► ►► .กา ล ครั้ ง ห นึ่ ง เ กา ะ ล้ า น . . .( ต อน ที่ 2 ) ◄ ◄◄
หลังจากแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายคล้ายกระเทยติดเกาะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เราทั้งสองคน (ที่คนนึงสระผมเรียบร้อย อีกคนไม่ยอมสระ) ก็ตกลงใจว่าจะเช่ามอเตอร์ไซค์
ซักหนึ่งคันถ้วน หลังจากที่กะว่า จะมาปั่นจักรยานรอบเกาะกัน(ดำริเราเอง)
เพราะดูท่าทางว่าจักรยานจะไม่เวิร์คซะละ ปั่นไป คงไม่ทันพระอาทิตย์ตกดินแน่ๆ
รถมอเตอร์ไซค์หนึ่งคัน น้ำมันเต็มถัง ซึ่งก็ไม่ได้เปิดดูหรอกว่ามันเต็มจริงไหม
แต่ตลอดทริป ก็ไม่เคยได้เติมเหมือนกัน
สนนราคาค่าเช่า วันละ 300
(ไปเจออีกที่นึง 200 เจ็บใจ )
รถรุ่นฮอนด้าฟี่โน่ เจ้าของบ้านว่า
จริงๆแล้วมันคือฮอนด้าสกูปปี้ไอ ที่คล้ายๆฟีโน่
คันสีแดงๆตะหาก
ด้วยความที่ข้าพเจ้าขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น ซึ่งนี่เป็นปมด้อยอย่างหนึ่งของชีวิตเลยนะ
ไปเชียงใหม่ก็ซ้อนท้ายน้องผู้หญิง รู้สึกว่ามันประหลาดๆยังไงพิกล
ด้วยเหตุดังกล่าว หน้าที่ขี่มอเตอร์ไซค์รอบเกาะ ก็เลยเป็นหน้าที่ของพี่แตน
พี่แตนให้ความมั่นใจแก่เราก่อนเดินทางว่า
“พี่เองก็ไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มาเกือบจะสิบปีแล้วนะเป็ด”
เราพยายามบอกให้หัวใจปั้มเลือดขึ้นมาเลี้ยงใบหน้าเอาไว้
เพื่อกลบอาการหน้าซีดไม่ให้ชัดเจนจนน่าเกลียด
นึกเข้าข้างตัวเองว่า รถมอเตอร์ไซค์สมัยนี้ อาจจะขี่ง่ายกว่ามอเตอร์ไซค์สมัยสิบปีก่อนก็ได้นะ
ว่าแล้วก็ออกเดินทางกัน โดยที่ไม่รู้ว่าจะไปทางไหน เดาเอา ขึ้นเขาเป็นหลัก
.
.
.
.
มอร์เตอร์ไซค์ที่คนขี่ไม่เป็นซ้อนคนไม่ขับมานาน พาพวกเราขึ้นเนินไปเรื่อยๆ
จากนั้นก็ลงเนินชันดิ่ง 45 องศา ผีปู่ผีย่าเห็นแล้วคงใจหายวาบ
ไปเจอใครก็ชวนเขาไปหาดนั่นหาดนี่ด้วยกัน คล้ายมนุษย์ขี้เหงา ชวนไปเรื่อย
ขับวนไปครึ่งเกาะ สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่เนินแห่งหนึ่ง เป็นเนินดินปนหินสูงขึ้นไปราว 30 เมตร
ทางขึ้นมีกระดูกสัตว์ชนิดต่างๆประดับประดา มีไก่แม่ลูกอ่อนสองฝูง
มีเจ้าตูบอาศัยอยู่จำนวนหลายตัวพอสมควร
มีป้ายเขียนติดไว้ตรงทางขึ้น เขียนว่าค่าบริการชมวิว คนละ 10 บาท
แต่ไม่มีคนเฝ้า ไม่มีคนเก็บตังค์ ไม่รู้จะจ่ายกับใคร
รอบนี้เลยต้องจำใจขึ้นฟรี
บนนั้นมีคนอยู่แล้ว จำนวนหนึ่ง
วิวสวยใช้ได้
พี่แตนลองเปิดกล้องดูหลังจากเปียกน้ำมา ปรากฎว่า กล้องพัง
เวรกรรม
อาการคือไม่ยอมโฟกัส ส่งเพียงเสียงสำเนียงออกมาว่า ติ๊ดๆๆๆ
ซึ่งอาจจะแปลว่า “เจ๊งแล้วจ่ะๆ” ก็ได้
ดราม่าบังเกิด มาเที่ยวทั้งที ไมมีภาพกลับบ้านไปอวดอาม่า
แต่ไม่เป็นไร เราเอากล้องไปสองตัว ให้พี่แตนยืมหนึ่งตัว ยังเหลืออีกหนึ่งตัว
พี่แตนก็ยอม กำนุ่นดีกว่ากำทุเรียน
หันไปเจอใครก็ไม่รู้ ใส่เสื้อสีชมพู ก็ไปขอให้เขาดูกล้องให้
น้องเขาก็แนะนำนู่นนี่ แต่ดูจากอาการแล้ว บอกได้คำเดียวว่า หนัก!
