ทำงานเพื่องาน..ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน
เคยคิดเล่น ๆ กันไหม๊ว่า ความต้องการของชีวิตที่แท้จริงคืออะไร ... ฉันขอย้ำว่า จริง ๆ เพราะฉันเชื่อเหลือเกินว่า หลายคนรวมถึงฉัน (ในบางครั้งบางเวลา) มักบอกตัวเองว่า อยากมีเงินเยอะ ๆ อยากมีบ้านหลังใหญ่ รถคันโต.. และอะไรอื่น ๆ อีกมากมาย มันอาจจะเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ไปแล้วก็ได้
แต่หากมาพิจารณาไตร่ตรองกันอย่างดิบดี และละเอียดถี่ถ้วน ฉันมักสังเกตเห็นว่า เมื่อไหร่ที่เราคิดถึงเรื่องเงินมาก่อนงาน เราจะไม่มีความสุขกับการทำงานเสมอ เพราะใจมันมัวแต่ไปพะว้าพะวังคิดถึงแต่ว่า งานที่เราทำไปมันคุ้มกับค่าแรงไหม๊ แรงที่เราลงไปมันเพียงพอกับค่าเหนื่อยหรือเปล่า แต่ถ้าหากเอาใจไปคิดถึงงานก่อน สิ่งที่ได้กลับมาเห็นทีจะเป็นความสุขที่เห็นงาน เห็นฝืมือ เห็นความสามารถของตัวเราเองซะมากกว่า
วันนี้ฉันมองเห็นใจตัวเองที่คิดถึงเรื่องเงินมาก่อนงาน...แต่ก็ต้องมานั่งปลอบใจ และเตือนสติตัวเองว่า งานต่างหากเล่าที่ต้องมาก่อน... พยายามระลึกไว้เสมอว่า ทำงานเพื่องาน ไม่ใช่ทำงานเพื่อเงิน จิตใจมันจะได้ผ่อนคลาย และปล่อยวางความโลภ ความอยากได้ อยากมีลงไปได้บ้าง
หลายคนมักพร่ำบ่นกับตัวเองว่า ทำงานแต่ละเดือนเงินไม่พอใช้...เท่าที่ฉันทำงานมาอยู่หลายปี ฉันได้เรียนรู้ว่าไม่ว่าเงินจะมากหรือเงินจะน้อย ถ้าใจเราไม่พอมันก็ไม่เคยพอ เงินเดือนก้อนแรกฉันได้รับเพียงแค่ไม่กี่พันบาท ฉันก็ยังอยู่ได้ ยังใช้ชีวิตได้ แถมยังสามารถแบ่งให้แม่ได้ชื่นใจได้อีกนิดหน่อย หรือการได้รับเงินเดือนครั้งละมาก ๆ เป็นหลักหมื่นก็เคยมาแล้ว แต่สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้ก็คือไม่ว่าจะได้รับมากหรือน้อย ถ้าไม่รู้จักเก็บ ไม่รู้จักประหยัดใจเราก็ยังอยากได้อยากมีอยู่ร่ำไป
ลองคิดดูสิ..ถ้าเธอได้เงินเดือน เดือนละสักสองหมื่น เธอก็อยากเริ่มมีรถ อยากเริ่มผ่อนบ้าน อยากได้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ เครื่องใหม่ อยากออกไปสังสรรค์เฮฮากับเพื่อน อยากออกไปช้อปปิ้ง อยากแต่งตัวสวย ๆ ตามแฟชั่นเก๋ ๆ และอยากโน้นอยากนี่เต็มไปหมด ถ้าลดความอยากเล่านี้ไม่ได้ เงินเดือนจะสักกี่หมื่นกี่แสนก็คงไม่พอหรอกกระมัง
แต่หากเธอมีเงินไม่กี่พันบาท แล้วเธอรู้จักเก็บ รู้จักประหยัด ลดความอยากลง...เงินที่เธอมีก็คงจะเพียงพอสำหรับการยังชีพ ฉันว่าน่าจะมีเหลือสำหรับทำบุญ ทำทานด้วยซ้ำไป..แบบนี้กระมังที่เรียกว่า ได้ไม่เท่ากัน และเหลือไม่เท่ากัน เพราะยิ่งได้มากก็เหลือน้อย ยิ่งได้น้อยก็เหลือมาก.. ของแบบนี้ฉันว่ามันอยู่ที่สติเราดี ๆ นี่เอง
ขอบคุณสติที่ช่วยให้ฉันไม่จมลงอยู่กับความ อยาก...
3 กุมภาพันธ์ 2553 สองทุ่มสี่สิบนาที
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2553 20:41:40 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1141 Pageviews. |
|
|
|
โดย: salanare (salanare ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:01:43 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ความเหงาคือความรู้สึก เหมือนมีช่องว่าง ที่ถมไม่เต็ม ระหว่างตัวตนภายใน ของเรา กับสิ่งที่เราคิดว่า เป็นตัวตนของคนอื่นๆ มันไม่ได้ก่อรูปขึ้น จากความไร้ญาติขาดมิตร หากเกิดจากการพบปะ ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ที่เรารู้สึกแปลกแยก ทางความรู้สึกนึกคิด ต่างหาก
เวลาที่คุณอยากบอกใคร สักคนว่าคุณชอบ และเกลียดกลัวสิ่งไหน หรืออยากทำอะไร ในชีวิต แล้วเขาไม่เข้าใจ สิ่งที่คุณพูด คุณจะอ้างว้างหนาวใจ ขึ้นมาติดหมัด ในแง่นี้ การถวิลหาความรัก ก็คือ การค้นหาทางออก จากสถานการณ์ดังกล่าว
เราอยากมีใครสักคน ที่คอยบอกว่า ฉันเข้าใจว่า คุณรู้สึกอย่างไร ไม่ใช่เพราะ คุณบอกออกมา แต่ฉันเอง ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน กับคุณ
การบรรจบอารมณ์ ความรู้สึกนี่แหละ ที่ทำให้ เราเรียกเพื่อนสนิท หรือคนรักว่า"คนรู้ใจ"
คนรู้ใจไม่ต้องรอ ฟังคำอธิบายอันยืดยาว ก็เข้าใจทุกอย่าง ที่คุณอยากจะบอก เพราะเขาเอง ก็เคยผ่านประสบการณ์ ทางอารมณ์ แบบเดียวกันมาแล้ว เมื่อมองจากมุมนี้
เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า เพราะเหตุใดมิตรภาพ จึงถือเป็นความรัก อีกสายพันธุ์หนึ่ง
จากความลับในความรัก conditions of love แปลโดย จีระนันท์ พิตรปรีชา
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เราเคยพูดประโยคทำนองนี้กับนายจ้างเราด้วย
เราว่าเค้าคงมองว่าเราโง่ หรือปากดี :)
แต่ เราว่ามันมีบางเรืองที่สำคัญกว่า งาน เช่นความสุขในการทำงาน
บางทีเงินก็ไม่ใช่ทุกอย่างเสมอไป
ดีใจจังที่มีคนคิดเหมือนกัน :)