|
|
"สุรชัย" ชนะ "จงรัก" ได้เป็นประธานวุฒิฯ คนใหม่ ขออาสาผู้นำแก้ขัดแย้ง
ผลการประชุมเลือกประธานวุฒิสภา พบ "สุรชัย" ชนะ "จงรัก" 96 ต่อ 51 นั่งบัลลังก์สภาสูง เจ้าตัวแสดงวิสัยทัศน์ ชี้มีกลุ่มคนต้องการใช้กฎหมายเป็นโซ่ตรวนล็อกให้ประเทศเข้าสู่ทางตัน ขออาสาผู้นำแก้ขัดแย้ง วันนี้ (9 พ.ค.) การประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ หลังพักรับประทานอาหารเย็นแล้ว เมื่อเวลา 18.50 น. สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้กลับมาประชุมอีกรอบ โดยมีวาระสำคัญคือการเลือกประธานวุฒิสภา โดยพบว่าในที่ประชุมได้มีการลงมติว่าจะให้มีการเลือกประธานวุฒิสภาหรือไม่ โดยให้ลงคะแนนลับ ซึ่งพบว่า ส.ว. กลุ่มหนึ่งเสนอให้ลงคะแนนลับด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์ แต่ ส.ว. อีกกลุ่มหนึ่งเสนอให้เขียนในกระดาษ กระทั่งเวลา 19.35 น. ได้มีการตรวจสอบองค์ประชุม พบว่าในที่ประชุมมีจำนวน ส.ว. ทั้งหมด 139 คน จากนั้นที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติสมควรลงคะแนนแบบใช้เครื่อง 96 เสียง ลงคะแนนบนแผ่นกระดาษ 28 เสียง และงดออกเสียง 22 เสียง จากนั้นได้มีการลงมติให้เลือกประธานวุฒิสภาหรือไม่ พบว่าที่ประชุมมีมติ เห็นด้วยให้เลือกประธานวุฒิสภา ด้วยคะแนน 96 ต่อ 17 งดออกเสียง 19 เสียง จากนั้นเวลา 19.40 น. เข้าสู่วาระการเลือกประธานวุฒิสภา โดย ม.ร.ว.วุฒิเลิศ เทวกุล ส.ว.สรรหา ซึ่งเป็นผู้อาวุโสลำดับถัดไป เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งในที่ประชุม นายมณเทียร สงฆ์ประชา ส.ว.ชัยนาท เสนอ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา ส่วนนางพวงเพชร ศรีทอง ส.ว.สรรหา เสนอชื่อนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.สรรหา จากนั้นได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่เสนอชื่อกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ คนละ 5 นาที โดยการจับสลาก พบว่า พล.ต.อ.จงรักได้เป็นผู้แสดงวิสัยทัศน์ก่อน และนายสุรชัยเป็นคนแสดงวิสัยทัศน์ต่อมา พล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ตนมีประสบการณ์ทำงานสมัยรับราชการตำรวจ หากวุฒิสภามีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เชื่อว่าจะสามารถนำประสบการณ์มาช่วยแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ยืนยันในการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ รวมถึงมั่นใจว่าจะทำให้วุฒิสภาเป็นที่ยอมรับของประชาชนได้ ตนเข้าใจสถานการณ์ความขัดแย้งการเมืองเป็นอย่างดี คุณสมบัติสำคัญของประธานวุฒิสภามี 2 ข้อ คือ ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้อง เป็นกลาง ยึดประโยชน์ประเทศชาติ และยึดหลักรัฐธรรมนูญ ย้ำว่า การเมืองเปลี่ยนได้ แต่ความถูกต้องเปลี่ยนไม่ได้ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำนอกรัฐธรรมนูญ ขณะที่นายสุรชัย กล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดความขัดแย้ง