happy memories
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2560
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 ตุลาคม 2560
 
All Blogs
 
ถนนสายนี้มีตะพาบ โจทย์ที่ ๑๘๙…ธ สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์




ภาพจากสถานีโทรทัศน์ TNEWS


ภาพมุมสูงพระเมรุมาศ และ การซักซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ






กราบพระโกศ


ทุกคราครั้งศิโรราบกราบพระรูป
แม้วูบวาบสั่นไหวแต่ใจอุ่น
แววพระเนตรเมตตาและการุณย์
พระแผ่บุญล้ำค่ายิ่งกว่าใคร

ทั้งเจ็ดสิบวรรษาพระมาโปรด
เพื่อประโยชน์มหาชนคนส่วนใหญ่
ทรงนำชาติวัฒนาก้าวหน้าไกล
ประชาไทยล้วนทั้งนั้นได้มั่นคง

พระทรงครองแผ่นดินโดยธรรมแท้
พระอวยแผ่ พระริเร่ิม พระเสริมส่ง
"เศรษฐกิจพอเพียงไ ที่เที่ยงตรง
คือศูยน์รวมเจตจำนงคือทางนำ

คือแก่นธรรมสูงสุดพระทรงตรัส
เพื่อนำไทยพ้นวิบัติจากทางต่ำ
จากทางทุนทางตายไร้ศีลธรรม
ตรงตามทางตามคำพระศาสดา

คือศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คือแนวคิดก่องสกาวสูงล้ำค่า
คือประโยชน์สูงสุดจุติมา
คือทางนำแห่งมหาชนประชาไทย

องค์ภูมิพลฯ พระทูลกระหม่อมแก้ว
พระนิวัติสวรรค์แล้วอย่างยิ่งใหญ่
กลางน้ำตาท่วมตากว่าครั้งใด
กลางเสียงหวนโหยไห้แห่งมวลประชา

ลูกไทยถ้วนทั้งนั้น ณ วันนี้
จะจงรักภักดีพระเจ้าข้า
จะก้าวตามรอยพระบาททรงยาตรา
จะเทิดค่าทางธรรมพระนำทาง

กราบพระโกศพระทูลกระหม่อมแก้ว
พระผู้ทรงเลิศแล้วเกินคำอ้าง
ประโยชน์สุขอันพระองค์ทรงจัดวาง
จักรางชางคู่ไทยไปนิรันดร์ฯ


ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น หาที่สุดไม่ได้
ข้าพระพุทธเจ้า นายสถาพร ศรีสัจจัง
จากหนังสือ "ศิลปวัฒนธรรม" ปีที่ ๓๘ ฉบับที่ ๑๒








เวลาผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน ไม่ทันไรก็ผ่านวันที่คนไทยสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเกินหนึ่งปีหนึ่งแล้ว และเวลาที่ไม่อยากให้มาถึงเลยคือวันนี้...วันถวายพระเพลิงพระบรมศพ...วันที่น้ำตาไหลท่วมประเทศอีกครั้ง...

คงอีกยาวนาน และอาจยาวไกลไปชั่วชีวิต กว่าที่ความเศร้าลึกล้ำนี้จะคลายจากหัวใจพสกนิกร ถึงจะผ่านไปเป็นปีแล้ว แต่หลายคนคงเป็นเหมือนเราที่น้ำตาก็ยังไหลทุกครั้่งที่คิดถึงและได้เห็นอะไรที่เกี่ยวกับพระองค์ท่าน รู้สึกทั้งเสียใจและเสียดายเหลือเกิน...

แต่อีกใจก็คิดว่า พระองค์ท่านต้องทรงทรมานพระวรกายกับอาการพระประชวรและพระราชภารกิจที่หนักมานานเกินไป ถึงเวลาที่จะได้ทรงพักผ่อนแล้ว และหากดวงพระวิญญาณของพระองค์จะทรงรับรู้ได้ ก็คงไม่มีพระราชประสงค์ให้คนไทยจมอยู่กับความเศร้าโศกแต่อย่างเดียว

คนในชาติต้องน้อมนำและร่วมกับสืบทอดสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำมาตลอดพระชนม์ชีพ มาเป็นเครื่องนำทางชีวิต มุ่งมั่นทำความดีอย่างเต็มกำลัง เดินตามรอยสิ่งที่ทรงสอนและสร้างแนวทางไว้ เมื่อพระองค์ทรงทอดพระเนตรลงมาจากบนฟ้า จะได้มีความสุขที่เห็นพสกนิกรของพระองค์เป็นคนดี สร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ และสานต่อตามพระราชปณิธานของพระองค์

