Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
16 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 

สำนวนไทยใครว่าไม่ทันสมัย

ผมชอบสำนวนหรือคำพังเพยของไทย สะท้อนความเป็นอยู่ของชุมชน มีเรื่องราวมากมายแฝงอยู่ในนั้น มีทั้งเตือนสติ แนะนำการทำมาหากิน การเอาตัวรอด บ้างกระแนะกระแหน อิจฉาตาร้อน หรือวิจารณ์เป็นกลางๆ

ผมสนใจอยู่ 2 กลุ่ม คือ

กลุ่มแรก เอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง มีมากจนจำไม่หวาดไม่ไหว ขอเอ่ยถึงเท่าที่นึกออก เช่น

ทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี
น้ำขึ้นให้รีบตัก
มือใครยาวสาวได้สาวเอา
กินตามน้ำ
กินนอกกินใน
เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
ไม่ได้ด้วยเล่ห์ เอาด้วยกล
รีดเลือดเอากับปู
รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง
กลมเป็นลูกมะนาว
กินบนเรือนขี้บนหลังคา
ได้ทีขี่แพะไล่
ทำนาบนหลังคน
ปลาใหญ่กินปลาเล็ก
.....

กลุ่มหลัง สำนวนที่สื่อถึงการมีจิตสาธารณะหรือทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่ค่อยมี พบสำนวนเดียว คือ

ปิดทองหลังพระ

หรือสำนวนที่ใกล้เคียง แต่ไม่ชัดเจน เช่น

น้ำพึ่งเรือเสื้อพึ่งป่า
ใจเขาใจเรา
แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร
อกเขาอกเรา
อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา

ได้ภาพสองภาพที่อยู่คนละขั้ว ขั้วหนึ่งออกไปทางปลิ้นปล้อน ละโมบโลภมาก อีกขั้วหนึ่งเสียสละ เพื่อส่วนรวม ไม่ต้องการชื่อเสียง

บางสำนวนก็ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับการกระทำอย่างนั้น โดยไม่สนใจว่าจะส่งผลกระทบกับคนอื่นอย่างไร เช่น มือใครยาวสาวได้สาวเอา

น่าแปลกว่าสำนวนที่อธิบายคนดีนั้น ออกจะจืดๆ ชืดๆ ไม่มีรสชาติ แต่ยังพอมีสำนวนที่ให้กำลังใจอยู่บ้าง นั่นคือ "คนดีย่อมตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้"

การที่คนโบราณไม่ค่อยมีคำพูดเกี่ยวกับคนดี หรืออาจจะมีอยู่แต่ไม่ติดหูติดตา น่าจะมีเหตุผลอยู่บ้าง ความดีนั้นหากใครหลงมากก็จะมองคนอื่นไม่ดีไปหมด คนดีประเภทนี้สร้างความวุ่นวายให้สังคมได้มากเหมือนกัน

แต่ถ้าทั้งดีและไม่ดีในคนคนเดียวกันแบบสุดๆ อย่างผู้นำอยู่ในตำแหน่ง 20-30 ปี เคยทำประโยชน์ให้บ้านเมืองมากมายแต่ต้องลงจากอำนาจด้วยต้านทานพลังประชาชนไม่ไหว ซึ่งนับจากนี้จะมีอีกหลายราย จะนิยามเขาเป็นคนประเภทไหนดี หรือว่าพวก "ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน" มาพบจุดจบเพราะ "โลภมาก ลาภหาย"




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2554
6 comments
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2554 20:02:02 น.
Counter : 3780 Pageviews.

 


อุ้มชอบที่สุดเลยสำนานไทยที่ว่า
ปิดทองหลังพระ
มอร์นิ่งนะคะ

 

โดย: อุ้มสี 16 กุมภาพันธ์ 2554 8:02:27 น.  

 

สำหรับการเมืองยังมีอีกครับคุณ im ตือ เจ้านายว่าขี้ข้าพลอย , พวกมากลากไป , ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด , ตาบอดคลำช้าง , แรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน (อันนี้การเมืองก็ได้-ชีวิตครอบครัวก็ได้) ความรักทำให้คนตาบอด , ไก่ได้พลอย, ลิงได้แก้ว, แกงจืดจึงรู้คุณเกลือ, วัวสันหลังหวะ, ลิ้นกระดาษทราย-น้ำลายแชลแลก , หมูไปไก่มา, ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ฯลฯ

เข้าการเมืองไดทั้งเพ

แต่สำหรับผมใช้พุทธภาษิตของพระพุทธเจ้า กัมมุนา วัตตะติ โลโก ฮ่า ๆ ๆ

 

โดย: pantamuang 16 กุมภาพันธ์ 2554 8:30:33 น.  

 

มีหน้าด้านหน้าทน ... เป็นสุภาษิตไหมคะคุณอิม

ยกยอปอปั้น


ถ้าเพื่อน ๆ รู้ว่ามีคนชมว่าหน้าอ่อน สงสัยเลี้ยงใหญ่ค่ะคุณอิม

 

โดย: tuk-tuk@korat 16 กุมภาพันธ์ 2554 16:57:27 น.  

 


มาเยี่ยมชม มาทักทาย (อันนี้เป็นประโยคทักทายของผม ไม่ใช่สำนวนไทยนะครับ)

มาอ่านเรื่องราวในบล็อกนี้แล้วก็ได้ประโยชน์ดีครับ จริง ๆ แล้วสำนวนไทยของเราก็ทันสมัยดีนะครับ ตามตัวอย่างที่ยกมาให้เนื้อนี้ทั้งหมด ซึ่งผมเห็นด้วยครับ

แต่ว่าช่วงนี้ผมมักติดสำนวนไทยโบราณอยู่ประโยคหนึ่งที่ว่า ...

"รักนะ ... จุ๊บ ๆ" (ใช่สำนวนไทยโบราณเหรอเนี่ย?)

ซึ่งผมมักจะเอาไว้พูดกับสาว ๆ แบบประจำครับ

อิอิ

 

โดย: อาคุงกล่อง 16 กุมภาพันธ์ 2554 23:17:10 น.  

 



ที่แม่หมูชอบคือ ใจเขาใจเราค่ะ

ฝันดีนะคะ

 

โดย: jamaica 16 กุมภาพันธ์ 2554 23:22:42 น.  

 

คุณIMน่าจะรวบรวมสำนวนที่ความหมายตรงกันข้ามก็ดีนะคะ อย่าง "น้ำขึั้นให้รีบตัก" กับ "ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม" คิดว่ามีอยู่เยอะเหมือนกันค่ะ

 

โดย: haiku 17 กุมภาพันธ์ 2554 23:11:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.