วุฒิสภาถือเป็นสถาบันบัญญัติเดียวที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งฝ่ายบริหารที่มีอยู่ในขณะนี้เป็นเพียงรัฐบาลรักษาการและเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถือเป็นหน้าที่ร่วมกันของสมาชิกวุฒิสภา 150 คนที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหา ตนรู้ดีว่าขณะนี้มีกลุ่มคนที่ต้องการใช้กฎหมายเป็นโซ่ตรวนล็อกให้ประเทศเข้าสู่ทางตัน หากได้เป็นประธานวุฒิสภา จะขออาสาเป็นผู้นำก้าวเข้าสู่การแก้ปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง ตนไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรตนก็พร้อมปฏิบัติตามที่เคยหาเสียงไว้เมื่อครั้งลงสมัครรับเลือกตั้งรองประธานวุฒิสภาคนที่ จากนั้นเวลา 20.20 น. ในที่ประชุมได้มีการลงคะแนนลับ โดยขานชื่อสมาชิกตามลำดับอักษรและให้สมาชิกรับบัตรลงคะแนนเขียนชื่อผู้ถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาแล้วหย่อนลงในหีบรับบัตรลงคะแนน ซึ่งในที่ประชุมมี ส.ว. ทั้งหมด 127 คน โดยประธานในที่ประชุมได้ขานชื่อให้ ส.ว. แต่ละคนลงมาเขียนชื่อที่คูหาแล้วหย่อนลงในกล่อง รอบละ 5 คน รวม 26 รอบ โดยใช้เวลาประมาณ 25 นาที ต่อมาเวลา 20.45 น. ได้มีการนับคะแนนโดยกรรมการ กระทั่งเวลา 20.58 น. นายสุรชัยชนะ พล.ต.อ.จงรัก ด้วยคะแนน 96 ต่อ 51 เสียง ได้เป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่ ท่ามกลาง ส.ว. ที่อยู่ในห้องได้ร่วมกันแสดงความยินดีจำนวนมาก หลังจากนั้น นายสุรชัย ได้กล่าวขอบคุณสมาชิก และ ยืนยันจะทำหน้าที่ประธานหลังจากมีการโปรดเกล้าฯอย่างเต็มกำลังที่สุดและ เป็นประธานของสมาชิกทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยก และถือว่าพวกเราคือสมาชิกวุฒิสภาแห่งนี้ จะทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง อิสระ เสรี หวังว่าจะไดรับการสนับสนุนจากพวกท่านเหมือนที่ได้ในวันนี้เราจะกล่าวเดินต่อไปเพื่อเป็นเสาหลักให้ประเทศนี้ ส.ว.ต้องเป็นสภาของไทยที่ฝ่ายบริหารต้องให้ความเคารพนับถือและให้การแนะนำกับฝ่ายบริหารไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด และกล้าหาญให้คำแนะนำในสิ่งที่ถูกต้องก่อนที่จะเกิดปัญหาในบ้านเมืองต่อไป ขณะที่ปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ ตนและทุกคนมีภารกิจเท่าเทียมกัน เนื่องจากบ้านเมืองเป็นของทุกคน เราไม่อาจอยู่นิ่งเฉยแล้วปล่อยให้บ้านเมืองลุกลามไปภายใต้ผู้นำสองฝ่ายเท่านั้นโดยมีการเอาบ้านเมืองเป็นเดิมพัน จากนี้ไปทุกคนต้องช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศนี้และตนอาจจะต้องรบกวนเวลาสมาชิก โดยจะนัดหารือนอกรอบ ไปสู่เป้าหมาย คือคืนความสงบสุขให้กับประเทศไทย
Create Date : 09 พฤษภาคม 2557 |
| |
|
Last Update : 9 พฤษภาคม 2557 21:48:00 น. |
| |
Counter : 1410 Pageviews. |
| |
|
|
|
เปิดใจ "อ.เฉลิมชัย"..."กูไม่ต้องทุบวัดทิ้งแล้วโว้ย!"