วิวบนนี้ สวยงามใช้ได้ มองเห็นทะเลด้วย
อืม
ถ้าเป็นเราคงจะปลูกดอกไม้ให้มันทั่วเนิน ให้บานสะพรั่งเป็นสีสันของเกาะ
เก็บค่าเข้าคนละ 20 พอ
แต่น้ำจืดคงหากมั้ง เขาเลยไม่ค่อยจะปลูกอะไรกัน
มองลงไปจากเนิน จะเห็นตัวเมืองพัทยา
ถ้ามองมาจากพัทยา ก็จะเห็นเนินนี่เหมือนกัน
ดูสิ เมืองพัทยา
.
.
.
.
บนเกาะพยายามจะให้มีแหล่งพลังงานทดแทนมากมาย
ทั้งพลังลม พลังแสงอาทิตย์
มีกังหันลมด้วย และก็มีอาคารขนาดเบิ้มๆ ที่ทั้งหลังคาเป็นแผงสุริยะ
คาดว่าอีกไม่นานคงจะเปิดให้เข้าชม เห็นว่าเป็นอควอเรี่ยมล่ะมั้ง
.
.
.
.
จากนั้นลงไปต่อกันที่หาดแห่งหนึ่ง จำชื่อไม่ได้
มีพี่คนนึงมายืนตกปลา
ฟ้าไม่สวย เมฆเยอะ
เดินดุนั่นนี่แถวนั้น พระจันทร์ก็แอบโผล่ขึ้นมาด้านหลัง
วันที่ไปเกาะล้านคือวันที่ 4 เดือนนี้ ที่ผ่านมา ซึ่งในวันที่ 5
เป็นวัน ซุปเปอร์มูน ดวงจันทร์จะมีขนาดหย่ายมากๆ กว่าทุกวันที่ผ่านมาในรอบปี
ไม่ได้ถ่ายพระจันทร์มา
ถ่ายคนตกปลามาแทน
น่าจะเดินเข้าไปใกล้ๆตัวแบบ แล้วก็ถ่ายซีลูเอท จะเวิร์คมากเลย
.
.
.
.
พี่แตนที่ไม่ยอมสระผม มาพร้อมผมทรงเมียผู้การจากการแว้นมาครึ่งเกาะ
ถ่ายรูปคู่กับรถฮอนด้า ฟีโน่
.
.
.
.
