On dialogue

ตามแนวคิด “On dialogue” ได้กล่าวไว้ว่า Dialogue เป็นการพูดคุยกันโดยไม่มีหัวข้อ หรือวาระ (agenda) ที่ตายตัวไว้ล่วงหน้า ในการเข้าไปอยู่ในวง dialogue ทุกคนจะต้องให้ความเคารพต่อบรรยากาศของความเงียบสงบ ปล่อยอารมณ์ให้ผ่อนคลาย พูดจากันพอได้ยินในเรื่องอะไรก็ได้ และหลักการสำคัญอีกประการหนึ่งคือ “การฟังให้ได้ยิน” (deep listening) โดยพยามยามไม่ใส่ใจว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงของใคร เพียงแต่กำหนดใจรู้ได้ว่าเสียงที่ได้ยิน คือเสียงของกัลยาณมิตรของเราคนหนึ่ง ที่ปรารถนาจะให้เราได้ยินได้ฟังแต่สิ่งที่ดี ๆ เท่านั้น ถ้าหากฟังอย่างตั้งใจ และฟังเพื่อให้ได้ยิน อาจจะมีความคิดบางอย่างวาบขึ้นมาในใจ และความคิดนั้นอาจจะถูกนำไปใช้ในการเริ่มต้นของการทำอะไรบางอย่างที่มีคุณค่าต่อตนเองและสังคมในอนาคตได้

ฉันหยิบยกเรื่อง dialogue ขึ้นมากล่าวถึง เนื่องจากว่าฉันสัมผัสได้ถึงวง dialogue ที่เกิดขึ้น เราต่างสนทนาโดยไม่มี agenda เราคุยกันบนโต๊ะอาหารนานเป็นชั่วโมง เราต่างพรั่งพรูเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมากลางวง ฉันสัมผัสได้ถึงความกระหายในสิ่งที่เราสนทนา มีความอยากเยอะแยะมากมายผลุดขึ้นมาในใจเรา ฉันไม่กล้าเรียกมันว่าความฝัน แต่มันคือสิ่งที่เราอยากทำ และวันหนึ่งเราต้องทำ เรามีความสุขที่จะสนทนา และเรื่องที่เราสนทนามันไม่ใช่แค่การเกิดจากที่เราไม่ได้เจอกันนานแล้วเรามาร่วมโต๊ะสังสรรค์ตามประสาคนทั่วไป แต่เราสนทนากันในเรื่องเฉพาะที่เราต่างคุ้นเคย เชื่อได้เลยว่าคุยกับใครก็ไม่สนุกเท่าคุยกับเพื่อนคนนี้

มันเป็นช่วงเวลาที่ประจวบเหมาะกับวิถีที่ต่างคนต่างพบกับความเบื่อหน่ายในชีวิตประจำวัน ฉันเบื่อกับการนั่งทำงานในออฟฟิศโดยไม่ได้ใช้ทักษะอะไรนอกเหนือจากการทำงานซ้ำซาก จำเจ เธอเบื่อกับการทำงานที่ไม่มีคู่หู เพื่อนร่วมคิด และร่วมทุกข์ร่วมสุขในการทำงาน หากคนไม่คิดอะไรคงว่าฉันบ้า เงินเดือนดี มีงานทำกลับลาออกมาซะงั้น เพราะเสียงที่เรียกร้องอยู่ภายในและดังขึ้นทุกวัน ๆ ทำให้เรามาเจอกัน เพราะเราต่างได้ยินเสียงของกันและกัน

เพราะความเบื่อหน่ายที่ไม่ตรงตามจริตจากภายในตัวเอง ความคิด จิตสำนึก และอุดมการณ์มันถูกกดทับไว้ด้วยอำนาจของความเป็นสาวออฟฟิศภายใต้บริษัทเอกชน ตื่นเช้าขึ้นมาตอกบัตร นั่งหน้าคอมทำรายงานประจำวัน ตกเย็นมาตอกบัตร และหนีไม่พ้นคำซุบซิบนินทาตามวิสัยสาวออฟฟิศที่เป็นกันมาอย่างช้านาน ฉันรู้สึกดูถูกตัวเองเกินกว่าจะยอมรับได้ในวิถีที่เป็น ฉันจำเป็นต้องปลดตัวเองให้หลุดพ้นจากวิถีแบบนี้

ฉันกล้าเดินออกมาหาความสนุกทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันกลับมาสนุกที่จะทำงานอย่างหนัก หามรุ่งหามค่ำ สนุกที่จะคิด รักที่จะเขียน พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ประสบการณ์เดิมทำให้ฉันรู้ว่าวันนี้ฉันเติบโตขึ้น ฉันสนุกมากขึ้น ทำงานด้วยหัวใจที่หิวกระหาย และสำคัญกว่านั้นฉันสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่เกิดขึ้นภายใน

น่าประทับใจในความกล้าของตัวเองที่ทำให้ฉันกลับมามีชีวิตชีวาอีก ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องลับดาบให้คม เพื่อที่จะใช้เป็นอาวุธในการกลับมาโลดแล่นในยุทธจักรอีกครั้ง

“เมื่อได้ยินเสียงเรียกร้อง...เธอจงเดินตามมันไป”


เธอได้ยินเสียงข้างในฉันไหม๊

26 กันยายน 53
บ่ายสองสิบห้านาที



Create Date : 26 กันยายน 2553
Last Update : 26 กันยายน 2553 14:16:24 น. 0 comments
Counter : 620 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Stand by bowky
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ความเหงาคือความรู้สึก
เหมือนมีช่องว่าง
ที่ถมไม่เต็ม
ระหว่างตัวตนภายใน
ของเรา
กับสิ่งที่เราคิดว่า
เป็นตัวตนของคนอื่นๆ
มันไม่ได้ก่อรูปขึ้น
จากความไร้ญาติขาดมิตร
หากเกิดจากการพบปะ
ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
ที่เรารู้สึกแปลกแยก
ทางความรู้สึกนึกคิด
ต่างหาก



เวลาที่คุณอยากบอกใคร
สักคนว่าคุณชอบ
และเกลียดกลัวสิ่งไหน
หรืออยากทำอะไร
ในชีวิต
แล้วเขาไม่เข้าใจ
สิ่งที่คุณพูด
คุณจะอ้างว้างหนาวใจ
ขึ้นมาติดหมัด
ในแง่นี้
การถวิลหาความรัก
ก็คือ
การค้นหาทางออก
จากสถานการณ์ดังกล่าว




เราอยากมีใครสักคน
ที่คอยบอกว่า
ฉันเข้าใจว่า
คุณรู้สึกอย่างไร
ไม่ใช่เพราะ
คุณบอกออกมา
แต่ฉันเอง
ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
กับคุณ

การบรรจบอารมณ์
ความรู้สึกนี่แหละ
ที่ทำให้
เราเรียกเพื่อนสนิท
หรือคนรักว่า"คนรู้ใจ"



คนรู้ใจไม่ต้องรอ
ฟังคำอธิบายอันยืดยาว
ก็เข้าใจทุกอย่าง
ที่คุณอยากจะบอก
เพราะเขาเอง
ก็เคยผ่านประสบการณ์
ทางอารมณ์
แบบเดียวกันมาแล้ว
เมื่อมองจากมุมนี้

เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า
เพราะเหตุใดมิตรภาพ
จึงถือเป็นความรัก
อีกสายพันธุ์หนึ่ง



จากความลับในความรัก
conditions of love
แปลโดย
จีระนันท์ พิตรปรีชา

Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
26 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Stand by bowky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.