สร้างความเสียหายไปทั่ว สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.3 มาตราริกเตอร์ มีศูนย์กลางบริเวณ อ.พาน จ.เชียงรายเมื่อวันที่ 5 พ.ค. หนึ่งในนั้นคือ "วัดร่องขุน" ของเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติที่ใช้เวลารังสรรค์มานาน 18 ปี ด้วยเม็ดเงินหลักพันล้าน แต่หลังธรณีสะเทือนครั้งรุนแรง และอาฟเตอร์ช็อกอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ความยิ่งใหญ่ทั้งตัวโครงสร้าง และศิลปะที่ประเมินค่าไม่ได้เกิดความเสียหายจนเจ้าของวลีฮิต "มันเป็นศิลปะ" ถึงกับถอดใจ "...ทุกอย่างก็เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน" แต่หลังจากกรมโยธาธิการและผังเมืองเชียงราย และเจ้าหน้าที่วิศวกรรมสถานมาตรวจสอบโครงสร้างวัดเมื่อช่วงสายของวันที่ 7 พ.ค. "อ.เฉลิมชัย" ให้สัมภาษณ์ผ่านทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ด้วยน้ำเสียงดีใจสุดชีวิต โดยประกาศให้โลกรู้ทั่วกันว่า "กูไม่ต้องทุบวัดทิ้งแล้วโว้ย!" และนี่คือการเปิดใจของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติผู้รังสรรค์วัดร่องขุนแห่งนี้ ทีมข่าวเปิดประเด็นแรกโดยให้อ.เฉลิมชัยรายงานความคืบหน้าให้ฟัง เพราะก่อนหน้านี้เคยออกมาพูดแบบปลงๆ แล้วว่า หากเสียหายถึงโครงสร้างคงต้องทุบทิ้งสร้างใหม่ พอถึงวันนี้ (7 พ.ค.) เหมือนสวรรค์มีตา ฟ้ามีใจ ทุกอย่างที่คิดว่าร้ายกลับกลายเป็นดี "วันนี้ (7 พ.ค.) ถือเป็นวันที่ดีใจที่สุดในชีวิต เพราะ 2 วันที่ผ่านมานี่กูเครียด (ลากเสียงยาว) กูกลัวโครงสร้างกูจะฉิบหายวาดวอด ตอนนี้คณะวิศวกรทั้งหมด ได้เข้ามาตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว โดยมีผศ.ดร.อาณัติ เรืองรัศมี จากจุฬาฯ, ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย อาจารย์จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT), ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ วิศวกรจากภาควิชากรมโยธา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ดร.ฐิรวัฒน์ บุญญะฐี วิศวกรรมจากจุฬาฯ ส่วนอีกคน นรินทร์ กวางทอง วิศวกรโยธาชำนาญการจ.เชียงราย พบว่า ไม่มีผลเสียหายต่อโครงสร้างใดๆ ทั้งสิ้น พอได้ยินแบบนี้ เฮกันทั้งวัดเลย เพราะหลายคนรอคอยคำตอบที่แน่ชัด สรุปก็คือ (เน้นเสียง) กูไม่ทุบทิ้งแล้วโว้ย! วันนี้ก็ดำเนินการซ่อมแล้วด้วย" เล็งซ่อมส่วนไหนก่อนเป็นอันดับแรก "ตอนนี้เริ่มดำเนินการซ่อมหอศิลป์ก่อน พรุ่งนี้ (8 พ.