เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

“สุเทพ”ขอใช้ตึกสันไมตรี ตั้งกองบัญชาการ กปปส.

“สุเทพ”เข้าทำเนียบ ขอใช้ตึกสันติไมตรีเป็นจุดนัดพบแกนนำ-ตั้งกองบัญชาการ กปปส.อ่านแถลงการณ์ประจำวัน รอง ผบ.กรมการทหารม้าเผย ยอมให้ใช้พื้นที่ได้ แต่จำกัดเฉพาะตึกสันติไมตรีเท่านั้น

       วันนี้(10 พ.ค.) เมื่อเวลา 17.30 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.)ได้เดินทางเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาลเพื่อเจรจากับตำรวจและทหารที่ดูแลความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอใช้พื้นที่ตึกสันติไมตรี เป็นสถานที่นัดพบของบรรดาแกนนำ และเป็นกองบัญชาการของ กปปส.ในช่วงที่ชุมนุมอยู่บริเวณทำเนียบรัฐบาล รวมถึงใช้เป็นสถานที่อ่านแถลงการณ์ประจำวัน โดยการขอใช้พื้นที่ตึกสันติไมตรี ซึ่งเบื้องต้นจะให้เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตเข้ามาในพื้นที่เท่านั้นโดยยังไม่อนุญาตให้มวลชนทั่วไปเข้าชุมนุมด้านใน

       พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน รองผู้บังคับการกรมทหารม้า ศูนย์การทหารม้า ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ กล่าวว่า หลังจากการเจรกับนายสุเทพได้ยอมให้นายสุเทพใช้พื้นที่ตึกสันติไมตรีทั้งหลัง เพื่อป้องกันความเสียหายในกรณีที่ผู้ชุมนุมบุกเข้ามาทำลายทรัพย์สิน และได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ของทำเนียบรัฐบาลที่ดูแลสถานทึ่ให้ทราบแล้ว อย่างไรก็ตามจะจำกัดให้เฉพาะตึกสันติไมตรีเท่านั้น
















 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 10 พฤษภาคม 2557 21:46:44 น.   
Counter : 1393 Pageviews.  

"สุรชัย" ชนะ "จงรัก" ได้เป็นประธานวุฒิฯ คนใหม่ ขออาสาผู้นำแก้ขัดแย้ง



ผลการประชุมเลือกประธานวุฒิสภา พบ "สุรชัย" ชนะ "จงรัก" 96 ต่อ 51 นั่งบัลลังก์สภาสูง เจ้าตัวแสดงวิสัยทัศน์ ชี้มีกลุ่มคนต้องการใช้กฎหมายเป็นโซ่ตรวนล็อกให้ประเทศเข้าสู่ทางตัน ขออาสาผู้นำแก้ขัดแย้ง

       วันนี้ (9 พ.ค.) การประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ หลังพักรับประทานอาหารเย็นแล้ว เมื่อเวลา 18.50 น. สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้กลับมาประชุมอีกรอบ โดยมีวาระสำคัญคือการเลือกประธานวุฒิสภา โดยพบว่าในที่ประชุมได้มีการลงมติว่าจะให้มีการเลือกประธานวุฒิสภาหรือไม่ โดยให้ลงคะแนนลับ ซึ่งพบว่า ส.ว. กลุ่มหนึ่งเสนอให้ลงคะแนนลับด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์ แต่ ส.ว. อีกกลุ่มหนึ่งเสนอให้เขียนในกระดาษ

       กระทั่งเวลา 19.35 น. ได้มีการตรวจสอบองค์ประชุม พบว่าในที่ประชุมมีจำนวน ส.ว. ทั้งหมด 139 คน จากนั้นที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติสมควรลงคะแนนแบบใช้เครื่อง 96 เสียง ลงคะแนนบนแผ่นกระดาษ 28 เสียง และงดออกเสียง 22 เสียง จากนั้นได้มีการลงมติให้เลือกประธานวุฒิสภาหรือไม่ พบว่าที่ประชุมมีมติ เห็นด้วยให้เลือกประธานวุฒิสภา ด้วยคะแนน 96 ต่อ 17 งดออกเสียง 19 เสียง

       จากนั้นเวลา 19.40 น. เข้าสู่วาระการเลือกประธานวุฒิสภา โดย ม.ร.ว.วุฒิเลิศ เทวกุล ส.ว.สรรหา ซึ่งเป็นผู้อาวุโสลำดับถัดไป เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งในที่ประชุม นายมณเทียร สงฆ์ประชา ส.ว.ชัยนาท เสนอ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา ส่วนนางพวงเพชร ศรีทอง ส.ว.สรรหา เสนอชื่อนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา จากนั้นได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่เสนอชื่อกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ คนละ 5 นาที โดยการจับสลาก พบว่า พล.ต.อ.จงรักได้เป็นผู้แสดงวิสัยทัศน์ก่อน และนายสุรชัยเป็นคนแสดงวิสัยทัศน์ต่อมา

       พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ตนมีประสบการณ์ทำงานสมัยรับราชการตำรวจ หากวุฒิสภามีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เชื่อว่าจะสามารถนำประสบการณ์มาช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ยืนยันในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ รวมถึงมั่นใจว่าจะทำให้วุฒิสภาเป็นที่ยอมรับของประชาชนได้ ตนเข้าใจสถานการณ์ความขัดแย้งการเมืองเป็นอย่างดี คุณสมบัติสำคัญของประธานวุฒิสภามี 2 ข้อ คือ ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้อง เป็นกลาง ยึดประโยชน์ประเทศชาติ และยึดหลักรัฐธรรมนูญ ย้ำว่า การเมืองเปลี่ยนได้ แต่ความถูกต้องเปลี่ยนไม่ได้ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำนอกรัฐธรรมนูญ

       ขณะที่นายสุรชัย กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดความขัดแย้ง วุฒิสภาถือเป็นสถาบันบัญญัติเดียวที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งฝ่ายบริหารที่มีอยู่ในขณะนี้เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการและเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถือเป็นหน้าที่ร่วมกันของสมาชิกวุฒิสภา 150 คนที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหา ตนรู้ดีว่าขณะนี้มีกลุ่มคนที่ต้องการใช้กฎหมายเป็นโซ่ตรวนล็อกให้ประเทศเข้าสู่ทางตัน หากได้เป็นประธานวุฒิสภา จะขออาสาเป็นผู้นำก้าวเข้าสู่การแก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง ตนไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรตนก็พร้อมปฏิบัติตามที่เคยหาเสียงไว้เมื่อครั้งลงสมัครรับเลือกตั้งรองประธานวุฒิสภาคนที่

       จากนั้นเวลา 20.20 น. ในที่ประชุมได้มีการลงคะแนนลับ โดยขานชื่อสมาชิกตามลำดับอักษรและให้สมาชิกรับบัตรลงคะแนนเขียนชื่อผู้ถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาแล้วหย่อนลงในหีบรับบัตรลงคะแนน ซึ่งในที่ประชุมมี ส.ว. ทั้งหมด 127 คน โดยประธานในที่ประชุมได้ขานชื่อให้ ส.ว. แต่ละคนลงมาเขียนชื่อที่คูหาแล้วหย่อนลงในกล่อง รอบละ 5 คน รวม 26 รอบ โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที

       ต่อมาเวลา 20.45 น. ได้มีการนับคะแนนโดยกรรมการ กระทั่งเวลา 20.58 น. นายสุรชัยชนะ พล.ต.อ.จงรัก ด้วยคะแนน 96 ต่อ 51 เสียง ได้เป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่ ท่ามกลาง ส.ว. ที่อยู่ในห้องได้ร่วมกันแสดงความยินดีจำนวนมาก

       หลังจากนั้น นายสุรชัย ได้กล่าวขอบคุณสมาชิก และ ยืนยันจะทำหน้าที่ประธานหลังจากมีการโปรดเกล้าฯอย่างเต็มกำลังที่สุดและ เป็นประธานของสมาชิกทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยก และถือว่าพวกเราคือสมาชิกวุฒิสภาแห่งนี้ จะทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง อิสระ เสรี หวังว่าจะไดรับการสนับสนุนจากพวกท่านเหมือนที่ได้ในวันนี้เราจะกล่าวเดินต่อไปเพื่อเป็นเสาหลักให้ประเทศนี้ ส.ว.ต้องเป็นสภาของไทยที่ฝ่ายบริหารต้องให้ความเคารพนับถือและให้การแนะนำกับฝ่ายบริหารไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด และกล้าหาญให้คำแนะนำในสิ่งที่ถูกต้องก่อนที่จะเกิดปัญหาในบ้านเมืองต่อไป ขณะที่ปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ ตนและทุกคนมีภารกิจเท่าเทียมกัน เนื่องจากบ้านเมืองเป็นของทุกคน เราไม่อาจอยู่นิ่งเฉยแล้วปล่อยให้บ้านเมืองลุกลามไปภายใต้ผู้นำสองฝ่ายเท่านั้นโดยมีการเอาบ้านเมืองเป็นเดิมพัน จากนี้ไปทุกคนต้องช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศนี้และตนอาจจะต้องรบกวนเวลาสมาชิก โดยจะนัดหารือนอกรอบ ไปสู่เป้าหมาย คือคืนความสงบสุขให้กับประเทศไทย




 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 9 พฤษภาคม 2557 21:48:00 น.   
Counter : 1410 Pageviews.  

“ยิ่งลักษณ์” โดนอีกดอก!! มติ ป.ป.ช.7 ต่อ 0 ชี้มูลผิดจำนำข้าว ชงวุฒิฯ ถอด ยังไม่ฟันอาญา


“ยิ่งลักษณ์” โดนอีกดอก!! มติ ป.ป.ช.7 ต่อ 0 ชี้มูลผิดจำนำข้าว ชงวุฒิฯ ถอด ยังไม่ฟันอาญา

ประธาน ป.ป.ช.เผยมติ 7 ต่อ 0 ฟัน "ยิ่งลักษณ์" ผิดโครงการจำนำข้าว ตาม ม.178 ส่อจงใจใช้อำนาจขัดกม. ส่งวุฒิสภา ถอดถอนต่อ ชี้เคยเตือนแล้วว่ามีปัญหาทุจริต แต่ไม่ระงับยับยั้งโกง ส่วนคดีอาญาให้สอบต่อ

    วันนี้ (8 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อเวลา 16.00 น.นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. และนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตามที่ประธานวุฒิสภาได้ส่งคําร้องขอให้วุฒิสภาถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ออกจากตําแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจํานําข้าวและการระบายข้าวและเหตุมีเหตุควรสงสัยว่า นายกรัฐมนตรีเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นตามอํานาจหน้าที่โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้ไต่สวนข้อเท็จจริงโดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะในการไต่สวน นั้น

       บัดนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะได้ดําเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและมีมติด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 0 เสียง เห็นว่าพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหามีมูลเป็นการส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 และเป็นการส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนออกจากตําแหน่ง จึงนําเสนอสํานวนดังกล่าวต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาในวันนี้

       คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีและอยู่ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลซึ่งได้กําหนดนโยบายจํานําข้าวมาตั้งแต่ต้น และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่มีอํานาจหน้าที่ในการกําหนดนโยบายและการมีส่วนร่วมในการบริหารโครงการ ซึ่ง ป.ป.ช.ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง ผู้ถูกกล่าวหาถึงสองครั้งแล้วว่าโครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาและความเสียหายอย่างยิ่ง ทั้งจะก่อให้เกิดการ ทุจริตในทุกขั้นตอนของกระบวนการรับจํานํา

       นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหายังรับทราบปัญหาในการดําเนินโครงการจากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งรายงานผลการดําเนินโครงการที่ผ่านมา ว่ามีผลขาดทุนสะสมสูงถึง สามแสนกว่าล้านบาท อีกทั้งหนังสือของสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินแจ้งผลการตรวจสอบโครงการสรุปได้ว่าโครงการมีจุดอ่อนหรือความเสี่ยงในทุกขั้นตอนตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกรจนถึงการระบายข้าว ซึ่งเป็นช่องทางนําไปสู่การสวมสิทธิ์การจํานําและการทุจริตในโครงการ เกิดผลกระทบสร้างความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดินทั้งเกษตรกรและเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ ไม่เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน แม้ในชั้นนี้พยานหลักฐานยังไม่ปรากฏชัดเจนว่าผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริตหรือสมยอมให้เกิดการทุจริตหรือไม่ก็ตาม

       แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่บริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าจะป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง โดยยึดหลักความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ทั้งไม่พิจารณาระงับยับยั้งโครงการตั้งแต่เริ่มรับทราบความเสียหายอันร้ายแรงที่สุดของประเทศจากการดําเนินโครงการ จึงมีมติ 7 ต่อ 0 เสียงว่าพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 178 และส่อว่าจงใจใช้อํานาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายตาม พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ มาตรา 11 (1) อันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาออกจากตําแหน่งตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 270 จึงให้แยกสํานวนการถอดถอนส่งไปยังวุฒิสภา เพื่อดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ต่อไป

       ส่วนคดีอาญานั้น ที่ประชุมมีมติให้ดําเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไปจนกว่าจะสิ้นกระแสความ ทั้งนี้โดยไม่ตัดพยานที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างมาในคําร้องขอนําสืบแก้ข้อกล่าวหาหลังสุด โดยให้นําไปพิจารณาในสํานวนคดีอาญาต่อไป

       ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีร้องขอให้ป.ป.ช.ลงพื้นที่ตรวจสอบสต๊อกข้าวว่า ไม่มีข้าวหายจากโกดัง เพื่อยืนยันว่า โครงการไม่ได้ขาดทุน นายวิชา กล่าวว่า ป.ป.ช.ไม่ได้พิจารณาว่า ข้าวหายไปจากสต๊อกหรือไม่ แต่พิจารณาถึงการขาดทุนสะสมในโครงการดังกล่าว ที่ไม่ได้มีการจำหน่ายข้าวออกไป ส่วนการพิจารณาให้รัฐบาลชดใช้ค่าเสียหายจากการขาดทุนในโครงการกว่า 3 แสนล้านบาทนั้น ป.ป.ช.จะนำไปพิจารณาในสำนวนคดีอาญาต่อไป ยืนยันว่า ป.ป.ช.ตัดสินไปตามข้อเท็จจริง ไม่มีธง และไม่ได้รับลูกต่อจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกฯพ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรี

       นายประสาท กล่าวว่า สำหรับคดีนี้คณะกรรมการป.ป.ช. ได้เปิดโอกาสอย่างเต็มที่ให้กับผู้ถูกกล่าวหาตามระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการไต่สวนข้อเท็จจริงของพนักงานไต่สวน พ.ศ.2550 โดยได้เปิดโอกาสให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้อ้างพยาน ชี้แจงเอกสาร และวาจาอย่างเต็มที่ ซึ่งสำหรับการอ้างพยานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ในครั้งแรกมีจำนวน 11 ปาก แต่คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วว่ามีพยานที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ถูกกล่าวหาจำนวน 4 ปากเท่านั้น หลังจากสอบพยานจำนวน 4 ปาก ต่อมาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้มีการสอบพยานบุคคลเพิ่มอีก 7 ปากเดิม แต่คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วเป็นเอกฉันท์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาถูกกล่าวหา อีกทั้งมีข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว กระทั่งล่าสุดก่อนคณะกรรมการป.ป.ช.จะลงมติชี้มูล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขอให้ สอบพยานบุคคลเพิ่มเติมจำนวน 6 ปาก ซึ่งไม่เกี่ยวกับพยานเดิมที่เคยถูกปฏิเสธไป โดยคณะกรรมการป.ป.ช.เห็นว่า ยังมีสำนวนในคดีอาญาอยู่ เพื่อประโยชน์จึงไม่ตัดพยานจำนวนดังกล่าวออกไป แต่จะนำไปรวมเอาไว้ในการพิจารณาในสำนวนคดีอาญาของผู้ถูกกล่าวหาในโอกาสต่อไป เพื่อความเป็นธรรม ทั้งนี้ ขอบคุณนายกฯที่เข้าสู่กระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมติของ ป.ป.ช. 7 ต่อ 0 นั้น จากปัจจุบันที่มี ป.ป.ช.ดำรงตำแหน่งอยู่ 8 คนนั้น เนื่อง พล.ต.อ.สภาพร หลาวทอง กรรมการ ป.ป.ช. ได้ขอถอนตัวจากการทำหน้าที่ไต่สวนคดีดังกล่าวไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากสมัยที่รับราชการในฐานะจเรตำรวจแห่งชาตินั้น เคยได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ในส่วนของการสูญหายของข้าวในโกดังทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาก่อน

รายละเอียดการแถลงของคณะกรรมการ ป.ป.ช.


