าไปนะ อย่าไปนะ และอย่าไปนะ
ทันใดนั้น ฉันรีบเปิดวิทยุฟังข่าวจากโทรศัพท์มือถือฟังทันที หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อได้ยินว่าตำรวจทำร้ายประชาชนที่ในมือว่างเปล่า ไร้อาวุธ ช่างภาพถูกทำร้าย ผู้หญิง และคนแก่ถูกรุมทำร้าย เสียงผู้ชุมนุมกลุ่มใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาล โห่ร้องกับความระยำตำบอลของรัฐบาลชุดนี้ อยู่ตลอดเวลา เสียงโฆษกจากบนเวทีประกาศให้ ออกมา ออกมา ออกมา ตาย เป็น ตาย ไม่ ชนะ ไม่ เลิก ยอมรับเลยว่า ในใจมันเร่าร้อนเกินกว่าที่จะกินมื้อเที่ยง ได้อย่างเอร็ดอร่อย
ขณะนั้นรู้ตัวเองเลยทันทีว่า ความคิดระหว่างคำว่า ไป กับ ไม่ไป มันดังอยู่ในหัว เหตุผลต่าง ๆ นานา ถูกหยิบยกขึ้นมาไม่รู้จักจบสิ้น แต่สิ่งหนึ่งที่บอกย้ำกับตัวเองว่า ถ้าไม่ไปวันนี้คงสำราญกับแผนที่วางไว้ ได้อย่างไม่สบายใจแน่ และฉันคงนั่งฟังหรือดูอยู่เฉย ๆ ไม่ได้แน่ กับสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้ หลังจากอิ่มกับมื้อเที่ยงหัวใจฉัน ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป
ฉันตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังบริเวณลานพระบรมรูป รวมตัวกับกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ ร่วมฝ่าด่านตำรวจเพื่อที่จะเดินไปยังทำเนียบ หลังจากที่แกนนำ โดยมีพลเอกปฐมพงษ์เจรจากับตำรวจ ให้พวกเราฝ่าด่านไปได้ เสียงประชาชนนับพัน ต่างกู่ร้องส่งเสียงเฮไม่ได้หยุด สลับกับเสียงเพลงเราสู้ที่สนั่นไปทั่วทั้งท้องถนน มันทำให้ฉันอุ่นใจขึ้นมาบ้างจนน้ำตาซึม เมื่อเดินเข้าใกล้ทำเนียบ ประชาชนหลายร้ายคนยืนต้อนรับ ธงชาติไทยปลิวไสวเต็มสองข้างทาง ได้ยินเสียงขอบคุณและปรบมือดัง ๆ มันยิ่งตอกย้ำให้ฉันรู้ว่า ฉันได้เลือกทางที่ถูกต้องต่อหัวใจฉันแล้ว
ราวทุ่มกว่าขณะที่ฉันกำลังฟังคำปราศรัย แกนนำประกาศรับอาสาสมัครการ์ดจำนวนราวพัน เพื่อไปดูแลรักษาประตูทางเข้าที่ถูกตำรวจปิดล้อมไว้ ฉันไม่ลังเลที่จะเดินออกไปร่วมรบ เสมือนทหารเสือพระราชา ทหารเสือพระราชินี ผู้คนที่เดินออกไป ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นชายวัยฉกรรธ์ มีผู้หญิงอยู่บ้างประปราย ฉันเดินไปรวมกลุ่มกับบรรดาเหล่านักรบทั้งหลาย สังเกตทีท่า ฟังแกนนำ ประกอบกับเสียงนักรบจากกลุ่มข้าง ๆ เรานั่งตรึงกำลังอยู่นานสองนาน ชายหลายคนส่งเสียงดัง บุกเลย !!! ชายหลายคนส่งเสียงด่าตำรวจ
และไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันเข้าใจฝ่ายประชาชนและฝ่ายตำรวจอย่างดี ตำรวจก็เหนื่อยเราเองก็เหนื่อย แต่ความเหนื่อยที่ว่า มันน้อยนิดนัก กับการที่จะแลกมาด้วยประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และความยุติธรรมของสังคม
