เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินหลุด 4 เก้าอี้รวด สาวพบถูกร้อง 25 ข้อหาเรื่องเงิน-พาสีกาขึ้นห้าง


อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินหลุด 4 เก้าอี้รวด สาวพบถูกร้อง 25 ข้อหาเรื่องเงิน-พาสีกาขึ้นห้าง

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินหลุด 4 เก้าอี้รวด สาวพบถูกร้อง 25 ข้อหาเรื่องเงิน-พาสีกาขึ้นห้าง

อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินหลุด 4 เก้าอี้รวด สาวพบถูกร้อง 25 ข้อหาเรื่องเงิน-พาสีกาขึ้นห้าง

อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินหลุด 4 เก้าอี้รวด สาวพบถูกร้อง 25 ข้อหาเรื่องเงิน-พาสีกาขึ้นห้าง

อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินหลุด 4 เก้าอี้รวด สาวพบถูกร้อง 25 ข้อหาเรื่องเงิน-พาสีกาขึ้นห้าง

พิจิตร - อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินหลุดจากตำแหน่งบริหารสงฆ์เกลี้ยงรวม 4 ตำแหน่ง หลังถูกอดีตไวยาวัจกรร้องเรียน 25 ข้อหา ทั้งเรื่องเงื่อนงำเงินวัด ยันพาสีกาขึ้นห้างฯ ขณะที่เจ้าตัวบอกขอความเป็นธรรม ยันเงินวัดอยู่ครบ สาวลึกปมขัดแย้งเรื้อรังมาตั้งแต่ปี 46-47 หลังปลด “กำนันซ้ง” พ้นเก้าอี้ไวยาวัจกรวัด แถมเป่าหู “แม้ว” บอกเป็นนักเลงซ้ำ

       วันนี้ (12 พ.ย.) พระทีฆทัสสีมุนีวงศ์ เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปลดพระครูวิสิฐสีลาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ออกจากตำแหน่งตามบัญชาเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ว่า ล่าสุดหลังปลดออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว ยังมีผลให้ต้องหลุดจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบล และพระอุปัชฌาย์ รวมถึงการที่ได้เป็นพระครูสัญญาบัตร ซึ่งจะได้รับเงินเดือนเป็นค่าตอบแทนเดือนละประมาณ 3,000 บาทเศษก็ให้หลุดตามไปด้วย จึงเป็นการปลดออกรวม 4 ตำแหน่งในด้านการบริหารงานของสงฆ์

       พระทีฆทัสสีมุนีวงศ์ เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกฝ่ายหยุดการวิพากษ์วิจารณ์และขอให้น้อมรับคำตัดสินจากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เพราะได้มีการไต่สวนกันอย่างละเอียดรอบคอบ ซึ่งปกติสงฆ์จะทำอะไรนั้นก็จะใช้หลักธรรมะที่จะต้องมีความเมตตาและความเป็นกลางเป็นหลักอยู่แล้ว

       ดังนั้น คำตัดสินข้างต้นจึงน่าจะเป็นแนวทางก่อให้เกิดความรักความสามัคคี ซึ่งหน้าที่ต่อไปคือ ต้องช่วยกันฟื้นฟูชื่อเสียงของหลวงพ่อเงินและวัดบางคลานให้กลับมาเป็นที่พึ่งทางใจของญาติโยมต่อไป

ด้านพระครูวิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าวท่ามกลางลูกศิษย์ลูกหานำโดยนายสนั่น ลือมงคล อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32/1 หมู่ 3 ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร และพวกที่มาห้อมล้อมหลายสิบคนนั้น ได้พยายามพูดชี้แจงว่า อยากจะขอความเป็นธรรม

       โดยเฉพาะกรณีที่ถูกนายเชวง ชัยรัตน์ อดีตข้าราชการครูระดับ 9 และนายพร ปั้นเพ็ง อดีตข้าราชการครูในพื้นที่ ซึ่งเป็นอดีตไวยาวัจกรทั้งสองคนร้องเรียนไปยังพระผู้ใหญ่เป็นลายลักษณ์อักษร ถึง 25 หัวข้อ ความยาวถึง 4 หน้ากระดาษ เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2547 เรื่องการเงินของวัด และการนำเงินไปซื้อหุ้น รวมถึงการซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างและมีการเบิกจ่ายเงินเกินความเป็นจริง นอกจากนี้ยังมีการใส่ร้ายว่ามีการพาสีกาไปเดินชอปปิ้งในห้างฯ

       พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ได้ปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา โดยชี้แจงเรื่องแรกว่าเรื่องการที่มีเงินของวัดไปเล่นหุ้นนั้น ก็เป็นการซื้อหุ้นมาตั้งแต่อดีตเจ้าอาวาสคนก่อน พอมาถึงยุคของตนก็ต้องตกกระไดพลอยโจร มารับภาระรับผิดชอบ และก็ถูกโจมตีเรื่อยมา ส่วนเรื่องการก่อสร้างและเงินภายในวัดยืนยันว่าเงินยังอยู่ครบ ซึ่งปัจจุบันมีเงินอยู่ถึง 84 ล้านบาท

       พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ได้นำใบหุ้นออกมาให้ดูพบว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ธนาคารแห่งประเทศไทย ซื้อเมื่อปี พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 1 อายุ 7 ปี ในนามของวัดหิรัญญาราม เป็นเงิน 16 ล้านบาท และใบการถือหุ้นด้อยสิทธิของ ธ.กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2555 ครั้งที่ 1/2555 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2565 ในนามของชื่อผู้ถือหุ้นกู้วัดหิรัญญาราม เป็นเงิน 7,100,000 บาท

       สำหรับเรื่องราวของความวุ่นวายในวัดหลวงพ่อเงินบางคลานนั้น เริ่มต้นขึ้นประมาณ พ.ศ. 2546-2547 โดยนายสุกิจ พรธาดาวิทย์ หรือกำนันซ้ง อดีตประธานสภา อบจ.พิจิตร ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 1 เดือนเศษที่ผ่านมา เคยเป็นผู้หาเงินเข้าวัดและเคยเป็นไวยาวัจกรในสมัยอาจารย์เปื่อง เป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน จากนั้นได้มรณภาพไป

       แต่พอพระครูวิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสก็ปลด “กำนันซ้ง” ออกจากไวยาวัจกร แล้วแต่งตั้งนายเชวง ชัยรัตน์ อดีตข้าราชการครูระดับ 9 และ นายพร ปั้นเพ็ง อดีตข้าราชการครูในพื้นที่ เข้ามาเป็นไวยาวัจกรแทน

       ต่อมา “กำนันซ้ง” เคลือบแคลงใจว่าเงินในวัดน่าจะเกิดการทุจริต หรือมีการฉ้อโกงเกิดขึ้น จึงมีการสอบถาม สร้างความไม่พอใจให้ฝ่ายพระครูวิสิฐสีลาภรณ์ และสองไวยาวัจกร จึงเป็นเหตุบาดหมางและเกิดความแตกแยกเรื่อยมา

       กระทั่ง พ.ศ. 2547-48 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินสายทัวร์นกขมิ้นแล้วมานอนพักค้างคืนที่วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ได้ใช้โอกาสทำหนังสือร้องเรียนว่า กำนันซ้ง เป็นผู้มีอิทธิพล หรือเป็นนักเลงเข้ามาก้าวก่ายกิจการงานของสงฆ์ จนตกเป็นเป้าหมายระยะหนึ่ง โชคดีที่ “กำนันซ้ง” เป็นคนสนิทของ เสธ.หนั่น-พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ จึงรอดจากเหตุการณ์มาได้อย่างหวุดหวิด

       ต่อมา “กำนันซ้ง” ก็ได้เอกสารใบคำร้องที่พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ ส่งถึง พ.ต.ท.ทักษิณ จึงนำเอาเอกสารมาฟ้องศาลในคดีอาญา สู้คดีกันมาหลายปี จนในที่สุดศาลจังหวัดพิจิตรก็ตัดสินว่าพระครูวิสิฐสีลาภรณ์มีความผิดจริง จึงพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี และมีการเจรจาของคู่ความ โดยมีข้อตกลงว่า นายเชวง ชัยรัตน์ อดีตข้าราชการครูระดับ 9 และ นายพร ปั้นเพ็ง อดีตข้าราชการครูในพื้นที่ จะต้องลาออกจากการเป็นไวยาวัจกร ซึ่งทั้งคู่ก็ปฏิบัติตามที่ศาลไกล่เกลี่ย