ประสาท พงษ์ศิวาภัย

       ผมขอเรียนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และถือว่าผู้ใหญ่มากของประเทศ เพราะฉะนั้นท่านประธานได้กรุณากล่าวไว้ว่า เราจะถือทางปฏิบัติว่าเพื่อให้รอบคอบและชัดเจนยิ่งขึ้น จึงได้ตั้งองค์คณะไต่สวนโดยใช้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะ เป็นองค์คณะไต่สวน โดยมีผม นายประสาท พงษ์ศิวาภัย และ อ.วิชา มหาคุณ เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบสำนวน ที่จริงมีท่าน อ.กล้านรงค์ จันทิก ด้วย แต่ท่านพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ไปก่อน ก็เลยเหลือ 2 ท่าน

       ผมเรียนตรงนี้เพื่อให้เห็นว่า เราได้ใช้ความรอบคอบมากในเรื่องนี้ และเปิดโอกาสอย่างเต็มที่ที่จะดำเนินการให้โปร่งใส เที่ยงธรรม กับผู้ถูกกล่าวหา ได้ปฏิบัติตามระเบียบการไต่สวนข้อเท็จจริง ตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าด้วยการไต่สวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2555 โดยเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหา คือท่านอดีตนายกรัฐมนตรี ได้อ้างพยานชี้แจงทั้งเอกสารและด้วยวาจาอย่างเต็มที่

       ผมขอสรุปในเรื่องการอ้างพยานของท่านว่า ท่านได้อ้างพยานมาครั้งแรก 11 ปาก ป.ป.ช.ได้ดูแล้วเห็นว่า ที่เกี่ข้องกับประเด็นที่กล่าวหา มีเพียง 4 ปาก เราก็สอบ 4 ปาก โดยมีปากหนึ่งขอผลัดไป 1 สัปดาห์ เพื่อไปประชุมที่ต่างประเทศ เราก็รอ เพราะเราเห็นว่ามันเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาในสำนวน อย่างนี้เราเปิดโอกาสเต็มที่เลย แม้รอ 1 อาทิตย์ เราก็ยอม ตามนั้นเลย

       หลังจากนั้นเราก็สอบทั้ง 4 ปาก แล้วก็คิดว่าคงเสร็จสิ้น แต่ท่านอดีตนายกฯ ท่านได้ขอมาอีกครั้งหนึ่ง คือ 7 ปากเดิม ซึ่ง ป.ป.ช.ก็พิจารณาแล้วเห็นว่า เราได้พิจารณาไปแล้วเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ที่จะต้องถูกกล่าวหาในเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาได้ถูกกล่าวหาในครั้งนี้ และเรามีข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว เราจึงยืนยันตามเดิมไป

       ต่อมา ท่านก็เสนอมาอีก 6 ปาก ซึ่ง 6 ปากนั้นก็อยู่ใน 7 ปากเดิมที่เราปฏิเสธไป โดย 5 ปากใน 6 ปากนั้น ท่านมีเอกสารมาด้วย เราก็รับเอาไว้ ในเอกสารทั้ง 5 ปากนั้น เอาไว้หมด เพื่อจะได้ประกอบในสำนวนพิจารณาให้ความเป็นธรรม

       และสุดท้าย ล่าสุด ท่านได้ขอมาอีก 6 ปากใหม่ ไม่ได้เกี่ยวกับพยานเดิมเลย ตรงนี้เราก็เห็นความสำคัญว่า ขณะนี้เรากำลังพิจารณาเรื่องพิธีการว่าส่อจงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ หรือข้อกฎหมาย แต่อย่างไรก็ดี เพื่อประโยชน์ของผู้ถูกกล่าวหา เราก็ไม่ตัดพยาน ก็นำพยานใหม่ทั้ง 6 ปาก ไปรวมไว้ในการที่จะพิจารณาในสำนวนคดีอาญาต่อไป เพราะว่ามันจะมีถึงเรื่องการพิจารณาในเรื่องคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาด้วย ในโอกาสไป เพราะฉะนั้นเราก็รวบรวมเอาไว้เพื่อให้ความเป็นธรรมกับท่าน

       ก็ต้องขอขอบพระคุณคุณยิ่งลักษณ์ ที่ท่านได้เข้าสู่กระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่ โดยก็ถือว่าท่านได้แสดงสปิริตของท่านในส่วนนี้ ขอโทษด้วยที่เราไม่สามารถจะให้ได้สืบพยานครบที่ท่านต้องการ เพราะอย่างที่ผมนำเรียน ซึ่งเป็นไปตามการวินิจฉัยที่เป็นไปตามข้อกฎหมายและระเบียบของเราโดยเคร่งครัด

วิชา มหาคุณ

       ผมก็ขอสรุปการชี้มูลความผิดเพื่อดำเนินการถอดถอนอดีตนายกรัฐมนตรี กรณีจำนำข้าว ดังนี้

