happy memories
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
3 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 

เสพงานศิลป์ ๔๓




ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto









"นิทรรศการเครื่องปั้นดินเผาสกุลช่างศิลปาชีพ บางไทรฯ”


หัตถศิลป์ชิ้นเอกฝีมือคนไทยถูกรวบรวมนำมาให้ได้ชื่นชมกันอีกครั้งในงาน “นิทรรศการเครื่องปั้นดินเผาสกุลช่างศิลปาชีพบางไทรฯ” เพื่อร่วมเทิดพระเกียรติในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๑ พรรษา พร้อมสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปะไทย ซึ่งผลงานทั้งหมดเป็นฝีมือการรังสรรค์โดย ๑๘ คณาอาจารย์และนักเรียน จากแผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผา ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร พร้อมผลงานงดงามอีกกว่า 400 ชิ้น ที่จะนำมาจัดแสดงและจำหน่าย โดยรายได้ส่วนหนึ่งทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยเสด็จพระราชกุศลเพื่อบำรุงโครงการศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ






นิทรรศการครั้งนี้จัดแสดงผลงานชิ้นเอกโดยอาจารย์และนักเรียนรวม ๑๘ ศิลปิน ที่พร้อมใจกันถ่ายทอดเอก ลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่าง รังสรรค์ผลงานชิ้นเอกเพื่อนำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในงานนี้โดยเฉพาะ นำโดยผลงาน โคมไฟดินโบนไชน่า โคมไฟลายปลาแกะนูนดีไซน์แปลกตา ที่นำเอาดินโบนไชน่า เนื้อดินธรรมชาติมาสร้างสรรค์ด้วยเทคนิคพิเศษที่ทำให้เกิดคุณสมบัติโปร่งแสง ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการขึ้นโครงรูป การปั้น รวมถึงความพิถีพิถันการแกะลวดลายและเผาในความร้อนที่สูง จนออกมาเป็นผลงานที่สะท้อนถึงความงดงามในแบบสกุลช่างศิลปาชีพฝีมือการรังสรรค์โดย อ.วิเวก อรุณรัตน์ กรรมการบริหารศูนย์ศิลปาชีพบางไทรฯ และอาจารย์ที่ปรึกษาแผนกช่างเคลือบดินเผา ต่อด้วยชิ้นงาน ประติมากรรมเซรามิกฝูงสัตว์ฝูงสุดท้าย ประติมากรรมลอยตัวแนวร่วมสมัยรูปสัตว์ต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดแนวคิดสะท้อนการพึ่งพาช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสังคมปัจจุบันผ่านฝูงสัตว์ที่เกาะเกี่ยวกันอย่างสมานสามัคคีแม้ต่างเผ่าพันธุ์






ผลงานของ อ.พนม เสมาทอง อาจารย์หัวหน้าแผนกช่างเคลือบดินเผาและเจ้าของรางวัลประเภทศิลปกรรมดีเด่น งานการแสดงเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๓ ในปี ๒๕๔๙ ต่อด้วยกระถางเม็ดสีเซรามิก ที่สร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจในวัยเด็กกับความหลงใหลในสีของเม็ดลูกกวาดนำมาที่รังสรรค์ผลงานขึ้นอย่างประณีตในการนำเม็ดดินหลากสีกว่า ๓,ooo เม็ด มาเรียงรายขึ้นรูปและเผาในอุณหภูมิที่พอเหมาะจนเกิดเป็นกระถางเม็ดสีที่เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร ผลงานโดย อ.หทัยรัตน์ ม่วงไหม จากแผนกช่างเคลือบดินเผาอีกทั้ง แจกันเซรามิกผีตาโขน ซึ่งผู้จัดได้รังสรรค์ศิลปะบนแจกันด้วยลายผีตาโขน เอกลักษณ์และวัฒนธรรมดั้งเดิมของภาคอีสาน โดยนำความโดดเด่นของใบหน้าผีตาโขนและใบหน้าหัวโขนมาผสมผสานให้เกิดเป็นรูปแจกันเซรามิกผีตาโขนในจินตนาการ






นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมเซรามิกชุดปลาฉลุลาย นำเสนอความสวยงามผ่านเซรามิกผสานกับการขึ้นรูป และความคิดสร้างสรรค์ในการฉลุลายลงเนื้อดินอย่างประณีตเสมือนปลาว่ายอยู่ในลำน้ำ เหมาะสำหรับตั้งโชว์ในบ้านหรือสวนให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ ขณะเดียวกันยังมีผลงานประติมากรรมอีกมากมายที่แผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผาจัดเตรียมมาให้ชื่นชมและจำหน่าย อาทิ โอ่งเซรามิกพ่นสี, แจกันเซรามิกแกะลาย, ปะการังเซรามิก, ถาดลายเส้นเซรามิกและแจกันเซรามิกหลากรูปแบบ เป็นต้น พร้อมจัดให้มีการสาธิตงานฝีมือจากแผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผา อาทิ การขึ้นรูปพร้อมการปั้นเครื่องเคลือบดินเผา และการเขียนสีลงบนเครื่องเคลือบดินเผา ให้ผู้สนใจได้ชมทุกวัน


ผู้สนใจร่วมชมผลงานของศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ และร่วมอุดหนุนผลิตภัณฑ์งานศิลป์ จากความตั้งใจของอาจารย์และนักเรียนศิลปาชีพ แผนกช่างเครื่องเคลือบดินเผา ซึ่งราคาจำหน่ายมีเริ่มต้นเพียง ๒๕ บาท เป็นต้นไป ระหว่างวันที่ ๓ - ๙ ก.ค. บริเวณไลฟ์สไตล์ ฮอลล์ ชั้น ๒ สยามพารากอน.