       เรื่องน่าจะจบแค่นั้น แต่ปรากฏว่าทั้งสองฝ่าย และกับกลุ่มชาวบ้านอีกหลายกลุ่มก็กลายเป็นคู่ความขึ้นโรงขึ้นศาลอีก 28 คดี จึงเป็นเหตุให้พระครูวิสิฐสีลาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ต้องเดินขึ้นโรงขึ้นศาลมาจนถึงปัจจุบัน




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2557 22:55:44 น.   
Counter : 2185 Pageviews.  

อสส.สั่งฟ้อง “สรยุทธ-ไร่ส้ม” เบี้ยวจ่ายค่าโฆษณา อสมท 138 ล้าน

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
อสส.สั่งฟ้อง “สรยุทธ-ไร่ส้ม” เบี้ยวจ่ายค่าโฆษณา อสมท 138 ล้าน

“อัยการสูงสุด” สั่งฟ้อง “สรยุทธ-ไร่ส้ม” เบี้ยวจ่ายค่าโฆษณา 138 ล้านให้ อสมท รอแจ้งคณะทำร่วม ป.ป.ช. เชื่อไม่เห็นต่าง พร้อมฟ้องโดยเร็ว ชี้ระวางโทษจำคุก 5-20 ปี หรือตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต ส่วน “สรยุทธ” แม้ไม่ใช่ จนท.รัฐ หากพบว่ากระทำผิดจริงต้องรับโทษ 2 ใน 3

       วันนี้ (12 พ.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนางสันทนี ดิษยบุตร รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้าการพิจารณาพยานหลักฐานของคณะทำงานร่วมระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุดกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คดีที่นางพิชชาภา หรือชนาภา เอี่ยมสะอาด หรือบุญโต นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการบริษัท ไร่ส้ม จำกัด, บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และ น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่บริษัท ไร่ส้มฯ ผู้ถูกกล่าวหา ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6, 8, 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และ 91 กรณีนายสรยุทธ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม กระทำการโฆษณาเกินเวลาขณะจัดทำรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท ระหว่างปี 2548-2549 โดยไม่ชำระค่าโฆษณาเกินเวลาให้กับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) รวมยอด 138,790,000 บาท

       โดยนายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีดังกล่าวหลังจาก อัยการสูงสุด ได้รับสำนวน ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดแล้ว ต่อมาวันที่ 5 ก.ย. 2556 อัยการสูงสุด ได้แจ้งข้อหาไม่สมบูรณ์ เพื่อให้คณะทำงานอัยการ และ ป.ป.ช. ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์และได้ข้อยุตินั้น ขณะนี้คณะทำงานผู้แทนทั้งฝ่ายอัยการ และ ป.ป.ช. รวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว ซึ่งเสนออัยการสูงสุดแล้วเห็นว่าคดีมีพยานหลักฐานฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 รายได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาจึงจะมอบให้คณะทำงานผู้แทนของอัยการสูงสุดนำความเห็นไปประชุมร่วมกับคณะทำงาน ป.ป.ช.อีกครั้งก่อนเพื่อให้ได้ข้อยุติในการดำเนินการฟ้องคดีต่อไปโดยเร็ว เชื่อว่าคณะทำงาน ป.ป.ช.จะไม่มีความเห็นต่างจากนี้ เนื่องจากในการชี้มูลความผิดของ ป.ป.ช.ก็สรุปความผิดผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 รายตามที่กล่าวมา หากที่ประชุมได้ข้อยุติเรียบร้อยแล้ว เมื่อจะมีการฟ้องคดีสำนักงานอัยการสูงสุด ก็จะมอบให้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 2 รับผิดชอบต่อไป

       สำหรับอัตราโทษความผิดดังกล่าว นางสันทนี ดิษยบุตร รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดพนักงานในองค์การฯ มาตรา 6 ฐานพนักงานเรียกรับสินบน ระวางโทษจำคุก 5-20 ปี หรือตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท, มาตรา 8 ฐานเป็นพนักงานใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต โทษจำคุก 5-20 ปี หรือตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 11 ฐานพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ส่วนนายสรยุทธเมื่อไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หากพบว่ากระทำผิดจริงก็ต้องรับโทษ 2 ใน 3




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2557 22:43:19 น.   
Counter : 1293 Pageviews.  

