เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

ยังไม่ฟันธง! แพทย์ขอเวลา 5 วัน หาสาเหตุ สาว ป.โท ดับ




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

แพทย์ยังไม่คอนเฟิร์ม สาเหตุการเสียชีวิตของ สาว ป.โท มาจากการกินหมูกระทะหรือไม่ ระบุขอเวลา 5 วัน เผยผู้ป่วย 3 ราย ที่ติดเชื้อดังกล่าว เสียชีวิตไป 2 คนแล้ว แนะผู้ประกอบการดูแลร้านอาหารให้ถูกสุขลักษณะ

  จากกรณีที่ นางสาวเอ (นามสมมติ) นักศึกษาสาวปริญญาโท ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสสายพันธุ์หนึ่ง โดยญาติของนางสาวเอเชื่อว่า เธอเสียชีวิตเพราะรับประทานหมูกระทะเข้าไป เนื่องจากหลังรับประทาน นางสาวเอก็เกิดอาการปวดหัวรุนแรง จนต้องนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี แพทย์ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า นางสาวเอเสียชีวิตเพราะหมูกระทะ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

              ล่าสุด วานนี้ (7 ธันวาคม) นพ.วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า นางสาวเอเสียชีวิตเพราะหมูกระทะ เนื่องจากเชื้อชนิดนี้พบได้ทั้งในเนื้อสัตว์ดิบ นม และในปัสสาวะของสัตว์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าอีก 5 วันจะสามารถทราบสาเหตุของการเสียชีวิตได้

  นพ.วัฒนา กล่าวต่อว่า ส่วนผู้ป่วยอีก 3 รายที่พบเชื้อดังกล่าว ขณะนี้ทราบว่ามี 2 ราย ที่เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่วันที่ 19-20 พฤศจิกายน ด้วยสาเหตุการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสสายพันธุ์หนึ่งแบบเดียวกัน แต่ก็ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุการตายที่แน่ชัดได้ ส่วนอีก 1 ราย พบการติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสเช่นกัน แต่เป็นที่ข้อเข่า ซึ่งแพทย์ให้การรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะแบบไม่รุนแรงจนอาการดีขึ้นและสามารถกลับบ้านได้แล้ว

              อย่างไรก็ดี นพ.วัฒนา ได้กล่าวเตือนผู้ที่นิมยมรับประทานหมูกระทะว่า เป็นธรรมดาที่อาหารปิ้ง ย่าง หรือลวก มักจจะมีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ดังนั้น ในการรับประทานควรทำอาหารให้สุกเสียก่อน เพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ต้องแยกภาชนะสำหรับของดิบและของสุกออกจากกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปนเปื้อนขึ้นได้

              นอกจากนี้ นพ.วัฒนา ระบุว่า ตนได้ฝากให้ สสจ. เชียงใหม่ ออกตรวจสอบการดำเนินการของร้านต่าง ๆ ทั้งในด้านสุขาภิบาลและการให้คำแนะนำเพื่อสุขอนามัยที่ดี เช่น อาหารที่นำมาจำหน่ายนั้นต้องซื้อจากแหล่งที่ไว้วางใจได้ อาหารทุกอย่างต้องล้างทำความสะอาดก่อนนำมาจัดเตรียม และหากมีการปรุงหรือหมัก เมื่อทำเสร็จแล้วควรเก็บไว้ในตู้เย็นให้เรียบร้อย เป็นต้น

  ส่วนทางร้านหมูกระทะต่าง ๆ ควรมีการติดป้ายประกาศเตือนให้ผู้ที่มารับประทานอาหารปิ้ง ย่าง หรือลวก ควรสุกก่อนรับประทานทุกครั้ง และก็ควรดูแลเรื่องความสะอาดและไม่ควรหมักหมูทิ้งไว้ข้ามวันหรือวางไว้โดยไม่มีฝาปิดเนื่องจากอาจมีหนูหรือสัตว์ชนิดอื่นมาฉี่ใส่ได้


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2555   
Last Update : 8 ธันวาคม 2555 20:45:59 น.   
Counter : 1689 Pageviews.  

