เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

“มาร์ค” แจงบอยคอตเลือกตั้ง ขอหลอมเป็นหนึ่งกับมวลชนร่วมปฏิรูป-ล้างระบอบทักษิณ



ปชป.มีมติบอยคอตเลือกตั้ง 2 ก.พ. หวังกู้วิกฤตศรัทธาจากประชาชน หลังถูกระบอบทักษิณทำลาย “มาร์ค” เชื่อเลือกตั้ง 2 ก.พ.ไม่ชอบธรรม เหตุไม่ตอบโจทย์ประเทศ ประชาชนไม่ยอมรับ ประกาศจุดยืนขอหลอมรวมเป็นหนึ่งกับมวลชนร่วมปฏิรูปประเทศ พิสูจน์มีพรรคการเมืองที่เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ยอมรับเส้นทางที่เลือกยาวและยาก แต่พร้อมสะสมพลังปฏิรูปให้เข้มแข็ง ล้างระบอบทักษิณอย่างยั่งยืน ยันไม่ขวางเลือกตั้ง อัดปูเน่าไร้ความชอบธรรมเสนอสภาปฏิรูปหลังเลือกตั้ง เหตุทรยศต่อความไว้วางใจจาก ปปช. ท้าทุกพรรคที่หนุนเลือกตั้งประกาศชัดว่าต้องการต่ออายุระบอบทักษิณ

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ่ายวันนี้ (21 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค และอดีต ส.ส.ของพรรค แถลงหลังประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคถึงเหตุผลที่พรรคมีมติไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 2557

       โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ประชุมร่วมกรรมการบริหารพรรคและอดีต ส.ส.พรรคมีมติไม่ส่งผู้สมัครโดยเป็นข้อสรุปจากการพิจารณาและกระบวนการที่มีความรอบคอบ รวมทั้งการมีส่วนร่วมของสมาชิกอย่างแท้จริง โดยเลขาธิการพรรครายงานผลการสอบถามความคิดสาขาพรรคทั่วประเทศต่อการเลือกตั้งและแนวทางของพรรค และรองหัวหน้าภาคที่หารือกับอดีต ส.ส. เห็นตรงกันว่าพรรคไม่สมควรส่งผู้สมัคร เพราะพรรคเห็นว่าการเมืองของประเทศไทยอยู่ในภาวะที่ล้มเหลวมาเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 8-9 ปี สืบเนื่องจากระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะกระบวนการประชาธิปไตยถูกบิดเบือนโดยบุคคลบางกลุ่ม ทำให้วันนี้ประชาชนขาดความศรัทธาในระบบพรรคการเมืองและระบบการเลือกตั้ง หากสภาพดังกล่าวยังดำรงต่อไปหมายความว่าการเมืองไม่มีการเปลี่ยนแปลง บ้านเมืองไม่มีการปฏิรูปก็จะตกอยู่ในสภาพการเมืองล้มเหลว ความขัดแย้ง สุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรง ความสูญเสีย การทุจริตก็จะดำรงไปอย่างต่อเนื่อง

       “พรรคต้องการหยุดภาวะการเมืองล้มเหลวนี้ พรรคจึงต้องหาทางออกที่แก้ปัญหาได้จริง เพราะประเทศไทยสูญเสียโอกาสมาอย่างต่อเนื่องทั้งการทุจริต นโยบายล้มเหลว ซึ่งเป็นการตัดโอกาสของประเทศที่จะพัฒนาให้ความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้น”

       นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคมองว่าสภาพการเมืองที่ล้มเหลวต่อเนื่องนี้เป็นปัญหาที่รัฐบาลชุดปัจจุบันที่ยังทำหน้าที่รักษาการเป็นผู้ที่ทำให้เกิดวิกฤต ทั้งๆ ที่มีโอกาสจะนำพาบ้านเมืองออกจากสภาพการเมืองล้มเหลวโดยอาศัยเสียงสนับสนุนจากประชาชนในขณะนั้นแก้ปัญหาประชาชน แต่รัลบาลยิ่งลักษณ์กลับใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง มีการผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมล้างความผิดให้คนทุจริตคอร์รัปชันที่ถูกศาลตัดสินแล้ว และยังพยายามแก้ไขกติกาสูงสุดของประเทศ บิดเบือนโครงสร้างอำนาจ ต่างตอบแทนกับสมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่ง หวังครองอำนาจตลอดไปและใช้อำนาจกอบโกยผลประโยชน์ให้ตัวเอง แม้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วก็ยังไม่ยอมรับอำนาจศาล โดยคิดหาหนทางที่จะบรรลุเป้าหมายในการแก้ปัญหาให้ตนเองและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง

       พรรคได้ทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มความสามารถ จนชะลอยับยั้งความเสียหายได้หลายอย่าง ซึ่งหากไม่มีฝ่ายค้านที่เข้มแข็งบ้านเมืองจะเสียหายมาก เช่น กฎหมายนิรโทษกรรมอาจผ่านไปแล้ว การแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว. และการกู้เงินให้คนไทยเป็นหนี้ 50 ปีอาจจะผ่านไปแล้ว แต่วิกฤตศรัทธาที่รัฐบาลก่อขึ้นลุกลามไปเป็นวิกฤตศรัทธาพรรคการเมืองโดยรวม การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่สามารถให้คำตอบหรือปฏิรูปประเทศให้หลุดพ้นวงจรนี้ และไม่อาจทำให้ประชาชนกลับมาศรัทธาระบบพรรคการเมืองและการเลือกตั้งได้

       “แม้พรรคส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งก็ไม่อาจคลายวิกฤตศรัทธาได้ ซึ่งนับตั้งแต่มีการยุบสภาเป็นต้นมาได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะกอบกู้ศรัทธาประชาชนให้มาสนับสนุนการเลือกตั้งและรัฐบาลหลังเลือกตั้งที่จะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ แต่เราพบความจริงว่าการลงสมัครเลือกตั้งเป็นการช่วงชิงอำนาจแบบเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

       นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนพยายามถึงขั้นที่จะพิสูจน์ว่าความรู้สึกของประชาชนใช้ไม่ได้กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยอาสาว่าพรรคจะเป็นเครื่องมือในการปฏิรูปเพราะเชื่อว่าการต่อสู้กับระบอบทักษิณในขั้นสุดท้ายจะประสบความสำเร็จได้ไม่ผ่านกระบวนการประชามติก็ต้องผ่านการเลือกตั้ง แต่ขณะนี้ไม่สามารถดำเนินการได้ ตนพยายามค้นหาบุคคลที่ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะปฏิรูปประเทศได้ โดยพรรคลงสมัครและให้บุคคลที่มีคุณสมบัติดังกล่าวเป็นนายกฯ คัดเลือกรัฐมนตรีปฏิรูปประเทศได้อย่างอิสระ พรรคจะเป็นเพียงเสียงข้างมากในสภาสนับสนุนให้การปฏิรูปสำเร็จแล้วคืนอำนาจให้แก่ประชาชน แต่บุคคลที่ตนไปพูดคุยและความรู้สึกของประชาชนที่ตนไปสอบถามก็ยังยืนยันว่าไม่สามารถทำให้เกิดความเชื่อมั่นการปฏิรูปหลังการเลือกตั้งได้ แม้แต่ตัวแทนภาคธุรกิจยังเห็นว่าแม้จะมีสัตยาบัณของพรรคการเมืองก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความเชื่อถือจากประชาชน

       หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ในฐานะพรรคการเมืองที่มีความเชื่อในการปฏิรูป ตนรู้สึกเสียใจเพราะการปฏิรูปหลายอย่างพรรคพยายามดำเนินการมาแล้วในช่วงที่มีอำนาจ เคยเสนอกฎหมายให้ความผิดทุจริตไม่มีอายุความ การปฏิรูประบบภาษีให้เก็บภาษีที่ดิน ทรัพย์สินและข้อเสนอจากคณะกรรมการปฏิรูปประเทศฯในอดีต แต่แม้ว่าพรรคจะทำงานสนับสนุนการปฏิรูปอย่างชัดเจน แต่ประชาชนก็ไม่เชื่อว่าพรรคจะทำให้เกิดการปฏิรูปได้ โดยมองว่าจะถูกขัดขวางโดยระบอบทักษิณ ทำให้ตกอยู่ในสภาพว่าพรรคจะลงสมัครหรือไม่ไม่สามารถตอบคำถามเรื่องความชอบธรรมของการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ เมื่อพรรคไม่ลงสมัครการเลือกตั้งจะชอบธรรมหรือไม่ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบ ถ้าประชาชน 70 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นไปตัดสินใจไปเลือกตั้งการเลือกตั้งก็ชอบธรรม แต่ถ้าพรรคลงสมัครโดยประชาชนไปใช้สิทธิไม่ลงคะแนนให้พรรคใดเป็นจำนวนมากการเลือกตั้งก็จะไม่ชอบธรรม เพราะประชาชนได้แสดงออกแล้วว่าจะไม่รับรองความชอบธรรมจากการเลือกตั้งครั้งนี้

