► ►►..เป็ ด ส วร ร ค์ ไ ล ฟ์ อิ น ต รั ง งานวิวาห์ใต้สมุทร ครั้งที่ 16 ต อ น 4...◄ ◄◄
มาจะกล่าวบทไปถึงทริปตรังกลางทะเล
หลังจากที่ถึงเกาะกระดานและใช้เวลานานสองนาน
กับการเก็บภาพท้องทะเลอันใสแน๋วเหมือนดุรณีแรกแย้มแง้มใหม่
ก็ต่อด้วยการถ่ายภาพคู่บ่าวสาวที่จะดำน้ำลงไปใต้ทะเล ไปจดทะเบียนกัน
ช่างภาพก็เชียร์ให้หอมแก้มกัน ให้โพสต์ท่านั่นนี่
จากนั้นอีก ก็ลงไปดำน้ำกัน
ขอบคุณภาพถ่ายใต้น้ำที่ส่งมาให้โดยพี่โจนและคุณสาวซึ่งได้จากหอการค้าจังหวัดตรังอีกที
โต๊ะที่ตั้งใต้ทะเลปีนี้ รู้สึกจะตั้งติดกับพื้นทรายมากๆ
มีปลาเชื่องๆสองตัวคอยทำหน้าที่เป็นหมอนด้วยนะ
ดูสิ ไม่ยอมไปไหนเลย เอ รึจะเป็นปลาปลอม?
.
.
.
.
นายทะเบียนก็เป็นนายทะเบียนใต้น้ำครับ จดกันใต้น้ำเลย
.
.
.
.
จดเสร็จ ก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกและมอบหมายให้คู่หนุ่มสาว
.
.
.
.
ถ่ายรูปไว้เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต
บางคู่มีจูบกัน ตอนจูบต้องถอดหน้ากากที่คาบอยู่ออกมา
อ้าปากฝ่าน้ำเค็มเข้าไปจูบกัน
จูบคงหวานปนเค็มเพราะน้ำทะเล
ได้รสชาติไปอีกแบบ
.
.
.
.
ถ่ายรูปกับปลาแสนรู้
เวลาคนเราคาบหน้ากากดำน้ำแล้วถ่ายรูป หน้าเรามันดูตลกๆเนาะ
น่าจะมีใครออกแบบใหม่ซักนิด เอาแบบที่คาบแล้วหน้าตาไม่ตลก
ถ่ายรูปออกมา จะได้หน้าหวานแหวว
.
.
.
.
ก่อนจะไปยังจุดหมายต่อไป เราแวะดำน้ำดูปะการังกันที่อีกมุมหนึ่งของเกาะ
ปะการังของที่นี่ ฟอกขาวกันหมดอย่างน่าเสียดาย คงอีกหลายปีจะคืนชีพ
ต้องรอลุ้นกันต่อไป
ตอนแรกผมกระโดดลงทะเลโดยไม่มีชูชีพ ลืมว่าตัวเองไม่ได้ว่ายน้ำมาหลายปีแล้ว
กระแสน้ำวันนี้แรงมาก ว่ายจนเหนื่อย
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยใช้สน็อกเกิล ลองใช้ครั้งแรก
ซึ่งก็ทำตามพี่ไกด์บอกทุกอย่างนะ แต่ไม่รู้ไปพลาดตรงไหน
เลยได้กินน้ำทะเลไปหลายอึก เข้าจมูกเข้าปากเต็มไปหมด
“น้ำทะเลแรกๆจะเค็ม ต่อไปจะขม” พี่ไกด์ว่า
รู้ซึ้งเลยครับพี่
.
.
.
จากนั้นคณะชาวบล็อกและทีมงานของวูดดี้ ก็ออกเดินทางไปสู่ถ้ำมรกต
หนึ่งในที่ท่องเที่ยวอันซีนวีนแตกของจังหวัดตรัง
เสียดายที่คลาดกับคณะบ่าวสาว ไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกันจ้อย
ถ้ำมรกต เป็นถ้ำครึ่งบกครึ่งน้ำ คือ ครึ่งนึงอยู่บนบก
ส่วนพื้นถ้ำมีน้ำลึก ราวๆ 7 เมตร
ที่ได้ชื่อว่าถ้ำมรกต ไม่ใช่เพราะคนค้นพบถ้ำคนแรกชอบใช้น้ำมันพืชมรกต
แต่เพราะว่าสีของน้ำในถ้ำเวลาสะท้อนแสงแดดนั้น สีเขียวยังกะสีของมรกต
ที่จริงผมว่ามันออกจะฟ้าๆนะเหมือนสีเทอร์คอยซ์
แต่จะเรียกถ้ำเทอร์คอยซ์ มันก็ยังไงๆอยู่เนาะ
อาจจะขึ้นอยู่กับมุมตกกระทบของแสงที่เรามองก็ มองอีกมุม อาจจะเห็นอีกสีนึง
.
