► ►►..........เป็ ด ส วร ร ค์ ไ ล ฟ์ อิ น เ ชี ย งใ ห ม่ ปี 2 ต อ น ขุ น ว า ง. ....◄ ◄◄
สลบ 1 วัน
ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากรับมือกับหมูกระทะและลมหนาวกันจนอิ่มหนำ
คณะผู้มาเยือนดอย ก็มุ่งหน้าสู่ที่นอนของใครของมัน
มีกำหนดกลับจากความฝันตอนตีห้าครึ่ง กะว่าจะไปดูแม่คะนิ้ง
ก่อนเข้านอนอ ตอนไปอาบน้ำห้องน้ำบ้านหลังของพี่หนุ่ย
ผมได้เห็นสิ่งประหลาดที่บานประตูห้องน้ำ
เป็นรอยนิ้วคน รอยเลือด จากรอยนิ้วของคน
พี่หนุ่ยพยายามปลอบใจตัวเองว่ามันเป็นรอยสีต่างหากล่ะ
ผมก็ปลอบใจพี่หนุ่ยว่า มันอาจจะเป็นรอยเลือดที่จะปรากฎให้เห็น
เฉพาะคนที่เขาต้องการให้เห็นก็ได้
ดูสีหน้าแกดีขึ้น
.
.
.
.
นาฬิกาชีวภาพในตัวผมปลุกให้ร่างกายตื่นจากการหลับเวลา 05:15 น.
พี่ก๋าตื่นก่อนหน้านั้นเล็กน้อย
ผมเดินออกไปท้าลมหนาว ตั้งใจจะออกไปถ่ายทางช้างเผือก
สิ่งแรกที่รู้สึกได้คือ อุณหภูมิบริเวณนิ้วเท้า เข้าขั้นวิกฤต
รู้สึกเหมือนนิ้วเท้าแช่อยู่ในถังน้ำแข็งร้านป้าแหลม
.
.
.
.
เดินไปยังบ้านพี่หนุ่ยเพื่อปลุกทั้งสองให้ตื่นขึ้นมารับความรู้สึกเดียวกัน
พี่หนุ่ยกำลังอาบน้ำ
อืม..ช่างกล้าหาญเยี่ยงวีรสตรี
ไฟในแปลงผักหลายแปลง ดับไปแล้ว แสดงว่าไม่ได้เปิดทิ้งไว้ทั้งคืน
ถ่ายภาพดาวได้ไม่กี่ดวง ทางช้างเผือกคงลับขอบฟ้าไปแล้วหรือไร?
ลมหนาวพัดมา โดยไม่สนใจว่ามนุษย์เป็ดอย่างเราจะหนาวแค่ไหน
กลับสู่กระท่อมหลังน้อย พี่ก๋านั่งดีดกีต้าร์ตึ๋งๆ
เป็นเพลงที่แกแต่งทำนองไว้ แต่ยังไม่มีเนื้อ
เราควรแวะตลาด ซื้อเนื้อ
. .
.
.
.
หลังจากที่ตื่นนอนกันครบถ้วนทุกคน เราทั้งหลายก็เก็บของเตรียมเช็คเอ้าท์ออก กันเลย
นับว่าเป็นการเช็คเอ้าท์ที่เช้าที่สุด ตั้งแต่เกิดมา
การเช็คเอ้าท์ของที่นี่ก็คือ เอากุญแจไปคืนลุงกับป้าหน้าทางเข้า
หรือไม่ก็ทิ้งไว้ในบ้านนั่นแหละ
คุยกับพี่คนขับรถท้องถิ่นบอกว่า วันนี้หนาวมาก น่าจะประมาณ 4-5 องศา
แต่ผมว่า น่าจะน้อยกว่านั้น คราวหน้า ไปเที่ยวที่ไหน ผมจะไม่ลืมเทอมอมิเตอร์ เด็ดขาด
คราวนี้พลาดไปแล้วจริงๆ
ขนของขึ้นรถเสร็จสรรพ ได้เวลาลุ้นกับทางขึ้นอันชันชัดๆ 45 องศา
พี่โจนขับปรู๊ดดดดด....
หยุดกลางเนินพอดี
“แล้วไงต่อ?” พี่โจนถาม
ไม่รู้ครับ ผมขี่จักรยานเป็นอย่างเดียว
แต่ในที่สุด ก็ผ่านเนินชันชัดๆมาได้ ทางอุทยาน น่าจะทำถนนลดความชันลง หน่อยครับ
เสียวจริง
พี่คนขับรถท้องถิ่นแนะนำว่า เป้าหมายที่เราจะไป คือ กิ่วแม่ปานนั้น
ถ้าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนนี้ คงไม่ทันแล้ว แนะนำให้ไปขุนวางดีกว่า
เราก็ ตกลงไปขุนวางกัน
ไม่ทันจะถึงขุนวาง พระอาทิตย์ก็มารอตอกบัตรซะแล้ว
เราก็เลยลงถ่ายกันตรงนั้น วิวดีงาม เหมาะสมมาก
. . . . ต่างคนต่างหามุมเงียบสงบในการถ่ายรูป
จอดรถไว้ข้างทาง ขุนวางอยู่ห่างออกไปจากที่พัก ราวๆ 10 กว่าโล
ตอนนี้เราอยู่ครึ่งทาง
.
.
.
.
บางจังหวะเราก็ถ่ายกันเอง
เรามักจะถ่ายกันเองแบบไม่มีสาเหตุ
ที่จริงเหตุผลอาจจะเป็นประมาณว่า “เราถ่ายอีเป็ดตอนมันถ่ายรูปดีกว่า”
.
.
.
.