       “ถ้าผมลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อเป็นผู้แทนราษฎร แต่ถามว่าถ้าผมมลงสมัครวันนี้ใครคือราษฎรที่ผมจะเป็นตัวแทนของเขา ราษฎรที่เชื่อในระบอบทักษิณเขามีตัวแทนอยู่แล้ว แต่ราษฎรที่ประสงค์จะเห็นการปฏิรูปวันนี้ถ้าลงเลือกตั้งเขาไม่มองว่าผมเป็นตัวแทนของเขา มองว่าเป็นส่วนหนึ่งในการต่ออายุให้การเมืองที่ล้มเหลว เราจึงตัดสินใจเดินเข้าสู่การเป็นพรรคการเมืองเคียงคู่กับการปฏิรูปประเทศ โดยไม่ขัดขวางการเลือกตั้ง ไม่มีจุดยืนสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญแต่พรรคพร้อมที่จะบอกว่าเส้นทางปฏิรูปประเทศพรรคจะทำงานกับประชาชนตามขั้นตอนคือ ให้ข้อเท็จจริงระดมสมองว่าประเทศต้องปฏิรูปอย่างไร จากนั้นขัดเกลาเป็นนโยบายเพื่อให้ประชาชนใช้พรรคเป็นเครื่องมือเป็นตัวแทนในการปฏิรูปอย่างแท้จริง ผมทราบดีว่าฝ่ายตรงกันข้ามจะกล่าวหาสารพัดเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้”

       นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่บอกว่าพรรคไม่เคยคว่ำบาตรการเลือกตั้งเคยทำมาแล้วโดยหัวหน้าพรรคคนแรก จากนั้นเป็นยุคของตนในปี 2549 แต่พรรคไทยรักไทยยังทุจริต ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นพฤติกรรมที่บ่อนทำลายประชาธิปไตย วันนี้สภาพการเมืองไม่แตกต่างกัน พรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคร่วมรัฐบาล ทรยศต่อประชาชนจนเกิดวิกฤตประชาชนออกมาต่อต้าน แต่ยังไม่มีสำนึกถึงการกระทำผิด กลับมาบอกว่าจะสร้างสภาปฏิรูปลงสัตยาบันขอให้รัฐบาลมีอำนาจอยู่เพียงสองปีก็ไม่มีความน่าเชื่อถือหลงเหลืออยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาตนได้พยายามขอความร่วมมือจากพรรคการเมืองอื่นเพื่อแสวงหาทางออกด้วยการเลื่อนการเลือกตั้งเพื่อหาคำตอบให้ประเทศ แต่ก็ถูกปฏิเสธ

       ทั้งนี้ เห็นว่าการเลือกตั้งที่จะเป็นคำตอบต้องเป็นธรรมและประชาชนยอมรับผลการเลือกตั้ง รวมทั้งนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น วันนี้การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 ไม่ตอบโจทย์นี้ เพราะรัฐบาลยังใช้งบประมาณรัฐทัวร์หาเสียง ใช้ดีเอสไอเป็นเครื่องมือคุกคามฝ่ายตรงข้าม นายกฯเดินทางไปพบ กกต.จนต้องจำยอมให้มีการเลือกตั้งแม้ กกต.จะเห็นว่าอาจจะนำไปสู่วันมหาโกลาหล สภาพแบบนี้เรียกความศรัทธาคืนจากประชาชนไม่ได้ ตนจึงบอกว่าเราไม่ขัดขวางการเลือกตั้ง แต่นักการเมืองที่ลงสมัครประกาศตัวให้ชัดว่าขอต่ออายุระบอบทักษิณ กับการเมืองที่ล้มเหลว แล้วทำไปตามกติกาที่คิดว่าถูกต้องเลือกตั้งสำเร็จ เป็นรัฐบาล แต่พวกตนจะรอวันที่พลังปฏิรูปเข้มแข็งชะล้างสิ่งเหล่านี้ออกจากประเทศไทย และรอคอยวิถีทางประชาธิปไตยที่แท้จริงที่จะแข่งขันเสนอตัวเข้าสู่อำนาจ