11 พ.ย.57 ครบ2ปีที่เจอไซบีเรียนตัวนี้ที่โดนปล่อยวั­ด ด้วยสภาพไม่ต่างอะไรกับซากศพ

ภาพต่างๆจะแสดงการเล่า

สภาพที่เจอในตอนแรก

เริ่มจะหล่อแล้ว 

ปีแรกเขาเป็นขี้เรื้อน4รอบ  ปี่สองเขาเป็นโรคกระเพาะปัสสะวะ กับเนื้อร้ายที่หมอได้ตรวจชิ้นเนื้อแล้วคาดว่าจะเป็นมะเร็ง ได้ผ่าตัดออกแล้วค่ะ ตอนนี้เขาแข็งแรงมากๆ และน่ารักมากๆค่ะ ตอนเป็นกระเพาะปัสสะวะ

 ตอนมีเนื้อร้าย

ตอนนี้เขาหายหมดทุกโรคแล้วค่ะ และเป็นลูกที่น่ารักของเรา  ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆในพันทิบและเฟสบุ๊กที่เคนช่วยบริจาคค่ารักษาให้เขาค่ะ 

จะครบ2ปีในวันพรุ่งนี้ เมื่อวันที่11 พ.ย.55 เป็นวันที่เจอเขาและได้โพสเรื่องราวขอความช่วยเหลือเขาในวันนั้นค่ะ  วันนี้เลยรวบบรวมพัฒนาการต่างๆให้ได้ดูค่ะ 

11 พ.ย.57 ครบ2ปีที่เจอไซบีเรียนตัวนี้ที่โดนปล่อยวัด ด้วยสภาพไม่ต่างอะไรกับซากศพ เป็นสารพัดโรคค่ะ ภาพต่างๆจะแสดงการเล่าเรื่องที่ผ่านช่วงเวลา 2ปีที่ดูแลเขา อยากให้คนที่เลี้ยงหมาดูไว้ค่ะ ความรักชนะทุกสิ่ง จงรู้จักมอบความรักและความเมตตาในกับสัตว์เลี้ยงที่คุณเลี้ยง

"อย่าทิ้งเขา คุณอยู่ได้โดยที่ไม่มีเขา แต่เขาอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณค่ะ"

ที่มา: สมาชิกพันทิป : ตัวตรง
//pantip.com/topic/32837631




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2557 22:03:21 น.   
Counter : 2204 Pageviews.  

5 นศ.สาวมหาลัยดัง แจ้งความจับผกก.-อดีตดาราดัง พาเข้ารร.-ลวนลาม!!

เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 11 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ใน จ.ชลบุรี จำนวน 5 คน ได้เข้าแจ้งความและชี้ตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แสนสุข ภายหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมตัว นายภาม รังสี อายุ 50 ปี เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง เศียรสยอง กับ นายวิทิต แลต อายุ 40 ปี อดีตนักแสดงชื่อดัง ในข้อหาทำอนาจาร

 ซึ่งผู้เสียหายประกอบด้วย น.ส.นาน น้องลูกเกด , น้องหงส์ , น้องนุ่น และน้องพลอย (นามสมมติ) ซึ่งทั้งหมดเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังในจังหวัดชลบุรี ได้ให้การกับทางพนักงานสอบสวน สภ.แสนสุขว่า ทางผู้กำกับภาพยนตร์ได้ประกาศรับสมัครหญิงสาว เข้าแสดงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ในแนวออกเซ็กซี่ ผ่านเว็บไซต์ หลังจากนั้นได้มีการนัดแนะที่จะทำการดูตัวและทำการเทสต์หน้ากล้อง โดยทางผู้กำกับได้นัดให้ไปพบที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในบางแสน และนั่งรับประทานอาหารกันจนถึงเวลาเทียงคืน ทางนายภาม ผู้กำกับ และนายวิทิตก็พานักศึกษาทั้งหมดไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่ชายหาดบางแสน เพื่อทำการเทสต์หน้ากล้อง โดยพาเข้าไปในห้อง หลังจากนั้นก็ทำการปิดไฟ พร้อมกับเริ่มลวนลาม ซึ่งทางผู้เสียหายเห็นว่า ถูกหลอก เพราะภายในห้องไม่มีกล้อง จึงพยายามที่จะติดต่อเพื่อนชายที่รออยู่ข้างนอก โดยโทรศัพท์ ไปหาเพื่อนชาย ทางเพื่อนชายก็เข้าไปพังประตูช่วย

