เมื่อถึงคราวต้องเลือก...
ระหว่างสิ่งที่เราอยากเป็น กับสิ่งที่คนอื่นอยากให้เป็น..จะเลือกเป็นอะไร ???
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวฉันอยู่หลายครั้ง หลายวัน.. นั่นสิ ระหว่างสิ่งที่เราอยากทำ อยากเป็น กับสิ่งที่คนอื่นอยากให้เราเป็น เราจะเลือกเป็นอะไร มันช่างเป็นคำถามที่สร้างความหนักอกหนักใจสำหรับคนหัวดื้ออย่างฉันซะเหลือเกิน ถ้าหากว่าฉันอยู่ในวัยรุ่น คงไม่ต้องมานอนเอามือก่ายหน้าผากคิดอยู่นาน เพราะอย่างไรเสีย ฉันก็ต้องเลือกในสิ่งที่ฉันอยากทำ อยากเป็นอยู่แล้ว.. ก็แหม เกิดเป็นคนทั้งทีถ้าไม่กล้าทำในสิ่งที่อยากทำก็ไม่รู้จะเกิดมาทำไม
แต่วันนี้มันไม่ใช่แบบนั้น ฉันเติบโตขึ้น ฉันรู้จักคำว่าหน้าที่ เข้าใจคำว่าการงาน สำนึกในคำว่ารับผิดชอบ นั่นหมายถึงความคาดหวังจากคนรอบข้างของฉันก็มากขึ้นเช่นเดียวกัน ถ้าพิจารณาตามสามัญสำนึก และความรับผิดชอบ แน่นอนว่าฉันต้องเลือกในสิ่งที่คนอื่นอยากให้เป็น... ใช่ ฉันเลือกตามใจคนอื่น... แต่นั่นก็หมายความว่าฉันต้องประสบกับภาวะอึดอัดในตัวเองอยู่ไม่น้อย
หลายครั้งที่ก้มหน้าก้มตาทำงานตามใจคนอื่น..นอกจากภาวะอึดอัดที่ฉันต้องพยายามละ และวางมันลง ฉันยังต้องเจอกับเสียงบ่นในใจของตัวเองอยู่เสมอ กูทำอะไรอยู่วะ..กูทำทำไมวะ หลายครั้งที่ได้ยินเสียงบ่นแบบนี้ ฉันมักจะวางปากกา ละสายตาจากเอกสารที่มีตัวเลขอยู่เต็มหน้ากระดาษ เดินออกไปข้างนอก หลบเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ สอง สาม ที แล้วเดินกลับเข้ามาใหม่ นั่งบนโต๊ะทำงานที่เดิม เหลือบตามองหน้าพี่สาว แล้วถึงจะมีเรี่ยวมีแรงก้มหน้าก้มตาทำงานราวกับมนุษย์หุ่นยนต์ต่อไป
แน่นอนว่าการทำงานกับตัวเลข การคุยกับลูกค้า การทำงานเอกสารหลาย ๆ แฟ้มในเวลาเดียวกัน มันไม่ถนัดกับคนสันดานอย่างฉัน.. เวลาที่ฉันมักดื่มด่ำกับการเขียนหนังสือพร้อมกับสูดกลิ่นไอของกาแฟในช่วงค่ำคืนหายไปอย่างฉับพลัน เสียงของผู้ประกาศข่าวที่เคยคุ้นหูในยามเช้าหายไปจากชีวิต เวลาที่จะมาเริงร่าอยู่ในร้านหนังสือ หรือนั่งในร้านกาแฟ เพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือ มันคงเกิดขึ้นไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน.. สิ่งเหล่านี้กลายเป็นความสนุกและความไร้สาระที่ถูกใครหลาย ๆ คนกล่าวหา แต่หารู้ไม่ว่านี่แหละคือ..จิตวิญญาณของฉันเลยทีเดียว
ที่นี่..ที่แห่งนี้กลายเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ที่ทำให้ฉันได้ขีดเขียนความคิด ขีดเขียนความรู้สึก พึ่งสังเกตในวินาทีนี้เองว่า ขณะที่นิ้วแต่ละนิ้วได้สัมผัสบนแป้นคีย์บอร์ด แค่จิ้มให้เป็นคำที่ตรงกับเสียงของหัวใจที่ได้ยิน ไม่ต้องกลัวถูกหรือผิด ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาตำหนิ มันช่างวิเศษ และมีความสุขซะจริง นี่แหละมั้งที่เรามักเรียกกันว่า การปลดปล่อย
แม้วันนี้ฉันจะเลือกในแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น แต่นั่นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยสำนึก ความผูกพัน และความรับผิดชอบ แม้ว่าใครหลาย ๆ คนไม่เห็นด้วย และไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันทำ แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันคือการตัดสินใจด้วยเกียรติของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง
22 กันยายน 2552 ตีหนึ่งสองนาที
Create Date : 22 กันยายน 2552 |
Last Update : 22 กันยายน 2552 1:02:23 น. |
|
2 comments
|
Counter : 728 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Tukta21 วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:1:33:37 น. |
|
|
|
โดย: Fernundo Torres IP: 114.128.136.33 วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:22:18:35 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ความเหงาคือความรู้สึก เหมือนมีช่องว่าง ที่ถมไม่เต็ม ระหว่างตัวตนภายใน ของเรา กับสิ่งที่เราคิดว่า เป็นตัวตนของคนอื่นๆ มันไม่ได้ก่อรูปขึ้น จากความไร้ญาติขาดมิตร หากเกิดจากการพบปะ ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ที่เรารู้สึกแปลกแยก ทางความรู้สึกนึกคิด ต่างหาก
เวลาที่คุณอยากบอกใคร สักคนว่าคุณชอบ และเกลียดกลัวสิ่งไหน หรืออยากทำอะไร ในชีวิต แล้วเขาไม่เข้าใจ สิ่งที่คุณพูด คุณจะอ้างว้างหนาวใจ ขึ้นมาติดหมัด ในแง่นี้ การถวิลหาความรัก ก็คือ การค้นหาทางออก จากสถานการณ์ดังกล่าว
เราอยากมีใครสักคน ที่คอยบอกว่า ฉันเข้าใจว่า คุณรู้สึกอย่างไร ไม่ใช่เพราะ คุณบอกออกมา แต่ฉันเอง ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน กับคุณ
การบรรจบอารมณ์ ความรู้สึกนี่แหละ ที่ทำให้ เราเรียกเพื่อนสนิท หรือคนรักว่า"คนรู้ใจ"
คนรู้ใจไม่ต้องรอ ฟังคำอธิบายอันยืดยาว ก็เข้าใจทุกอย่าง ที่คุณอยากจะบอก เพราะเขาเอง ก็เคยผ่านประสบการณ์ ทางอารมณ์ แบบเดียวกันมาแล้ว เมื่อมองจากมุมนี้
เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า เพราะเหตุใดมิตรภาพ จึงถือเป็นความรัก อีกสายพันธุ์หนึ่ง
จากความลับในความรัก conditions of love แปลโดย จีระนันท์ พิตรปรีชา
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|