Thai Arts & Crafts Exhibition by Bangsai Arts & Crafts Training Centre นิทรรศการเครื่องปั้นดินเผาสกุลช่างศิลปาชีพ บางไทรฯ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ นำมาจัดแสดง ในวันที่ ๓ - ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เชิญร่วมชมผลงานศิลปะเครื่องปั้นดินเผากว่า ๒๐๐ ชิ้นงาน ที่รังสรรค์ด้วยความประณีต พร้อมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพนานาชนิด @Lifestyle Hall ชั้น ๒ สยามพารากอน



ภาพและข้อมูลจากเวบ
dailynews.co.th
thailandexhibition.com













"คืนพิเศษกับดนตรีทรงโปรด”


พระอัจฉริยภาพทางดนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นที่ประจักษ์แก่คนไทยมาช้านาน โดยเฉพาะคนตรีแจ๊สที่ทุกคนติดหูในบทเพลงพระราชนิพนธ์ต่าง ๆ เหตุนี้ บริษัท บีอีซี เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จึงเตรียมพร้อมจัดคอนเสิร์ตการกุศล "เกล็น มิลเลอร์ ออร์เคสตร้า" วงแจ๊สบิ๊กแบนด์ระดับโลกและเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรด มาจัดแสดงให้นักฟังเพลงชาวไทยได้ตื่นตาตื่นใจ พร้อมร่วมทำบุญกันในค่ำคืนพิเศษอีกด้วย โดยมีการแถลงข่าวการจัดงานอย่างเป็นทางการไปแล้วบริเวณดุสิตธานี ฮอล์ลเมื่อวันก่อน


สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดคอนเสิร์ตการกุศลในครั้งนี้ กล่าวว่า ด้วยความสำนึกในพระราชดำริ พระราชกรณียกิจ และพระอัจฉริยภาพทางดนตรี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางคณะผู้จัดงานต่างมีใจตรงกันที่ต้องการแสดงความจงรักภักดี ด้วยการทำสิ่งดี ๆ ตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณอย่างสุดความสามารถ


"โอกาสนี้เราจึงได้เลือกสรรนำวงดนตรีแจ๊สบิ๊กแบนด์ยอดนิยม ของโลกที่มีการแสดงอย่างสนุกสนานอย่าง เกล็น มิลเลอร์ ออร์เคสตร้า จากประเทศสหรัฐอเมริกา มีการแสดงกว่า ๓oo รอบต่อปี มาเปิดแสดงในประเทศไทยเป็นพิเศษ โดยมีผลงานประพันธ์ที่ดังไปทั่วโลก อาทิ เพลง อิน เดอะ มู้ด, มูนไลท์ เซเรเนด และ ทักซิโด้ จังค์ชั่น คอนเสิร์ตนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ และจัดหารายได้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย และสมทบกองทุนพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เพื่อสาธารณกุศลอีกด้วย โดยจะเปิดให้นักฟังเพลงคลาสสิกได้ซื้อบัตรเข้าร่วมชมจำนวน ๔o โต๊ะ ด้วยกัน" ประธานคณะกรรมการอำนวยการจัดคอนเสิร์ตกล่าว


ด้านนักฟังเพลงอย่าง "โมเม" นภัสสร บุรณศิริ กล่าวเพิ่มเติม เกล็น มิลเลอร์ เป็นนักแต่งเพลงที่โด่งดังในยุค ๒o - ๓o แต่ละเพลงดังของเขาเป็นเพลงที่หาฟังยาก นับเป็นโอกาสดีที่คนชอบดนตรีจริง ๆ จะรับฟังและชมความคลาสสิกแบบดั่งเดิมแบบนี้ โดยสไตล์ของเกล็นมิลเลอร์ไม่ได้เป็นดนตรีแจ๊สอย่างเดียว แต่มีความสวิงผสมผสานกันด้วยหมายถึงมีการเต้นสนุกสนาน เหวี่ยงตัวกันไปมาผสมผสานกับดนตรี ไม่ใช่แจ๊สนิ่ง ๆ ชวนหลับ นับเป็นภาพดั่งเดิมของวงดนตรีสมัยก่อนที่หาดูได้ยากแล้วในปัจจุบัน


การแสดงครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันเสาร์ ที่ ๖ กรกฎาคมนี้ รอบเดียวเท่านั้น บริเวณห้องนภาลัย บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ เป็นประธาน



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net













"กิจกรรมเรียนรู้ผ้าไทย”


เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับผ้าไทยให้ทุกคนรู้จักหวงแหน และช่วยกันอนุรักษ์มรดกล้ำค่าทางศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามของไทย พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จึงมีแนวคิดในการจัดทำห้องกิจกรรม (Activity Studio) โดย ปิยวราทีขะระ หัวหน้าโครงการพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ กล่าวว่า ห้องกิจกรรมเป็นพื้นที่ประกอบกิจกรรมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจที่เชื่อมโยงและสัมพันธ์กับนิทรรศการหลักของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ผ่านการทดลอง สัมผัส และการปฏิบัติจริง โดยซึมซับข้อมูลผ่านกระบวนการเรียนรู้ในห้องกิจกรรม รวมทั้งการได้ลองทำกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้เข้าชมได้รับความบันเทิงและความสนุกสนานแต่ยังได้รับความรู้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ถือเป็นการส่งเสริมให้ผู้เข้าชมจดจำและเข้าใจเนื้อหาของนิทรรศการหลักได้มากขึ้น






ห้องกิจกรรมบริเวณชั้น ๑ พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ, ท่านผู้หญิงอรนุช อิศรางกูร ณ อยุธยา และ ดร.จรัลธาดา กรรณสูต ได้นำชมห้องกิจกรรมซึ่งประกอบด้วยกิจกรรม ๔ ส่วนคือ มาแต่งตัวแบบไทยให้ตุ๊กตากันเถอะ สนุกสนานกับการแต่งตัวตุ๊กตาด้วยเครื่องแต่งกายในสมัยต่าง ๆ รวมถึงชุดไทยพระราชนิยมแบบต่าง ๆ เช่น ชุดไทยดุสิต ชุดไทยบรมพิมาน ชุดไทยศิวาลัย ชุดไทยจักรี ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยอัมรินทร์ ชุดไทยจักรพรรดิ เป็นต้น เรียนรู้เรื่องการแต่งกายในแต่ละสมัยว่ามีรูปแบบอย่างไรโดยชุดตุ๊กตาและเครื่องประดับทำจากแม่เหล็กอ่อน สามารถเคลื่อนย้ายไปตกแต่งบนตัวตุ๊กตารูปภาพบนฝาผนังแม่เหล็ก






ถัดมาเป็นส่วนกิจกรรมที่ ๒ เกมอะไรอยู่ในกล่อง ทดสอบความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับผ้า ผู้เข้าชมได้สัมผัสดูแบบจำลองวัตถุดิบและอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในกล่องคำถามทั้ง ๘ กล่อง เพื่อหาคำตอบว่าอะไรอยู่ในกล่อง อาทิ รังไหม กี่ทอผ้าจำลอง ฯลฯ ส่วนกิจกรรมที่ ๓ นุ่งโจงห่มสไบ แต่งกายสีตามวัน นอกเหนือจากการแต่งตัวให้ตุ๊กตาแล้ว สามารถแต่งกายแบบไทยด้วยสีตามวันจากบันทึกความทรงจำในหม่อมเจ้าหญิงจงจิตรถนอม ดิศกุล โดยการแต่งกายแบบไทยคือ ผู้หญิงห่มสไบและนุ่งโจง ขณะที่ผู้ชายนุ่งโจง พร้อมสนุกสนานไปกับอุปกรณ์ประกอบฉาก ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกับฉากย้อนยุคภายในห้องกิจกรรม และกิจกรรมสุดท้าย ตราประทับลายผ้าประเภทต่าง ๆ เช่น ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าแพรวา ผ้ายก ผ้าจก ผ้าขิด และผ้าชาวเขา สามารถนำตราประทับมาออกแบบลวดลายบนกระดาษทำโปสการ์ดเป็นที่ระลึก






นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพิเศษประจำเดือนให้ได้เข้าร่วมอีกมากมาย ซึ่งผู้สนใจโทร. o-๒๒๒๕-๙๔๒o และ o-๒๒๒๕-๙๔๓o พร้อมร่วมสนุกกับห้องกิจกรรมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา o๙.oo-๑๖.๓o น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ ๑๕o บาท ผู้สูงอายุ (๖๕ ปีขึ้นไป) และนักเรียนนักศึกษา ๘o บาท เด็กอายุน้อยกว่า ๑๒ ปี เข้าชมฟรี ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ //www.queensirikitmuseumoftextiles.org







ภาพและข้อมูลจากเวบ
dailynews.co.th













"ความงามของวัฒนธรรมไทยในแบบโบราณ”


เพราะวัฒนธรรมแบบไทย ๆ เรานับได้ว่าเป็นเอกลักษณ์และหาชมที่ไหนไม่ได้นอกจากที่บ้านเรานี้ ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ การแต่งกาย ไปจนถึงอาหารที่โด่งดังขึ้นชื่อไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอาหารตามท้องถิ่นต่าง ๆ และอาหารสำรับสวยงามเมนูพิเศษ ๆ สไตล์ชาววัง มีสารพัดชนิด ซึ่งถ้าใครอยากเห็นอาหารรสเลิศของเมืองไทยว่ามีอะไรกันบ้าง ต้องตรงไปที่งาน “เมกา บางนา ไทย คูซีน แอนด์ คัลเชอรัล”









โดยงานนี้รวบรวมสุดยอดอาหารเลิศรสจาก ๔ ภาคทั่วไทย สะท้อนความเป็นไทยผ่านการแสดงนาฏศิลป์อันอ่อนช้อย พร้อมสาธิตการปรุงอาหารสูตรลับฉบับชาววัง จากต้นตำรับพระวิมาดาเธอฯ พระอรรคชายาในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งสุดยอดอาหารจากภาคต่าง ๆ เขาคัดสรรของอร่อยเจ้าดังส่งตรงให้ได้ลิ้มชิมรส ทั้งอาหารคาว, ของหวาน และเครื่องดื่มโบราณ









เริ่มจากอาหารตำรับชาววังของชาวภาคกลาง ข้าวแช่แม่เล็ก จังหวัดเพชรบุรี ถือเป็นต้นตำรับของข้าวแช่แบบดั้งเดิมของชาวมอญ ที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน มีความพิถีพิถันในการจัดเครื่องเคียง ทั้งลูกกะปิทอด, ปลายี่สกผัดหวานที่ใช้เนื้อปลาล้วน เอามาตำจนเนื้อฟู และไชโป้วหวาน นำไชโป้วเคี่ยวเอาความเค็มออก แล้วนำไปเคี่ยวกับน้ำตาลโตนด ส่วนที่ขาดไม่ได้คือ น้ำแช่ข้าว ซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกมะลิ กระดังงา และชมนาด ร้านข้าวแช่แม่เล็กเป็นร้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังมายาวนาน เรียกได้ว่าถ้าใครแวะไปจังหวัดเพชรบุรี ถ้าไม่แวะไปทาน จะเรียกว่าไปไม่ถึง








อย่างอาหารที่ถือเป็นซิกเนเจอร์ของภาคเหนือ ได้แก่ ไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม จากร้านวนัสนันท์ ร้านเด็ดชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ รับประกันรสชาติและเอกลักษณ์ที่เป็นที่คุ้นเคยอย่างดี หรือถ้าใครชอบความอร่อยเมืองใต้ก็มีทั้งหมูย่าง ร้านตรังหมูย่าง จังหวัดตรัง ที่มีความกรอบนอกนุ่มใน ไม่ฉ่ำน้ำ มีชั้นมันน้อย ถ้าจะกินให้อร่อยต้องกินพร้อมกันทั้งสามชั้น คือ หนัง มัน เนื้อ ทานคู่กับน้ำพริกกุ้งเสียบ พริกแกงหมูไตปลาคั่วกลิ้ง เพิ่มรสชาติให้เนื้อหมูหอมแน่นเหนียว ทำให้หลายๆ คนติดอกติดใจกันเลยทีเดียว รวมถึงเมนูอร่อยจากภาคอีสาน ได้แก่ ของฝากจากอุดร ที่มีหลากหลายความอร่อยถูกปาก ทั้ง ส้มตำรสเด็ด ยำเห็ด แหนม และหมูยอ ที่รสชาติเป็นเอกลักษณ์คงความอร่อยได้อย่างแน่นอน









นอกจากอาหารจากทุกสารทิศทั่วไทยที่มีมาให้ลิ้มรสกันแล้ว และมีกูรูด้านอาหารไทยมาเล่าเรื่องราวการสืบทอดและความเป็นมาของตำรับอาหารแต่ละชนิด และสาธิตการปรุงเครื่องจิ้ม และข้าวปรุงต่าง ๆ ตำรับพระวิมาดาเธอฯ อาทิ ข้าวงบ, น้ำพริกลงเรือ, ข้าวบายศรีปากชาม, น้ำพริกตะไคร้ และน้ำพริกลูกหนำเลี้ยบเป็นต้น อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่มีการรวบรวมและยังจะแจกตำราอาหารชาววังสูตรลับที่หายากจากเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับเพื่อแจกในงานนี้ และการแสดงสะท้อนวัฒนธรรมไทย จากศูนย์วัฒนธรรมไทย มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติฯ ที่เรียงรายมาให้รับชมในแต่ละวัน อาทิ การแสดงหุ่นคนชุด “วิลาศลักษณ์ ศุภฤกษ์ เบิกอมร”, การแสดงนาฏศิลป์ที่มีการร่ายรำอันประณีตงดงาม อย่างการแสดงกินรีร่วมสมัย, การแสดงอันสะท้อนวัฒนธรรมของชาวไทยแต่ละภาค อาทิ อีสานม่วนซื่น, ฟ้อน กิงกะหร่า-โต อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของชาวเหนือ เป็นการแสดงฟ้อนนก






