Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
18 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 

โรคอีสุกอีใสและการป้องกัน



อีสุกอีใสเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสวาริเซลลา
เป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดงูสวัด อาการของเด็กที่เป็นจะมีไข้ต่ำ อ่อนเพลียและเบื่ออาหาร
ส่วนผู้ใหญ่มักจะมีไข้สูง มีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวคล้ายเป็นไข้หวัด
และจะมีผื่นขึ้นพร้อมๆ กับวันที่เริ่มมีไข้ หรือ 1 วันหลังมีไข้ โดยในระยะแรกจะเป็นผื่นแดงราบก่อน
ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มนูน มีน้ำใสๆ และคัน ต่อมาอีก 2-3 วันก็จะตกสะเก็ด
ผื่นและตุ่มเหล่านี้จะขึ้นตามไรผมก่อนแล้วกระจายไปตามใบหน้าและลำตัว แผ่นหลัง
บางคนจะมีตุ่มขึ้นในช่องปากทำให้ปากและลิ้นเปื่อย จะเกิดอาการเจ็บคอ
บางคนอาจไม่มีไข้ มีเพียงผื่นและตุ่มขึ้นเท่านั้น ผื่นจะขึ้นมากที่สุดที่ใบหน้าและลำตัว
เด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่มักจะมีอาการรุนแรงและมีตุ่มขึ้นมากกว่าเด็ก โดยทั่วไปผื่นหายได้โดยไม่มีแผลเป็น
ยกเว้นมีเชื้อแบคทีเรียมาแทรกซ้อน เนื่องจากผื่นและตุ่มที่ขึ้นนี้จะค่อยๆขึ้นทีละระลอก ไม่ขึ้นพร้อมกันทั่วร่างกาย
บางทีจะขึ้นเป็นผื่นแดงราบ บางทีขึ้นเป็นตุ่มน้ำใสๆ บางทีขึ้นเป็นตุ่มกลัดหนอง และบางทีเริ่มตกสะเก็ด
จึงทำให้คนสมัยก่อนเรียกโรคนี้ว่า อีสุกอีใส
โรคนี้เมื่อหายแล้วมักจะมีเชื้อหลบอยู่ที่ปมประสาท ซึ่งอาจจะออกมาเป็น งูสวัดในภายหลังได้

โรคอีสุกอีใสติดต่อโดยการสัมผัสถูกตุ่มน้ำโดยตรงหรือ สัมผัสถูกของใช้ เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม
ที่นอน ที่เปื้อนสิ่งคัดหลั่งจากตุ่มน้ำของคนที่เป็นอีสุกอีใสหรืองูสวัด หรือสูดหายใจเอาละอองของตุ่มน้ำ
ผ่านเข้าทางเยื่อเมือก โรคนี้มีระยะฟักตัว โดยผู้ป่วยจะมีอาการของโรคภายหลังรับเชื้อ 10-20 วัน

โดยทั่วไป โรคนี้มักจะระบาดในช่วงปลายฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อนเช่นเดียวกับหัด แต่ก็พบได้ประปรายตลอดทั้งปี
โดยมากจะพบในกลุ่มเด็กอายุระหว่าง 5-12 ปี
รองลงมาจะเป็นกลุ่มเด็กอายุ 1-4 ปี กลุ่มวัยรุ่น และวัยหนุ่มสาวตามลำดับ

การดูแลรักษา โรคอีสุกอีใสอาจแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ

