เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

รวบแก๊ง 18 มงกุฎสวมรอยทวงหนี้บัตรเครดิต ตุ๋นเหยื่อกว่า 400 รายโอนเงิน



ผบช.น.แถลงข่าวตำรวจ บก.น.8 จับยกแก๊ง 18 มงกุฎ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี-ตำรวจ พูดจาข่มขู่หลอกผู้เสียหายกว่า 400 ราย โอนเงินเข้าบัญชีชำระหนี้เน่าบัตรเครดิต สารภาพทำมาแล้วกว่า 2 ปี

       เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (15 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง พร้อมด้วย พ.ต.ท.พัฒนา ปรีชานันท์ รอง ผกก.สส.บก.น.8 ได้ดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา 8 คน คือ 1. นายเกียรติศักดิ์ แสงจินดา 2. น.ส.เกศรินทร์ แซ่เอ็ง 3. น.ส.ชาริดา ดีน้อย 4. น.ส.อริสา ผุดผ่อง 5. น.ส.สุกานดา พ่วงเพิ่มทรัพย์ 6. น.ส.นุชนารถ นุกิจ 7. นายบัญชา ดุนโคกสูง และ 8. นายรัฐพล ศรีเงิน พร้อมด้วยของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 4 เครื่อง ยี่ห้อซัมซุงจำนวน 1 เครื่อง ยี่ห้อไอโมบายไอคิว 1 เครื่อง ยี่ห้อแอลจี 1 เครื่อง สมุดบันทึกรายชื่อลูกค้าที่มีหนี้ค้างชำระต่างๆ ใบเสร็จรับเงินชั่วคราว หนังสือแจ้งเตือนการทำงานของพนักงานบริษัท แม็กซิมั่ม คอลเลคชั่น จำกัด และกระดาษจดหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ที่อ้างว่าเป็นทนายความและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

       พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ทำการเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์เลขที่ 52 ถนนพระราม 2 ซอยที่ 1 แขวงและเขตจอมทอง กทม. ตามหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ ค.340/2556 ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2556 พบนายเกียริศักดิ์ แสงจินดา อ้างว่าเป็นเจ้าของอาคาร พร้อมผู้ต้องหาอีก 7 คนเป็นพนักงานบริษัท โดยเปิดเป็นบริษัท แม็กซิมั่ม คอลเลกชั่น จำกัด เจ้าหน้าที่จึงได้คุมตัวมาทำการสอบสวนขยายผล

       พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวต่อว่า กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้จะร่วมกันจัดตั้งบริษัทเพื่อจะทำการติดตาม เร่งรัดหนี้สินของลูกค้าทั่วไปโดยทำกันเป็นขบวนการ สำหรับวิธีการติดตามทวงหนี้นั้น หัวหน้าแก๊งจะมอบหมายให้ลูกน้องในกลุ่มตรวจสอบว่าลูกหนี้พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใด หลังจากนั้นก็จะโทร.ไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านทราบ โดยอ้างว่าโทร.มาจากเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี พร้อมทั้งร้องขอให้ผู้ใหญ่บ้านไปแจ้งให้ลูกหนี้ทราบว่าหากไม่ชำระหนี้ที่ค้างไว้ ทางกรมบังคับคดีจะดำเนินคดีต่อ ลูกหนี้ในข้อหาฉ้อโกง พร้อมทั้งแจ้งเพิ่มเติมให้ทราบว่า หากลูกหนี้ทราบเรื่องแล้วให้โทรศัพท์ติดต่อกลับมายังตำรวจยศผู้กอง ชื่อผู้กองเดชา ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-8626-2257 ซึ่งหลังจากรับสายแล้วก็จะแนะนำให้ลูกหนี้ไปเจรจากับทนายความที่อ้างว่าชื่อทนายอาคม เพื่อตกลงเรื่องหนี้สิน ซึ่งทนายความอาคมจะพูดข่มขู่ลูกหนี้ให้รีบไปชำระหนี้ หากไม่ชำระหนี้จะดำเนินการออกหมายจับ และนำตัวส่งฟ้องศาล โดยในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละคน ทางบริษัทฯ จะได้ส่วนแบ่งจากการชำระหนี้แต่ ละครั้ง คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนเงินที่ลูกหนี้นำมาชำระ โดยผู้ต้องหาได้ยืนยัน ว่าได้ใช้วิธีการสมอ้างเป็นบุคคลอื่นเพื่อข่มขู่และหลอกลวง ให้ลูกหนี้หลงเชื่อและ ตกใจกลัวด้วยวิธีดังกล่าวมาแล้วกว่า 2 ปี มีลูกหนี้ประมาณ 400 ราย

