เมื่อวานดี.เข้าไปอ่าน

* = * * = * * = * รีวิวร้านลาบลุงทอง ซอยม.หอการค้าไทย * = * * = * * = *

ที่บล็อกพี่สาวไกด์ใจซื่อมาค่ะ
มีเมนูนึงน่าสนใจ ..

ส้มตำ ปลาดุกฟู ..

ปกติจะทานปลาดุกฟูกับน้ำยำ ที่ใส่มะม่วง
ไม่เคยทานกับส้มตำ
เลยบอกพี่สาวไกด์ว่าเดี๋ยวจะทำบ้าง
พี่สาวไกด์ก็ตอบกลับมาว่า ..

"รอดูส้มตำปลาดุกฟูนะคะ"

เผอิญว่าช่วงเที่ยง ทำอาหารทานกัน
แล้วดี.มีปลาดุกย่าง ที่เตรียมไว้ทำน้ำพริกแมงดา
แบบว่าคนส่งโจ๊กชอบทานอาหารแนว น้ำพริก+ผัก
ในดงก็เลยจะมีวัสดุสำหรับก่อสร้างน้ำพริกไว้มากมาย
วันนี้ ..เลยใส่เมนูนี้ไปด้วยเลย


แล้วก็ ..ไม่ค่อยเห่อ .. เช้ามา .. อัพบล็อกเลย อิอิ

เริ่มจาก เตรียม ..
ปลาดุกฟุ เกล็ดขนมปัง น้ำมันใช้ผสม
และ น้ำมันสำหรับทอด
ทุกอย่างดี. กะเอาหมด ใส่ๆไป
ขาดรสอะไรที่ชอบ ก็เติม เป็นอันจบกัน



โม้มายมาย เริ่มทำเลยดีกว่า ..
เริ่มต้นด้วยการฉีกเนื้อปลา






สับ สับ สับ
ไม่มีรูปตอนสับนะคะ ในครัว แสงไม่พอ







เตรียมเกล็ดขนมปังไว้






นำปลาดุกที่สับแล้ว ใส่ลงไป .. ใส่น้ำมัน






คลุกเคล้าให้เข้ากัน
ระหว่างนั้นก็ตั้งกะทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน ..





น้ำมันในกะทะต้องร้อนจัด
ไม่งั้นปลาดุกจะไม่ฟู
ระหว่างรอ ก็เตรียมทำส้มตำ ..


























ที่จริงยังต้องถ่ายพริก น้ำปลา มะนาว
วุ๊ยยย อีกหลายอย่าง แต่เวลาไม่พอ เอาแค่นี้แหละน๊า
เมื่อทุกอย่างที่เป็นองค์ประกอบ "ส้มตำ"ครบแล้ว
โยนทุกอย่างลงครก โขลกสับให้สาแก่ใจ








เท่านี้ก็ได้ "ส้มตำ"ไว้รอ ..






หลังจากที่ตั้งกะทะจนร้อน ..
ใส่ปลาดุกที่เตรียมไว้ใส่ลงไปเลย
ต้องเฝ้าหน้าเตากันล่ะ ไม่งั้นไหม้
ดูว่าปลาเหลือง สวย ฟูได้ที่ก็ตักเลย
พี่ดี.สอนเทคนิคให้ว่า ..ใช้กระชอนรองรับ
ใช้ตะหลิวรองไต้แผ่นปลา
แล้วตักเข้ากระชอนทีเดียว แล้วยกเลย
แผ่นปลาจะได้เป็นก้อน แ้ล้วเวลาที่รอให้สะเด็ดน้ำมัน
ก็โยกแค่เบาๆพอ ไมงั้นมันจะกระจาย







ทอดปลาดุกฟูต้องมีสมาธิเหมือนกันนะคะ
เพราะเผลอแป๊บเดียวมันไหม้ทันทีเลย
มันจะสวยเหลือง อยู่แป๊บเดียวจริงๆ




จานจัดรอไว้แล้ว ..






เมื่อตักปลาดุกขึ้นจากน้ำมัน
ยกกระชอยขึ้นลงเบาๆ ให้สะเด็ดน้ำมัน
แ้ล้วใส่จานเลย






ทำเสร็จแล้ว .. น่าทานป่ะคะ ..






ตักทานด้วยการนำมาผสมกัน ..กรอบปลาดุก
เปรี้ยว หวาน กับส้มตำ ..
ดี.ทานส้มตำ จะเปรี้ยวนำ อร่อย แซ่บ





ก่อนจบบล็อก ปิดท้ายด้วยของหวานสักหน่อย
ขนุนในดงสุกแล้ว .. จะเก็บไว้ทำไมล่ะน๊า







สิ่งที่ดี.ได้เรียนรู้จากการทำอาหารอย่างหนึ่งก็คือ ..
อย่าลังเล จะทำอะไรก็ทำไปเลย
ช่วงเวลาของการปรุงอาหาร
เป็นแค่ช่วงเวลาสั้น สั้น เราคิดมากไม่ได้


เช่นเดียวกับ ..
ถ้าเรารู้แล้วว่า รถไฟขบวนที่มา
เป็นขบวนสุดท้ายแล้ว
เราจะรอช้าอยู่ใย .. เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย อิอิ

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2554 8:26:07 น.		63 comments
Counter : 1453 Pageviews.
Share Tweet