NOAA เผยโลกร้อนเข้าขั้นวิกฤติ ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูง 8 นิ้วภายในปี 2100

เผย ภาวะโลกร้อน เข้าขั้นวิกฤติ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ดิอินดิเพนเดนท์ รายงานว่า องค์กรสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เผย น้ำแข็งขั้วโลกละลายและซูเปอร์สตอร์ม เป็นสัญญาณสำคัญที่กำลังบอกให้โลกรู้ว่า ภาวะโลกร้อนกำลังเข้าขั้นวิกฤติ มนุษย์ควรลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงอีก ขณะที่สำนักงานจัดการด้านบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติสหรัฐฯ (NOAA) เผยระดับน้ำทะเลมีวี่แววจะเพิ่มสูงอย่างน้อย 8 นิ้วภายในปี 2100 ส่งผลให้น้ำท่วมชายฝั่งทะเลทั่วโลก

          โดยจากรายงานต่าง ๆ ที่ทางคณะกรรมการได้นำมาเปิดเผยในที่ประชุมว่าด้วยเรื่องโลกร้อน ที่กรุงโดฮาของกาตาร์เมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา มิเชล จาร์รอด ประธานสำนักเลขาธิการด้านภาวะโลกร้อนของสหประชาชาติ ได้เปิดเผยว่า "ภาวะโลกร้อนตอนนี้กำลังเข้าขั้นวิกฤติ และนี่คือตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังภัยพิบัติร้ายแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์น้ำแข็งขั้วโลกละลายในปริมาณที่สูงขึ้น ส่งผลให้สภาพอากาศทั่วโลกแปรปรวน ไปจนถึงเหตุภัยพิบัติครั้งร้ายแรงอย่างเฮอริเคนแซนดี้ที่พัดถล่มสหรัฐฯ เหตุการณ์เหล่านี้กำลังส่งสัญญาณให้เรารู้ว่า เราต้องทำอะไรสักอย่างอย่างจริงจังแล้ว ที่ผ่านมาโลกเราต้องเผชิญกับความแปรปรวนด้านสภาพอากาศทั่วโลก และทุกคนก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่า อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ถ้าหากมนุษย์ไม่ลงมือทำอะไรเพื่อรักษาโลกตอนนี้"

ส่วนทางด้าน เป็ป คานาเดล หัวหน้าโครงการโกลบอล คาร์บอน จากสำนักวิจัยประเทศออสเตรเลีย ได้เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีความหวังว่าจะสามารถชะลอวิกฤติโลกร้อน โดยรณรงค์ให้ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อลดการเพิ่มอุณหภูมิของโลกให้อยู่ที่ไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส แต่ตอนนี้ ความเป็นไปได้ที่จะลดการเพิ่มอุณหภูมิของโลกนั้นแทบจะไม่มีแล้ว ปัจจุบันทั่วโลกปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศมากกว่าปี 1990 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่านับจากปีนี้ ทั่วโลกจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นอีกปีละ 3 เปอร์เซ็นต์

           ขณะเดียวกัน ทางด้านสำนักงานจัดการด้านบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติสหรัฐฯ (NOAA) ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูง อันเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนว่า ตอนนี้มหาสมุทรทั่วโลกมีแนวโน้มสูงที่ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้นจากระดับน้ำทะเลที่วัดได้ในปี 1992 อย่างน้อย 8 นิ้ว แต่ไม่เกิน 2 เมตร ภายในปี 2100 โดยสาเหตุของปรากฏการณ์ดังกล่าว มาจากภาวะโลกร้อนได้ทำให้แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ละลายอย่างรวดเร็ว และหากระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงดังที่คาดการณ์ไว้ จะทำให้ประชาชนกว่า 8 ล้านคนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบ และนี่ยังไม่รวมกับประชาชนประเทศอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ชายฝั่งทะเล ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมหนักบริเวณชายฝั่งในอนาคต

นอกจากนี้ สำนักงานจัดการด้านบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติสหรัฐฯ ยังเปิดเผยด้วยว่า ดูเหมือนว่าภาวะโลกร้อนนี้จะยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องของโลกใบนี้ไปเรื่อย ๆ ในอีก 100 ปีข้างหน้า และระดับน้ำทะเลก็ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดเพิ่มระดับเช่นกัน

