เหยื่อทางความรู้สึก





เคยคิดกันบ้างไหมว่า
วัน ๆ หนึ่งเรามักตกเป็นเหยื่อของความรู้สึกเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
คงต้องตีความคำนี้กันสักหน่อยก่อน
สำหรับฉันการตกเป็นเหยื่อ
คือการที่เรายอมจำนนต่ออะไรสักอย่างโดยรู้ตัวหรือไม่ตัว
และมันไม่ใช่เกิดจากการกระทำของคนอื่นอย่างเดี๋ยว
แต่ฉันกำลังหมายถึงบางครั้งเราก็กำลังตกเป็นเหยื่อ
ด้วยตัวเราเองเหมือนกัน

เอาง่าย ๆ เคยเป็นไหมที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหงา
และต้องการหาใครสักคนเพื่อคุย
ไม่ว่าจะทางโทรศัพท์ หรือทางใดทางหนึ่ง
อีกฝ่ายหนึ่งกลายเป็นเหยื่อโดยดุษฎี
แต่เราเองก็ตกเป็นเหยื่อของความเหงานั้นเช่นเดียวกัน
เมื่อการสนทนาสิ้นสุดลงความเหงาเบาบางลงไปบ้าง
แต่มันก็ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
แล้วอีกประเดี๋ยวมันก็กลับมาอีก
แม้แต่ขณะที่รู้ตัวว่ากำลังเหงา
เราก็ยอมจำนนต่อการกระทำอะไรสักอย่าง
เพื่อให้ความเหงานั้นจางหายไป
บางคนอาจจะหาทางออกเพื่อคลายความเหงาด้วยวิธีอื่น
เช่น หาหนังสืออ่าน หาหนังดู เดินช้อปปิ้ง
แต่เมื่อกิจกรรมนั้น ๆ จบสิ้นลง
แล้วมันก็กลับมาเป็นวัฎจักรเดิมอีก

ฉันเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าการตกเป็นเหยื่อ
แล้วเราจะหลุดพ้นความรู้สึกแบบนี้ได้อย่างไร?
นั่นเป็นคำถามที่น่าคิด น่าตอบ และน่ากระทำ
ฉันไม่รู้ใครคิดยังไง
แต่สำหรับฉันแล้วอันดับแรกการสังเกตความรู้สึกตัวเอง
เป็นสิ่งที่ควรทำมากที่สุด
แค่เริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่า
“ตอนนี้กำลังรู้สึกอะไร”
บางทีอยู่ดี ๆ มันก็ไม่อยากคุยกับใครขึ้นมา
บางทีอยู่ดี ๆ ก็พูดเรื่องสังคมการเมืองประวัติศาสตร์ได้เป็นฉากๆ
แต่อารมณ์ที่ไม่อยากคุยกับใคร
หรือแม้แต่ไม่มีใครคุยด้วย
มันทำให้เรามีเวลาตั้งคำถามกับตัวเองมากขึ้น

คำตอบของความรู้สึกมักมีไม่กี่คำตอบ
เหงา เศร้า เบื่อ เซ็ง คิดไม่ออกไม่อยากทำอะไร
นี่คือความรู้สึกเมื่อรู้ว่าตัวเองรู้สึกอะไรแล้ว
ก็มักค้นหาคำตอบลงไปอีกว่าทำไมมันถึงเกิด
สำหรับคำตอบของฉันแล้ว
บางทีมันก็แค่คำสั้นๆ
หรือบางทีมันก็ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำ
เป็นประโยคได้
แต่มันออกมาเป็นภาพในหัว
ซึ่งทุกคำตอบไม่จำเป็นต้องเป็นคำที่สวยหรู
ฟังดูดี หรือมีเหตุผล
แต่สิ่งสำคัญคือความซื่อสัตย์และความจริงใจ
ต่อตัวเองก็เท่านั้น
เพราะไม่มีใครมาตัดสินคำตอบของเราว่าดูดี
มีเหตุผล หรืองี่เง่าไร้สาระ
มีแต่เราเท่านั้นที่ต้องตอบตัวเองและเข้าใจตัวเอง

ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะทุกข์ สุข เศร้า เหงา หรืออะไรก็แล้วแต่
ฉันคิดว่าเราอาจไม่ต้องจัดการทำอะไรกับมันเลย
หรือไม่ต้องหางานเพิ่มให้ตัวเองทำ
เพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ นั่งเฉย ๆ และซื่อสัตย์กับตัวเอง
อย่างบริสุทธิ์ใจเท่านั้นเป็นพอ

จำได้ว่าคำของทาไล ลามะ บอกไว้ว่า
ในหนึ่งวันควรมีเวลาเงียบ ๆ อยู่กับตัวเอง
และนี่แหละคือการสำรวจความรู้สึก
ที่ไม่ทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อ

10 กรกฎาคม 2551
ตีหนึ่งสิบหกนาที




Create Date : 10 กรกฎาคม 2551
Last Update : 12 สิงหาคม 2551 0:06:12 น. 8 comments
Counter : 750 Pageviews.

 
ทุกคนไม่เป็นเหยื่อ โลกนี้คงหยุดนิ่ง

ทุกสิ่งมีรุก-รับ ถอยหลังเพื่อกระโจนไปข้างหน้า เลี้ยวกลับเมื่อทางตัน ออกข้างเมื่อมีสิ่งขวาง

หวังแต่ได้เอาเปรียบกันเกินไป

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น


โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:7:38:57 น.  

 
ทุกคนไม่เป็นเหยื่อ โลกนี้คงหยุดนิ่ง

ทุกสิ่งมีรุก-รับ ถอยหลังเพื่อกระโจนไปข้างหน้า เลี้ยวกลับเมื่อทางตัน ออกข้างเมื่อมีสิ่งขวาง

หวังแต่ได้เอาเปรียบกันเกินไป

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น


โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:7:42:11 น.  