       “พรรคต้องการให้โอกาสกอบกู้ศรัทธาประชาชนต่อพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา บ้านเมืองมาถึงวันนี้เพราะรัฐบาลทรยศต่อความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้ อย่าให้ฝ่ายค้านต้องทำเหมือนรัฐบาลเลย หลังปฏิรูปต้องมีสภา ต้องมีพรรคการเมือง ขอให้มีพรรคการเมืองสักพรรคหนึ่งที่พร้อมทำเพื่อประเทศชาติไม่ใช่ทำเพื่อตัวเอง เห็นแก่ความเปลี่ยนแปลงมากกว่าการช่วงชิงอำนาจ หลอมรวมให้พรรคการเมืองเป็นหนึ่งเดียวกับประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศ ผมขออภัยพี่น้องประชาชนที่ตั้งใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่ได้คิดว่าจะแพ้หรือเป็นฝ่ายค้านแต่เชื่อว่าในสถานการณ์ปกติพรรคจะได้คะแนนมากที่สุดตั้งแต่ตั้งพรรค และจะมีโอกาสเป็นรัฐบาลแต่จะมีการจัดตั้งมวลชนมาขัดขวางทำให้เกิดปัญหาเดิม หรือหากประชาธิปัตย์แพ้ก็พิสูจน์แล้วว่าทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มความสามารถด้วยความเต็มใจ เราไม่ใช่พรรคการเมืองที่เห็นคุณค่าความเป็นพรรคการเมืองเพื่อก้าวสู่ผลประโยชน์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยไม่ต้องคิดถึงพวกผมในสภาเพราะในวันที่เราอยู่ในสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ไม่มาสภา ถึงเวลานักการเมืองส่องกระจกตัวเอง กลับมากอบกู้ศรัทธา พวกผมเลือกเส้นทางที่ยากและยาวในการที่จะเป็นตัวแทนประชาชนขอให้ประชาชนร่วมเดินกับพรรค จะเกิดการปฏิรูปที่ยั่งยืนทำให้ศรัทธากลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตยอีกครั้งอย่างยั่งยืน”

//manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000156650




 

Create Date : 21 ธันวาคม 2556   
Last Update : 21 ธันวาคม 2556 22:20:49 น.   
Counter : 1400 Pageviews.  

“ธาริต” ออกหมายเรียก - อายัดบัญชี ธ.“ตั๊น จิตภัสร์” พร้อม 19 แกนนำแถวสอง



DSI ออกหมายเรียกแกนนำ กปปส.แถวสองอีกเพิ่ม 20 ราย พร้อมแจ้งธนาคารตรวจสอบและอายัดบัญชี

       วันนี้ (20 ธ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดีพิเศษ ทำหน้าที่ประธานในการประชุมคณะพนักงานสอบสวน กรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.และพวกถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอันเกี่ยวเนื่องจากการชุมนุม โดยที่ประชุมได้มีมติให้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพิ่มเติม (แกนนำแถวที่สอง) และแจ้งธนาคารให้ตรวจสอบบัญชีและอายัดบัญชีทั้งสิ้น จำนวน 20 คน ได้แก่รายชื่อดังต่อไปนี้

       1.นางสาวจิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี
       2.นายสาธิต ปิตุเตชะ
       3.นายสกลธี ภัททิยกุล
       4.นายทศพล เพ็งส้ม
       5.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์
       6.นายแก้วสรร อติโพธิ
       7.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
       8.ดร.เสรี วงษ์มณฑา
       9.นายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี หรือ นายอมร อมรรัตนานนท์
       10.ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ
       11.นายถนอม อ่อนเกตุพล
       12.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ
       13.นายพิชิต ไชยมงคล
       14.นายไพบูลย์ นิติตะวัน
       15.พล.อ.ปฐมพงษ์ เกสรสุข
       16.นายสุริยะใส กตะศิลา
       17.นายพิภพ ธงไชย
       18.นายบุญยอด สุขถิ่นไทย
       19.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์
       และ 20.นายพิจารณ์ สุขภารังษี