       ก่อนหน้านี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะ ในฐานะองค์คณะไต่สวน ก็ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง และมีมติด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 0 เสียง เห็นว่า พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหามีมูล เป็นการส่อจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 และส่อว่า จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนออกจากตำแหน่ง จึงได้นำเสนอสำนวนดังกล่าวต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาในวันนี้

       คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และอยู่ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ซึ่งกำหนดนโยบายจำนำข้าวมาตั้งแต่ต้น และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและการมีส่วนร่วมในการบริหารโครงการ ซึ่งทาง ป.ป.ช.มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ถูกกล่าวหาถึง 2 ครั้ง ว่า โครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาและความเสียหายอย่างยิ่ง ทั้งจะก่อให้เกิดการทุจริตทุกขั้นตอนของกระบวนการรับจำนำ

       นอกจากนี้ ผู้ถูกกล่าวหารับทราบปัญหาในการดำเนินการของโครงการ จากการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการโครงการที่ผ่านมา ขาดทุนสะสมสูงถึง 3 แสนกว่าล้านบาท อีกทั้งยังมีหนังสือของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินแจ้งผลการตรวจสอบโครงการ สรุปได้ว่า โครงการมีจุดอ่อน หรือความเสี่ยงทุกขั้นตอน ตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกรจนถึงการระบายข้าว ซึ่งเป็นช่องทางนำไปสู่การสวมสิทธิ์การจำนำ และการทุจริตในโครงการ เกิดผลกระทบสร้างความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดิน และเกษตรกร อีกทั้งเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ ไม่เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน แม้ในชั้นนี้ พยานหลักฐานยังไม่ปรากฏชัดเจนว่า ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริต หรือสมยอมให้เกิดการทุจริต หรือไม่ก็ตาม แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่บริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อสภาผู้แทนราษฎรว่า จะป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง โดยยึดหลักความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ทั้งไม่พิจารณายับยั้งโครงการตั้งแต่เริ่มรับทราบความเสียหายร้ายแรงที่สุดของประเทศ

       จากการดำเนินการโครงการดังกล่าว คณะกรรมการจึงมีมติ 7 ต่อ 0 เสียง ว่า พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหา เป็นการส่อว่า จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 และส่อว่า จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหาราชการแผ่นดิน มาตรา 11(1) อันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนผู้ถูกกล่าวหาออกจากตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 จึงให้แยกสำนวนการสอบสวนส่งไปยังวุฒิสภา เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

       ส่วนคดีอาญานั้น ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป จนกว่าจะสิ้นกระแสความ ทั้งนี้ โดยไม่ตัดพยานที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างมาในคำร้อง ขอนำสืบแก้ข้อกล่าวหาหลังสุด โดยให้นำไปพิจารณาในสำนวนคดีอาญาต่อไป

       จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ

       ผมเพิ่มเติมว่า ตามที่มีข่าวแพร่สะพัดไปว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.รับลูกมาลงมติเพื่อที่จะดำเนินการกับคณะรัฐมนตรีทั้งชุดนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด คุณนิวัฒน์ธำรง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนี้ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีที่เราไต่สวนนี้เลย เป็นเพียงพยานที่เราเรียกมาเป็นพยานบุคคล ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ยังไม่ได้พิจารณาอะไรเลยเกี่ยวกับคุณนิวัฒน์ธำรง เพราะฉะนั้นก็เฉพาะตัวคุณยิ่งลักษณ์เท่านั้น และก็เฉพาะกรณีถอดถอน ไม่เกี่ยวกับคดีอาญาด้วย

       คือเราได้พิจารณาขององค์คณะทั้งชุดไปแล้ว ต้องดำเนินการไต่สวนทั้งชุด และพิจารณาทั้งชุดไปก่อนแล้ว ที่ผมได้สรุปไว้บอกว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งคณะได้ดำเนินการไต่สวน และมีมติไปก่อนแล้วด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 0 เสียง

ประสาท พงษ์ศิวาภัย

       ผิดไปนิดหนึ่งที่ว่าเรื่องพิจารณาในขณะนี้ที่เราพิจารณากรณีถอดถอนอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีท่าน อ.วิชา กับผม 2 คน เป็นกรรมการที่รับผิดชอบสำนวน ส่วนที่เอ่ยถึง อ.กล้านรงค์ อ.วิชา กับผมนั้น นั่นเมื่อครั้งที่เป็นกรรมการรับผิดชอบคดีที่กล่าวหาว่าทุจริตการจำนำข้าวของคุณบุญส่ง แล้วต่อมาท่านกล้านรงค์ ท่านเกษียณไป ก็เลยเหลือผมกับท่าน อ.วิชา นั่นอีกคดีหนึ่ง แต่คดีนี้มีผม กับท่าน อ.วิชา 2 คน รับผิดชอบสำนวน

ปานเทพ กล้าณรงค์ราญ

       เรื่องถอดถอนมันจะมีเรื่องห้ามไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ 5 ปีด้วย ในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง อย่างกรณีอื่นๆ ที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว เราก็ยื่นไป ทางวุฒิสภาก็พิจารณาแล้วเห็นว่ายังมีกรณีที่ยังเหลืออยู่ คือห้ามไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งทางการเมือง เป็นระยะเวลา 5 ปี ก็เป็นเรื่องของวุฒิสภาต้องดำเนินการต่อไป

       ภาพจากทวิตเตอร์ @winaithornPNC












 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 8 พฤษภาคม 2557 21:33:10 น.   
Counter : 1497 Pageviews.  