           ทั้งนี้ รายงานเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนจากหลายหน่วยงานข้างต้น สอดคล้องกับงานวิจัยจากศูนย์ข้อมูลน้ำแข็งและหิมะขั้วโลกที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยนักวิทยาศาสตร์ได้สำรวจพบว่า แผ่นน้ำแข็งขั้วโลกเหนือและใต้ กำลังละลายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกรีนแลนด์ (ขั้วโลกเหนือ) แผ่นน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็วมาก เร็วกว่าเมื่อ 20 ปีก่อนถึง 3 เท่า นับว่าเป็นสัญญาณเตือนว่าโลกจะได้รับผลกระทบหนักในอนาคต ถ้าหากมนุษย์ยังไม่หยุดหรือลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปทำลายชั้นบรรยากาศ




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2555   
Last Update : 6 ธันวาคม 2555 22:08:14 น.   
Counter : 2206 Pageviews.  

ในหลวง ตรัส แนะคนไทยมีคุณธรรม ช่วยบ้านเมืองอยู่รอด


ในหลวง

























ในหลวงเสด็จสีหบัญชร

ในหลวงเสด็จสีหบัญชร



สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์ , ครอบครัวข่าว 3 , ไทยพีบีเอส , CHRISTOPHE ARCHAMBAULT / AFP, Instagram onizugolf, runz_thanapon, pompamme, jajarlalah, newffer,  smintacy,  peko_park, pranpisang, 2littlemonkies, sensitive_ucs, taa_ra,  pranpisang, nutchai, unjiko, thebarryya,  ppj007, เฟซบุ๊ก คนไทยรักในหลวง 

ในหลวงเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงมีพระราชดำรัส ขอบใจประชาชนชาวไทยที่พรั่งพร้อมกันมา ปลื้มใจมีกำลังใจมากขึ้น ขอให้ประชาชนยึดคุณธรรม ความพร้อมเพรียงทำให้บ้านเมืองอยู่รอด

เมื่อเวลาประมาณ 10 .00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิง อุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า โสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทร กิติคุณ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์ พระที่นั่งจากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระที่นั่ง อนันตสมาคม พระราชวังดุสิต เพื่อเสด็จฯออกมหาสมาคม ในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.2555 ณ สีหบัญชร

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพักตร์แจ่มใส ทรงแย้มพระโอษฐ์ให้กับประชาชนที่มาเฝ้าฯ รอรับเสด็จฯ บริเวณชั้นล่างของอาคารเฉลิมพระเกียรติ โดยต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญอย่างกึกก้อง รวมทั้งหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปิติที่ได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด

          โดยขบวนเสด็จพระราชดำเนินในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เคลื่อนออกจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช ผ่านทางประตู 8 ด้านหน้าตลาดวังหลัง ไปตลอดเส้นทางถนนพรานนก ด้านข้างโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเมื่อเสด็จพระราชดำเนินเคลื่อนผ่าน ประชาชนที่มารอเฝ้าชื่นชมพระบารมี ต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง โดยต่างโบกธงตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ คู่กับธงไตรรงค์ กันอย่างพร้อมเพียง ด้วยความจงรักภักดี ขณะที่ประชาชนหลายคนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และร้องไห้ด้วยความปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยก่อนหน้าที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จพระราชดำเนินผ่าน ประชาชนทั้งริม 2 ฝั่งถนน ต่างพร้อมใจกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติอีกด้วย

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัส ในพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร ความว่า

"คำอวยพรและคำปฏิญาณสัญญา ที่ทุกท่านได้กล่าวนั้น เป็นที่ประทับใจมาก ขอขอบใจ และประทับใจท่านทั้งหลาย ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคนที่พรั่งพร้อมกันมาด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต ความปรารถนาดีและความพร้อมเพรียงกันของทุกท่าน อย่างที่ได้เห็นในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมากขึ้น ด้วยความเชื่อเสมอว่า ความเมตตาปรารถนาดีของท่านต่อกันนี้ เป็นปัจจัยอย่างสำคัญ ที่จะทำให้ความพร้อมเพรียงให้เกิดขึ้น ดีขึ้น ทั้งในหมู่คณะ และในชาติบ้านเมือง แต่ถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมอันนี้ มีคุณธรรมข้อนี้ ประจำอยู่ในจิตใจ ก็จะมีความหวังได้ว่า บ้านเมืองไทย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ๆ ก็จะอยู่รอดปลอดภัย และธำรงมั่นคงต่อไป ได้ตลอดรอดฝั่งอย่างแน่นอน"