ภายในงานจะมีการแจกหนังสือ “เรื่องเล่าอาหารชาววัง” รวบรวมโดย ผศ.ดร.ศันสนีย์ จะสุวรรณ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักศิลปวัฒนธรรม และอาจารย์สาขาวิชาอุตสาหกรรมอาหารและการบริการมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และคณะทำงานค้นคว้าด้านตำรับอาหาร ได้รวบรวมสูตรอาหารต้นตำรับของพระวิมาดาเธอฯ พระอรรคชายาฯ ในรัชกาลที่ ๕ ผู้กำกับดูแลห้องเครื่องต้นตลอดรัชกาล ไว้มากถึง ๑๔ สูตรเด็ด อาทิ ข้าวบายศรีปากชาม, เยลลีห่อหมก และน้ำพริกลงเรือ อีกทั้งยังกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของอาหารแต่ละชนิดไว้อย่างน่าสนใจ จึงถือได้ว่า “เรื่องเล่าอาหารชาววัง” เป็นหนังสือที่มีคุณค่าควรแก่การสะสม โดยจัดพิมพ์เป็นครั้งแรกเพียงจำนวน ๑,ooo เล่มเท่านั้น ทั้งนี้ จะแจกให้กับลูกค้าที่เข้าร่วมงาน Megabangna Thai Cuisine & Cultural [เมกา บางนา ไทยคูซีน แอนด์ คัลเชอรัล] ระหว่างวันที่ ๒๗ มิถุนายน - ๘ กรกฏาคม ๒๕๕๖ นี้ ณ ลานแฟชั่นแกลเลอเรีย ชั้น ๑ ศูนย์การค้าเมกา บางนา ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ //www.mega-bangna.com หรือโทรศัพท์ o-๒๑o๕-๑ooo







ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th













"แลไปข้างหลังหนังคุณาวุฒิ”


เดือนกรกฎาคมนี้ หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ขอเชิญทุกท่านร่วมย้อนมองผลงานอันทรงคุณค่าของบรมครูผู้กำกับฯ "วิจิตร คุณาวุฒิ" ศิลปินแห่งชาติ สาขาภาพยนตร์คนแรกของไทย เจ้าของฉายา "เศรษฐีตุ๊กตาทอง" ในโปรแกรม แลไปข้างหลัง หนัง "คุณาวุฒิ" ฉายยาวตลอดทั้งเดือนกรกฎาคม ณ โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา

จันทร์ที่ ๑ เวลา ๑๗.๓๐ น. มือโจร (๒๕๐๔)

เสาร์ที่ ๖ เวลา ๑๓.๐๐ น. กัลปังหา (๒๕๐๕)

อาทิตย์ที่ ๗ เวลา ๑๓.๐๐ น. น้ำเซาะทราย (๒๕๑๖)

อังคารที่ ๙ เวลา ๑๗.๓๐ น. ผู้หญิงคนนั้นชื่อ บุญรอด (๒๕๒๘)

เสาร์ที่ ๑๓ เวลา ๑๓.๐๐ น. เมียหลวง (๒๕๒๑)

อาทิตย์ที่ ๑๔ เวลา ๑๓.๐๐ น. แม่ศรีไพร (๒๕๑๔)

พฤหัสบดีที่ ๑๘ เวลา ๑๗.๓๐ น. เกิดเป็นหงส์ (๒๕๐๙)

เสาร์ที่ ๒๐ เวลา ๑๓.๐๐ น. เสน่ห์บางกอก (๒๕๐๙)

อาทิตย์ที่ ๒๑ เวลา ๑๓.๐๐ น. นางสาวโพระดก (๒๕๐๘)

อังคารที่ ๒๓ เวลา ๑๓.๐๐ น. ไทรโศก (๒๕๑๐)

โปรแกรมพิเศษสุดสัปดาห์สุดท้าย
เสาร์ที่ ๒๗
เวลา ๑๓.๐๐ น. คนภูเขา (๒๕๒๒ ) ภาพยนตร์เรื่องสำคัญของ "คุณาวุฒิ" คว้า ๔ รางวัลตุ๊กตาทอง ๓ รางวัลสุพรรณหงส์ และ ๑ รางวัลสิงโตทอง จากการประกวดภาพยนตร์นานาชาติแห่งเอเชีย

เวลา ๑๕.๐๐ น. พิธีประทับรอยพิมพ์มือพิมพ์เท้าบนลานดาราของ มนตรี เจนอักษร และไกรลาศ เกรียงไกร

เวลา ๑๖.๐๐ น. กิจกรรมภาพยนตร์สนทนา แลไปหลัง
หนัง"คุณาวุฒิ" กับ คณิต คุณาวุฒิ มนตรี เจนอักษร และไกรลาศ เกรียงไกร

อาทิตย์ที่ ๒๘
เวลา ๑๕.๐๐ น. ปิดโปรแกรมด้วย ลูกอีสาน (๒๕๒๕) มรดกภาพยนตร์ของชาติที่ได้รับการยกย่องให้เป็นภาพยนตร์ที่ดีที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่งของไทย ในรายการ ดูหนังกับ โดม สุขวงศ์



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค
nara-rarebook.com













"I wonder a wonderland”


หลีกลี้สู่โลกฝันอันแสนสุขกับนิทรรศการศิลปะ I wonder a wonderland ก้อย อาร์ต แกเลอรี่ นำเสนอนิทรรศการ I wonder a wonderland ผลงานจิตรกรรมร่วมสมัย โดย ปราง เวชชาชีวะ ศิลปินรุ่นใหม่ไฟแรง บัณฑิตหมาด ๆ จากรั้วจามจุรี ฝากฝีมือการถ่ายทอดความสุข และอิสระในโลกแห่งความฝันที่ห่างไกลจากภาระและความวุ่นวายจากหน้าที่และการงานในโลกแห่งความเป็นจริง









I wonder a wonderland การแสดงผลงานเดี่ยวครั้งแรก ของ ปราง เวชชาชีวะ หรือ น้องมะปราง ศิลปินหน้าใหม่แห่งวงการ ลูกสาวคนเก่งของอดีตนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บัณฑิตจากภาควิชาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีแนวความคิดในการสร้างสรรค์ผลงานจากประสบการณ์การท่องเที่ยวโดยเฉพาะการไปเที่ยวทะเล ความสุข โลกส่วนตัว ความฝันและอิสระจากภาระ ความรับผิดชอบ และหน้าที่การงานอันวุ่นวาย โดยใช้แมวเป็นตัวละครหลักและเป็นสัญลักษณ์แทนตัวศิลปินในผลงานชุดนี้ ซึ่งนอกเหนือจากจะโปรดปรานแมวเป็นพิเศษแล้ว ศิลปินยังมีบุคลิกที่คล้ายคลึงกับแมวในส่วนของความรักสันโดษ และรักอิสระ อีกด้วย









