“ผู้จัด-ผู้ผลิต” ช่อง 3 ร้อง คสช.ปมจอดำ อ้างสังคมระส่ำแน่ "ทรายสีเพลิง" ใกล้จบ ผู้จัดละคร-ผู้ผลิตรายการช่อง 3 แห่ร้อง คสช.ปมดรามาจอดำ เรียกร้องขอขยายเวลาปรับตัว อ้างมีประชาชน 70% ได้รับผลกระทบ หากช่อง 3 จอดำจริงสังคมระส่ำระสายแน่ แถมละคร “ทรายสีเพลิง” กำลังเข้มข้นใกล้จบสัปดาห์หน้า        ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (26 ก.ย.) กลุ่มตัวแทนผู้จัดละคร และผู้ผลิตรายการ ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 อาทิ นายวิทวัส สุนทรวิเนตร์ เจ้าของรายการตีสิบ นางมยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช น.ส.อรุโณชา ภาณุพันธุ์ นางกอบสุข จารุจินดา ผู้จัดละครทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เข้ายื่นหนังสือพร้อมด้วยรายชื่อผู้จัดละคร ผู้ผลิตรายการ และดาราช่อง 3 กว่า 200 รายชื่อ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมการงดออกอากาศสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ผ่านระบบเคเบิลและดาวเทียม โดยขอร้องเรียนว่าการระงับการออกอากาศช่อง 3 ทางระบบดาวเทียม และเคเบิล ส่งผลกระทบต่อองค์กรและบุคลคลหลายฝ่าย เช่น ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ ผูจัดรายการโทรทัศน์ ศิลปินดารา เอเยนซีโฆษณา เจ้าของสินค้าหรือบริการต่างๆ ที่ลงโฆษณาทางช่อง 3 รวมถึงประชาชนผู้รับชมรายการโทรทัศน์        ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ได้แจ้งประชาชนโดยทั่วไปว่า รายการของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ระบบอนาล็อก จะไม่สามารถเผยแพร่ผ่านระบบโทรทัศน์แบบเคเบิล และดาวเทียมได้ตั้งวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) นั้น ขอชี้แจงผลกระทบให้พิจารณาคือ หากช่อง 3 ไม่สามารถเผยแพร่ทางระบบดาวเทียม หรือเคเบิลได้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือประชาชนร้อยละ70 หรือประมาณ 15 ล้านครัวเรือนที่ไม่สามารถรับชมรายการรายการได้ จึงขอความอนุเคราะห์ให้พิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมในการช่วยเหลือประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย        นางอรุโณชากล่าวว่า การเปลี่ยนถ่ายจากโทรทัศน์ระบบแอนะล็อกเข้าสู่ดิจิตอลนั้น เราเข้าใจแต่ขอระยะเวลาปรับตัว เนื่องจากก่อนหน้านี้แต่ละรายการมีการวางแผนการทำงานมาเป็นระยะเวลานาน และมีหลายรายการยังออกอากาศอยู่ โดยเฉพาะละครทรายสีเพลิงที่กำลังได้รับความนิยม และจะมีตอนจบในสัปดาห์หน้า แต่คงไม่ทันหากจอดำไปเสียก่อนซึ่งจะมีผลกระทบให้ประชาชนเดือดร้อน เราจึงมาของความเป็นธรรมให้มีการขยายเวลาให้เหมาะสมเพื่อปรับตัวในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบดิจิตอล เพื่อให้เกิดผลกระทบกับผู้จัดและประชาชนน้อยที่สุด โดยก่อนหน้าที่จะมายื่นที่นี่ เราได้เดินทางไปยื่นกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มาแล้วในช่วงเช้าซึ่งได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้วเช่นกัน        นายวิทวัสกล่าวว่า เรามาในฐานะประชาชน ตัวแทนผู้ผลิตรายการ ละคร และดาราช่อง3 ที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่เกี่ยวกับในส่วนของผู้บริหารช่อง 3 แต่อย่างใด ทั้งนี้ ในอดีตเคยมีประชาชนได้รับผลกระทบจากการที่ช่อง 3 ถูกสั่งให้จอดำ ไม่สามารถถ่ายทอดฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) ได้ ซึ่งช่วงเวลานั้นมีประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ และถ้าหากครั้งนี้ช่อง 3 ถูกสั่งให้จอดำอีกครั้ง ตนเชื่อว่าจะเกิดความระส่ำระสายในสังคมแน่นอน        อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.พิจาร จิตติรัตน์ ที่ปรึกษานายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นตัวแทนรับเรื่องพร้อมระบุว่าจะเร่งรัดดำเนินการอย่างเร่งด่วนเนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ //manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000110916   Create Date : 26 กันยายน 2557     0 comment Last Update : 26 กันยายน 2557 17:07:10 น.     Counter : 1050 Pageviews.   Share Tweet

ตกใจฉากเปิดก้น! สำนักเฝ้าระวังสื่ออินโดฯ ชี้การ์ตูน “ชินจัง” ลามกอนาจาร “ตัวละครชินจังที่มักจะแกล้งคนด้วยการเปลือยก้นของตัวเองไปทั่ว เขายังไปวุ่นวายกับหนุ่มสาวที่กำลังออกเดตกัน นอกจากนั้นการ์ตูนยังมีภาพของตัวละครหญิงในชุดชั้นในวาบหวาม และภาพก็เน้นสัดส่วนของตัวละครด้วย” ตัวแทนของ KPI ให้ความเห็นถึงการ์ตูนเรื่อง Crayon Shin-chan หน่วยงานที่มีหน้าที่เฝ้าระวังสื่อในอินโดนีเซียได้ส่งจดหมายเตือนไปยังสถานีโทรทัศน์ที่ออกอากาศการ์ตูนตลกเรื่อง “ชินจัง” และแสดงความเห็นว่าการ์ตูนที่มีฉากตัวละครเด็กเปลือยก้น, มีตัวละครหญิงในชุดน้อยชิ้น และเต็มไปด้วยตลกลามกมากมาย จึงถือว่าเป็นการ์ตูนเข้าข่ายเป็นสื่ออนาจาร        คณะกรรมการกิจการแพร่ภาพออกอากาศของอินโดนีเซีย หรือ KPI ซึ่งมีหน้าที่คอยตรวจสอบเนื้อหาของรายการโทรทัศน์ต่างๆ ได้ส่งจดหมายเตือนไปยังสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแห่งหนึ่งที่แพร่ภาพการ์ตูนชุด Crayon Shin-chan ว่าเป็นรายการที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสม พร้อมแนะนำให้สถานี RCTI ตัดส่วนที่มีปัญหาของการ์ตูนทิ้ง หรือไม่ก็เปลี่ยนเวลาออกอากาศไปเป็นช่วงดึกแทน        ฝ่าย