          "ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครอง รักษาท่าน และชาติไทย ให้มีแต่ความผาสุข ร่มเย็น ยั่งยืน ต่อไป"

         จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จฯ กลับโรงพยาบาลศิริราช โดยตลอดเส้นทางที่รถพระที่นั่งผ่านประชาชนที่เฝ้ารอชื่นชมพระบารมีตั้งแต่เช้า ต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ พร้อมทั้งโบกธงตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ และธงไตรรงค์อย่างพร้อมเพรียงกัน

CNN เสนอข่าวพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา

ซีเอ็นเอ็น เสนอข่าว พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณ

           สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น เผยแพร่ข่าวพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันนี้ โดยระบุว่าประเทศไทย มีการเฉลิมฉลองระดับชาติ และมีพิธีที่ยิ่งใหญ่ พร้อมยังมีการออกหนังสือฉลอง 70 ทศวรรษ ของการครองราชย์ ซึ่งมี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธานที่ปรึกษากองบรรณาธิการ รวมถึงการกล่าวคำถวายพระพร และถวายสัตย์ปฏิญาณของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมถึงการพระราชทานอภัยโทษให้กับนักโทษ กว่า 26,000 คน

           ซีเอ็นเอ็น ยังระบุถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ความร่วมมือร่วมใจ และช่วยเหลือกัน

เอพีรายงานคนไทยแสดงความจงรักภักดีแน่น

สำนักข่าวเอพี รายงานว่า ในวันนี้ ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่ากว่า 2 แสนคน ร่วมแสดงความจงรักภักดี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ 85 พรรษา ซึ่งเป็นภาพที่หาดูได้ยากมาก

          รายงานของเอพี ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เสด็จออก ณ สีหบัญชร พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ สร้างความปลื้มปีติให้กับประชาชน ที่มารอเฝ้าฯ รับเสด็จ ซึ่งล้วนสวมเสื้อเหลือง โบกธงตราสัญลักษณ์สีเหลือง และธงชาติ

          พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสแก่พสกนิกรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จในครั้งนี้ว่า อยากให้ประชาชนมีความสมัครสมานสามัคคี มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

          ทั้งนี้ เอพี รายงานด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยอย่างแท้จริง โดยเห็นได้ชัดจากความแตกแยกทางการเมืองก่อนหน้านี้ แต่เมื่อถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา ก็กลับมารวมใจแสดงความจงรักภักดีกันอย่างเนืองแน่น

บีบีซี รายงาน คนไทยแห่เฝ้ารับเสด็จฯ ในหลวงล้นหลาม

สำนักข่าวบีบีซีของประเทศอังกฤษ เผยแพร่ข่าวพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยระบุใจความตอนหนึ่งว่า ขบวนแถวของคนไทยจำนวนมาก ริม 2 ฝั่งถนนของกรุงเทพมหานคร ภายนอกของพระบรมมหาราชวัง รอเฝ้าฯ รับเสด็จในพระราชพิธีนี้ ซึ่งในหลวงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก เป็นระยะเวลา 65 ปี

          โดยบีบีซี ยังระบุว่า ในหลวง ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย แม้ในภาวะที่มีปัญหาทางการเมือง หรือประสบภาวะอุทกภัย อย่างไรก็ตาม พระองค์ได้ทรงเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา

ในหลวง

ในหลวง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




 

Create Date : 05 ธันวาคม 2555   
Last Update : 5 ธันวาคม 2555 22:33:50 น.   
Counter : 2667 Pageviews.  

ศาลไม่รับคำร้องระงับม็อบเสธ.อ้าย ไม่เข้าข่ายล้มปชต.

ศาลไม่รับคำร้องระงับม็อบเสธ.อ้าย ไม่เข้าข่ายล้มปชต.