1. การดูแลทั่วไป
โรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่ไม่รุนแรง เนื่องจากเป็นโรคที่หายเองได้ โดยอาจจะมีไข้อยู่เพียงไม่กี่วัน
ส่วนตุ่มจะตกสะเก็ดและค่อยๆหายใน 1-3 สัปดาห์ ผู้ป่วยจึงควรพักผ่อน และดื่มน้ำมากๆ
ถ้ามีไข้สูงใช้ยา พาราเซตามอล เพื่อลดไข้ได้
ไม่ควรใช้ แอสไพริน เพราะอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนทางสมองและตับ ทำให้ถึงตายได้
ผู้ป่วยควรอาบน้ำและใช้สบู่ฟอกผิวหนังให้สะอาด การใช้น้ำสะอาดหรือ น้ำเกลือประคบจะช่วยทำให้รู้สึกสบายตัวขึ้น
ควรตัดเล็บมือให้สั้นและหลีกเลี่ยงการแกะเกา เพราะอาจทำให้ติดเชื้อได้
ในรายที่คันมากๆ อาจให้ยาแก้คัน เช่น คลอเฟนิรามีน ช่วยลดอาการคันได้

ข้อควรระวังคือการดูแลในผู้ใหญ่ ซึ่งอาจจะมีอาการรุนแรงกว่า เช่น เป็นไข้หรือ
แผลมีการติดเชื้อหรือมีอาการคันรุนแรง หรือมีโรคแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น อาการปอดบวมจาก เชื้อไวรัส
ควรอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์เพื่อความปลอดภัย

2. การรักษาแบบเจาะจง
คือการใช้ยาต้านเชื้อไวรัสอีสุกอีใส ซึ่งควรจะให้ในระยะเวลา 24-48 ชั่วโมง หลังมีผื่นขึ้น
ซึ่งเชื่อว่าการที่สามารถให้ยาได้ทันและมีปริมาณพอเพียง ในช่วงนี้สามารถทำให้การตกสะเก็ดของแผล
ระยะเวลาของโรคสั้นลง การทำให้แผลตกสะเก็ดเร็วขึ้น ทำให้โอกาสการเกิดแผลติดเชื้อหรือแผลที่ลึกมากน้อยลง
ดังนั้น แผลเป็นแบบหลุมก็น้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามยาในกลุ่มนี้ก็มีราคาแพงมาก
การพิจารณาเลือกใช้ยากลุ่มนี้ จึงควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์และของผู้ป่วย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การดูและผิวในระยะ ที่มีผื่นอย่างถูกต้อง เช่น ทำความสะอาดแผลให้ปราศจากสิ่งสกปรกหรือ
ป้องกันการแทรกซ้อนของเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยสามารถกินยาเขียววันละ 3 ครั้ง ๆละ 7 ถึง 10 เม็ด


ในผู้ป่วยกลุ่มนี้อาการแทรกซ้อนที่พบบ่อย คือ
การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนบนผิวหนัง ทำให้กลายเป็นหนองและมีแผลเป็นตามมา
ในบางรายเชื้อแบคทีเรียที่แทรกซ้อนอาจกระจายเข้าในกระแสเลือดทำให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษและปอดบวมได้
ในผู้ใหญ่ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่นได้รับยารักษามะเร็ง หรือ สเตอรอยด์ เชื้ออาจจะกระจายไปยังอวัยวะภายในเช่น
สมอง ปอด ตับ ได้ จึงต้องระมัดระวังมากขึ้นในผู้ป่วยเหล่านี้

เราสามารถป้องกันการเป็นโรคอีสุกอีใสได้โดยไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย ควรแยกผู้ป่วยออกต่างหาก
ไม่ใช้ข้าวของปะปนกัน เพื่อป้องกันการติดต่อ โดยระยะแพร่เชื้อจะเริ่มตั้งแต่ 24 ชม.แรกที่ผื่นขึ้นไปจนถึงระยะ
ที่ผื่นหรือตุ่มแห้งหมด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6-7 วัน นอกจากนี้ควรพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมากๆ ด้วยค่ะ

สมัยก่อนมีความเชื่อว่าโรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่จะเกิดขึ้นกับทุกๆ คน ในช่วงหนึ่งช่วงใดของชีวิต เช่นเดียวกับหัด
แต่เดี๋ยวนี้มีวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในหลายๆ ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกาและ
ญี่ปุ่น ในประเทศไทย วัคซีนนี้มีราคาค่อนข้างสูง และพบว่าครึ่งหนึ่งของอีสุกอีใสเป็นในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี
ซึ่งมักมีอาการไม่รุนแรง จึงยังไม่กำหนดให้เป็นวัคซีนที่บังคับฉีดในเด็กไทย