 
เหยื่อทางความรู้สึก ก็เป็นบ้างบางครั้ง
แค่คิดแต่ไม่ถึงกับลุกขึ้นมาสนองตอบ
ทุกครั้ง เช่น อยากไปเดินตลาดนัดจัง
แต่บางทีก็ขี้เยจเกินกว่าความอยากก็
เลยไม่ได้ไป ผลที่ตามมา ก็ ไม่ต้องเสียตังค์


โดย: แมงหวี่ (แมงหวี่@93 ) วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:40:12 น.  

 

เหงา” “เศร้า” “เบื่อ” “เซ็ง” “คิดไม่ออก” “ไม่อยากทำอะไร” ....
|
|
เป็นบ่อยเหมือนกัน แต่พอรู้สึกตัว ก้อคิดได้ว่า...

เอ....เรามีอะไรที่ต้องอีกเยอะ แล้วจะมานั่งเบือ่ทำซากอะไรเนี่ย ทำไมไม่ไปทำอ่ะ ..........





โดย: มาเฟียหัวใจง้องแง้ง วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:27:52 น.  

 
บ่อยนะ กับความรู้สึกแบบนี้

อ่านหนังสือแก้เซงดีฟ่า ...

ไม่งั้นก็มาเอาฉ้านไปเปงเหยื่อแกอีกคน ดีปะ อิอิ

เมื่อวานนี้แกงอ่อมปลาดุกอร่อยมาก ขอบใจนะแต่ว่าเหนื่อยมากไปหน่อยเลยเดินเล่นกะแกได้ไม่นานขอโทษนะ ...



โดย: พีช IP: 124.121.108.210 วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:46:44 น.  

 
เหยื่อทางความรู้สึก ชื่อเรื่องเหมือนกับกำลังจะเริ่มต้นอ่านข่าวสักเรื่อง แต่เหยื่อทางความรู้สึกแบบพี่โบว์มันมาจากความเหงานั่นเอง ใครๆก็เป็นกันบ่อยๆและก็มีวิธีปลดปล่อยกันคนละแบบ แบบของพิมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเหงาได้หรือเปล่า แล้วใอ้ความเหงาเนี่ยมันรู้สึกแบบไหนนะ ลืมไปแล้ว ฮ่าๆเพราะวันๆเจอเพื่อนได้คุย ได้หัวเราะมันก็ไม่เหงาแล้ว อาจจะโชคดีก็ได้นะที่มีเพื่อนอารมณ์ดี แปลง่ายๆติ้งต๊องนั่นแหละ เอิ๊ก สรุปก็คือยิ้มเข้าไว้ หัวเราะให้ดังดัง ความเหงาคงไม่อยากจะรู้จักเราแล้วแหละมั้ง ....บะบายก่อนนะ อย่าทำงานจนดึกดื่นนักนะจ๊ะ เป็นห่วงสุขภาพบ้างเดี๋ยวจาไม่มีแรงหาเงิน คริคริ


โดย: พิม IP: 117.47.154.38 วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:3:05:16 น.  

 

พี่อุ้มไม่เคยตกเป็นเหยื่อความรู้สึกเลยน้องโบ
แวะมาทักทายด้วยความคิดถึงจ๊ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 11 สิงหาคม 2551 เวลา:20:39:46 น.  

 
คิดถึงแกว่ะ .. สุขสันต์วันแม่นะเพื่อน



โดย: peet IP: 124.121.111.188 วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:14:26:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Stand by bowky
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]







ความเหงาคือความรู้สึก
เหมือนมีช่องว่าง
ที่ถมไม่เต็ม
ระหว่างตัวตนภายใน
ของเรา
กับสิ่งที่เราคิดว่า
เป็นตัวตนของคนอื่นๆ
มันไม่ได้ก่อรูปขึ้น
จากความไร้ญาติขาดมิตร
หากเกิดจากการพบปะ
ปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
ที่เรารู้สึกแปลกแยก
ทางความรู้สึกนึกคิด
ต่างหาก



เวลาที่คุณอยากบอกใคร
สักคนว่าคุณชอบ
และเกลียดกลัวสิ่งไหน
หรืออยากทำอะไร
ในชีวิต
แล้วเขาไม่เข้าใจ
สิ่งที่คุณพูด
คุณจะอ้างว้างหนาวใจ
ขึ้นมาติดหมัด
ในแง่นี้
การถวิลหาความรัก
ก็คือ
การค้นหาทางออก
จากสถานการณ์ดังกล่าว




เราอยากมีใครสักคน
ที่คอยบอกว่า
ฉันเข้าใจว่า
คุณรู้สึกอย่างไร
ไม่ใช่เพราะ
คุณบอกออกมา
แต่ฉันเอง
ก็รู้สึกอย่างเดียวกัน
กับคุณ

การบรรจบอารมณ์
ความรู้สึกนี่แหละ
ที่ทำให้
เราเรียกเพื่อนสนิท
หรือคนรักว่า"คนรู้ใจ"



คนรู้ใจไม่ต้องรอ
ฟังคำอธิบายอันยืดยาว
ก็เข้าใจทุกอย่าง
ที่คุณอยากจะบอก
เพราะเขาเอง
ก็เคยผ่านประสบการณ์
ทางอารมณ์
แบบเดียวกันมาแล้ว
เมื่อมองจากมุมนี้

เราก็เข้าใจได้ทันทีว่า
เพราะเหตุใดมิตรภาพ
จึงถือเป็นความรัก
อีกสายพันธุ์หนึ่ง



จากความลับในความรัก
conditions of love
แปลโดย
จีระนันท์ พิตรปรีชา

Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
10 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Stand by bowky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.