       นางทัศนี ทัดชัย ผู้เสียหายกล่าวว่า ตนเคยค้ำประกันให้เพื่อนชื้อโทรศัทพ์แบบผ่อนส่งที่ร้านค้าแห่งหนึ่งจากนั้น หลายเดือนต่อมามีหญิงสาวโทร.มาหาตนอ้างว่าเป็นตัวแทนจากกรมบังคับคดี ข่มขู่ให้รีบจ่ายหนี้ที่ค้างไว้โดยด่วนไม่เช่นนั้นจะออกหมายจับทันที โดยบอกอีกว่าหากมีข้อสงสัยอะไรให้ติดต่อไปที่ผู้กองเดชา แต่ตนโทร.ไปสอบถามกี่ครั้งก็ไม่พบตัวผู้กองเดชาดังกล่าว มีเพียงหญิงสาวที่อ้างว่าเป็นเลขาฯ รับสาย หญิงสาวคนดังกล่าวบอกให้ตนเดินทางไปโอนเงินที่เซเว่น เมื่อไปถึงเคาน์เตอร์ชำระเงิน หญิงสาวคนดังกล่าวจะขอพูดสายกับพนักงานเพื่อบอกหมายเลขบัญชี ตนเริ่มรู้สึกเอะใจเนื่องจากเมื่อเช็กกับเพื่อนปรากฏว่าหนี้ได้ถูกชำระไปแล้วจึงรีบเข้าแจ้งความ เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และจะนำตัวไปดำเนินคดีตามข้อกฎหมายต่อไป



//www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000142337




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2556 20:23:46 น.   
Counter : 1900 Pageviews.  

ขู่ตัดน้ำตัดไฟหน่วยราชการค้างชำระ สหภาพแรงงาน 44 แห่งเตรียมยกระดับชุมนุม

สรส.ประชุมสมาชิกทุก รสก.เตรียมยกระดับ ตัดน้ำตัดไฟหน่วยงานราชการค้างจ่าย แต่ยกเว้นประชาชนจะไม่ให้กระทบ ขสมก.ร่วมด้วย ไม่หยุดงานแต่จะทำงานช้าลง ยืดเวลาปล่อยรถออกจากอู่ ยันให้อิสระทุก รสก.กำหนดท่าทีเคลื่อนไหวเอง ชี้ประชาชนชุมนุมต่อเพราะ รบ.ไม่น่าไว้ใจ

       นายคมสัน ทองศิริ เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ หรือ สรส. เปิดเผยภายหลังการประชุมตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ 44 แห่งว่า มติของ สรส.ให้แต่ละรัฐวิสาหกิจไปประชุมวิสามัญของหน่วยงาน เพื่อกำหนดท่าที ยกระดับการต่อสู้ร่วมกับประชาชน และแจ้งกลับมาให้ สรส.รับทราบ ซึ่งหน่วยงานใดจะเริ่มดำเนินการวันไหนก็สามารถดำเนินการได้เลย

       โดยยืนยันว่าทุกหน่วยงานจะไม่นำประชาชนมาเป็นเงื่อนไข เช่น การตัดน้ำ ตัดไฟ หรือแม้แต่การนัดหยุดงาน เพระเป็นการทำผิดกฎหมาย แต่สิ่งที่จะดำเนินการนั้นจะให้มีผลกระทบต่อนักการเมืองมากกว่า

       ทั้งนี้ หน่วยงานที่มีการประชุมวิสามัญแล้ว ขณะนี้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้านครหลวง หรือ สร.กฟน. โดยสรุปว่า รัฐบาลจะต้องตอบคำถามว่าจะแต่งตั้งกรรมการบริหาร หรือบอร์ด กฟน.ได้เมื่อใดภายในวัน 15 พฤศจิกายนนี้ ถ้าไม่เช่นนั้นจะมีการตัดไฟในหน่วยงานราชการที่ค้างค่าไฟอยู่