เมื่อสองวันก่อนได้ชมคลิปภาพการซ้อมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เป็นภาพมุมสูงจาก Drone ที่ได้รับอนุญาตแล้วจาก กอร.พระราชพิธีฯ พระเมรุมาศมีความยิ่งใหญ่ สง่างาม สมพระเกียรติเป็นที่สุด ขออนุญาตนำภาพในคลิปมาลงไว้ในบล็อก และขอขอบคุณผู้ที่ทำคลิปนี้มาก ๆ ค่ะ


พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย
ธ สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์
น้อมศิระกราน กราบแทบพระยุคลบาท
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า บล็อกเกอร์ไฮกุ และครอบครัว


Sprinkles of grievous rain
Touch the tears in my heart
Distant clinks of wind chimes
In the approaching twilight
Breathe the soundless sob.

สายฝนแสนเศร้าโปรยปราย
กระเซ็นต้องน้ำตาในหัวใจฉัน
กระดิ่งลมดังแว่วมาแต่ไกล
ในยามอาทิตย์ใกล้อัศดง
กระซิบเสียงสะอื้นอันไร้เสียง.

haiku










































































































































ภาพจากคลิป สมพระเกียรติ "พระเมรุมาศ" ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ



และอีกสี่ภาพที่แคปไว้ตอนดูถ่ายทอดสดพระราชพิธี






















เสด็จสู่ฟากฟ้าสุราลัย



อยากบอกว่า ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐

คือการส่งเสด็จ "องค์สมมุติเทพ" พระผู้พ่อของแผ่นดินนิรันดร์ ทรงพระนามว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช"

เสด็จกลับสู่เขาพระสุเมรุ

หลังจากจุติลงมาบำเพ็ญทศบารมีในโลกมนุษย์ เป็นเวลา ๘๙ ปี

ณ กาลนี้...

ด้วยทศบารมีสู่ความเป็น "พระโพธิสัตว์" ทรงพากเพียรสมบูรณ์แล้ว

"พระผู้พ่อของแผ่นดิน" เสด็จคืนสู่สวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว

ก็จงใคร่ครวญกันตามชอบ โดยนัยนี้เถิด

เมื่อใคร่ครวญ เรา-ปวงพสกนิกรย่อมเข้าใจ ว่าการสวรรคตของพ่อนั้น

มิใช่ในความหมาย "ตาย"

หากแต่ พ่อคือองค์เทพ จุติลงมาจากเขาพระสุเมรุ เพื่อครองแผ่นดินยังสุขแก่ประชาชนชาวสยามให้สมบูรณ์ด้วยทศพิธราชธรรม

ถึงกาลอันควร พ่อก็เสด็จกลับ

การสวรรคตของพ่อ คือการเสด็จกลับ และทรงคงอยู่ ณ เขาพระสุเมรุ มิใช่ในความหมาย "ตาย" ในคติพื้นฐานที่เข้าใจกันทั่วไป

เมื่อเข้าใจตามนัยนี้ ความอาลัยถึงพ่อ พึงแสดงเถิด

แต่ความเศร้าโศกเสียใจนั้น มวลพสกทั้งหลาย พึงเก็บกลั้นไว้แต่ในความรู้สึกเถิด

เขาพระสุเมรุ ที่พ่อเสด็จคืนสู่นั้น คือสถานที่เช่นใด?

หลายท่าน ทราบ หลายท่าน อาจยังไม่ทราบ แต่เมื่อทราบ ความสว่างจะมาแทนความมะลำเมลือง

คงได้ยินชื่อ "ไตรภูมิพระร่วง" กันแล้วกระมัง?

"ไตรภูมิ" หมายถึง ภพภูมิ ๓ "กามภูมิ-รูปภูมิ-อรูปภูมิ"

ในจักรวาล ประกอบด้วยภพภูมิทั้ง ๓ นี้

พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พญาลิไท) พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัย

ทรงนิพนธ์ "ไตรภูมิพระร่วง" อิงคติพราหมณ์และพุทธปรัชญาไว้ เมื่อ ๖๗๒ ปี ที่ผ่าน

จักรวาลนี้ มี "เขาพระสุเมรุ" เป็นแกนกลาง

เขาพระสุเมรุตั้งอยู่เหนือน้ำ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ ภูเขา ๓ ลูกรองรับ เป็นส่วนฐาน

มี ๗ ทิวเขา ที่เรียก "สัตบริภัณฑ์คีรี" ประกอบด้วย "ยุคนธร-กรวิก-อิสินธร-สุทัศนะ-เนมินธร-วินตกะ-อัสกัณ" ล้อมรอบเป็นวงกลม ลดหลั่นเป็นชั้น ๆ

มีเทวดาจาตุมหาราชิกาและบริวารสถิตอยู่

ภายในจักรวาล มีภูเขาหิมวาหรือหิมาลัย เป็นเทือกเขายาวติดกันเป็นพืด เรียกว่าเขาจักรวาล

ตามทิว-เทือกสัตบริภัณฑ์ เป็นดินแดนสวรรค์ชั้นฟ้าของเหล่าทวยเทพ วิมานท้าวจตุโลกบาล ยักษ์ ครุฑ นาค อสูร

และป่าหิมพานต์ ที่อยู่ของ คนธรรพ์ วิทยาธร กินนร รวมทั้งสัตว์หิมพานต์ รูปร่างต่างๆ นานา

ในป่าหิมพานต์นั้น มีสระน้ำ ๗ สระ มีสระอโนดาต เป็นศูนย์กลาง

อย่างที่เห็นรายรอบ "พระเมรุมาศ" ณ ท้องสนามหลวง หรือทุ่งพระเมรุเวลานี้ นั่นแหละ

ระหว่างสัตบริภัณฑ์คีรี ทั้ง ๗ นั้น...

มี "มหานทีสีทันดร" กั้น โดยถัดจากทิวเขาอัสกัณ ซึ่งสูงน้อยที่สุด จะเป็นโลกสมุทร คือทะเล

ในจักรวาล มี ๔ ทวีป ตามทิศทั้ง ๔ ของเขาพระสุเมรุ

และทั้งหมดนี้...

ล้อมรอบด้วยเขาจักรวาลหรือกำแพงจักรวาล มีพระอาทิตย์และพระจันทร์ โคจรอยู่รอบเขาพระสุเมรุ

"ชมพูทวีป" อยู่ทางทิศใต้ของเขาพระสเมรุ

นี้แหละเป็นส่วน "โลกมนุษย์" ที่ทุกชาติ-ทุกภาษาอาศัยอยู่ ดังทุกวันนี้

นี่คือ "ผังจักรวาล" ซึ่งมี "เขาพระสุเมรุ" เป็นแกน ตามนัยแห่งไตรภูมิ

หมายถึงเขาพระสุเมรุ เป็นศูนย์กลางภูมิทั้ง ๓ อันเหล่าทวยเทพทั้งหลาย ประทับเรียงรายอยู่

และยอดเขาพระสุเมรุ เป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

มีพระอินทร์ "เทวดาเหนือเทวดาทั้งปวง" เป็นผู้ปกครองสูงสุด

ภูมิทั้ง ๓ คือ "กามภูมิ-รูปภูมิ-อรูปภูมิ"

ยังแยกย่อยลงไปอีก รวม ๓๑ ภูมิ ตามสภาวะจิตแห่งพุทธปรัชญา ซ้อนทับอยู่บนโครงสร้างจักรวาล

แต่จะพูดเฉพาะส่วน "กามภูมิ" ที่ผู้เวียนว่ายตายเกิด ยังต้องข้องแวะอยู่เท่านั้น

เพราะกามภูมินี้ เป็นที่เกิดของเทวดา มีสวรรค์ชั้นต่างๆ ถึง ๖ ชั้นให้เลือก ที่เรียก ฉกามาวจรภูมิ

ไล่จากต่ำขึ้นสูง "จาตุมหาราชิกา, ดาวดึงส์, ยามา, ดุสิต, นิมมานรดี และปรนิมมิตวสวัตดี

ทั้ง ๖ ชั้นสวรรค์นี้ ใครจะจุติมาอยู่ชั้นไหน ขึ้นอยู่กับบุญกิริยาและภูมิธรรมบารมีสั่งสม

เรา ๆ ท่าน ๆ ก็วนเวียนกันอยู่ในกามภูมินี้แหละ!