อกาธา ลิลี เจ้าหน้าที่อาวุโสแห่ง KPI ได้ให้ข่าวกับหนังสือพิมพ์ The Asahi Shimbun ว่าการ์ตูนเรื่อง Crayon Shin-chan มีเนื้อหาไม่เหมาะสมสำหรับเด็กมากมายทั้ง “ตัวละครชินจังที่มักจะแกล้งคนด้วยการเปลือยก้นของตัวเองไปทั่ว เขายังไปวุ่นวายกับหนุ่มสาวที่กำลังออกเดตกัน นอกจากนั้นการ์ตูนยังมีภาพของตัวละครหญิงในชุดชั้นในวาบหวาม และภาพก็เน้นสัดส่วนของตัวละครด้วย”        “โดยเนื้อแท้แล้วนี่ก็คือสื่อลามกอนาจาร” ตัวแทนของ KPI กล่าว        แต่ตัวแทนจากสถานี RCTI ได้ปฏิเสธที่จะทำตามคำแนะนำ และยืนยันว่าการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้มีปัญหาร้ายแรงเช่นนั้น . “ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมเกิดปัญหาขึ้น อาจจะเป็นบางฉากของสัปดาห์ก่อนเท่านั้น แต่หลังจากนี้เราก็จะยังออกอากาศเหมือนเดิม โดยไม่เปลี่ยนแปลงอะไร” ตัวแทนของสถานีโทรทัศน์ให้ข่าว        Crayon Shin-chan มีต้นฉบับเป็นการ์ตูนตลกผลงานของ โยชิโตะ อุซุย ที่ตีพิมพ์ลงนิตยสารสำหรับผู้ใหญ่ฉบับหนึ่งตั้งแต่ปี 1990 ก่อนจะถูกดัดแปลงเป็นอนิเมชั่นในปี 1992 และได้รับความนิยมจากทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ แม้เนื้อหาส่วนใหญ่จะค่อนข้างเหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่ก็ตาม ทั้งการเสียดสีสังคมญี่ปุ่นในเรื่องการใช้ชีวิตอย่างปากกัดตีนถีบของครอบครัวชาวญี่ปุ่นยุคใหม่, การเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่ในยุคปัจจุบัน และเรื่องราวเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กในยุคนี้ ซึ่งการ์ตูน Crayon Shin-chan ยังคงออกอากาศที่ญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบัน แม้ผู้เขียนจะเสียชีวิตไปเมื่อปี 2009 แล้วก็ตาม        นอกจากความโด่งดังในประเทศญี่ปุ่นแล้ว Crayon Shin-chan ก็ยังถูกซื้อไปออกอากาศในหลายๆ ประเทศ และได้รับความนิยมมากมายทั่วโลก แต่ในเวลาเดียวกัน ในหลายๆ ประเทศการ์ตูนเรื่องนี้ก็ต้องเจอกับปัญหาการเซนเซอร์ และโดนวิพากษ์วิจารณ์เช่นเดียวกัน        ไม่ว่าจะเป็นที่อินเดียที่ Crayon Shin-chan โดนแบนในปี 2008 เพราะฉากโป๊กับเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องทางเพศ ส่วนในเวียดนามฉบับหนังสือการ์ตูนก็โดนโจมตีอย่างหนัก ถึงกับกลายเป็นประเด็นในรายการวิเคราะห์ข่าวของที่นี่ จนทางผู้จัดจำหน่ายต้องหยุดขายชั่วคราว และออกการ์ตูนฉบับใหม่ที่มีการเซ็นเซอร์แล้ว พร้อมระบุคำแนะนำเกี่ยวกับอายุที่เหมาะสมสำหรับผู้ชมเอาไว้บนปกหนังสือด้วย        ส่วนในกาหลีใต้ Crayon Shin-chan ก็ถูกเซนเซอร์ในหลายๆ ฉาก และยังมีเปลี่ยนบทพากย์ในฉากตลกลามก ให้เป็นมุกตลกที่เหมาะสมกับเด็กมากกว่า