       ส่วนรัฐวิสาหกิจอื่น เช่น สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การประปาส่วนภูมิภาค หรือ สร.กปภ. จะประชุมวิสามัญก่อน โดยมีแนวทางจะตัดน้ำในหน่วยงานราชการเช่นกัน ส่วนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) จะประชุมในวันที่ 13 พฤศจิกายน โดยแนวทางคือ การทำงานให้ช้าลง หรือ Slow down เช่น ปล่อยขบวนรถจากอู่ให้ช้าลง จากเดิมปล่อยทุก 5 นาที เป็น 15 นาที เป็นต้น

       นายคมสันกล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้มีการแสงความรับผิดชอบต่อ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแม้ว่าวุฒิสภาจะคว่ำร่างไปแล้วก็ตาม แต่เมื่อผ่านวาระ 3 ของสภาผู้แทนราษฎร อีก 180 วันก็สามารถนำร่างขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ ดังนั้น การที่ประชาชนเดินหน้าชุมนุมต่อก็เพราะไม่ไว้ใจรัฐบาล ไม่มีการตอบคำถามว่าจะยกเลิกไม่เอา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือไม่ ดังนั้นสิ่งที่เรียกร้องในตอนนี้คือการปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่การขับไล่รัฐบาล ต้องการนักการเมืองที่มือสะอาด ไม่คอร์รัปชัน


//www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000140982




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2556 20:43:20 น.   
Counter : 1275 Pageviews.  

“แม่หมอนิ่ม” รับสารภาพจ้างฆ่า “เอ็กซ์” เหตุซ้อมลูกสาวจนแท้ง ตร.มีนบุรีให้ประกันตัว



ASTVผู้จัดการออนไลน์ - “แม่หมอนิ่ม” สารภาพสั่งฆ่า “เอ็กซ์” เหตุซ้อมลูกสาวจนแท้ง ยันทำคนเดียวปัดลูกสาวไม่มีส่วนรู้เห็น ส่วน “หมอนิ่ม” หลั่งน้ำตาก้มกราบเท้าแม่ ลั่นสามีไม่ติดยาคงไม่เป็นแบบนี้ พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ไม่เคยคบชู้ ด้านตำรวจ สน.มีนบุรีรุดรับการเข้ามอบตัวทันที ก่อนให้ประกันตัวสู้คดีในชั้นศาล ด้านพ่อ-แม่เอ็กซ์ตามติดเข้าพบ “ปวีณา” พ่อเอ็กซ์ฝากถึงลูกสะใภ้ให้มีชีวิตต่อไปนานๆ จะได้รู้ว่านรกมีจริง!

       จากกรณีตำรวจสามารถติดตามจับกุม น.ส.วรพรรณภูรี หรือแหม่ม มนตรีอารีกุล อายุ 46 ปี อาชีพพนักงานบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 1001/2556 ลงวันที่ 9 พ.ย. 2556 ซึ่งเป็นผู้ที่ติดต่อกับนายสันติ ทองเสม หรือทนายอีส อายุ 28 ปี ให้จัดหามือปืนมายิงนายจักรกฤษณ์ หรือเอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย โดยจับกุมได้ที่ลานจอดรถอาคารออลซีซั่นเพลส ย่านลุมพินี โดยให้การซัดทอดถึงนางสุรางค์ ดวงจินดา มารดา พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือหมอนิ่ม ภรรยานายจักรกฤษณ์ ว่าเป็นผู้บงการ จนตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับสองแม่ลูกจากศาลมีนบุรี และทั้งคู่ได้ติดต่อขอมอบตัวต่อตำรวจวันนี้ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น