เปิดใจ "อ.เฉลิมชัย"..."กูไม่ต้องทุบวัดทิ้งแล้วโว้ย!"

เปิดใจ อ.เฉลิมชัย...กูไม่ต้องทุบวัดทิ้งแล้วโว้ย!

สร้างความเสียหายไปทั่ว สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.3 มาตราริกเตอร์ มีศูนย์กลางบริเวณ อ.พาน จ.เชียงรายเมื่อวันที่ 5 พ.ค. หนึ่งในนั้นคือ "วัดร่องขุน" ของเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติที่ใช้เวลารังสรรค์มานาน 18 ปี ด้วยเม็ดเงินหลักพันล้าน แต่หลังธรณีสะเทือนครั้งรุนแรง และอาฟเตอร์ช็อกอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ความยิ่งใหญ่ทั้งตัวโครงสร้าง และศิลปะที่ประเมินค่าไม่ได้เกิดความเสียหายจนเจ้าของวลีฮิต "มันเป็นศิลปะ" ถึงกับถอดใจ "...ทุกอย่างก็เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน"

แต่หลังจากกรมโยธาธิการและผังเมืองเชียงราย และเจ้าหน้าที่วิศวกรรมสถานมาตรวจสอบโครงสร้างวัดเมื่อช่วงสายของวันที่ 7 พ.ค. "อ.เฉลิมชัย" ให้สัมภาษณ์ผ่านทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ด้วยน้ำเสียงดีใจสุดชีวิต โดยประกาศให้โลกรู้ทั่วกันว่า "กูไม่ต้องทุบวัดทิ้งแล้วโว้ย!" และนี่คือการเปิดใจของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติผู้รังสรรค์วัดร่องขุนแห่งนี้

ทีมข่าวเปิดประเด็นแรกโดยให้อ.เฉลิมชัยรายงานความคืบหน้าให้ฟัง เพราะก่อนหน้านี้เคยออกมาพูดแบบปลงๆ แล้วว่า หากเสียหายถึงโครงสร้างคงต้องทุบทิ้งสร้างใหม่ พอถึงวันนี้ (7 พ.ค.) เหมือนสวรรค์มีตา ฟ้ามีใจ ทุกอย่างที่คิดว่าร้ายกลับกลายเป็นดี

"วันนี้ (7 พ.ค.) ถือเป็นวันที่ดีใจที่สุดในชีวิต เพราะ 2 วันที่ผ่านมานี่กูเครียด (ลากเสียงยาว) กูกลัวโครงสร้างกูจะฉิบหายวาดวอด ตอนนี้คณะวิศวกรทั้งหมด ได้เข้ามาตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว โดยมีผศ.ดร.อาณัติ เรืองรัศมี จากจุฬาฯ, ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย อาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT), ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ วิศวกรจากภาควิชากรมโยธา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ดร.ฐิรวัฒน์ บุญญะฐี วิศวกรรมจากจุฬาฯ ส่วนอีกคน นรินทร์ กวางทอง วิศวกรโยธาชำนาญการจ.เชียงราย พบว่า ไม่มีผลเสียหายต่อโครงสร้างใดๆ ทั้งสิ้น พอได้ยินแบบนี้ เฮกันทั้งวัดเลย เพราะหลายคนรอคอยคำตอบที่แน่ชัด สรุปก็คือ (เน้นเสียง) กูไม่ทุบทิ้งแล้วโว้ย! วันนี้ก็ดำเนินการซ่อมแล้วด้วย"

เล็งซ่อมส่วนไหนก่อนเป็นอันดับแรก

"ตอนนี้เริ่มดำเนินการซ่อมหอศิลป์ก่อน พรุ่งนี้ (8 พ.ค.) บ่ายๆ ก็เปิดให้เข้าชมได้แล้ว ตามมาด้วยห้องแสดงภาพ ซึ่งคาดว่าภายใน 3-4 วันจะเปิดให้เข้าชมได้ตามปกติ หลังจากนั้นก็จะดำเนินการซ่อมในส่วนอื่นๆ ไปเรื่อยๆ แต่ตัวโบสถ์คงต้องใช้เวลาซ่อมเป็นปี ดังนั้น ตัวโบสถ์ยังไม่เปิดให้เข้าจนกว่าจะซ่อมเสร็จ เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เข้าชม"

เผื่อใจไว้บ้างไหมถ้าสมมติว่าโครงสร้างพังจนอาจจะต้องทุบวัดทิ้ง

"ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว และมีอาฟเตอร์ช็อกอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ก็ได้แต่มองโครงสร้างที่มันแตกร้าวแล้วก็ปลงว่า ทุกอย่างมันมีการตั้งอยู่แล้วดับไปเป็นธรรมดา ถ้ามันซ่อมไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ เก็บไว้เป็นอนุสรณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ไปแล้วกัน ตอนนั้นไม่เสียใจอะไรละ ทำใจมากกว่า ลูกศิษย์ลูกหาร้องไห้กันยกใหญ่ ผมก็บอกอย่าไปคิดมาก ทุกอย่างไม่พังทลายวันนี้ วันข้างหน้ามันก็พังทลาย เก็บไว้ให้เป็นอนุสรณ์สถานให้คนมาดูแค่ข้างนอกเฉยๆ ก็พอแล้ว แต่พอได้รับข่าวดีว่า โครงสร้างวัดกูไม่เป็นอะไร โอ้ย! ดีใจสุดๆ"