ใครขึ้นสวรรค์ไม่ได้ ยังมีอีก ๕ ภูมิ ซึ่งต่ำลงไปจากสวรรค์เป็นสถานที่รองรับทุกคน

นั่นคือ ภูมิมนุษย์, ภูมิเดรัจฉาน, ภูมิอสุรกาย, ภูมิเปรต และ...

ภูมินรก!

เมื่อทราบเช่นนี้ ก็คงกระจ่าง ด้วยเข้าใจในคติเชื่อมโยง โลกมนุษย์กับสวรรค์ ว่า

"พระเมรุมาศ" ณ ท้องสนามหลวงนี้

คือ "เขาพระสุเมรุ" แดนสถิตแห่งองค์ทวยเทพ

เมื่อ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๐

๙๐ ปีที่ผ่านมา พ่อของเรา "องค์พระมหาภูมิพล" จุติลงจากเขาพระสุเมรุแดนสวรรค์ ลงมาเป็นองค์ "สมมุติเทพ" ณ แดนมนุษย์

และ กาลนี้ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๐

องค์สมมุติเทพ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" พระผู้พ่อผู้ทรงคุณประเสริฐของเราทั้งหลาย

ได้เสด็จกลับเทวพิภพ ณ ดินแดนเขาพระสุเมรุ อันเป็นทิพยสถานเดิมแล้ว

ก็นี้แล...

"พระเมรุมาศ" พร้อมทั้งปวง ที่สร้างเพื่อการถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ สนามหลวงนี้

สะท้อนถึง "พระวิมาน" บนยอดเขาพระสุเมรุ

พระเมรุมาศ ราชรถ และสิ่งประกอบรอบพระเมรุมาศ รวมทั้ง พระที่นั่งทรงธรรม ศาลาลูกขุน กระเบื้องสีฟ้ารายรอบพระเมรุมาศ

นี้คือ ดินแดนแห่งเขาพระสุเมรุ.........

อันเป็น "แกนกลางจักรวาล" และองค์สมมุติเทพ เสด็จคืนเทวาลัยสถาน อันเป็นทิพยวิมาน ณ เขาพระสุเมรุนี้

"ฉัตรขาว ๙ ยอด"

"นพปฎลมหาเศวตฉัตร" ยกขึ้นสู่ยอดเขาพระสุเมรุแล้ว

ยังจำกันได้ใช่ไหม...

"นายก่อเกียรติ ทองผุด" นายช่างศิลปกรรม กรมศิลปากร ผู้ออกแบบพระเมรุมาศ เคยบอกไว้...

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ท่านเป็น ๒ นัยคือ พระนารายณ์อวตาร ในพระนามเต็มของพระองค์ใช้คำว่า รามาธิบดี

และพระองค์ทรงเป็น "พระโพธิสัตว์" ที่เกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต

ตอนนี้ เรากำลังสร้างเขาพระสุเมรุ เพื่อส่งพระองค์ไปยังสวรรค์ชั้นดุสิต..."

ใช่แล้ว "องค์พระมหาภูมิพล" ทรงสมบูรณ์แล้วในทศบารมี สู่ความเป็นพระโพธิสัตว์

สวรรค์ชั้นดุสิต ซึ่งสูงขึ้นไปจากยอดเขาพระสุเมรุ นี้แหละเป็นที่อยู่อาศัยของพระโพธิสัตว์

ของเทพที่จะเสด็จลงมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อๆ ไป

รวมถึงของผู้สร้างบารมีเป็นพระสาวก เพื่อติดตามพระบรมโพธิสัตว์ที่จะลงมาตรัสรู้

รวมทั้งเป็นที่อยู่ของผู้สร้างกุศล มีกำลังบุญมาก

สวรรค์ชั้นดุสิต ไม่มีดวงอาทิตย์-ดวงจันทร์ สว่างตลอดด้วยรัศมีกายและสิ่งของ

"สมเด็จท้าวสันดุสิตเทวาธิราช" ทรงเป็นอธิบดี

และเทวดาชั้นดุสิต มีอายุยืนยาวได้ ๔ พันปีทิพย์

ถ้าอยากทราบ ๔ พันปี บนดุสิตสวรรค์ ยาวขนาดไหน ก็เทียบได้ ๔๐๐ ปีมนุษย์เรา เท่ากับ ๑ วันของเทวดาชั้นดุสิต!