       ในข้อหาร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดิน และชุมนุมมั่วสุมให้เกิดเหตุความไม่สงบในบ้านเมืองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และมาตรา215 จากพฤติการณ์นำฝูงชนเข้าปิดล้อมบุกรุกสถานที่ราชการ สถานีโทรทัศน์หลายแห่ง ขึ้นปราศรัยปลุกระดมให้ประชาชนกระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง นอกจากนี้ยังได้แจ้งธนาคารให้ตรวจสอบบัญชีและอายัดบัญชีทั้งสิ้น ส่วนกำหนดการที่จะนัดให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 20 ราย เข้ารับทราบข้อกล่าวหานั้น ยังไม่ได้กำหนด โดยตนจะแถลงข่าวภายหลังจากการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษอีกครั้งในวันที่ 23 ธ.ค.นี้


//manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000156348




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2556   
Last Update : 20 ธันวาคม 2556 20:38:38 น.   
Counter : 1576 Pageviews.  

“ธาริต” เดินหน้าอายัดบัญชี ธ.18 แกนนำ กปปส.ตัดท่อน้ำเลี้ยง “กำนันสุเทพ”



“ธาริต” เดินหน้าอายัดบัญชี ธ.18 แกนนำ กปปส.พร้อมร่อนหนังสือถึงธนาคารพาณิชย์ 30 แห่ง ร่วมตรวจสอบบัญชีการเคลื่อนไหวของบรรดาแกนนำต่างๆ ย้อนหลัง 6 เดือน หวังตัดท่อน้ำเลี้ยง “กำนันสุเทพ”

       วันนี้ (19 ธ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส.และพวกที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอันเกี่ยวเนื่องจากการชุมนุมในคดีร่วมกันเป็นกบฏกล่าวถึงแนวทางการสอบสวนว่า เช้าวันนี้ตนได้มีหนังสือแจ้งธนาคารพาณิชย์ให้ทำการตรวจสอบบัญชีของแกนนำทั้ง 18 คน ที่ถูกดีเอสไอกล่าวหาดำเนินคดีร่วมกันเป็นกบฏว่ามีบัญชีประเภทใดบ้าง อยู่ที่สาขาใดบ้าง จำนวนเท่าใด แล้วจัดส่งสำเนาการเดินบัญชี หรือ Statement ย้อนหลังเป็นเวลา 6 เดือน ส่งให้ดีเอสไอโดยด่วน พร้อมกันนี้ให้อายัดบัญชีเหล่านั้นทุกบัญชี รวมถึงบัญชีครัวราชดำเนิน จำนวน 2 บัญชี ของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาราชดำเนิน ด้วย

       อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ตนยังได้ลงนามออกหมายเรียกไปยังแกนนำทั้ง 17 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 26 และ 27 ธ.ค. 2556 โดยเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอได้ส่งหมายให้มีผลตามกฎหมายแบบคู่ขนาน ทั้ง 2 วิธี คือ ให้ตำรวจที่ประจำโรงพักอันเป็นภูมิลำเนาของแกนนำไปส่งหมายเรียก และส่งหมายเรียกทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับอีกทางหนึ่งด้วย ส่วนแนวการทางการสอบสวนหลังจากนี้ ตนได้นัดประชุมคณะพนักงานสอบสวน อันประกอบด้วย พนักงานสอบสวนของ บช.น.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พนักงานสอบสวนของดีเอสไอ และพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งเข้าร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวน ในวันจันทร์ที่ 23 ธ.ค. 2556 เวลา 14.00 น.คาดว่าจะได้ร่วมกันพิจารณาพยานหลักฐานมีมติให้ดำเนินคดีกับแกนนำเพิ่มเติม หรือกลุ่มแกนนำแถวที่สองอีกประมาณ 20-30 คน ฐานร่วมกันเป็นกบฏ หรือร่วมกันกระทำการให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบ หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะแกนนำที่ขึ้นอภิปรายในลักษณะผิดกฎหมาย แกนนำที่นำกลุ่มคนไปบุกยึดสถานที่ราชการต่างๆ ซึ่งมีทั้งนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว อดีต ส.ส.เป็นต้น