ถ้าให้ประเมินความเสียหายทั้งหมด พอประเมินเป็นมูลค่าได้ไหม

"มูลค่าไม่ต้องไปพูดถึง ถ้ามองในแง่ของคุณค่าทางศิลปะถือว่ามีค่ามหาศาลอย่างมาก อีกอย่างเงินของผมเองไม่ต้องห่วง ผมมีเงินเยอะแยะไม่ได้ขอร้องใคร ไม่ได้ต้องการเงินจากใคร รัฐบาลก็ไม่ต้องมาช่วยเงินผม เอาเงินคุณกลับไปเถอะ เอากลับไปช่วยคนจนเถอะ อย่าเอามาช่วยที่นี่ เพราะความเสียหายของวัดแห่งนี้น่าจะซ่อมประมาณ 50-60 ล้านบาท ไม่ใช่ซ่อมแค่ล้านเดียว แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของผม เงินไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย แค่รู้ว่าโครงสร้างของเราดี แข็งแรง ผมก็พอใจแล้ว ส่วนเรื่องเงิน บอกเลยว่า กระจอก (เน้นเสียง) กระจอกมากๆ"

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ อ.เฉลิมชัย ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่งด้วยจุดยืนที่ชัดเจนว่า วัดร่องขุ่นสร้างขึ้นมาไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาล ดังนั้งจึงไม่ต้องพึ่งพารัฐบาล "ถ้าซ่อมได้กูซ่อมเองได้ กูรวย กูทำเพื่อประเทศชาติกู กูไม่ต้องพึ่งอะไรมึง ถ้าซ่อมได้กูก็ซ่อมเองได้..."

เหตุการณ์ครั้งนี้ เตือนสติอาจารย์ และคนไทยอย่างไรบ้าง

"คือตอนนี้ ผมคิดว่า การสร้างตึก หรืออาคารบ้านเรือน รวมไปถึงวัดวาอารามของประเทศไทย คงต้องนึกเรื่องแผ่นดินไหวแล้วล่ะ ผมโชคดีตรงที่คิดเผื่อไว้ก่อนสร้าง และระหว่างสร้าง โดยเน้นย้ำกับวิศวกร และลูกทีมที่ช่วยกันก่อสร้างตลอดว่า ใส่เต็มที่เลย เสริมเต็มที่เลย นี่คือผลของการไม่ขี้เหนียวของเราไง เรียกว่าใส่เหล็ก ใส่โครงเผื่อไว้เลย ซึ่งผมจะพูดอยู่ตลอด ตอนนั้นก็มีคนบอกว่าไม่มีประโยชน์หรอกอาจารย์ ผมก็บอกว่า เอาเถอะ เอ็งเชื่อข้า สุดท้ายเป็นไง แค่ปูนถลอก โครงสร้างไม่เป็นอะไรสักอย่าง ไอ้ย่ะ โคตรแจ๋วเลยว่ะ (หัวเราะ)"

คิดว่าแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงนี้ เป็นสัญญาณที่กำลังบอกอะไรสังคมโลก

"ไม่ใช่เฉพาะแค่ในประเทศไทย มันหมายรวมถึงโลกทั้งโลกว่ามนุษย์นั้นมันเลว คนมันเลว (เน้นเสียง) ทำลายธรรมชาติทุกสิ่งทุกอย่างทั้งไปขุดเอาน้ำมัน ทำลายต้นไม้ ลำธาร ทำให้ธรรมชาติเขาเบี่ยงเบน เสียสมดุลไปหมด ธรรมชาติก็เลยเป็นภัยแก่มนุษย์ โดยเฉพาะประเทศไทย บ้านเราไม่ค่อยมีสำนึกเหมือนบางประเทศ รุกป่า สร้างรีสอร์ท หรืออะไรอีกหลายสิ่งที่มุ่งประโยชน์ส่วนตัว สุดท้ายเป็นยังไง เอ็งไม่ได้เสียกลุ่มเดียว แต่มันเสียทั้งประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ รวมไปถึงวัดร่องขุนของข้าที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แต่ก็โดนผลพวงนี้ไปด้วย

ทั้งหมดนี้มันมาจากกลุ่มคนระยำที่ทำลายธรรมชาติ ธรรมชาติก็เลยเอาคืน แต่การเอาคืน มันลามมาถึงวัดวาอารามด้วย แต่ก็เป็นบุญที่ยังไม่เสียหายอะไรมากเพราะผมเชื่อว่าผมยังมีบุญของพระพุทธศาสนาหนุนอยู่ ตอนแรกยอมรับว่าน้อยใจเหมือนกันนะ น้อยใจกับตัวเองว่า เราทำเพื่อพระพุทธศาสนา เพื่อประเทศชาติขนาดนี้ วัดที่ทุ่มเทสร้างทำไมต้องมาเสียหายขนาดนี้ แต่มาวันนี้ โคตรดีใจสุดๆ" อ.เฉลิมชัยเผยความรู้สึก ก่อนจะฝากขอบคุณทุกกำลังใจที่หลั่งใหลเข้ามาไม่ขาด

"ขอบคุณทุกกำลังใจทั้งที่เดินทางมาที่วัดด้วยตัวเอง และส่งผ่านเข้ามาผ่านสื่อ ผ่านสายอย่างล้นหลามมากๆ ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว พร้อมเดินหน้าซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิมให้มากที่สุดต่อไป ขอบคุณมากๆ นะ (พูดด้วยโทนเสียงนุ่มๆ)"

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE

ขอบคุณภาพประกอบจากแฟนเพจ กลุ่มคนรักอาจารย์เฉลิมชัยโฆษิตพิพัฒน์>




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 7 พฤษภาคม 2557 21:47:48 น.   
Counter : 2071 Pageviews.  