       ความคืบหน้าในคดีนี้ เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (11 พ.ย.) ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือหมอนิ่ม และนางสุรางค์ ดวงจินดา มารดาของหมอนิ่ม เข้าพบนางปวีณา หงสกุล รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก่อนที่จะมีการเข้ามอบตัวต่อตำรวจในวันนี้ (11 พ.ย.) ในข้อหาร่วมกันใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยนางสุรางค์กล่าวว่า สาเหตุที่กระทำเช่นนั้นเนื่องจากว่าตนรู้สึกสงสารลูกสาวที่ถูกทำร้ายมาทั้งหมด 6 ปีเต็ม ถึงขั้นที่ว่ามีการเอาปืนมาขู่ และหลานที่อายุได้ 2 ขวบจะถูกตีอยู่บ่อยครั้ง หากไม่ทำตามที่นายจักรกฤษณ์บอก พอหมอนิ่มเข้าไปห้ามก็จะถูกเอาไฟจี้ ตนในฐานะคนเป็นแม่ยอมไม่ได้ที่เห็นลูกสาวถูกทำร้ายทุกวันบ่อยๆ จึงบอกให้ทั้งคู่เลิกกัน แต่ทั้งสองคนไม่ยอมเลิกและให้เหตุผลว่ารักลูกและไม่อยากให้ครอบครัวแตกแยก ตนก็ยอมและทนมานานกว่า 6 ปี จนกระทั่งแม่ของเอ็กซ์เข้าแจ้งความและเอ็กซ์ถูกดำเนินคดี ตนคิดว่าเมื่อหลุดคดีแล้วเอ็กซ์จะทำตัวดีขึ้น แต่ยังก็ยังทำตัวเหมือนเดิม และร้ายขึ้นทุกวัน จนกระทั่งก่อนที่จะเข้ามาแจ้งความได้ทำร้ายร่างหายหมอนิ่มจนแท้งลูก ตนทำใจไม่ได้ที่ถูกกทำร้ายร่างกาย และเมื่อเป็นแบบนี้คงไม่รอให้ลูกสาวตายก่อน ยืนยันว่าหมอนิ่มไม่ทราบเรื่องที่ตนจ้างฆ่านายเอ็กซ์แต่อย่างใด ทั้งนี้ตนรู้จักกับ น.ส.วรพรรณภูรี หรือแหม่ม เนื่องจากว่ามาทำหน้าที่บ้านของตนและมีการทำการซื้อขายคอนโดฯ

       ด้าน พญ.นิธิวดีกล่าวว่า ตนขอขอบคุณนางปวีณาเป็นอย่างมาก และในวันนี้ตนเตรียมตัวที่จะมาตอบคำถามสื่อทุกเรื่องเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ทั้งสื่อทีวีและออนไลน์ได้ลงไปนั้น เช่น กรณีที่มีข่าวว่าตนหวังในสมบัติของเอ็กซ์ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ตนได้บอกไปแล้วว่าทรัพสินที่ออกมาจากตู้เซฟนั้นเป็นสมบัติส่วนตัวของตน ส่วนกรณีที่หลายคนสงสัยว่าตนถูกเอ็กซ์ทำร้ายจริงหรือไม่นั้น มีหลักฐานทุกอย่าง แต่ในวันนี้ตนสะดวกที่จะให้ตรวจสอบ และเรื่องมือที่ 3 จากที่สงสัยว่าตนจะท้องกับผู้อื่นนั้นตนกับเอ็กซ์ได้พูดคุยกันตลอดว่าจะตั้งชื่อลูกว่าอะไร เพราะฉะนั้นหลักฐานเรื่องนี้ก็มีอยู่ว่าตนไม่เคยคบชู้

       “ดิฉันอยากขอให้ผู้ชายทุกคนหยุดใช้ความรุนแรง ผู้ชายมีกำลังแต่อย่าทำแบบนี้กับผู้หญิงอีกเลย เรื่องยาเสพติดด้วย หากพี่เอ็กซ์ไม่ติดยาคงจะไม่ทำเรื่องแบบนี้ ครอบครัวของดิฉันพังแล้ว ขอให้ครอบครัวของดิฉันเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน ส่วนลูกดิฉันจะต้องสอนให้เขาทั้งสองคนรู้จักคำว่ารัก ถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะไม่ดี ดิฉันก็ต้องชี้ให้เขาทราบว่าสิ่งที่ไม่ดีเป็นอย่างไร และสิ่งที่สำคัญที่ในวันนี้ทำฉันเข้าใจแล้วว่าความรักของแม่ยิ่งใหญ่แค่ไหน ดิฉันทำให้แม่ร้องไห้มาตลอด 6 ปี และยังทำให้แม่ต้องมาทำผิด หากเป็นไปได้จะขอรับผิดและรับโทษแทนแม่ และในวันนี้ดิฉันคงไม่กล้าทำให้แม่ร้องไห้อีกต่อไปแล้ว” พญ.นิธิวดีระบุ