 ทางนายภาม กับนายวิทิต ก็ได้หลบหนีออกจากโรงแรม โดยขับรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า 2 สีขาว หมายเลขทะเบียน 2ก-8496 กรุงเทพมหานคร หลบหนีเข้าตัวเมืองชลบุรี ทางผู้เสียหายขับรถตามไปจนถึงตลาดใหม่ชลบุรี จึงขับรถพุ่งชน จนรถของผู้กำกับและนักแสดงไม่สามารถที่จะวิ่งต่อไปได้ และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แสนสุขได้ติดตามไปจับกุมตัวมาได้ ทางผู้เสียหายก็ทำการชี้ตัว และจับกุมดำเนินคดีต่อไป

 น.ส.นาน (นามสมมติ) อายุ 21 ปี เผยว่า ตนเองกับเพื่อนๆอีก 4 คน ได้พบประกาศผ่านทางด้านเว็บไซต์ว่ารับสมัครหญิงสาวเข้าแสดงภาพยนตร์ จึงได้ส่งรูปไป หลังจากนั้นทางผู้กำกับได้นัดพบที่ร้านอาหารในบางแสน ซึ่งในระหว่างที่รับประทานอาหาร ทางผู้กำกับก็บอกว่าได้คัดจากหญิงสาวจำนวน 30 คน เหลือแค่ 5 คนเท่านั้น โดยบอกว่าภาพยนตร์ที่จะถ่ายทำเป็นแนวออกเซ็กซี่ มีเปลือยบ้างในบางฉาก ซึ่งทางตนเองก็พอรับได้ หลังจากนั้นก็จะพยายามพูดเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์หมู่ และพูดจาเรื่องบนเตียงตลอด และยังบอกว่า โอกาสหน้าอนาคตจะมีระดับเสี่ยพาไปเลี้ยง มีเงินมีทองมากมาย 

 นอกจากนั้นยังบอกว่า น้องๆ ไม่ต้องกลัวนะพี่มีเงิน พี่ไปหาซื้อบริการเองก็ได้ ซึ่งหว่านล้อมต่างๆ นานา และบอกว่ายอมหรือไม่ถ้าเปลือยช่วงล่างให้ดูก่อน ตอนแรกบอกว่าจะให้ถ่ายเรื่อง เศียรสยอง แต่มาถึงบอกว่าเรื่องนั้นเต็มแล้ว จะเปิดกล้องเรื่องใหม่แนวเซ็กซี่

 สำหรับนายภาม รังสี อายุ 43 ปี เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ มีผลงานมากมาย เช่นเรื่อง ฟ้าแก้มโต เรื่อง The End เรื่อง สยองสองบรรทัด เรื่อง เศียรสยอง  เรื่องโลงจำนำ เรื่อง เมนูของพ่อ ทำภาพยนตร์เรื่องแรก เรื่อง สยามเมืองยิ้ม 




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2557 21:59:18 น.   
Counter : 1090 Pageviews.  

จับแก๊งสกิมเมอร์ชาวจีน คาโรงแรมย่านเยาวราช

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
จับแก๊งสกิมเมอร์ชาวจีน คาโรงแรมย่านเยาวราช
นายจง เซี่ยวผิง นายหยาง ไห่ฉาง น.ส.หวง จือหง และ 4.นายหลิว กังโจว ผู้ต้องหาชาวจีน

ปอศ.จับแก๊งสกิมเมอร์สัญชาติจีน 4 รายคาโรงแรมย่านเยาวราช หลังได้รับการประสานจากแบงก์กสิกรไทยว่ามีคนร้ายตระเวนกดเงินตามตู้เอทีเอ็ม ทั้งหมดให้การรับสารภาพ แต่อ้างว่าจะได้ค่าตอบแทนเป็นงินสดร้อยละ 10 จากขบวนการใหญ่อยู่ที่มณฑลเจียงซู ประเทศจีน