ผลงานจิตรกรรมสีน้ำมันในนิทรรศการ I wonder a wonderland นำเสนอเรื่องราวและประสบการณ์ของศิลปินในแนวเหนือจริง (fantasy) ได้อย่างใสซื่อบริสุทธิ์ แสดงให้เห็นถึงความสุข อิสระในโลกส่วนตัว และความรื่นรมย์จากการท่องเที่ยว การรับประทานขนมอร่อย และการหลุดพ้นจากกฎเกณฑ์และข้อผูกมัดต่าง ๆ ของสังคม


นิทรรศการ : I wonder a wonderland
ศิลปิน : ปราง เวชชาชีวะ
วันที่ : ๔ - ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖
สถานที่ : ก้อย อาร์ต แกเลอรี่
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร : o๒-๖๖๒-๓๒๑๘










ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com













จินตภาพและความบันดาลใจจาก “ข้าว”


มูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดประกวดผลงานจิตรกรรม ในหัวข้อ จินตภาพและความบันดาลใจจาก “ข้าว” เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงมีคุณูปการต่อข้าวไทย เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๕ พรรษา และเพื่อให้ผลงานจิตรกรรมที่ส่งเข้าประกวด ส่งเสริมและเผยแพร่ให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญของข้าวไทย


ประชาชนทั่วไปและนักศึกษาศิลปกรรรมทุกระดับ ซึ่งมีสัญชาติไทยและมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย สามารถส่งผลงานเข้าประกวด ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ - ๒o กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ ณ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา เลขที่ ๒o๑๒ ซอยอรุณอมรินทร์ ๓๖ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม. ๑o๗oo


ผลงานที่ได้รับรางวัลที่ ๑ จะได้รับโล่พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล ๑oo,ooo บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.o-๒๔๔๗-๘๕๘๕-๘ ต่อ ๒๕๕ หรือ //www.thairice.org



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th













"ภาพถ่าย ชีวิตและธรรมชาติ”


นิทรรศการภาพถ่าย ชีวิตและธรรมชาติ โดยกลุ่มรักต้นไม้และธรรมชาติ กลุ่มรักต้นไม้และธรรมชาติเกิดขึ้นเพราะความตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติ สืบเนื่องมาจากสภาวะโลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน











การนำเสนอที่ทำให้ผู้คนเห็นง่ายที่สุดและมีส่วนร่วมง่ายที่สุดก็คือการเสนอด้วยภาพถ่าย ตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งมาจนถึงวันนี้ ปรากฏว่ามีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และหลายคนได้พัฒนาฝีมือการถ่ายภาพจนอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถอวดสู่สายตาสาธารณชนได้ เพียงแค่ทำให้ผู้คนเห็นความงดงามของธรรมชาติ ความน่ารักของสัตว์ป่าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ น่าจะกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกรักและอยากจะรักษามันไว้ หรือแม้แต่จะสร้างมันเพิ่มขึ้น หลายคนหันมาปลูกต้นไม้ มีการแบ่งปันและเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ทำให้การมองและวามคิดละเอียดอ่อนมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำไป












การจัดแสดงงานในครั้งนี้ก็เพื่อเผยมุมมองต่อธรรมชาติของสมาชิกแต่ละคนสู่สาธารณชนและหวังอย่างยิ่งว่าจะทำให้เกิดการกระตุ้นเตือนให้ผู้ชมตระหนักถึงความงดงาม ความน่ารัก ที่แฝงด้วยประโยชน์อันมากมายมหาศาลต่อมวลมนุษยชาติอย่างไม่รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องหนักหนาเลยที่เราจะช่วยกันรักษา และสร้างมันขึ้นมา อาจจะไม่ถึงกับช่วยให้โลกเย็นขึ้นนัก แต่อย่างน้อยๆก็ช่วยชะลอการทำลายธรรมชาติให้ช้าลงไปบ้าง












การจัดแสดงงานครั้งนี้เพื่อเปิดมุมมองที่มีต่อธรรมชาติของกลุ่มรักต้นไม้และธรรมชาติ เพื่อนำเสนอและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของสมาชิกแต่ละคนสู่สาธารณะ ให้ผู้ชมได้มองเห็นแง่มุมที่ละเอียดอ่อนงดงามที่แฝงไว้ในธรรมชาติ โดยแต่ละคนก็จะเห็นความงามในแง่มุมที่แตกต่างกันออกไปสร้างแรงกระตุ้นให้คนทั่วไปได้ค้นหาความงดงามของธรรมชาติในมุมมองของตนเอง ให้สาธารณชนเปิดโลกทัศน์สู่อีกมุมหนึ่ง ว่าไม่ว่าคนอาชีพไหนก็สามารถดึงความงามจากธรรมชาติออกมาได้ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน ช่างภาพ พยาบาล หรือแม้กระทั่งพนักงานออฟฟิศ และเพื่อก่อให้เกิดความรู้สึกรักและหวงแหนในธรรมชาติ













ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com













"กรุงเทพมหานคร ณ ถนนข้าวสาร”


กลุ่ม Exit Exhibition และร้านอาหารสไตล์บิสโตร เชซ์ บรูโน่ เชิญชมนิทรรศการภาพถ่ายกว่า ๒๘ ภาพ สะท้อนเรื่องราวของกรุงเทพมหานครผ่านมุมมองของช่างภาพสมัครเล่นผู้เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจและมีฝีไม้ลายมือน่าจับตา


นิทรรศการ @ Bangkok จัดวันที่ ๒๙ มิถุนายน - ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ณ ร้านเชซ์ บรูโน่ ถนนข้าวสาร. พร้อมพบกับ เวทีเสวนาสัปดาห์ละ ๑ วัน โดยช่างภาพมืออาชีพในวงการภาพถ่าย


วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๔.oo-๑๘.oo น. เปิดงานและเริ่มแสดงภาพ พร้อมกิจกรรมเสวนา โดย อนุชัย ศรีจรูญภู่ทอง

วันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๕.oo-๑๗.oo น. เสวนา “เรื่องเล่าของคนถ่ายภาพขาว-ดำ” โดย กิตติพล ยิ่งกิจภิญโญ

วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๕.oo-๑๗.oo น. เสวนา “ประสบการณ์ถ่ายภาพกับอัษฎาวุธและอนุชิต” โดย อัษฎาวุธ ซารัมย์