.
.
.
.
การเข้าไปในถ้ำมรกตนั้น ทำโดยมีคนดึงเชือกอยู่ข้างหน้า ซึ่งก็คือพี่ไกด์นั่นเอง
ลูกแถวก็จับเชือกแล้วก็ช่วยกันเอาเท้าตีน้ำค่อยๆลอยไปข้างใน
สิ่งที่อยากได้ที่สุดในนาทีนั้น ก็คือกล้องกันน้ำซักตัว เอาไว้ถ่ายรูปในถ้ำ
และถ้าใครมีไฟฉาย ก็อย่าลืมพกไปด้วยนะ
ทริปนี้ผมเอาโอเชี่ยนแพ็คไปด้วย แต่ดันเอาไว้ที่โรงแรมซะนี่
กล้องทั้งหมด เลยเอาใส่ถังแล้วก็ลอยไปข้างใน
ตลอดทางที่เข้าไป ทุกคนต่างสงเสียงครางอืออาๆ ไม่ใช่เพราะหนาวหรือโดนปลารุมตอดนะ
แต่เพราะตะลึงงันสั่นสะท้านในความงามของหลืบเหลี่ยมและสีสันของถ้ำนั่นเอง
พอถึงกลางๆถ้ำ ก็จะมีรังค้างคาวอยู่ด้วยนะ
ผมหอนหนึ่งทีเพื่อเป็นการทักทายมัน
ระยะทางจากปากถ้าถึงในหุบ ราวๆ 30 เมตรเห็นจะได้
พอพ้นมาปุ๊บ ก็เจอกับทะเล แบบมินิๆ
.
.
.
.
.
คณะเราก็เล่นน้ำ ถ่ายรูป สูดดมธรรมชาติกันจนเต็มปอด
ในทรายของที่นี่ มันจะมีตัวอะไรไม่รู้นะ ถ้าเราไปทับมันมันจะกัดเรา
คันนิดๆ เหมือนโดนอะไรจิ้ม
ตัวมันจะคล้ายๆแมงดาทะเล แต่ตัวเล็กๆ ประมาณครึ่งเซ็นต์
คาดว่าจะเป็นด้วงทะเล
หรือจะเป็นตัวอ่อนของพะยูน ใครจะไปรู้
มีป้ายหินหนึ่งป้าย จารึกเป็นภาษาอังกฤษ
เล่าถึงตำนานการต่อสู้ของชาวบ้านบางระจัน รึเปล่า? ผมก็ไม่รู้เพราะตกภาษาอังกฤษตอนอนุบาลสอง
.
.
.
.
รอบๆมินิทะเล จะเป็นผาสูงชัน ทะเลนี้เลยอยู่กลางหุบเขา
เป็นบรรยากาศที่น่าปีนขึ้นไปข้างบนแล้วโดดลงมาในน้ำมากๆ
.
.
.
.
หลังจากเล่นน้ำปล่อยก้อนความเป็นเด็กออกมาจนสมควรแก่เวลา
เราทั้งหลายก็พากันออกไปสู่ทะเลเปิด
มุ่งหน้าสู่ที่ทานมื้อเที่ยงที่เกาะมุกชาลีบีช รสอร์ท
ขาออกไปเราเจอฝรั่งสาวสี่ชีวิต ใส่ชูชีพลอยเข้ามาในถ้ำกันเอง
เราทักทายและชมเชยในความกล้าหาญของพวกเธอ
พอเราถึงปากถ้ำก็เห็นสี่สาวลอยคอตามออกมา บอกว่ามืดมาก กลับออกมาเอาไฟฉาย
. .
.
.
มุ่งหน้าสู่ที่กินข้าวอย่างหิวโหย
ทางร้านต้อนรับด้วยน้ำส้มคั้นที่อร่อยที่สุดในชีวิตน้อยๆของผม
เพิ่งรู้ว่าถ้าจะกินน้ำส้มคั้นให้อร่อย ต้องกินตอนกลับจากทะเลร้อนๆ
ผมพยายามส่งสายตาเป็นเชิงว่าขอออีกแก้วได้ไหม?
แต่สายตาคนใต้กับสายตาคนอีสานแบบผม อาจจะจูนไม่ตรงกัน เลยอด แฮ่ๆ
กับข้าวมื้อเที่ยงเป็นแบบซีฟู้ด
อร่อยจนอยากสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟ
.
.
. .
.