ขากลับ หาทางไปเซเว่น
บนเกาะล้านตรงท่าเรือหน้าบ้าน จะมีเซเว่นอยู่หนึ่งที่
เซเว่นที่นี่ ไม่เปิดไฟที่เป็นป้ายสลับสี สัญลักษณ์ของร้านเซเว่น
หลงทางไปมา สุดท้ายก็เจอ
เงินไม่พอ ไปกดตังค์
ตู้กดเงินของธนาคารกรุงเทพขึ้นข้อความว่าการสื่อสารขัดข้อง
เลยไปกดของธนาคารธนชาติ
ปรากฎว่ายอดเงินหายไปแล้ว ตามจำนวนที่กดไปในตู้กรุงเทพฯ
ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ
เดินบ่นไปมาเป็นหมีกินผึ้งหลายๆรังอยู่ตรงนั้น
ก็บังเอิญเจอคนใส่เสื้อสีชมพู่ที่พี่แตนให้ช่วยดูกล้องให้บนเนินนั่น
ภายหลังทราบชื่อว่า ชื่อเต้ย
เต้ยมาเที่ยวเกาะล้านกับแฟน แฟนของเต้ยชื่อนัท
นัทเป็นแฟนของเต้ย ก็เลยมาเที่ยวเกาะล้านด้วยกัน
เต้ยเล่าให้พี่แตนฟังว่า รถเต้ยยางรั่ว
บ๊ะ ชะรอยดวงจะเข้ากันได้
เวลารถเรายางรั่วบนเกาะล้าน ก็จะมีประกันมาเคลมให้ด้วยนะ
ประกันเขาจะขี่รถยางรั่วกลับ แล้วให้เราขี่รถของเขากลับ
เท่ห์ไหมล่ะ
เต้ยสองจิตสองใจ เมื่อถูกพี่แตนชวนไปเที่ยวต่อด้วยกันพรุ่งนี้
ก็เพิ่งจะรู้จักกันได้สองชั่วโมง มันก็น่าคิดอยู่หรอก
ยิ่งเจอเราเองที่แต่งตัวคล้ายตุ๊ดติดเกาะ ยิ่งต้องคิดหนักเข้าไปใหญ่
ไม่แน่อาจะเป็นแก๊งลักเด็กจากสระแก้วปลอมตัวมาก็เป็นได้
พี่แตนถูกขอเบอร์
เต้ยและนัทกลับไปนอนเอามือก่ายหน้าผากหนึ่งคืน
ว่าจะไปกับพวกเราดีไหม
.
.
.
.
บนเกาะล้านยามค่ำคืน ไม่มีสิ่งเร้าใจมากนัก สงบเงียบ
มีแต่เสียงคลื่นซัดสาด กับเสียงครางครวญของปลากระเบนราหูทะเล
ใครชอบแบบเร้าใจ คงต้องข้ามฝั่งไปพัทยานาเกลือนู่นล่ะ
ก่อนกลับที่พัก แวะกินอาหารทะเล
อยู่ริมทะเล ริมขนาดว่าละอองน้ำซัดโดนหน้าจนเค็มไปหมด
แต่อาหารไม่สด ปลาหมึกเค็ม(หมึกไม่ใช่ปลานะ อันที่จริง) กุ้งไม่สด
ตลาดข้างวัด ริมทะเลตรงนั้น จะไม่ไปกินอีก
อาหารทะเล กุ้งโลสามร้อย รวมกับอย่างอื่นที่ราคาโลละสามร้อยเท่ากันได้
อาจจะเป็นเพราะตลาดอยู่ใกล้วัด บรรยากาศใกล้เมรุ เลยทำให้อาหารทะเลเน่าเร็ว
กินไม่หมด เอากลับมากินที่ห้อง ก็ยังไม่หมด
ไปซื้อน้ำจิ้มซีฟูดในเซเว่นมาจิ้ม เพราะน้ำจิ้มที่ให้มา หาความอร่อยไม่ได้แม้แต่กระผีกเดียว
ได้รองเท้าแตะมาหนึ่งคู่ กางเกงขาสั้น 2 ตัว
ลงไปล้างเท้าในทะเล
เผลอแว้บเดียว รองเท้าแตะเหลือข้างเดียวซะแล้ว
อีกข้างถูกคลื่นซัดลงทะเลไปไกลราว 15 เมตร
คนมันจะซวย ช่วยไม่ได้
ปิดท้ายด้วยภาพนี้
ที่พักใกล้ทะเลดี อยากอยู่ซักสามวัน
ลงนาม
เป็ดสวรรค์
เจ้าเก่า
ขำจัง ไดอารี่จริง เขียนโดนใจ อย่าลืม
การแข่งขันทำให้เราพัฒนาครับ แต่อย่าจริงจังกับมันมาก เอาหนุกๆก็พอ เนอะ
ชวนไปพบปะกันในเฟสบุ๊ค
กดไปตามนี้โลด
Create Date : 25 พฤษภาคม 2555 |
|
47 comments |
Last Update : 25 พฤษภาคม 2555 0:22:30 น. |
Counter : 2370 Pageviews. |
|
|
|