       วันนี้ (5 พ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พ.ต.อ.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล รรท.ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.ท.จักรกริช เสริบุตร รอง ผกก.5 บก.ปอศ. และพ.ต.ต.ชยานนท์ ทองแถม สว.กก 5.บก.ปอศ. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม 1. นายจง เซี่ยวผิง (Mr. Zhong xiaoping) อายุ 46 ปี 2. นายหยาง ไห่ฉาง ( Mr. Yang haichang) อายุ 37 ปี 3. น.ส.หวง จือหง (Ms.Huang zhihong) อายุ 29 ปี และ 4. นายหลิว กังโจว (Mr.Lui ganzhou) อายุ 38 ปี ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นชาวจีน พร้อมของกลาง บัตรเอทีเอ็มปลอม 65 ใบ กระดาษจดบันทึกและจดรหัสถอนเงินของบัตรต่างๆ 17 แผ่น สมุดจดรหัสบัตรฯ 1 เล่ม เครื่องอ่านคัดลอกและบันทึกข้อมูลบัตรฯ(เครื่องสกิมเมอร์) 1 ชุด โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง อุปกรณ์ติดตั้งกล้องขนาดเล็กพร้อมวงจรไฟฟ้า 2 ชุด และโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง โดยจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนเยาวราช แขวงและเขตสัมพันธวงศ์ เมื่อเวลา 08.30 น.ที่ผ่านมา

       พ.ต.อ.ธงชัยกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทยว่ามีกลุ่มชาวจีนใช้บัตรเอทีเอ็มปลอม ตระเวนถอนเงินสดจากตู้กดเงินในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าข้อมูลในบัตรเอทีเอ็มปลอมที่คนร้ายนำไปกดนั้น เป็นข้อมูลบัตรของธนาคารในประเทศอเมริกา คูเวต บาห์เรน อินเดีย ออสเตรเลีย ดูไบ ยุโรป ฯลฯ ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่นำเครื่องคัดลอกข้อมูล (สกิมเมอร์)ไปติดตามตู้ถอนเงินในประเทศไทย ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงติดตามจับกุมเพื่อขยายผลกระทั่งทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว หนีไปกบดานอยู่ในย่านเยาวราช จึงเฝ้าติดตามกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 4 ราย

       จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ากระทำการดังกล่าวจริง โดยจะนำบัตรเอทีเอ็มปลอมซึ่งรับมาจากนายจีจา ชาวจีน ไปผลัดกันตระเวนกดเงินตามตู้กดเงินในพื้นที่กรุงเทพฯ จริง หากดำเนินการสำเร็จจะได้ค่าตอบแทนเป็นงินสด ร้อยละ 10 ของเงินที่สามารถกดมาได้ โดยจะมีหัวหน้าขบวนการใหญ่อยู่ที่มณฑลเจียงซู ประเทศจีนเป็นผู้คอยสั่งการอีกทอดหนึ่ง

       รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางการสืบสวน เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหาว่ามีหัวหน้าขบวนการใหญ่อยู่ในประเทศจีน เนื่องจากหลักฐานที่พบมีทั้งบัตรเอทีเอ็มปลอม เครื่องคัดลอกข้อมูล (เครื่องสกิมเมอร์) และยังพบว่ามีอุปกรณ์ติดตั้งกล้องขนาดเล็กพร้อมต่อวงจรไฟฟ้าอีกด้วย ถือว่าครบทั้งกระบวนการในการลักลอบกดเงินจากตู้เรียบร้อยแล้ว โดยเชื่อว่าน่าจะนำเงินที่กดได้มาแบ่งกันเองไม่ได้ส่งต่อให้หัวหน้าใหญ่ตามที่อ้าง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนเพิ่มเติมว่ามีการนำเครื่องสกิมเมอร์ไปติดตั้งที่ใด หรือมีบุคคลใดเข้ามาเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ เพื่อติดตามจับกุมต่อไป

       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมโดยมิชอบ, ร่วมกันปลอมแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์ และร่วมกันทำเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงบัตรอิเล็กทรินิกส์ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ.เพื่อดำเนินคดีต่อไป




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2557 21:29:48 น.   
Counter : 1206 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]