ชายหาดของที่นี่ กว้างดี ทรายละเอียด
มีฝรั่งมานอนอาบแดดมากมาย มองดูคล้ายแมวน้ำ
ฝรั่งอ้วนก็มี ฝรั่งเด็กก็มี ฝรั่งสาวก็มี
นอนอาบแดดกันแบบอยากดำเต็มที่
ผมไม่ได้อยากดำ แต่ก็ดำ และขณะที่นั่งพิมพ์อยู่นี้
หนังผมกำลังลอกครับ
หนังลอกเป็นแผ่นๆ ผิวขาวไม่สม่ำเสมอเริ่มปรากฎ มองดูคล้ายกำลังจะลอกคราบ
คาดว่าจะต้องหาครีมอะไรซักอย่างมาทา แต่คงไม่ถึงขนาดต้องใช้กวนอิมมั้ง?
. .
.
.
ได้เวลาอำลาหมู่เกาะทะเลตรังครับมุ่งหน้าเข้าฝั่งเพื่อไปงานเลี้ยงเย็นนี้
เขาจัดกันที่หาดวิวาห์ใต้สมุทร ใกล้ๆนี่เอง แต่คณะเราต้องไปอาบน้ำแต่งตัวกันก่อน
แล้วเราก็ออกเรือกันไป
เรือกระตุกนิดหน่อย เหมือนอยากให้เราเที่ยวต่อ
พอออกมาพ้นเกาะที่เราเที่ยวถ้ำมรกตนิดนึง
เรือก็จอดครับ
เรือจอดเพราะเครื่องยนต์ดับ
เครื่องยนต์ดับ เพราะ ..น้ำมันหมด... ครับ
เอิ้กกกกก
อยากจะหงายเงิบตกทะเล
ได้พบประสบการณ์ใหม่ที่คาดไม่ถึง ไม่อยู่ในแผน ตื่นเต้นไปอีกแบบ
ทุกคนยังคงสภาพความครื้นเครงเอาไว้ เมื่อพี่คนขับบอกว่าอีก 15 นาที น้ำมันจะมา
เราต่างคุยกันเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันในทริปท่องเที่ยวต่างๆ
ที่ต่างคนต่างเคยพบเคยเจอมาเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ
ส่วนผม ถ่ายรูปครับ
ถ่ายเกาะอะไรซักอย่าง รูปร่างเหมือนปลาอ้วนๆ
.
.
.
.
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
เวลาในทะเล15นาที อาจจะเท่ากับ 1 ชั่วโมงในเวลาบนบกรึเปล่า?
อันนี้น่าคิด
มีเรือเล็กผ่านมา ถามสารทุกข์สุกดิบ พร้อมจากไปเพราะเขาใช้โซล่า
เราใช้เบนซิน
.
.
.
.
หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป
บางคนนั่งมองทะเล เผื่อจะเจอบ่อน้ำมันแถวนี้
.
.
.
.
จะสองชั่วโมงแล้ว
บางคนเริ่มอ้อนวอนต่อเมฆคิวมูลัสเบื้องบนให้ส่งคนพร้อมน้ำมันมาให้เราที
เราคงไม่ทันงานเลี้ยงเย็นนี้
โทรฯบอกเว็มมี่ที่เพิ่งมาถึงเมื่อเช้าและกลับจากตะลอนเที่ยวในเมือง
ให้ช่วยถ่ายรูปบ่าวสาวตอนเข้างานให้ด้วย
.
.
.
.
และแล้ว เรือกู้ภัยก็มา
.
.
.
.
ไอ้ตึ๋ง หนึ่งในผู้ร่วมทริป ถ่ายรูปคู่กับเรือที่กำลังเติมน้ำมัน
ดูมันกำลังดำได้ที่เพราะตากแดดมาสดๆ
.
.
.
.
ในที่สุด ก็กลับถึงฝั่งแบบใกล้ค่ำเต็มที
.
.
.
.
จบภาคทะเลแล้วครับ
ตอนต่อไปจะกล่าวบทไปถึงงานเลี้ยงต้อนรับตอนเย็น
ต่อจากนั้นเป็นมื้อเช้า และไปเที่ยวถ้ำลอดเขากอบเป็นตอนสุดท้าย
ต่อด้วยรวมภาพแบบที่ไม้ลงในบล็อกที่ผ่านมาอีกซักตอน
หมดเดือนพอดี เอิ้กๆ
ลาไปด้วยภาพนี้ครับ
ลงนาม
เป็ดสวรรค์
คนเดิม แต่ตัวดำ
ขำจัง ไดอารี่จริง เขียนโดนใจ ภาพถ่ายก็เอา อย่าลืม
ป้ายนี้เอาไปใช้ได้นะครับ ใครประสงค์จะให้โหวตบล็อก เอาไปแปะ ไม่ต้องเขินอาย ไม่ต้องเกรงใจ อยากให้โหวตหมวดไหนก็พิมพ์ใส่บนหัวป้าย การแข่งขันทำให้เราพัฒนาครับ แต่อย่าจริงจังกับมันมาก เอาหนุกๆก็พอ เนอะ
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
53 comments |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2555 1:58:03 น. |
Counter : 1977 Pageviews. |
|
|
|