วันที่ ๒o กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๕.oo-๑๗.oo น. เสวนา “การเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯในมุมมองของนักเขียนกับช่างภาพ” โดย ธีรภาพ โลหิตกุล และ อาจารย์สมปอง ดวงไสว

วันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๕.oo-๑๗.oo น. เสวนา “เบื้องหลังของคนทำงาน @Bangkok” โดย กลุ่ม Exit Exhibition










ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค












ภาคภูมิ ศิลาพันธ์


"ป็อปอาร์ต"แนวใหม่ สู่ซีกโลกตะวันตก


นิทรรศการ "World Art's Collaboration" ที่มีการนำศิลปะหลากหลายสาขามาจัดแสดง ณ สยามเซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้าที่แปลงโฉมเป็นเมืองไอเดียล้ำยุคมาตั้งแต่ต้นปีนี้ ในสาขาศิลปะแนวป็อปอาร์ต มีความน่าสนใจตรงที่ได้นำผลงานของ ภาคภูมิ ศิลาพันธ์ ศิลปินคนไทยที่ไปโด่งดังในกรุงลอนดอน ซึ่งแจ้งเกิดจากงานศิลปะแนวป็อปอาร์ตมาจัดแสดง


ผลงานของเขาที่นำมาจัดแสดงเป็นการสร้างสรรค์ศิลปะการจัดวางขนาดใหญ่ มีชื่อว่า "คิดถึง ฌอน มิเชล บาสเกียท์" (Jean Micheal - Basquait) ศิลปินกราฟฟิตี้ชื่อดังของนิวยอร์ก ด้วยการนำกระป๋องสเปรย์และโลโก้มงกุฎสัญลักษณ์ของบาสเกียท์มาหล่อเป็นเรซิ่นนับพันชิ้น ก่อนจะนำขึ้นวางเรียงบนชั้นในกล่องกระจกขนาดใหญ่ กลายเป็นประติมากรรม Inatallation ชิ้นพิเศษ แสดงให้เห็นถึงการร่วมสร้างสรรค์งานระหว่างศิลปิน ๒ ยุคที่ส่งมาเพื่อจัดแสดงในนิทรรศการสำคัญของสยามเซ็นเตอร์โดยเฉพาะ


"ภาคภูมิ ศิลาพันธ์" ใช้ชีวิตที่ลอนดอน ๑๗ ปี หลังจบการศึกษาจากคณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และได้ศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ด้านพรินต์เมคกิ้ง ที่แคมป์เบอร์เวล คอลเลจ ออฟ อาร์ต แอนด์ มาสเตอร์ และจบปริญญาโทด้านไฟน์อาร์ต จากเชลซี คอลเลจ ออฟ อาร์ต แอนด์ ดีไซน์


ความสำเร็จในฐานะศิลปินป็อปอาร์ตชั้นแนวหน้า ทำให้ผลงานของเขาถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารชื่อดังมากมาย เช่น ไฟแนนเชี่ยลไทม์ ซันเดย์ ไทม์ นิวยอร์ก ไทม์ หรือบทสัมภาษณ์ในเดตส์ แมกกาซีน ผลงานศิลปะของเขาถูกนำไปโชว์ตามเมืองใหญ่ๆ หลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นลอนดอน, นิวยอร์ก ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และอินเดีย ฯลฯ มาแล้ว ในเวลา ๑๗ ปีกว่าจะประสบความสำเร็จ


ภาคภูมิเล่าว่า ศิลปะแนวป็อปอาร์ตของเขาที่นำภาพคน เช่น บาสเกียท์ ศิลปินต้นแบบของเขา มาสอดใส่ในผลงานที่เป็น Trade mark สินค้าใกล้ตัวที่เราใช้บริโภคในชีวิตประจำวัน ซึ่งแนวคิดแบบนี้เป็นสิ่งใหม่ที่มีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลัง ๆ ในลอนดอนและยุโรปหลายประเทศ หรืออาจจะข้ามไกลไปถึงสหรัฐอเมริกา


"ผมเอาแบรนด์สินค้ามาเล่น ผสมรูปของศิลปิน นับเป็นการต่อยอดศิลปะแนวป็อปอาร์ต เพราะเป็นรูปแบบที่แตกต่างออกไปจากป็อปอาร์ตที่เคยมี งานของผมจึงมีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลัง มีอิทธิพลในฟินแลนด์ ซึ่งผมเคยนำงานไปจัดแสดง หนังสือพิมพ์ The Independent ได้เขียนถึงผมว่าเป็นศิลปินแนวป็อปอาร์ตในยุคนี้" ภาคภูมิเล่า


เมื่อถามถึงความเป็นศิลปะแนวป็อปอาร์ต ภาคภูมิบอกว่าเขาหลงใหลกับมัน แม้ว่าตอนเรียนที่ศิลปากร เขาจะจบมาทางด้านการทำเครื่องปั้นดินเผา แต่เมื่อมาอยู่ลอนดอน เห็นสภาพวิถีชีวิตผู้คน และพอได้สัมผัสกับผลงานของบาสเกียท์ ก็ทำให้เขาเกิดความรู้สึกรักในความร่วมสมัยของป็อปอาร์ต และแนวคิดของบาสเกียท์ที่ถือว่าเป็นต้นแบบของเขา


"ผมว่าป็อปอาร์ตเป็นศิลปะที่ใกล้ตัวคน ซึ่งแนวคิดของผมคือทำอย่างไรให้ป็อปอาร์ตเป็นศิลปะขั้นสูง หรือทำอย่างไรให้ศิลปะแนวนี้ใกล้ชิดกับคนได้มากมาย และสินค้าต่าง ๆ เช่น น้ำอัดลม เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามาก ผมจึงนำพวกลังน้ำอัดลมมาทำเป็นผลงาน ป็อปอาร์ตจึงต้องใช้มุมมองของศิลปินมาทำในความหมายใหม่ที่เชื่อมโยงไปถึงชีวิตผู้คน" ภาคภูมิเล่าแนวความคิด


หลังอยู่ลอนดอนมา ๑๗ ปี แต่เป็นครั้งแรกที่ได้มาจัดแสดงนิทรรศการผลงานศิลปะของตนเองในประเทศไทย ภาคภูมิบอกว่า เป็นเรื่องของจังหวะเวลา ซึ่งเขาคิดว่า ณ เวลานี้ ได้สั่งสมประสบการณ์มาได้ระดับหนึ่งแล้ว และพอดีเป็นช่วงที่กลับเมาเยี่ยมเมืองไทย และทางสยามเซ็นเตอร์ได้เชิญชวนให้มาจัดแสดง โดยบอกว่าเพื่อให้เขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ จึงตอบตกลงทันที