ค.) บ่ายๆ ก็เปิดให้เข้าชมได้แล้ว ตามมาด้วยห้องแสดงภาพ ซึ่งคาดว่าภายใน 3-4 วันจะเปิดให้เข้าชมได้ตามปกติ หลังจากนั้นก็จะดำเนินการซ่อมในส่วนอื่นๆ ไปเรื่อยๆ แต่ตัวโบสถ์คงต้องใช้เวลาซ่อมเป็นปี ดังนั้น ตัวโบสถ์ยังไม่เปิดให้เข้าจนกว่าจะซ่อมเสร็จ เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้เข้าชม" เผื่อใจไว้บ้างไหมถ้าสมมติว่าโครงสร้างพังจนอาจจะต้องทุบวัดทิ้ง "ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว และมีอาฟเตอร์ช็อกอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ก็ได้แต่มองโครงสร้างที่มันแตกร้าวแล้วก็ปลงว่า ทุกอย่างมันมีการตั้งอยู่แล้วดับไปเป็นธรรมดา ถ้ามันซ่อมไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ เก็บไว้เป็นอนุสรณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ไปแล้วกัน ตอนนั้นไม่เสียใจอะไรละ ทำใจมากกว่า ลูกศิษย์ลูกหาร้องไห้กันยกใหญ่ ผมก็บอกอย่าไปคิดมาก ทุกอย่างไม่พังทลายวันนี้ วันข้างหน้ามันก็พังทลาย เก็บไว้ให้เป็นอนุสรณ์สถานให้คนมาดูแค่ข้างนอกเฉยๆ ก็พอแล้ว แต่พอได้รับข่าวดีว่า โครงสร้างวัดกูไม่เป็นอะไร โอ้ย! ดีใจสุดๆ" ถ้าให้ประเมินความเสียหายทั้งหมด พอประเมินเป็นมูลค่าได้ไหม "มูลค่าไม่ต้องไปพูดถึง ถ้ามองในแง่ของคุณค่าทางศิลปะถือว่ามีค่ามหาศาลอย่างมาก อีกอย่างเงินของผมเองไม่ต้องห่วง ผมมีเงินเยอะแยะไม่ได้ขอร้องใคร ไม่ได้ต้องการเงินจากใคร รัฐบาลก็ไม่ต้องมาช่วยเงินผม เอาเงินคุณกลับไปเถอะ เอากลับไปช่วยคนจนเถอะ อย่าเอามาช่วยที่นี่ เพราะความเสียหายของวัดแห่งนี้น่าจะซ่อมประมาณ 50-60 ล้านบาท ไม่ใช่ซ่อมแค่ล้านเดียว แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของผม เงินไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย แค่รู้ว่าโครงสร้างของเราดี แข็งแรง ผมก็พอใจแล้ว ส่วนเรื่องเงิน บอกเลยว่า กระจอก (เน้นเสียง) กระจอกมากๆ" อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ อ.เฉลิมชัย ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ช่องหนึ่งด้วยจุดยืนที่ชัดเจนว่า วัดร่องขุ่นสร้างขึ้นมาไม่ได้เกี่ยวกับรัฐบาล ดังนั้งจึงไม่ต้องพึ่งพารัฐบาล "ถ้าซ่อมได้กูซ่อมเองได้ กูรวย กูทำเพื่อประเทศชาติกู กูไม่ต้องพึ่งอะไรมึง ถ้าซ่อมได้กูก็ซ่อมเองได้..." เหตุการณ์ครั้งนี้ เตือนสติอาจารย์ และคนไทยอย่างไรบ้าง "คือตอนนี้ ผมคิดว่า การสร้างตึก หรืออาคารบ้านเรือน รวมไปถึงวัดวาอารามของประเทศไทย คงต้องนึกเรื่องแผ่นดินไหวแล้วล่ะ ผมโชคดีตรงที่คิดเผื่อไว้ก่อนสร้าง และระหว่างสร้าง โดยเน้นย้ำกับวิศวกร และลูกทีมที่ช่วยกันก่อสร้างตลอดว่า ใส่เต็มที่เลย เสริมเต็มที่เลย นี่คือผลของการไม่ขี้เหนียวของเราไง เรียกว่าใส่เหล็ก ใส่โครงเผื่อไว้เลย ซึ่งผมจะพูดอยู่ตลอด ตอนนั้นก็มีคนบอกว่าไม่มีประโยชน์หรอกอาจารย์ ผมก็บอกว่า เอาเถอะ เอ็งเชื่อข้า สุดท้ายเป็นไง แค่ปูนถลอก โครงสร้างไม่เป็นอะไรสักอย่าง ไอ้ย่ะ โคตรแจ๋วเลยว่ะ (หัวเราะ)" คิดว่าแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงนี้ เป็นสัญญาณที่กำลังบอกอะไรสังคมโลก "ไม่ใช่เฉพาะแค่ในประเทศไทย มันหมายรวมถึงโลกทั้งโลกว่ามนุษย์นั้นมันเลว คนมันเลว (เน้นเสียง) ทำลายธรรมชาติทุกสิ่งทุกอย่างทั้งไปขุดเอาน้ำมัน ทำลายต้นไม้ ลำธาร ทำให้ธรรมชาติเขาเบี่ยงเบน