หากเพื่อนสนิทหรือคนรู้จักของฉัน ได้เข้ามาอ่านบทความเรื่องนี้ ฉันเข้าใจว่าคงมีเสียงกร่นด่าอยู่ในใจ แต่เพื่อนเอ๋ย... ได้โปรดเข้าใจเพื่อนคนนี้เถอะว่า หัวใจแห่งอุดมการณ์ของฉันมันมีมากกว่า ความกลัวและชีวิต
เพราะที่ผ่านมา ฉันเองก็ดำรงชีวิตด้วยอุดมการณ์ในหัวใจ ของฉันอยู่แล้ว แม้จะไม่แรงกล้าและต้องเอนอ่อนผ่อนตาม ไปกับกระแสของโลกปัจจุบันไปบ้าง แต่เชื่อเถอะว่า หัวใจแห่งอุดมการณ์ของฉันไม่เคยตาย และมันยังคอยหล่อเลี้ยงและหล่อหลอมหัวใจ และชีวิตให้ฉันเป็นฉันได้ทุกวันนี้
ด้วยรักแห่งอุดมการณ์ ตีสามยี่สิบนาที 31 สิงหาคม 2551
Create Date : 31 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2551 18:52:40 น. |
|
7 comments
|
Counter : 561 Pageviews. |
|
|
|
โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 31 สิงหาคม 2551 เวลา:9:04:19 น. |
|
|
|
โดย: ท้ายเบนซ์ IP: 58.147.23.72 วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:5:32:00 น. |
|
|
|
โดย: กระจกเงา.. ที่พร่ามัว IP: 119.46.22.122 วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:18:34:36 น. |
|
|
|
โดย: คน...ไม่กล้าส่องกระจก IP: 117.47.100.176 วันที่: 6 กันยายน 2551 เวลา:11:49:17 น. |
|
|
|
โดย: พีช IP: 124.121.111.195 วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:16:57:09 น. |
|
|
|
โดย: พิม IP: 114.128.57.149 วันที่: 24 กันยายน 2551 เวลา:3:56:04 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ความเหงาคือความรู้สึก เหมือนมีช่องว่าง ที่ถมไม่เต็ม ระหว่างตัวตนภายใน ของเรา กับสิ่งที่เราคิดว่า เป็นตัวตนของคนอื่นๆ มันไม่ได้ก่อรูปขึ้น จากความไร้ญาติขาดมิตร หากเกิดจากการพบปะ ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ที่เรารู้สึกแปลกแยก ทางความรู้สึกนึกคิด ต่างหาก
เวลาที่คุณอยากบอกใคร สักคนว่าคุณชอบ และเกลียดกลัวสิ่งไหน หรืออยากทำอะไร ในชีวิต แล้วเขาไม่เข้าใจ สิ่งที่คุณพูด คุณจะอ้างว้างหนาวใจ ขึ้นมาติดหมัด ในแง่นี้ การถวิลหาความรัก ก็คือ การค้นหาทางออก จากสถานการณ์ดังกล่าว
เราอยากมีใครสักคน ที่คอยบอกว่า ฉันเข้าใจว่า คุณรู้สึกอย่างไร ไม่ใช่เพราะ คุณบอกออกมา แต่ฉันเอง ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน กับคุณ
การบรรจบอารมณ์ ความรู้สึกนี่แหละ ที่ทำให้ เราเรียกเพื่อนสนิท หรือคนรักว่า"คนรู้ใจ"
คนรู้ใจไม่ต้องรอ ฟังคำอธิบายอันยืดยาว ก็เข้าใจทุกอย่าง ที่คุณอยากจะบอก เพราะเขาเอง ก็เคยผ่านประสบการณ์ ทางอารมณ์ แบบเดียวกันมาแล้ว เมื่อมองจากมุมนี้
เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า เพราะเหตุใดมิตรภาพ จึงถือเป็นความรัก อีกสายพันธุ์หนึ่ง
จากความลับในความรัก conditions of love แปลโดย จีระนันท์ พิตรปรีชา
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ได้อะไรไม่ดั่งใจต้องประท้วง
เปนกะลังจัยให้ จ๊ะ