"ผลงานที่นำมาแสดงครั้งนี้ ผมพยายามสะท้อนให้เห็นว่าเราเริ่มมายังไง ใช้รูปแบบไหน และพัฒนาการจนถึงปัจจุบัน เป็นการบอกเล่าเรื่องราวการทำงานของเราทั้งหมด ซึ่งหากรุ่นน้อง ๆ เข้าใจก็อาจจะทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจได้"


เมื่อพูดถึงความสำเร็จโด่งดัง ภาคภูมิบอกว่า ไม่มีผลอะไรนัก และคิดว่าสิ่งสำคัญของการทำงานอยู่ที่การยอมรับมากกว่า และการที่ผลงานแนวป็อปอาร์ตของเขาที่ไปมีอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังในอังกฤษ ถือว่าทำให้เกิดการไม่สิ้นสุด และแนวคิดนี้มันจะพัฒนาไปยังคนรุ่นต่อ ๆ ไป หรืออาจทำให้เกิดหัวข้อในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน


"ผมว่าชื่อเสียงทำให้คนจะมาสนใจในตัวของเรามากกว่างานของเรา ดังนั้นการยอมรับจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าชื่อเสียง" ภาคภูมิกล่าวถึงจุดยืนการทำงาน


การแสดงนิทรรศการชุด "World Art's Collaboration" มีการจัดแสดงศิลปะหลากแนว นอกเหนือจากผลงานของภาคภูมิ ศิลาพันธ์แล้ว ยังมีผลงานของธีรพน หวังศิลปคุณ อีกหนึ่งกราฟฟิกดีไซเนอร์ของไทยที่ไปโด่งดังในชิคาโก, ๑oo ของสะสมชิ้นโปรดของคนดังในเมืองไทย และแฟชั่นที่รวมแบรนด์สุดยอดนักออกแบบมาจัดแสดงแนวป็อปอัพสโตร์ เปิดให้ชมฟรีตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึง ๓o สิงหาคม ณ สยามเซ็นเตอร์.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
thairath.co.th













"มอบ ‘วัตถุมงคล’ แบบศิลปินหญิง 'วทันยา ศิริวรรณ'”


“มงคล” หรือ Mongkol หมายถึง ทางก้าวหน้า ความสุข ความเจริญ หรือเหตุที่นำมาซึ่งความเจริญ ส่วน Object หมายถึง วัตถุ หรือสิ่งของ ที่สามารถมองเห็นจับต้องได้เป็นรูปธรรมและนามธรรมที่มีอยู่จริง ถ้าว่าตามหลักพุทธศาสนา ‘วัตถุ’ คือสิ่งที่สามารถสัมผัสได้ด้วยประสาททั้ง ๕ ตา หู จมูก ลิ้น และกาย และรวมถึงสิ่งที่ไม่มีลักษณะเหมือนวัตถุ แต่สามารถสัมผัสรับรู้ได้ด้วยใจ ดังนั้น มงคล - Object อาจหมายถึง วัตถุที่เป็นเหตุนำความเจริญ ความสุขสวัสดีมาให้ตามสมปราถนาทั้งทางกายและทางใจ หรืออาจมีความหมายคล้ายคลึงกับคำที่คนไทยรู้จักกันดีอย่าง วัตถุมงคล (Sacred Object) ก็เป็นได้


เป็นที่น่าสังเกตว่าวิถีชีวิตแห่งความเชื่อของสังคมไทยซึ่งเป็นสังคมของชาวพุทธโดยแท้ แต่ลึกลงไปกลับแฝงไปด้วยความเชื่อที่ผสมปนเปกันมากมายจากหลากอิทธิพล ทั้งพุทธ พราหมณ์ ผีสางเทวดา


“การอยู่ร่วมกันอย่างแยกไม่ออกระหว่างคำสอนของพุทธศาสนา ที่สอนให้พิจารณาถึง ‘เหตุ’ แห่งความจริง กับ ‘ความเชื่อ’ ที่ไม่สามารถหาเหตุและผลแห่งความเป็นไปได้”


จึงเป็นแรงบันดาลใจแก่ วทันยา ศิริวรรณ (ไหม) ศิลปินหญิงชาวล้านนาที่รักในผ้าไทยนานาชนิดและเส้นไหม ดังชื่อเล่นของเธอ รังสรรค์เป็นผลงานศิลปะประติมากรรมการจัดวาง และแสดงให้ชมผ่าน มงคล - Object (Mongkol - Object)






วทันยาเป็นศิลปินรุ่นใหม่ที่ได้ต่อยอด ค้นคว้า ฝึกฝน เพื่อพัฒนาการสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมจากวัสดุผ้าด้วยเทคนิคการเย็บ ปัก ถัก ร้อย มาอย่างต่อเนื่อง และเคยได้รับรางวัลเหรียญทองแดงประเภทสื่อประสม จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ ๕๗, รางวัลดีเด่นศิลปินดาวเด่นบัวหลวง ๑o๑ ปีที่ ๔ และผลงานมีความโดดเด่นจนได้รับคัดเลือกจากกระทรวงวัฒนธรรม ให้เข้าร่วมโครงการ “สรรสร้างศิลปินร่วมสมัย ๒๕๕๕” (Young Artists Talent 2012) ซึ่งได้รับโอกาสในการเดินทาง ไปฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ณ สหรัฐอเมริกา และปัจจุบันกำลังศึกษาในระดับปริญญาโท ภาควิชาศิลปไทย มหาวิทยาลัยศิลปากร


เธอบอกถึงแนวคิดของนิทรรศการ “มงคล - Object” ว่า “สนใจในความขัดแย้งที่อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว และเป็นสิ่งที่ทำให้ตระหนักว่า ‘ความเชื่อ’ นั้นยิ่งใหญ่มากพอที่จะทำให้ผู้คนศรัทธา และปฏิบัติในวิถีที่ไม่สามารถหาคำตอบที่เป็นรูปธรรมชัดเจนแจ่มแจ้ง ดังเช่นคำสอนในพุทธศาสนาได้ หากแต่สุดท้ายแล้วทุกความเชื่อ ล้วนมีสิ่งที่ผู้เชื่อเลือกที่จะยึดเหนี่ยวความเชื่อเหล่านั้นไว้ให้ไปในทิศทางเดียวกันนั้น คือ ความหวังว่าจะมีชีวิตดีขึ้น....