เสียสมดุลไปหมด ธรรมชาติก็เลยเป็นภัยแก่มนุษย์ โดยเฉพาะประเทศไทย บ้านเราไม่ค่อยมีสำนึกเหมือนบางประเทศ รุกป่า สร้างรีสอร์ท หรืออะไรอีกหลายสิ่งที่มุ่งประโยชน์ส่วนตัว สุดท้ายเป็นยังไง เอ็งไม่ได้เสียกลุ่มเดียว แต่มันเสียทั้งประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ รวมไปถึงวัดร่องขุนของข้าที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แต่ก็โดนผลพวงนี้ไปด้วย ทั้งหมดนี้มันมาจากกลุ่มคนระยำที่ทำลายธรรมชาติ ธรรมชาติก็เลยเอาคืน แต่การเอาคืน มันลามมาถึงวัดวาอารามด้วย แต่ก็เป็นบุญที่ยังไม่เสียหายอะไรมากเพราะผมเชื่อว่าผมยังมีบุญของพระพุทธศาสนาหนุนอยู่ ตอนแรกยอมรับว่าน้อยใจเหมือนกันนะ น้อยใจกับตัวเองว่า เราทำเพื่อพระพุทธศาสนา เพื่อประเทศชาติขนาดนี้ วัดที่ทุ่มเทสร้างทำไมต้องมาเสียหายขนาดนี้ แต่มาวันนี้ โคตรดีใจสุดๆ" อ.เฉลิมชัยเผยความรู้สึก ก่อนจะฝากขอบคุณทุกกำลังใจที่หลั่งใหลเข้ามาไม่ขาด "ขอบคุณทุกกำลังใจทั้งที่เดินทางมาที่วัดด้วยตัวเอง และส่งผ่านเข้ามาผ่านสื่อ ผ่านสายอย่างล้นหลามมากๆ ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว พร้อมเดินหน้าซ่อมแซมให้กลับสู่สภาพเดิมให้มากที่สุดต่อไป ขอบคุณมากๆ นะ (พูดด้วยโทนเสียงนุ่มๆ)" ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE ขอบคุณภาพประกอบจากแฟนเพจ กลุ่มคนรักอาจารย์เฉลิมชัยโฆษิตพิพัฒน์>
Create Date : 07 พฤษภาคม 2557 |
| |
|
Last Update : 7 พฤษภาคม 2557 21:47:48 น. |
| |
Counter : 2071 Pageviews. |
| |
|
|
|
สุเทพ เปลี่ยนแผน! นัดรวมพล 9 พ.ค. 09.09 น. ฤกษ์ดีปฏิบัติการทวงคืนอธิปไตย
สุเทพ ประกาศเปลี่ยนแผน นัดรวมพลวันที่ 9 พ.ค. ใช้ฤกษ์ดี 09.09 น. เริ่มปฏิบัติการเรียกคืนอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาเป็นของปวงชนชาวไทย เผยถ้าคนมากจะขยายพื้นที่ไปยังราชดำริ - ราชประสงค์ - ปทุมวัน - จุฬาลงกรณ์ฯ - อังรีดูนังต์ วันนี้ (7 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 20.40 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวปราศรัยที่เวทีสวนลุมพินี ตอนหนึ่งว่า ก่อนหน้านี้ กปปส. เคยตั้งใจว่าจะต้องต่อสู้เพื่อปฏิรูปประเทศเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศ แต่วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี สิ้นสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯ สมช. ตนจึงขอเปลี่ยนแปลงกำหนดการ ขอเรียนเชิญชวนพี่น้องมวลมหาประชาชนทั่วประเทศเดินทางเข้ากรุงเทพฯตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอกำหนดวันเวลานัดหมายที่จะร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติภารกิจครั้งสุดท้าย จากเดิมนัดวันที่ 14 พ.ค. ขอนัดใหม่เป็นวันที่ 9 พ.