เพื่อให้การ์ตูนเหมาะสมสำหรับเด็กๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ติดตามการ์ตูนเรื่องนี้มากที่สุดนั่นเอง        สำหรับที่อินโดนีเซีย Crayon Shin-chan เป็นที่รู้จักของที่นี่มาตั้งแต่ปี 2000 แล้ว และนอกจากการ์ตูนแล้วก็ยังมีสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการ์ตูนเรื่องนี้ขายในอินโดนีเซียมากมาย จนนับได้ว่า Crayon Shin-chan เป็นการ์ตูนฮิตอันดับต้นๆ ของประเทศนี้ เป็นรองเพียง Doraemon เท่านั้น แม้จะโด่งดังในหลายๆ ประเทศ แต่ "ชินจัง" ก็เจอปัญหาเรื่อง แบน และเซนเซอร์อยู่เสมอ ทั้งที่อินเดีย, เกาหลีใต้, เวียดนาม และล่าสุดใน อินโดนีเซีย ฉากที่พบเห็นได้บ่อยๆ ในการ์ตูนชุดนี้ ผลงานของ "โยชิโตะ อุซุย" ที่ออกอากาศมาถึง 22 ปีแล้ว แม้ผู้เขียนจะเสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อน ก็ตาม   Create Date : 25 กันยายน 2557     0 comment Last Update : 25 กันยายน 2557 21:52:33 น.     Counter : 5388 Pageviews.   Share Tweet

ศุลกากรคุมเข้มคนหิ้ว “ไอโฟน 6” ยึดแล้ว 300 เครื่อง ภาพจากทวิตเตอร์ @tantai888 ASTVผู้จัดการ – กรมศุลกากรเผยยึดไอโฟน 6 จากพ่อค้าเครื่องหิ้วได้ 200-300 เครื่องแล้ว ชี้ลักลอบนำเข้ามาจำหน่าย แต่ไม่มีใบอนุญาตจาก กสทช. ระบุยึดเป็นของหลวงเพื่อนำไปประมูลขายต่อ ส่วนกรณี “ตัน อิชิตัน” ซื้อมาแจกไม่ได้ทำการค้า แค่ทำแคมเปญการตลาด อ้างแจ้งไว้แล้ว        หลังจากบริษัทแอปเปิลได้วางจำหน่ายโทรศัพท์รุ่นไอโฟน 6 ใน 9 ประเทศทั่วโลกเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา ล่าสุด นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากรเปิดเผยว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรทุกด่านคุมเข้มการลักลอบนำเข้าไอโฟน 6 หิ้วเข้ามาจำหน่ายในลักษณะไม่ยอมสำแดงสินค้า โดยขณะนี้กรมศุลกากรสามารถตรวจยึดเครื่องไอโฟน 6 จากการจับตาดูกลุ่มผู้เดินทางมาจากสิงคโปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น ได้ 200-300 เครื่อง        ทั้งนี้ ผลการยึดไอโฟน 6 เมื่อได้คุมเข้มสนามบินสุวรรณภูมิและด่านชายแดนภาคใต้ กลุ่มพ่อค้าเปลี่ยนแปลงเส้นทางนำเข้ามาจากชายแดนประเทศพม่าแทน โดยสาเหตุการตรวจค้นและยึดไว้ เนื่องจากได้ลักลอบนำเข้าครั้งละหลายสิบเครื่องเพื่อนำเข้ามาจำหน่าย ส่วนหากผู้เดินทางนำติดตัวเข้ามาเครื่องเดียวเพื่อใช้บริการด้วยตนเอง กรมศุลกากรอาจผ่อนปรนให้ อีกทั้งการนำเข้าไอโฟน 6 มาขายในช่วงนี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ค้าที่ไม่มีใบอนุญาตจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จึงถือว่าผิดกฎหมาย โดยการนำเข้าเครื่องมือถือต้องมีใบอนุญาต จาก กสทช.