       สำหรับธนาคารทั้ง 30 แห่ง ที่ดีเอสไอได้ส่งหนังสือให้ตรวจสอบว่ามีบัญชีของแกนนำผู้ชุมนุมหรือไม่หากมีขอให้อายัดพร้อมรายงานการทำธุรกรรมย้อนหลัง 6 เดือน ประกอบด้วย 1.ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 2.ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) 3.ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 4.ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 5.ธนาคาร เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) 6.ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) 7.ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) 8.ธนาคาร ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) 9.ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 10.ธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) 11.ธนาคาร ยูโอบี จำกัด (มหาชน) 12.ธนาคาร แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) 13.ธนาคาร สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) 14.ธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) 15.ธนาคาร ไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)

       16.ธนาคาร เมกะ สากลพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) 17.ธนาคาร เจพีมอร์แกน เชส 18.ธนาคาร ซิตี้แบงก์ 19.ธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น 20.ธนาคาร ดอยช์แบงก์ 21.ธนาคาร เดอะรอยัลแบงก์ออฟสกอตแลนด์ เอ็น.วี. 22.ธนาคาร บีเอ็นพี พาริบาส์ 23.ธนาคาร มิซูโฮ จำกัด 24.ธนาคาร แห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด 25.ธนาคาร แห่งประเทศจีน จำกัด 26.ธนาคาร แห่งอเมริกาเนชั่นแนลแอสโซซิเอชั่น 27.ธนาคาร อาร์ เอช บี จำกัด 28.ธนาคาร อินเดียนโอเวอร์ซีส์ 29.ธนาคาร โอเวอร์


//manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000155820




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2556   
Last Update : 19 ธันวาคม 2556 20:57:08 น.   
Counter : 1602 Pageviews.  

“ธาริต” เบ่งกล้าม! สั่งอายัดบัญชีแกนนำ กปปส.เรียกสอบผู้ให้การสนับสนุน



อธิบดีดีเอสไอ รับลูกเดินเครื่องออกหมายเรียกแกนนำ กปปส.พร้อมสั่งอายัดบัญชี-ตรวจสอบย้อนหลังแกนนำรวม 18 คน แถมออกหมายเรียกเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมมาสอบสวนด้วย

 วันนี้ (18 ธ.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวหลังการประชุมพนักงานสอบสวนจากดีเอสไอ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอัยการ เพื่อวางแนวทางในการสอบสวนคดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.พร้อมพวกว่า การประชุมคณะพนักงานสอบสวนเป็นครั้งแรก เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องเร่งด่วนและจำเป็น ซึ่งที่ประชุมได้มีมติดำเนินการเร่งด่วนทันที ดังนี้ 1.ออกหมายเรียกแกนนำผู้ชุมนุมอีก 17 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา โดยเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากที่พนักงานสอบสวนของ บช.น.ได้ดำเนินการขอศาลออกหมายจับไว้ แต่ศาลได้สั่งให้ดำเนินการออกหมายเรียกก่อน โดยจะส่งหมายเรียกให้มีผลตามกฎหมายทันทีในวันพรุ่งนี้ หากไม่มาตามนัดจะขออนุมัติศาลออกหมายจับทันที ส่วนการจับกุม นายสุเทพ ที่ถูกออกหมายจับในคดีกบฏ จะพิจารณาความเหมาะสมตามสถานการณ์ที่เหมาะสม ตนไม่ห่วงเพราะคดีมีอายุความ 20 ปี

       อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า 2.ออกคำสั่งอายัดบัญชีของแกนนำผู้ชุมนุมรวม 18 คน เนื่องจากศาลได้อนุมัติหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกแกนนำอีก 17 คน มารับทราบข้อกล่าวหา บุคคลทั้ง 18 คนดังกล่าวจึงอยู่ในข่ายผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด มีมูลเบื้องต้นจากการถูกออกหมายจับ และหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาและทำการสอบสวนแล้ว จึงมีพยานหลักฐานตามสมควรว่ามีเหตุน่าเชื่อว่าได้ร่วมกระทำความผิด เพื่อประโยชน์ในการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ในการจะใช้พิสูจน์ความผิด หรือบริสุทธิ์ของผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ตามที่พนักงานสอบสวนของ สตช.ได้ดำเนินการเบื้องต้น ดีเอสไอจึงออกคำสั่งแจ้งไปยังธนาคารทุกแห่งให้อายัดบัญชี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำรวม 18 คน ในทุกบัญชี ทุกประเภท ทุกธนาคาร และให้ธนาคารนั้นๆ จัดส่งหลักฐานการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน ให้ดีเอสไอโดยด่วนที่สุด โดยจะส่งหนังสือแจ้งคำสั่งไปยังธนาคารทุกธนาคารในวันพรุ่งนี้

       นายธาริต กล่าวอีกว่า การสั่งอายัดบัญชีของแกนนำทั้ง 18 คนนี้ จะกระทำพร้อมกับสั่งอายัดบัญชีที่แกนนำ กปปส.ได้ประกาศไว้ให้เป็นบัญชีรับบริจาคเพื่อสนับสนุนการชุมนุม ขณะนี้พบมี 2 บัญชี

       การอายัดบัญชีและตรวจสอบย้อนหลัง 6 เดือนนี้ เพื่อการตรวจสอบแสวงหาพยานหลักฐาน คาดว่าผลการตรวจสอบย้อนหลัง 6 เดือนในบัญชีจะทำให้เห็นความเคลื่อนไหวของกระแสเงิน และจะทำให้ทราบว่ามีผู้ให้การสนับสนุนในลักษณะท่อน้ำเลี้ยงที่ให้เงินผ่านบัญชีแกนนำ และบัญชีรับบริจาคกี่คน กี่ครั้ง จำนวนเงินเท่าใดบ้าง จึงขอเตือนให้กลุ่มทุน หรือท่อน้ำเลี้ยงที่สนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายให้หยุดการสนับสนุนการกระทำผิดเสียทันที โดยเฉพาะเมื่อดีเอสไอได้ประกาศแจ้งเตือน หากยังฝ่าฝืนจะถือว่ามีเจตนาสนับสนุน หรือร่วมกระทำผิดกับบรรดาแกนนำอย่างเจตนาโดยชัดเจน

       อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า 3.ออกหมายเรียกเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ที่ให้การสนับสนุนการชุมนุมมาสอบสวน เนื่องจากข้อมูลที่พนักงานสอบสวนของ สตช.ร่วมกับพนักงานสอบสวน ดีเอสไอได้ดำเนินการร่วมกันมา พบว่ามีเจ้าของยานพาหนะ บริษัท ร้านค้า ให้การสนับสนุนการชุมนุมที่ผิดกฎหมายจำนวนหนึ่ง เพื่อคัดกรองว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามาร่วมให้การบริการ เพราะรับจ้างมาหรือจงใจสนับสนุนเป็นข้อเท็จจริงประการใด จึงจะได้ออกหมายเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบสวน เพื่อให้ได้ทราบความจริงประกอบการดำเนินคดีต่อไป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการทันที

       สำหรับรายชื่อดีเอสไอต้องทำการออกหมายเรียกรวม 17 คน ประกอบด้วย วันที่ 26 ธ.ค.เวลา 14.00 น.ประกอบด้วย 1.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 2.นายชุมพล จุลใส 3.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 4.นายอิสสระ สมชัย 5.วิทยา แก้วภราดัย 6.นายถาวร เสนเนียม 7.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 8.เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 9.น.ส.อัญชลี ไพรีรัก

       ส่วนวันที่ 27 ธ.ค.เวลา 14.00 น.ประกอบด้วย 10.นายนิติธร ล้ำเหลือ 11.นายอุทัย ยอดมณี 12.ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ 13.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 14.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 15.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ 16.พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ สุปิยะพาณิชย์ และ 17.นายสมบูรณ์ ทองบุราญ

       ในฐานความผิดและข้อกล่าวหา “ร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุ่มกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกไปแต่ไม่เลิก”


//manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000155372




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2556   
Last Update : 18 ธันวาคม 2556 20:37:19 น.   
Counter : 1504 Pageviews.  