ค. เวลา 09.09 น. เราจะเริ่มปฏิบัติภารกิจด้วยความเพียรสูงสุด เพราะฉะนั้นพี่น้องมวลมหาประชาชนที่จะมาร่วมปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ออกเดินทางได้ตั้งแต่คืนนี้ มุ่งตรงมาที่สวนลุมพินี และเมื่อเต็มพื้นที่สวนลุมฯ เราจะขยายไปยังถนนราชดำริ ขยายไปถึงสี่แยกราชประสงค์ สี่แยกปทุมวัน ผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถ้าคนมากก็ชุมนุมต่อที่ถนนอังรีดูนังต์ทั้งถนนอีกด้วย รวบรวมกำลังพลตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป แล้ว 9 พ.ค. เวลา 9.09 น. เป็นฤกษ์ดีที่เราเริ่มปฏิบัติการเรียกคืนอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาเป็นของปวงชนชาวไทย เราต้องเอาธรรมะกลับคืนมา ต้องบำเพ็ญเพียรด้วยความานะอุตสาหะเต็มที่ แล้วต้องทำให้สำเร็จให้ได้ นายสุเทพ กล่าว นายสุเทพ กล่าวต่ออีกว่า ครั้งนี้เป็นโอกาสเดียวที่คนไทยจะได้ลุกขึ้นประกาศความเป็นไทย และความเป็นเสรีชนร่วมกัน ตนจึงขอเชิญชวนคนเสื้อแดงให้มาร่วมกับ กปปส. เพื่อร่วมกันสร้างชาติ เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อใครหรือตระกูลใด แต่เราสู้เพื่อประเทศไทยทั้งประเทศ โปรดอย่าได้มีความแคลงใจอะไรกันอีกทั้งสิ้น ตนพูดด้วยความสัตย์และจริงใจ ว่า เราไม่ได้รังเกียจใครเลย เรารักคนไทยทุกคนทุกกลุ่ม เราเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น ไม่ได้เป็นศัตรูกัน แต่ศัตรูของเราคือระบอบทักษิณที่ทำร้ายประเทศเราอย่างแสนสาหัส ไม่มีธรรมะ ไม่เคารพและให้ความสำคัญกับประชาชน แต่ถ้าท่านยังไม่สบายใจขอให้นอนรอดูอยู่ที่บ้าน และจะรู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายใน 1-2 วันนี้ เป็นความสัตย์จริงทั้งสิ้น ตนขอส่งสารไปยังข้าราชการตำรวจและทหารว่า รัฐบาลรักษาการตอนนี้ไม่มีตำแหน่งหน้าที่อีกต่อไปแล้ว แถมคนที่จะขึ้นมาเป็นนายกฯรักษาการยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการจำนำข้าวอีกด้วย ผมขอให้ข้าราชการเหล่านี้ออกมาร่วมมือกับประชาชน เมื่อนั้นฟ้าสีทองผ่องอำไพก็จะเกิดขึ้นในเมืองไทย ท่านจะได้ชื่อว่าเป็นข้าราชการของแผ่นดินและประชาชน ที่มีเกีรยติยศเป็นที่น่าภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ตนจะเดินนำขบวนเชิญชวนประชาชนเป็นครั้งสุดท้ายที่ถนนสุขุมวิททั้งเส้น ในเวลา 09.00 น. ไปตั้งต้นขบวนที่สถานทีรถไฟฟ้าอ่อนนุช และจะเริ่มออกเดินในเวลา 09.30 น. และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเรา กปปส. จะเดินหน้าไปสู้เป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้ให้สำเร็จให้ได้ อย่างไรก็ตาม ตนขอย้ำว่าใครที่จะมาร่วมชุมนุมกับเราห้ามนำอาวุธติดตัวมาเด็ดขาด เพราะอาวุธอย่างเดียวที่เรามีความตั้งมั่น และตั้งใจที่จะปฏิรูปประเทศไทยเท่านั้น
Create Date : 07 พฤษภาคม 2557 |
| |
|
Last Update : 7 พฤษภาคม 2557 21:47:02 น. |
| |
Counter : 1108 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |
|
|
karnoi |
|
|
|
|