       เมื่อถามว่าระหว่างที่คุณแม่เรียกคุณแหม่มเข้ามาพูดคุยขณะที่อยู่โรงพยาบาลนั้น ทำไมไม่ทราบเรื่อง พญ.นิธิวดีกล่าวว่า วันนั้นตนไม่ทราบเรื่องนี้จริงๆ เนื่องจากว่าตนได้แท้งลูกและหมอได้ให้ยาสลบไป ทราบเพียงว่ามีคนเข้ามาในห้องแต่ไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน และเรื่องนี้คุณแม่ไม่เคยเล่าอะไรให้ตนฟังเลย แต่พอรู้เรื่องรู้สึกตกใจมาก เนื่องจากว่าแม่เป็นผู้หญิงตัวเล็กไม่มีพรรคพวกที่จะสามารถทำเรื่องอะไรแบบนี้ได้

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่แถลงข่าวเสร็จ พญ.นิธิวดีได้ก้มลงกราบเท้าแม่ 1 ครั้ง พร้อมกับสวมกอดและร้องไห้

       ด้านนางปวีณากล่าวว่า ในวันนี้ทั้งสองคนได้เข้ามามอบตัวกับตำรวจโดยมีการประสานงานเข้ามาที่ตนคิดว่าต้องมีการต่อสู้ไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตัวคุณแม่เองก็ยอมรับผิดแล้ว ผิดก็คือผิด ตนในฐานะที่ดูแลครอบครัวนี้มาโดยตลอดไม่อยากให้เรื่องแบบนี้ เรื่องดังกล่าวจะต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ผิดก็ว่ากันไปตามผิดจะไม่มีการให้ความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น เพราะหากทำผิดก็ต้องยอมรับผิด ซึ่งวันนี้เป็นหน้าที่ขบวนการยุติธรรม หน้าที่ของตำรวจและหน้าที่ของศาล สำหรับลูกทั้ง 2 คนของนายจักรกฤษณ์ ทาง พม.จะให้จิตแพทย์และนักสังคมสงเคราะห์เข้าไปดูแลความรู้สึก และสร้างความเข้มแข็งให้กับเขาทั้ง ด.ญ.ชมชนก วัย 4 ขวบ และ ด.ช.ปรกรักษา วัย 1 ขวบ

       “ไม่อยากให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น ที่สำคัญอยากให้สามีภรรยาเข้าใจกัน ทำเพื่อลูก เพราะเด็กมีความหมายอย่างยิ่ง และในอนาคตเขาจะต้องเป็นความหวังของชาติ เขาต้องมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ ตนอยากให้ทุกคนปรับเข้าหากันและดีต่อกันหากไปกันไม่ได้ก็ไม่ควรที่จะแต่งงานและมีลูกกัน เพราะฉะนั้นสามีภรรยาจะต้องมีความเข้าอกเข้าใจกัน เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นจะหนีไม่พ้นลูก” รมว.พม.ระบุ

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.30 น.ในวันเดียวกัน หลังจากที่ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือหมอนิ่ม และนางสุรางค์ ดวงจินดา มารดาของหมอนิ่มเดินทางกลับ นายมานพ พณิชย์ผาติกรรม และนางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม บิดาและมารดาของนายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม ได้เดินทางเข้าพบนางปวีณาเช่นกัน โดยนางบุญคิดกล่าวว่าตนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นคนใกล้ตัวที่ฆ่าเอ็กซ์ อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้สึกติดใจอะไรพร้อมทั้งให้อภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าขณะนี้มีความเป็นห่วงหลานทั้ง 2 คน จึงอยากฝากให้หมอนิ่มดูแลตัวเองและลูกๆ ให้ดี

       ด้านนายมานพกล่าวว่า ตนไม่ขอถือโทษโกรธใคร เพราะหากทำไปลูกชายก็ไม่ฟื้นขึ้นมา แต่อยากฝากถึงลูกสะใภ้ว่าขอให้มีชีวิตอยู่ไปนานๆ จะได้ทราบว่านรกมีจริง และฝากไปถึงเอ็กซ์ว่าขอให้หลับให้สบายในวันนี้ตำรวจได้ตัวคนร้ายแล้ว