.
...ข้าพเจ้าจึงต้องการนำเสนอด้วยรูปแบบการเย็บปักประติมากรรมผ้า เป็นรูปทรงของสิ่งของที่ถูกกำหนดความเป็น ‘มงคล’ ในทัศนคติแห่งความเชื่อของคนไทย ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เมื่อสิ่งของหรือวัตถุอันเป็น ‘มงคล’ นั้นได้ถูกเปลี่ยนบริบทจากกายภาพของวัตถุที่อยู่ในความเคยชิน มาสู่บริบทแห่งความเป็นผ้า และถ่ายทอดในมุมมองส่วนตัวของข้าพเจ้าเอง เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่แห่ง ‘ความเชื่อ’ ที่เกิดขึ้นในอีกมิติหนึ่งที่แตกต่างออกไป”






วทันยาตั้งใจถ่ายทอดทัศนคติผ่านงานศิลปะในเชิงสะท้อนวัฒนธรรมความเชื่อแบบไทย ๆ นำสิ่งใกล้ตัวมาแสดงออกด้วยรูปแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นผลงานศิลปะที่สามารถสร้างความอิ่มเอมในจิตใจผู้ชมได้ และร่วมเปิดมุมมองใหม่ ๆ ไปกับจินตนาการที่เหนือจริง


เธอมั่นใจว่าจะเป็น ‘วัตถุ’ (Object) ทางสุนทรียะอันคุ้มค่าแก่การรับรู้ ปะทะทุกประสาทสัมผัส รวมถึงทางจิตใจด้วย อีกทั้งความเป็น ‘มงคล’ แก่ชีวิตนั้นจะเกิดขึ้น ซึ่งการ “มีศิลปะ” จัดเป็นหนึ่งใน มงคลชีวิต ๓๘ ประการ นั่นคือ ปฏิบัติดีทั้งทางกาย วาจา และใจ คิดให้มีสติสัมปชัญญะ คิดในทางสร้างสรรค์และยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น


นิทรรศการ มงคล - Object (Mongkol - Object) แสดงผลงานประติมากรรมผ้าที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัตถุทางความเชื่อในปัจจุบัน โดย วทันยา ศิริวรรณ


เปิดแสดงวันที่ ๒๙ มิถุนายน - ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ณ มายาซีเคร็ตแกลเลอรี่ (Maya’s Secret gallery) บ้านสีลม ถ.สีลมซอย ๑๙ เวลา ๑๑.oo - ๒o.๓o น. (เว้นวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)โทร.o-๒๖๓๕-๒๒๘๘



















ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th













"ไท-ไฮ-กุ”


Haiku in your heart: the Contour and Haiku Exhibition by Metha Methee

นิทรรศการภาพวาด คอนทัวร์ ตัวหนังสือ ไฮกุ โดย เมธา เมธี

ภาพวาดคอนทัวร์ลงสีบนผ้าขนาด ๓ox๓o เซนติเมตร พร้อมบทกวีไฮกุ


แนวคิดภาพและภาษา

“บางรูปบทกวีมาก่อนที่จะวาดรูป มีบ้างที่เกิดขึ้นระหว่างที่วาดภาพบทกวีถึงเกิดขึ้น”

.........กวีไฮกุของเมธา เมธี เคร่งครัดต่อหลักโครงสร้างบทกวีฉันทลักษณ์ของ บาโช มาซึโอ

กวีญี่ปุ่นที่คิดค้นขึ้น ใน ๑ บทจะวางบรรทัด ๓ บรรทัดมี ๑๗ พยางค์ : บรรทัดที่หนึ่ง ๕ พยางค์ บรรทัดที่สอง ๗ พยางค์ บรรทัดสุดท้าย ๕ พยางค์

ภาพวาดที่ปรากฏคู่กันกับบทกวีเป็นภาพคอนทัวร์ (Contour) ที่คิดออกมาคู่กันเฉพาะภาพหนึ่งภาพ กับ บทกวีหนึ่งบท เฉพาะกาลขณะนั้น ที่สอดคล้องไปในครรลองของอารมณ์และจิตนาการ





เมธา เมธี


ประวัติศิลปิน


เมธา เมธี เกิดเมื่อ ๒๕๐๖ ณ อำเภอหัวไทร นครศรีธรรมราช จบการศึกษาจากโรงเรียนเพาะช่าง และศึกษาศาสตร์บัณฑิต วิชาเอก ศิลปะ มหาวิทยาลัย บูรพา


เมธา เมธี เป็นนามปากกของ เมธา เพ็ชรเกตุ เลือดเนื้อเชื้อไขของดินแดนลุ่มน้ำปากพนัง เคยมีผลงานหนังสือรวมบทกวี “บางทีฉันอาจเปลี่ยนไป”(๒๕๓๙) และ “รำเพยหวัง”(๒๕๔๔) นอกจากเขียนบทกวีแล้ว ยังเขียนเพลง,ร้องเพลง,เล่นดนตรีและวาดภาพ เคยร่วมแสดงผลงานกลุ่ม ตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ (๑๙๙๗) จวบจนปัจจุบัน


เปิดงานนิทรรศการ วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.oo น.
แสดงผลงาน ตั้งแต่ ๒๓ มิถุนายน – ๓o สิงหาคม ๒๕๕๖
ณ อรุณ อิน บางกอก แพร่งภูธร กรุงเทพฯ


กำหนดการ เปิดนิทรรศการ ภาพวาดและบทกวี “ไฮกุ อยู่ในหัวใจเธอ”
ด้านหน้าร้าน อรุณ อิน บางกอก และลานภูธเรศ
๑๘.๐๐ น. เปิดเวทีด้วยการแสดงดนตรี จาก วง ดนตรี สีเข้ม แฟมมิลี่
๑๘.๓๐ น. พิธีเปิดนิทรรศการ กล่าวเปิดงาน โดย คุณอัญชัน แก้มเชย ผู้จัดการบางกอกฟอรั่ม
กล่าวต้อนรับจากชุมชนแพร่งภูธร โดย คุณ ธีระพล คชาชีวะ ประธานชุมชนแพร่งภูธร
กล่าวเปิดต้อนรับ และอ่านบทกวี โดย คุณ เมธา เมธี ศิลปินผู้แสดงงาน
๑๘.๕๐ น. เปิดในเข้าชมผลงาน ภายในร้านอรุณ อิน บางกอก
พร้อมการแสดงดนตรีที่ลานภูธเรศ โดย คุณ อ๊ะ วงอมตะ และ วง ดนตรี สีเข้ม แฟมมิลี่
๒๑.๐๐ น. จบการแสดงดนตรี



ภาพและข้อมูลจาก
นสพ. Xcite ไทยโพสต์ ๒๖ มิ.ย. ๒๕๕๖
เฟซบุค Haiku in Your Heart




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2556
0 comments
Last Update : 3 กรกฎาคม 2556 22:36:14 น.
Counter : 6640 Pageviews.


haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.