สำนวนไทยใครว่าไม่ทันสมัย
ผมชอบสำนวนหรือคำพังเพยของไทย สะท้อนความเป็นอยู่ของชุมชน มีเรื่องราวมากมายแฝงอยู่ในนั้น มีทั้งเตือนสติ แนะนำการทำมาหากิน การเอาตัวรอด บ้างกระแนะกระแหน อิจฉาตาร้อน หรือวิจารณ์เป็นกลางๆ
ผมสนใจอยู่ 2 กลุ่ม คือ
กลุ่มแรก เอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง มีมากจนจำไม่หวาดไม่ไหว ขอเอ่ยถึงเท่าที่นึกออก เช่น
ทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้ รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี น้ำขึ้นให้รีบตัก มือใครยาวสาวได้สาวเอา กินตามน้ำ กินนอกกินใน เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ไม่ได้ด้วยเล่ห์ เอาด้วยกล รีดเลือดเอากับปู รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง กลมเป็นลูกมะนาว กินบนเรือนขี้บนหลังคา ได้ทีขี่แพะไล่ ทำนาบนหลังคน ปลาใหญ่กินปลาเล็ก .....
กลุ่มหลัง สำนวนที่สื่อถึงการมีจิตสาธารณะหรือทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่ค่อยมี พบสำนวนเดียว คือ ปิดทองหลังพระ
หรือสำนวนที่ใกล้เคียง แต่ไม่ชัดเจน เช่น
น้ำพึ่งเรือเสื้อพึ่งป่า ใจเขาใจเรา แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร อกเขาอกเรา อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา
ได้ภาพสองภาพที่อยู่คนละขั้ว ขั้วหนึ่งออกไปทางปลิ้นปล้อน ละโมบโลภมาก อีกขั้วหนึ่งเสียสละ เพื่อส่วนรวม ไม่ต้องการชื่อเสียง
บางสำนวนก็ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับการกระทำอย่างนั้น โดยไม่สนใจว่าจะส่งผลกระทบกับคนอื่นอย่างไร เช่น มือใครยาวสาวได้สาวเอา
น่าแปลกว่าสำนวนที่อธิบายคนดีนั้น ออกจะจืดๆ ชืดๆ ไม่มีรสชาติ แต่ยังพอมีสำนวนที่ให้กำลังใจอยู่บ้าง นั่นคือ "คนดีย่อมตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้"
การที่คนโบราณไม่ค่อยมีคำพูดเกี่ยวกับคนดี หรืออาจจะมีอยู่แต่ไม่ติดหูติดตา น่าจะมีเหตุผลอยู่บ้าง ความดีนั้นหากใครหลงมากก็จะมองคนอื่นไม่ดีไปหมด คนดีประเภทนี้สร้างความวุ่นวายให้สังคมได้มากเหมือนกัน
แต่ถ้าทั้งดีและไม่ดีในคนคนเดียวกันแบบสุดๆ อย่างผู้นำอยู่ในตำแหน่ง 20-30 ปี เคยทำประโยชน์ให้บ้านเมืองมากมายแต่ต้องลงจากอำนาจด้วยต้านทานพลังประชาชนไม่ไหว ซึ่งนับจากนี้จะมีอีกหลายราย จะนิยามเขาเป็นคนประเภทไหนดี หรือว่าพวก "ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน" มาพบจุดจบเพราะ "โลภมาก ลาภหาย"
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2554 |
|
6 comments |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2554 20:02:02 น. |
Counter : 3780 Pageviews. |
|
|
|
ปิดทองหลังพระ
มอร์นิ่งนะคะ