(22 พ.ย.) ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องยุติชุมนุมของ "พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์" หรือ "เสธ.อ้าย" ในวันที่ 24 พฤศจิกายน ชี้ไม่มีมูลล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย

หลังจากใช้เวลาเพียงประมาณ 15 นาที ในการไต่สวนฝ่ายผู้ถูกร้องของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันนี้ นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกแถลงว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่รับทั้ง 3 คำร้องไว้วินิจฉัย เนื่องจากเห็นว่า กรณีตามคำร้องยังไม่ปรากฏมูลเหตุว่าจะมีการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 วรรค 1 อีกทั้งจากการไต่สวนสอบถามผู้แทนของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ก็ได้ยืนยันว่าไม่มีการกล่าวเกี่ยวกับแนวคิดแช่แข็งประเทศและก็เป็นเพียงการชุมนุมเพื่อแสดงพลังขับไล่รัฐบาลเท่านั้น ซึ่งหากไม่เป็นผลก็จะยุติการชุมนุมโดยสันติ

INN News สนับสนุนเนื้อหา




 

Create Date : 22 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2555 21:09:07 น.   
Counter : 1492 Pageviews.  

จวกเละ! รมว.สธ. สั่งใช้ยากลูโคซามีน ชี้เสียงบ 700 ล้าน โดยใช่เหตุ

ข้าราชการเฮ! คลังพร้อมทบทวนยกเลิกเบิกยารักษาข้อเสื่อม

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

บอร์ด สปสช. จวกเละ รมว.สธ. สั่งใช้ยากลูโคซามีน ชี้เป็นการใช้งบ 700 ล้าน โดยใช่เหตุ เพราะยาดังกล่าวเป็นยาไม่มีข้อมูลว่ารักษาโรคข้อเข่าเสื่อมได้จริง บอกโครงการสุขภาพ 3 กองทุนคงเป็นแค่ราคาคุย ตัดงบผู้ป่วยบัตรทอง เอาไปให้ ขรก. ต่อไปประชาชนคงเป็นผู้ป่วยอนาถา

วันนี้ (20 พฤศจิกายน) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ นพ.ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รมว. สาธารณสุข ประธานคณะกรรมการบริหารยาฯ ได้สั่งให้กรมบัญชีกลางยกเลิกเรื่องห้ามเบิกยากลูโคซามีน แก้ข้อเข่าเสื่อมในสิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการ ซึ่งมีมูลค่าปีละ 700 ล้านบาท ตามคำเรียกร้องของบริษัทยาและข้าราชการ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิชาการต่าง ๆ ที่ชี้ว่า ยาดังกล่าวไม่มีข้อมูลทางวิชาการที่เชื่อถือได้ว่า มีประโยชน์ในการรักษาโรคดังกล่าวจริง เพราะที่อเมริกาจัดยาประเภทนี้เป็นอาหารเสริมเพียงเท่านั้น

          ทั้งนี้ นางสาวบุญยืน ศิริธรรม กรรมการหลักประกันสุขภาพ กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตนรู้สึกผิดหวังกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะเพียงงานแรกทาง รมว. สาธารณสุข ก็สั่งข้าวกระทรวงให้กรมบัญชีกลางถอยเรื่องดังกล่าว และยอมให้ประเทศต้องสูญเสียเงินงบประมาณปีละกว่า 700 ล้านบาท ทั้ง ๆ ที่เพิ่งประกาศนโยบายลดค่าใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดสุขภาพของสวัสดิการข้าราชการ ที่ค่ารักษาสูงกว่าผู้ป่วยบัตรทองหลายเท่าตัว

กรรมการหลักประกันสุขภาพ  กล่าวต่อว่า ตนอยากจะทราบว่า รมว.สาธารณสุข ซึ่งเป็นหมอ ว่าเอาข้อมูลวิชาการมาจากไหนใช้ในการตัดสินใจ ทั้งนี้การกรณีดังกล่าว ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่บอกได้ชัดเจนว่า "นโยบายลดความเลื่อมล้ำและปฏิรูประบบประกันสุขภาพสามกองทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น" เป็นเพียงราคาคุยเท่านั้น ท้ายที่สุด รมว. ก็ทำแต่เรื่องที่เอื้่อประโยชน์แต่บริษัทยาต่างชาติ และตัดงบเหมาจ่ายของระบบบัตรทอง ให้เป็นระบบอนาถา และผลักผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเอกชนเท่านั้นเอง


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2555 22:52:48 น.   
Counter : 1405 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]