แต่มีข้อแนะนำ
สำหรับเด็กไทยที่อายุอยู่ในช่วง 10-12 ปี ถ้ายังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน
ก็น่าจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส โดยการฉีดวัคซีนเพียงเข็มเดียว
แต่สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไปต้องได้รับวัคซีน 2 เข็มใน ระยะห่าง 4-8 สัปดาห์
จึงเพียงพอที่จะกระตุ้นให้สร้างภูมิต้านทานได้สูงพอที่จะป้องกันโรค
ส่วนผู้ที่เคยเป็นอีสุกอีใสมาแล้ว จะมีภูมิต้านทานตามธรรมชาติอยู่แล้วไม่ต้องฉีดวัคซีนอีก

โรคอีสุกอีใสกัน แม้จะเป็นโรคที่ไม่รุนแรงและหายเองได้ แต่ก็ควรป้องกันภาวะแทรกซ้อน ตามวิธีที่แนะนำนะค่ะ

ผศ. ดร. นิภาวรรณ สามารถกิจ

แหล่งอ้างอิง
สุรเกียรติ อาชานานุภาพ. อีสุกอีใส. นิตยสารหมอชาวบ้าน ปีที่ 25 ฉบับที่ 296.




 

Create Date : 18 มีนาคม 2552
7 comments
Last Update : 18 มีนาคม 2552 15:11:00 น.
Counter : 4676 Pageviews.

 

ขอบคุณมากครับ

 

โดย: สุรชัย IP: 118.175.88.110 14 เมษายน 2552 23:07:32 น.  

 

แล้วถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นมาก่อน

แล้วไปฉีดวัคซีน

จะมีโอกาสเป็นอีกรึป่าวว

 

โดย: กลัว IP: 118.175.130.117 28 เมษายน 2552 11:35:20 น.  

 

ขอบคุณมากๆ ตอนนี้กำลังเป็นอยู่ค่ะ เจ็บ คัน และเป็นไข้ทุกคืนก่อนนอน ทรมารมากๆ

 

โดย: T_T IP: 88.193.177.59 1 ตุลาคม 2552 17:26:31 น.  

 

เค้าบอกว่าคัยที่เป็นอีสุกอีใสตอนโตจะเป็นแผลเป็นคะแต่หนูอายุ11แล้วอะยังไม่เป็นเลยพี่คะทุกคนจะต้องเป็นโรคอีสุกอีใสหรือเปล่าคะ

 

โดย: บีม IP: 223.204.110.208 16 พฤษภาคม 2554 12:16:42 น.  

 

พี่คะหนูไม่อยากเป็นอีสุกอีใส
ตอนโตเลยอะหนูกลัวว่าหนูจะ
ไม่สวยอะและไม่อยากเป็นแผล
เป็นด้วยอะทำไงดีอะพี่

 

โดย: บีม IP: 223.204.110.208 16 พฤษภาคม 2554 12:22:50 น.  

 

กำลังเป็นอยู่ค่ะ เป็นมาได้3วันเมนดันมาค่ะ จะเป็นอะไรไหมคะ เพราะเมนเพิ่งหมดไปได้ประมาณ1อาทิตย์แล้วค่ะ ผู้รู้ช่วยตอบหน่อยนะคะ จะขอบคุณมากๆๆๆๆเลยค่ะ เพราะตอนนี้อายุ28ปีแล้วค่ะ เมลpookkan_wongphat@hotmail.com ส่งมาบอกกันบ้างนะคะ

 

โดย: pook IP: 125.26.57.60 26 พฤษภาคม 2554 13:21:27 น.  

 

ดูดบุหรี่ได้ป่าวคับ

 

โดย: สิง IP: 49.230.235.228 31 มีนาคม 2559 8:26:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.