“ไอ้หนุ่ย ติ๊งต่าง” พลิกลิ้นบอกไม่ได้ฆ่าเหยื่ออีกรายหลังพาตำรวจตรวจจุดเกิดเหตุย่านดอนเมือง



ตำรวจควบคุมตัว “ไอ้หนุ่ย ติ๊งต่าง” ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุย่านวัดสีกัน ดอนเมือง หลังเปิดปากสารภาพก่อเหตุกับเด็กอีกราย ก่อนมาก่อเหตุกับน้องการ์ตูน พลิกลิ้น ปัด “ไม่ได้ฆ่า” อ้างข่มขืนจนสำเร็จความใคร่แล้วนำเด็กไปส่งที่เดิม ด้านตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ชี้ในพื้นที่ยังไม่มีการแจ้งความเด็กหาย!

       เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (17 ธ.ค.) พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ สว.สส.สน.บางนา พร้อมกับฝ่ายสืบสวน สน.บางนา ควบคุมตัว นายหนุ่ย หรือติ๊งต่าง ผู้ต้องหาฆ่าข่มขืนน้องการ์ตูน เดินทางมายังวัดสีกัน ดอนเมือง หลังให้การสารภาพเพิ่มว่า เคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันที่วัดดังกล่าว ถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. จึงประสาน พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ รอง ผกก.จร.รรท.ผกก.สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.รังสรรค์ สอนสิงห์ พนักงานสอบสวนผู้ชํานาญการพิเศษ สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.ศิรณวิชญ์ อินทร สว.สส.สน.ดอนเมือง พ.ต.ต.ภาคภูมิ บุญเจริญพานิช สว.สส.สน.ดอนเมือง ร่วมตรวจสอบ

       โดยที่เกิดเหตุเป็นลานดินหลังวัดสีกัน นายหนุ่ย ได้นำเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดเกิดเหตุโดยให้การรับสารภาพว่า เมื่อคืนวันที่ 4 ธ.ค. ตนมาทํางานกับวงดนตรี เนื่องจากที่วัดกำลังจัดงานประจําปี พอตกค่ำตนพบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจึงหลอกว่าจะพาไปซื้อขนม แล้วถามเด็กว่าอยากกินอะไรเด็ก บอกว่าอยากกินนํ้า ตนไปซื้อมาให้ก่อนพาเด็กเดินออกมาที่ลานดินหลังวัด และพาเดินเข้าไปในป่า ตอนแรกจะพาไปที่บ้านร้างแต่เกรงว่าจะมีคน อยู่จึงเปลี่ยนใจพาเดินลัดเลาะเข้าป่า เมื่อถึงที่เหมาะพยายามบีบคอ และข่มขู่เด็กว่า จะไม่ฆ่าแค่ขอให้เสร็จกิจ แล้วจะปล่อยตัวกลับ ซึ่งนายหนุ่ย ได้พยายามข่มขืนจนสําเร็จความใคร่ หลังจากนั้น ก็พาเด็กออกจากป่าแล้วนําไปส่งที่เดิมก่อนที่นายหนุ่ย จะกลับไปทำงานต่อ จากนั้นนายหนุ่ย ได้เดินไปชี้จุดโดยบริเวณดังกล่าวอยู่ใกล้กับบ้านร้าง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ฆ่าเด็ก เพียงแต่เสร็จกิจแล้วก็ปล่อยตัวกลับ โดยใช้เวลาชี้จุด ประมาณ 30 นาที

       พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ ควบคุมตัว นายหนุ่ย กลับไปสอบปากคําเพิ่มเติมที่ สน.บางนา หลังจากนั้น พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ และหน่วยอาสาช่วยกันหาหลักฐานต่อ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าร่วมตรวจสอบจุดเกิดเหตุ แต่ก็ไม่พบอะไรเพิ่มเติม สําหรับการตรวจสอบเด็กหายในพื้นที่ สน.ดอนเมือง และพื้นที่ใกล้เคียงยังไม่พบว่าใครมาแจ้งความเด็กหายแต่อย่างใด


//manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000154856




 

Create Date : 17 ธันวาคม 2556   
Last Update : 17 ธันวาคม 2556 20:54:38 น.   
Counter : 1927 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]