มายืนยันกับเจ้าหน้าที่ เมื่อไม่มีใบอนุญาตมาแสดง จึงต้องยึดเข้าเป็นของหลวงและนำไปประมูลขายทอดตลาดต่อไป        ส่วนกรณีของสินค้าบางยี่ห้อ เช่น อิชิตัน ซึ่งได้แจกไอโฟน 6 ไปนั้นไม่ถือเป็นการนำเข้ามาขายเชิงการค้า เพราะเป็นการทำแคมเปญการตลาดและจัดไปซื้อมาจากต่างประเทศ อีกทั้งได้แจ้งชัดเจน จึงไม่เข้มงวดเข้ามาตรวจยึดเหมือนกับรายย่อยที่แอบลักลอบเข้ามาตามแนวชายแดน        อนึ่งจากการตรวจสอบของทีมข่าว ASTVผู้จัดการเมื่อวันศุกร์ (19 ก.ย.) ที่ผ่านมา ราคาเริ่มต้นของไอโฟน 6 อยู่ที่ 40,000 กว่าบาท ส่วน ไอโฟน 6 พลัสอยู่ที่ 50,000-70,000 บาท ภาพจากเฟซบุ๊ก ตัน ภาสกรนที   Create Date : 22 กันยายน 2557     0 comment Last Update : 22 กันยายน 2557 21:44:02 น.     Counter : 1443 Pageviews.   Share Tweet

แชร์ว่อน! เตือนสาวหลงรูป ระวังหล่อล่าแต้ม หลอกฟันแล้วทิ้ง! เตือนภัยสาวๆ พลาดไม่ได้กับเรื่องนี้ เพราะกำลังเป็นที่ฮือฮา และแชร์สนั่นในโลกโซเชียลฯ กรณีหนุ่มหล่อออกล่าแต้ม ใช้ความหล่อขอไลน์ลวงเหยื่อไปกินตับ นอกจากเสียตัวฟรี ยังอาจถูกตบทรัพย์ โดยบุคคลอันตรายที่ว่ากันนี้ ชอบอ้างตัวว่าเป็นนายแบบและนักแสดงสังกัดช่อง 3 เป็นที่ฮือฮา เมื่อชาวโซเชียลฯ มีการแชร์เรื่องราวเตือนภัยสาว ระวังหล่อล่าแต้ม อ้างตัวว่าเป็นใบ้ รุกหาเหยื่อที่เป็นสาวสวยแล้วขอไลน์เพื่อนัดชวนไปกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพระราม 9 จากนั้นก็หว่านเสน่ห์ลวงเหยื่อไปกินตับที่คอนโดฯ บางรายนอกจากเสียตัวฟรีแล้วยังถูกตบทรัพย์อีกด้วย ซึ่งหลายคนมักเรียกชายคนนี้ว่า 'ไอ้ใบ้เมเจอร์' เพราะมักจะเลือกย่านเมเจอร์รัชโยธินในการหาเหยื่อ นอกจากนั้นยังรวมไปถึงสถานที่เที่ยวกลางคืนย่านดังอย่าง อาร์ซีเอ โมเดลไนท์ และสลิมด้วย ทันทีที่เรื่องเตือนภัยแพร่ออกไปไปวงกว้างก็มีหญิงสาวอีกหลายคนนำข้อความที่ชายคนดังกล่าวเคยเข้ามาคุยเพื่อเป็นการยืนยัน ซึ่งบางคนถูกชายคนนี้เข้ามาทำทีว่าเคยรู้จักกัน และขอไอดีไลน์ จากนั้นจะชวนไปกินข้าวที่ร้านของแม่ฝ่ายชาย แต่ความจริงแล้วโกหก เพราะร้านดังกล่าวไม่ใช่ร้านแม่ของฝ่ายชายจริงๆ นอกจากนี้ ยังมีการสืบกันต่อไปทั้งจากไอจี และคนที่อ้างตัวว่ารู้จัก พบว่า เป็นนายแบบฝรั่ง อ้างตัวว่าสังกัดช่อง 3 ใช้ภาษาไทยไม่ค่อยแข็งแรง มีพฤติกรรมหลอกขอไลน์สาวที่ถูกใจ ทั้งที่เจอตามที่แคสโฆษณา และสถานที่เที่ยวกลางคืนชื่อดัง โดยใช้ประโยคเด็ดที่ว่า "เคยเจอกันแล้ว จำได้มั้ย เย็นนี้ว่างมั้ย ไปทานข้าวร้านแม่ผมมั้ยครั้บที่เดอะไนท์ ผมเป็นนักแสดงอยู่ช่อง 3" ที่น่าตกใจไปกว่านั้น ยังมีเพื่อนอักษรย่อ จ. ที่มีพฤติกรรมเหมือนๆ กัน เพียงแต่คนนี้เป็นใบ้จริงๆ แถมหล่อระดับนายแบบอีกด้วย สำหรับ ชายอักษรย่อ จ. คนนี้ มีบุคคลที่อ้างตัวว่าเคยรู้จักในฐานะเพื่อน ออกมาแฉพฤติกรรมผ่านเฟซบุ๊ก Poom Phuripatch ว่า เป็นใบ้ หน้าตาดี เห็นผู้หญิงเป็นที่ระบายอารมณ์ทางเพศ (ที่เยอะผิดปกติ ซึ่งน่าจะเป็นอาการของคนโรคจิตติดเซ็กซ์) หลอกผู้หญิงสวยๆ ไปกินตับ ใครไม่ยอมก็อาจจะมีการปล้ำ และทำร้ายร่างกาย แถมยังมีเซ็กซ์แบบไม่ใส่ถุงยาง แม้จะมีผู้หญิงซื้อให้ก็ไม่ยอมใส่ หากมีอะไรกันเสร็จอาจโดนแอบถ่ายด้วย เรื่องทั้งหมดนี้ เขายืนยันว่า เป็นเรื่องจริง มีพยาน มีหลักฐานข้อความ รูปถ่าย มีบุคคลอ้างอิงซึ่งมีตัวตนจริงที่เคยพบเจอเหตุการณ์เหล่านี้ ไม่ใช่การพูดกล่าวหาลอยๆ ก่อนจะฝากทิ้งท้ายว่า "สิ่งที่ทำไว้กับแฟนเก่า และกับเพื่อนๆของผม ตอบตามตรงว่าโกรธมาก" "จริงๆ มีเรื่องราวมากกว่านี้ มีคนหนึ่งทำเรื่องเตือนไว้ใน IG : i_baimajor แต่ผมจะพูดแค่เฉพาะในสิ่งที่ตัวผมรู้และมีหลักฐานยืนยันได้เท่านั้น อยากรู้อะไรเพิ่มลองไปตามอ่าน follow IG นี้ดูเอง" บุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นอดีตเพื่อนยืนยัน พร้อมกับให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า "มันมีเพื่อนสนิทอีกคนเป็นนายแบบชื่อเล่นย่อ ล. มีพฤติกรรมเหมือนๆ กัน มาแนวเดียวกัน ขั้นตอนการพิมพ์ข้อความคล้ายๆกัน...สงสัยอาจารย์คนเดียวกัน" อย่างไรก็ดี ยังมีชาวเน็ตบางท่านออกมาแฉอีกว่า ชายอักษร จ. มีแม่เป็นถึงผู้บริหารฝ่ายการตลาดในธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง กรณีล่าแต้ม หลอกฟันแล้วทิ้ง แถมบางรายยังตบทรัพย์เหยื่อ ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเคยเกิดขึ้น แต่มีอยู่ในสังคมไทยนานแล้ว เช่นเดียวกับกรณีนี้ ทางที่ดี อย่าไว้ใจใครง่ายๆ โดยเฉพาะสาวๆ ที่หลงรูปทั้งหลาย บางทีความอันตรายมันอาจซ่อนอยู่ในรูปลักษณ์ที่หล่อรวยก็เป็นได้ ดังที่ นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานกรรมการบริหาร สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ได้กล่าวสุนทรพจน์เอาไว้ในการปิดประชุมระดับชาติเรื่องสุขภาวะทางเพศ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า เกิดเป็นผู้หญิงต้องรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี อย่าไว้ใจว่ามนุษย์ทุกคนจะดีต่อเราหมด โดยเฉพาะมนุษย์ผู้ชายรูปงาม "ในนวนิยายที่มีชื่อเสียงก้องโลกในอดีตเรื่อง The Sorrow of Satan ของแมรี่ คอเรลลี นักเขียนสตรีชาวอังกฤษ ซึ่งนักเขียนไทยเอามาดัดแปลงเป็นเรื่อง "เงา" ซาตานมักปรากฎกายต่อหน้าหญิงสาวในรูปของชายหนุ่มรูปงามเสมอ ฉะนั้นรักษาตัวรอดเป็นยอดดี ถ้าต้องการความสุขทางเพศก็ต้องรู้จักป้องกันด้วย" ข่าว ASTVผู้จัดการ Live   Create Date : 17 กันยายน 2557     0 comment Last Update : 17 กันยายน 2557 23:07:53 น.     Counter : 2549 Pageviews.   Share Tweet