“สุเทพ” เปลี่ยนแผน! นัดรวมพล 9 พ.ค. 09.09 น. ฤกษ์ดีปฏิบัติการทวงคืนอธิปไตย



“สุเทพ” ประกาศเปลี่ยนแผน นัดรวมพลวันที่ 9 พ.ค. ใช้ฤกษ์ดี 09.09 น. เริ่มปฏิบัติการเรียกคืนอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาเป็นของปวงชนชาวไทย เผยถ้าคนมากจะขยายพื้นที่ไปยังราชดำริ - ราชประสงค์ - ปทุมวัน - จุฬาลงกรณ์ฯ - อังรีดูนังต์

       วันนี้ (7 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 20.40 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวปราศรัยที่เวทีสวนลุมพินี ตอนหนึ่งว่า ก่อนหน้านี้ กปปส. เคยตั้งใจว่าจะต้องต่อสู้เพื่อปฏิรูปประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศ แต่วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี สิ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯ สมช. ตนจึงขอเปลี่ยนแปลงกำหนดการ ขอเรียนเชิญชวนพี่น้องมวลมหาประชาชนทั่วประเทศเดินทางเข้ากรุงเทพฯตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอกำหนดวันเวลานัดหมายที่จะร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติภารกิจครั้งสุดท้าย จากเดิมนัดวันที่ 14 พ.ค. ขอนัดใหม่เป็นวันที่ 9 พ.ค. เวลา 09.09 น.

       เราจะเริ่มปฏิบัติภารกิจด้วยความเพียรสูงสุด เพราะฉะนั้นพี่น้องมวลมหาประชาชนที่จะมาร่วมปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ออกเดินทางได้ตั้งแต่คืนนี้ มุ่งตรงมาที่สวนลุมพินี และเมื่อเต็มพื้นที่สวนลุมฯ เราจะขยายไปยังถนนราชดำริ ขยายไปถึงสี่แยกราชประสงค์ สี่แยกปทุมวัน ผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถ้าคนมากก็ชุมนุมต่อที่ถนนอังรีดูนังต์ทั้งถนนอีกด้วย

       “รวบรวมกำลังพลตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป แล้ว 9 พ.ค. เวลา 9.09 น. เป็นฤกษ์ดีที่เราเริ่มปฏิบัติการเรียกคืนอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาเป็นของปวงชนชาวไทย เราต้องเอาธรรมะกลับคืนมา ต้องบำเพ็ญเพียรด้วยความานะอุตสาหะเต็มที่ แล้วต้องทำให้สำเร็จให้ได้” นายสุเทพ กล่าว

       นายสุเทพ กล่าวต่ออีกว่า ครั้งนี้เป็นโอกาสเดียวที่คนไทยจะได้ลุกขึ้นประกาศความเป็นไทย และความเป็นเสรีชนร่วมกัน ตนจึงขอเชิญชวนคนเสื้อแดงให้มาร่วมกับ กปปส. เพื่อร่วมกันสร้างชาติ เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อใครหรือตระกูลใด แต่เราสู้เพื่อประเทศไทยทั้งประเทศ โปรดอย่าได้มีความแคลงใจอะไรกันอีกทั้งสิ้น ตนพูดด้วยความสัตย์และจริงใจ ว่า เราไม่ได้รังเกียจใครเลย เรารักคนไทยทุกคนทุกกลุ่ม เราเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น ไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่ศัตรูของเราคือระบอบทักษิณที่ทำร้ายประเทศเราอย่างแสนสาหัส ไม่มีธรรมะ ไม่เคารพและให้ความสำคัญกับประชาชน แต่ถ้าท่านยังไม่สบายใจขอให้นอนรอดูอยู่ที่บ้าน และจะรู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายใน 1-2 วันนี้ เป็นความสัตย์จริงทั้งสิ้น

       ตนขอส่งสารไปยังข้าราชการตำรวจและทหารว่า รัฐบาลรักษาการตอนนี้ไม่มีตำแหน่งหน้าที่อีกต่อไปแล้ว แถมคนที่จะขึ้นมาเป็นนายกฯรักษาการยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการจำนำข้าวอีกด้วย ผมขอให้ข้าราชการเหล่านี้ออกมาร่วมมือกับประชาชน เมื่อนั้นฟ้าสีทองผ่องอำไพก็จะเกิดขึ้นในเมืองไทย ท่านจะได้ชื่อว่าเป็นข้าราชการของแผ่นดินและประชาชน ที่มีเกีรยติยศเป็นที่น่าภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล

       นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ตนจะเดินนำขบวนเชิญชวนประชาชนเป็นครั้งสุดท้ายที่ถนนสุขุมวิททั้งเส้น ในเวลา 09.00 น. ไปตั้งต้นขบวนที่สถานทีรถไฟฟ้าอ่อนนุช และจะเริ่มออกเดินในเวลา 09.30 น. และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเรา กปปส. จะเดินหน้าไปสู้เป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้ให้สำเร็จให้ได้ อย่างไรก็ตาม ตนขอย้ำว่าใครที่จะมาร่วมชุมนุมกับเราห้ามนำอาวุธติดตัวมาเด็ดขาด เพราะอาวุธอย่างเดียวที่เรามีความตั้งมั่น และตั้งใจที่จะปฏิรูปประเทศไทยเท่านั้น




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 7 พฤษภาคม 2557 21:47:02 น.   
Counter : 1108 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]