จอมยุทธ์นิรนามกับฟ้าสีครามและแดดสีเหลืองอ่อน
.
.
.
.
.
มองเห็นต้นนางพญาเสือโคร่งต้นนึง
ขึ้นอยู่ชายขอบเขา บ้านผมเรียกตีนเขา
แสดงว่าคนสมัยก่อนเชื่อว่าภูเขามันเดินไปไหนมาไหนได้ สินะ
แสงไฟจากดวงอาทิตย์ ส่องมาโดนมันพอดี
นางพญาเสือโคร่ง ผิงแดด
ต้นอะไรไม่รู้ สีม่วงๆ กับสีเขียว แปลกตาดี
โดนซูมโดยเป็ดสวรรค์
.
.
.
.
.
ทิวเขา สลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน สุดลูกหู ลูกตา
ลูกหูไม่รู้จัก แต่ลูกตา น่าจะเป็นแม่เรานั่นเอง
ปีหน้าจะถ่ายภาพแล้วซ้อนเลเยอร์มาให้ดูเน้อ
.
.
.
.
ใช้พลังซูมให้เป็นประโยชน์
ทำให้ได้ภาพในมุมที่แปลกออกไป
ภาพไม่คม ไม่ว่ากันเนาะ มือมันสั่นเพราะความหนาว
เอิ้กๆ
.
.
.
.
ทิวเขา
บนยอดเขาพวกนั้น คงจะสงบน่าดู
อยากไปตั้งตู้คาราโอเกะแหกปากร้องเพลง ซักครั้ง
ผมคงเป็นมนุษย์คนแรกในรอบหลายแสนปีตั้งแต่มีภูเขานี้มา ที่ทำแบบนี้
.
.
.
.
จากนั้น เดินทางกันไปต่อที่ขุนวาง
บ้านขุนวาง วิวสวยจนอยากยกเอาไปไว้ที่บ้าน
เห็นอะไรสีชมพู บานอยู่ไกลๆ
.
.
.
.
บ้านขุนวาง มีที่กลางเต๊นท์ มีบ้านพัก มีคนมาพักมากมาย
เราเดินมุ่งหน้าไปสู่ที่ซึ่งสีชมพูนั้นกำลังเบ่งบาน
.
.
.
.
เราโคตรโชคดี ที่มาแล้วเจอตอนดอกนางพญาเสือโคร่งบานเต็มที่พอดี
ถ้ามาเร็วหรือช้ากว่านี้ คงเห็นแต่ใบเขียวๆ
มากับดวงจริงๆงานนี้
หนุ่มสาวชาวไทย ถ่ายรูปคู่กับดอกไม้
.
.
.
.
โลกนี้เป็นสีชมพู
กับสีฟ้าที่ฟ้ามากกกกกกกกกกกกกกก
ใครเกิดวันอังคารกันวันศุกร์ คงจะถูกใจ
ดอกไม้บานกันเต็มต้น
.
.
.
.
เป็นอุโมงค์ดอกไม้สีชมพู
อยากให้ปลูกจนครบสองฝั่งจริงๆ
ทำถนนกว้างๆหน่อย
แจ่ม
.
.
.
.
พี่โจนไปตีซี้กับพ่อหนุ่มคนนึง ที่มาจากลพบุรี
พี่หนุ่ยก็ระดมถ่ายรูปด้วยกล้องทุกขนาดที่พกมา
.
.
.
.
กล้องเล็กกล้องน้อย
.
.
.
.
พี่หนุ่ยกำลังมองหากะปอมดอย
.
.
.
.
แอบถ่ายหนุ่มสาวชาวไทย คู่กับดอกไม้สีชมพู
.
.
.
.
ถ่ายดอกไม้ คู่กับท้องฟ้า ที่ฟ้ามากมายก่ายกอง
.
.
.
.
เมื่อเดินขึ้นมาจนถึงยอดเนิน
เราก็จะเหนื่อย
นอกจากเหนื่อยแล้ว เราก็จะได้เห็นวิวทิวเขาสลับซับซ้อน
คู่กับดอกไม้สีชมพูที่กำลังบานสะพรั่ง
เป็นภาพที่สวย จนฝีมือการถ่ายภาพอันเท่าหางอึ่งแคระของผม
ไม่อาจจะถ่ายทอดออกมาได้
.
.
.
.
แนะนำให้ไปดูใกล้ๆ ด้วยตาทั้งสองข้างของท่านเองครับ
เชียงใหม่ ไม่ไกลเกินเอื้อม
งูเหลือมไม่ควรเข้าไปใกล้ ระวังมันรัดครับ
.
. . .
หลังจากงานตะพาบวันที่ 5 ที่จะถึงนี้
จะอัพตอนสุดท้าย แล้วก็เจอกันอีกที
หลังกลับมาจากตรังนะครับทุกคนครับ
จะพยายามไปทักทายกันเนาะ
ลงนาม
เป็ดสวรรค์
ขำจัง ไดอารี่จริง เขียนโดนใจ ภาพถ่ายก็เอา อย่าลืม
ป้ายนี้เอาไปใช้ได้นะครับ ใครประสงค์จะให้โหวตบล็อก เอาไปแปะ ไม่ต้องเขินอาย ไม่ต้องเกรงใจ อยากให้โหวตหมวดไหนก็พิมพ์ใส่บนหัวป้าย การแข่งขันทำให้เราพัฒนาครับ แต่อย่าจริงจังกับมันมาก เอาหนุกๆก็พอ เนอะ
Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555 |
|
44 comments |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2555 23:31:04 น. |
Counter : 2428 Pageviews. |
|
|
|
ยังไม่มีโอกาสได้ขึ้นไปเที่ยวเลย
ขอบคุณครับ