ชักวุ่น กสทช. จ่อสอบช่อง 3 กรณีสัมปทานจากอสมท. มัดปากตัวเอง "สุภิญญา" ทวิตข้อความระบุกสทช.รับจดหมายร้องตรวจสอบช่อง 3 อะนาล็อกดำเนินงานสัมปทานจาก อสมท.โดยมิชอบ เหตุเป็นคนละบริษัท         ดูท่าจะสลับซับซ้อนวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ เสียแล้วสำหรับการออกอากาศในระบบอะนาล็อกของสถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 หลังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. มีมติห้ามออกอากาศผ่านทีวีดาวเทียม/เคเบิ้ลโดยจะมีผล 15 วันหลังจากที่กสทช.ได้ยื่นหนังสือให้ช่อง 3 รับทราบ         ที่ผ่านมาปัญหาวุ่นวายต่างๆ นั้นก็มาจากการที่ช่อง 3 เองตัดสินใจที่จะไม่ออกอากาศแบบ "คู่ขนาน" ไปกับการออกอากาศทีวีดิจิตอลเหมือนกับที่อดีตฟรีทีวีอย่างช่อง 5, ช่อง 7, โมเดิร์นไนน์ ทีวี, ช่อง 11 และช่องไทยพีบีเอสซึ่งจะทำให้สามารถออกอากาศผ่านทางทีวีดาวเทียม/เคเบิ้ลได้ตามปกติโดยอ้างว่าจะทำให้ตนเองมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงเหตุผลทางข้อกฏหมายที่ว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากช่อง 3 ในระบบอนาล็อกนั้นเจ้าของคือบ.บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ในขณะที่ช่อง 3 ในระบบดิจิตอลทั้ง ช่อง 3 แฟมิลี่, ช่อง 3 SD และช่อง 3 HD นั้นเป็น บ.บีอีซี มัลติมีเดีย ที่ไปประมูลมา         ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางกสทช.เองต่างก็พยายามหาทางออกให้กับเรื่องนี้มาโดยตลอด ล่าสุดก็ได้มีหนังสือเรียกให้ช่อง 3 เองแต่งตั้งผู้ที่มีอำนาจเข้ามาเจรจาหาทางออกกันในวันนี้(16) อย่างไรก็ตามดูเหมือนปัญหาวุ่นวายดูจะซับซ้อนมากยิ่งขึ้นไปอีก หลังหนึ่งในคณะกรรมการของกสทช. สุภิญญา กลางณรงค์ ได้โพสต์ทวิตเตอร์ส่วนตัว Supinya Klangnarong ว่าได้รับจดหมายเพื่อให้ขอมีการตรวจสอบการได้รับสัมปทานของช่อง 3 นั้นเป็นไปโดยมิชอบหรือไม่         โดยใจความในจดหมายนั้นสรุปได้ว่าการที่ช่อง 3 อ้างว่าไม่สามารถออกอากาศคู่ขนานกับทีวีดิจิตอลได้เพราะเป็นคนละบริษัทกัน ดังนั้นการที่ช่อง 3 ในระบบอะนาล็อกซึ่งทางบริษัทบางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ได้รับสัมปทานจากอสมท.แต่กลับให้บริษัทบีอีซีฯ ไปดำเนินการนั้นก็ไม่น่าจะถูกต้องด้วยเช่นกัน         "เย็นนี้กำลังจะประชุมร่วมระหว่างบอร์ด กสท.กับตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากช่อง3 ก็มีจดหมายด่วนที่มีคนยื่นให้ตรวจสอบสัมปทานช่อง3เข้ามา"         "จดหมายร้องเรียนฉบับนี้ขอให้ กสทช.