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเข้าพบนางปวีณาครั้งนี้มี พ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ รอง ผกก.น.3 จาก สน.มีนบุรี ได้เดินทางมาเพื่อรับตัวที่ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือหมอนิ่ม และนางสุรางค์ ดวงจินดา มารดาของหมอนิ่มเดินทางไปที่ สน.มีนบุรีต่อเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับเรื่องการประกันตัวนั้นต้องดูตามหลักเกณฑ์หากไม่มีการหลบหนีก็สามารถประกันตัวได้ในชั้นสอบสวนโดยทั้งหมดให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่

       รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจได้ให้ประกันตัว พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือหมอนิ่ม และนางสุรางค์ ดวงจินดา ในชั้นสอบสวนเนื่องจากได้เดินทางเข้ามอบตัวตามกฎหมายยังถือว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหา อีกทั้งยังมีรายงานด้วยว่านางปวีณา หงสกุล รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ช่วยรับรองทั้งคู่ด้วยตำรวจจึงพิจารณาให้ประกันตตัวในชั้นสอบสวนตามกระบวนการตามกฎหมาย

       รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสามารถติดตามจับกุมตัว นายสันติ หรืออีส ทองเสม อายุ 28 ปี ทนายความ ผู้รับงาน และนายธวัชชัย หรืออ้น เพชรโชติ อายุ 32 ปี คนขี่จักรยานยนต์ไว้ได้แล้ว อยู่ระหว่างสอบสวนจากนั้น ตำรวจจะนำตัวมาให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.แถลงข่าวต่อไป



//www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000140278




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2556 20:04:28 น.   
Counter : 1574 Pageviews.  

“มหาไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน” ซัดถล่มฟิลิปปินส์ทำไฟฟ้าบ้านเรือนพินาศ-คนหนีตาย “นับล้าน”

ภาพถ่ายดาวเทียมจากสำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ขณะที่ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนกำลังเคลื่อนเข้าสู่ชายฝั่งตะวันออกของฟิลิปปินส์ วานนี้(7)
รอยเตอร์/เอเอฟพี – ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน (Haiyan) ซึ่งถูกขนานนามให้เป็น “พายุรุนแรงที่สุดในโลก” ในปี 2013 พัดถล่มภาคกลางของฟิลิปปินส์ โดยอิทธิพลของลมพายุทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่นระนาว และบ้านเรือนพังเสียหายเป็นจำนวนมากวันนี้ (8) ขณะที่ชาวเมืองตากาล็อกนับล้านคนต้องเก็บข้าวของหนีไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัย

       ไห่เยี่ยน ซึ่งเวลานี้จัดเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 เริ่มสำแดงฤทธิ์ที่ตอนเหนือสุดของจังหวัดเซบู ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังและเป็นที่ตั้งเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ หลังจากที่เคลื่อนผ่านหมู่เกาะเลย์เต และซามาร์ ด้วยความเร็วลมที่ศูนย์กลาง 275 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทำให้มีคลื่นสูง 5-6 เมตร

       ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุไฟฟ้าช็อต และฟ้าผ่าในฟิลิปปินส์แล้วอย่างน้อย 3 ราย และยังมีผู้บาดเจ็บอีก 7 คน

       รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศเตือนประชากร 12 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย รวมไปถึงพลเมือง 2.5 ล้านคนในเมืองเซบูซิตี และพื้นที่อื่นๆ ซึ่งเคยประสบภัยไต้ฝุ่นเมื่อปี 2011 และแผ่นดินไหวขนาด 7.1 เมื่อเดือนที่แล้ว

       เจฟฟ์ มาสเตอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านเฮอริเคน และผู้อำนวยการฝ่ายอุตุนิยมวิทยาจากสถาบัน Weather Underground ในสหรัฐฯ เตือนว่า “ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนจะขึ้นสู่ฝั่งด้วยความเร็วลมสูงถึง 313 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งหมายความว่ามันจะเป็นไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดที่ทำให้เกิดฝนตกบนแผ่นดิน”