สวรรค์ชั้นดุสิต แบ่งเป็น ๔ เขต วนอยู่รอบวิมานท้าวสันดุสิตเทวาธิราช ผู้ทรงธรรมล้ำเลิศ

เขตที่ ๑ เป็นที่อยู่พระโสดาบัน พระสกิทาคามี

เขตที่ ๒ เป็นที่อยู่พระโพธิสัตว์ ที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป

เขตที่ ๓ เป็นที่อยู่พระโพธิสัตว์ ที่ยังไม่ได้รับการพยากรณ์ ยังต้องสร้างบารมีอีกมาก และ

เขตที่ ๔ "เขตทั่วไป"

เป็นที่อยู่ผู้ทำกุศลมาก มีกำลังบุญมาก สมควรได้อยู่สวรรค์ชั้นดุสิตนี้

ก็ดังทราบ เทพบนดุสิตสวรรค์ ล้วนเป็นอริยบุคคล เป็นเทพมากบุญ-มากบารมี มีความบันเทิงในธรรมเป็นนิจ

สามารถจุติลงมาเป็นผู้ทรงคุณประเสริฐยังโลกมนุษย์ได้

"พระพุทธเจ้า" ก่อนได้รับอาราธนาลงมาเป็นเนื้อนาบุญโลก ก็ทรงประทับอยู่ ณ ดุสิตสวรรค์

กระทั่ง "พระศรีอริยเมตไตรย โพธิสัตว์"

ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธองค์ ว่าจะจุติลงมาเป็น "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า" องค์ที่ ๕ ในภัทรกัป

ก็อยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิตนี้

"สมเด็จพระนางสิริมหามายา" พระพุทธมารดาในบุพกาล ก็ทรงเป็นเทพบุตรอยู่ในดุสิตสวรรค์เช่นกัน

เหตุที่ "ผู้สร้างบารมี" ทั้งหลาย ประสงค์มาอยู่ดุสิต มี ๒-๓ ประการ

คือเทวดาทั่วไป มีเหตุต้องจุติ เช่น หมดบุญ หมดอายุขัย หรือประพฤติไม่ดี มีความโกรธ เป็นต้น

ส่วนเทพในดุสิตสวรรค์ อยู่เหนือกฎเกณฑ์นั้น

ถ้าอยากลงมาสร้างบุญบารมี หรือได้รับอาราธนาลงมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อธิษฐานจิต ดับวูบลงมาได้เลย

ดุสิตสวรรค์ ล้วนเป็นผู้มีคุณธรรมเสมอเหมือนกัน

"องค์พระมหาภูมิพล" พ่อของเรา

จุติลงมาสร้างบารมีด้วยทศธรรมยิ่งยวดสมบูรณ์แล้ว ด้วยเวลาอันเหมาะแก่กาลนี้

องค์พระโพธิสัตว์ "พ่อของเรา" เสด็จกลับทิพยวิมาน ณ ดุสิตสถานแล้ว

ต่อแต่นี้ เราทั้งหลาย จงหมั่นบูชาองค์พระโพธิสัตว์มหาภูมิพล ด้วยหมั่นเพียร หมั่นฟังธรรม หมั่นสร้างกรรมดี

จงเป็น "ผู้สร้าง" ด้วยการให้

ดั่งพ่อ "พระโพธิสัตว์มหาภูมิพล" ทรงบำเพ็ญเป็นแนวทางมาตลอด ๗๐ ปีนี้แล.



ข้อมูลจากคอลัมน์ "คนปลายซอย" โดย เปลว สีเงิน
นสพ.ไทยโพสต์ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐
thaipost.net








ภาพและบทกวีจากกระทู้ "ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย...จากวันนั้นถึงวันนี้"



บีจีและไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ KungHangGerman และคุณ ebaemi

Free TextEditor





Create Date : 26 ตุลาคม 2560
Last Update : 17 ตุลาคม 2562 10:34:56 น. 0 comments
Counter : 3189 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtuk-tuk@korat, คุณอุ้มสี, คุณเริงฤดีนะ, คุณtoor36, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณวลีลักษณา, คุณกะว่าก๋า, คุณดาวริมทะเล, คุณALDI, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณSweet_pills, คุณSakormaree, คุณSai Eeuu, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณโอพีย์, คุณเกศสุริยง, คุณกิ่งฟ้า, คุณkae+aoe, คุณlovereason, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณClose To Heaven, คุณmoresaw, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณ**mp5**, คุณau_jean, คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse, คุณJinnyTent


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.