ตรวจสอบสัมปทานช่อง3 ที่บริษัทบางกอกฯได้รับสัมปทานจาก อสมท. แต่ไม่ได้ประกอบการเอง เพราะให้ BEC ดำเนินการ"         "ทั้งบริษัทบางกอกฯที่ได้รับสัมปทานช่อง3อนาล็อกหรือบริษัทบีอีซีมัลติมีเดียที่ประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิตอล ต่างมีผู้ถือหุ้นเดียวกันคือบีอีซีเวิลด์"         "โจทย์ที่มีคนยื่นร้องเรียนช่อง3วันนี้ ทำให้ช่อง3อนาล็อกยุ่งยากขึ้น เพราะถ้ายังยืนยันตนเองว่าคนละนิติบุคคลเพื่อไม่ออกคู่ขนาน ก็จะมัดตัวเองได้"         "ปัญหาอาจบานปลายลุกลาม ไปจนถึงขึ้นการทบทวนdkiตรวจสอบสัญญาสัมปทานย้อนหลังของช่อง3อีกครั้ง ซึ่ง กสทช.มีอำนาจเต็มในการตรวจสอบนั้น"         "จริงๆประเด็นคนละนิติบุคคลของช่อง3อนาล็อกและ3ดิจิตอล คนที่หยิบยกมาพูดก็คือตัวช่อง3 เอง ทั้งนี้จริงๆ เรารับรู้ว่าคือกลุ่มคนเดียวกัน"         "เมื่อช่อง3อนาล็อกอ้างว่าออกคู่ขนานไม่ได้ เพราะคนละนิติบุคคล วันนี้เลยมีคนมาร้องเรียนว่าช่อง3อนาล็อกที่รับสัมปทานก็คนละนิติบุคคลกับผู้ถือหุ้น"         "จดหมายร้องเรียนให้ตรวจสัมปทานช่อง3ในวันนี้ ท่านเลขาธิการ @TakornNBTC ก็จะนำเข้าบอร์ดใหญ่ กสทช.ด้วย เรื่องที่ซับซ้อนอยู่แล้วจึงซับซ้อนมากขึ้น"         "ปมปัญหาของช่อง3เรื่องทีวีดิจิตอลตอนนี้ อาจกลายเป็นเหตุให้ กสทช.ต้องกลับไปสืบสาวปมของสัญญาสัมปทานเดิม ซึ่งอาจมีจุดสำคัญทางกฏหมายอีกด้วย"         "อาทิ ถ้าทางช่อง3อนาล็อกยืนยันว่าตนเองคนละนิติบุคคล จึงออกดิจิตอลไม่ได้ ดังนั้นช่อง3อนาล็อกในระบบสัมปทานตอนนี้ก็อาจขัดกฏหมายด้วยใช่หรือไม่?"         "อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องมีการสืบสวนสอบสวนปมเรื่องสัมปทานกรณีนี้ ก็ไม่เกี่ยวกับมติ กสท.ที่บังคับเรื่องระงับ15วัน ที่ต้องเดินไปตามนั้นเช่นเดิม"         "สรุปคือ 3A กับ 3C ต่างมีผู้ถือหุ้นเดียวกันคือ 3B"         อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตามที่หนึ่งในคณะกรรมการของกสทช.โพสต์ในครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นทางลงให้กับช่อง 3 ด้วยเช่นกัน เพราะหากมองว่าทั้งช่อง 3 อะนาล็อก ช่อง 3 ดิจิตอล ทั้งหมดมีผู้ถือหุ้นคนเดียวกันก็จะเท่ากับว่าช่อง 3 อะนาล็อกเองสามารถยกรายการทั้งหมดไปที่ดิจิตอลได้ทันทีและทำให้ปัญหาที่คาราคาซังจบลง แต่นั่นก็เท่ากับว่าช่อง 3 ต้องกลืนน้ำลายตัวเองและอาจจะมีผลต่อรูปคดีที่มีการฟ้องร้องกันอยู่รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวกับข้อกฏหมายบางส่วนที่จะตามมาด้วย ซึ่งก็ต้องรอดูว่าเรื่องทั้งหมดจะลงเอยเช่นไร         ...   Create Date : 16 กันยายน 2557     1 comment Last Update : 16 กันยายน 2557 22:05:55 น.     Counter : 1271 Pageviews.   Share Tweet