       ไต้ฝุ่นและไซโคลนซึ่งมีอานุภาพระดับนี้อาจสร้างความเสียหายแม้แต่อาคารที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันพายุ เนื่องจากมีแรงดันสูงถึงขั้นทลายกำแพง และพัดหลังคาอาคารให้ปลิวว่อนได้

       ชาวฟิลิปปินส์ราว 1 ล้านคน ใน 20 จังหวัดต่างอพยพออกจากบ้านเรือน หลังประธานาธิบดี เบนิโญ อากิโน ออกมาวิงวอนให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เช่น ริมแม่น้ำ, ชายทะเล และเชิงเขา รีบอพยพก่อนที่ไต้ฝุ่นจะพัดขึ้นฝั่ง

       เกาะโบราเคย์ (Boracay) ซึ่งเป็นเกาะสวรรค์เลื่องชื่อของฟิลิปปินส์ ก็ตกอยู่ในเส้นทางทำลายล้างของมหาไต้ฝุ่นลูกนี้ด้วยเช่นกัน

       ชารี แทน ผู้ว่าการจังหวัดซามาร์ ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ว่า ระบบสื่อสารในบางเมืองและหมู่บ้านถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง โดยทางการได้สั่งอพยพชาวบ้านแล้วกว่า 41,000 คน

       ทางการฟิลิปปินส์ยังเตือนให้ชาวประมงงดหาปลาในช่วงนี้ และสั่งระงับบริการเรือเฟอร์รีแล้ว ขณะที่เที่ยวบินในประเทศก็ถูกยกเลิกไปเกือบ 200 เที่ยว

       ด้านกองทัพเรือฟิลิปปินส์ก็ได้เตรียมเรือทหาร 20 ลำ พร้อมเครื่องบินลำเลียง C-130 จำนวน 3 ลำ และเฮลิคอปเตอร์อีก 32 ลำไว้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะที่โฆษกกองทัพบนเกาะมินดาเนารายงานเหตุเสาไฟฟ้าล้มลงมาช็อตชาวบ้านเสียชีวิต 1 คน

       โรงเรียน, สำนักงาน และร้านค้าในจังหวัดตอนกลางของฟิลิปปินส์ต่างปิดทำการในวันนี้ (8) ส่วนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล, ทหาร และหน่วยกู้ภัย ก็เตรียมพร้อมสำหรับภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว

       สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์รายงานว่า ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนจะเคลื่อนตัวออกจากหมู่เกาะฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันเสาร์ (9) และอาจทวีกำลังแรงขึ้นก่อนที่จะพัดเข้าสู่เวียดนามและจีนต่อไป


//www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000139378




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2556 20:21:43 น.   
Counter : 1795 Pageviews.  

เก็บบรรยากาศอินเดียส่งยานไปดาวอังคาร

เก็บบรรยากาศอินเดียส่งยานไปสำรวจดาวอังคาร เบื้องต้นทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน โดยจรวดจะนำยานโคจรรอบโลกเกือบเดือน เพื่อให้มีความเร็วมากพอจะหนีแรงดึงดูดโลกแล้วมุ่งหน้าสู่ดาวอังคาร ซึ่งต้องใช้เวลาร่วม 9 เดือน

       มาร์สออร์บิเตอร์มิสชัน (Mars Orbiter Mission) หรือยานมอม (MOM) หรือในชื่ออินเดียว่า “มงคลยาน” (Mangalyaan) ขององค์การวิจัยอวกาศอินเดีย (Indian Space Research Organisation: ISRO) ทะยานฟ้าจากศูนย์อวกาศตีศธวัน (Satish Dhawan Space Centre SHAR) บนเกาะศรีหริโกฏา เมื่อวันที่ 5 พ.ย.2013 ตามเวลาประเทศไทย โดยการนำส่งของจรวดนำส่งดาวเทียมขั้วโลก (Polar Sattellite Launch Vehicle:PSLV-C25)

       ทั้งนี้ จรวดนำส่งต้องพายานโคจรรอบโลกเกือบเดือน เพื่อให้มีความเร็วมากพอจะหนีจากแรงดึงดูดของโลกแล้วมุ่งหน้าสู่ดาวอังคาร เนื่องจากยานไม่มีพลังงานในการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง จากนั้นจะใช้เวลาอีก 9 เดือนสู่เป้าหมาย ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้ นอกจากเพื่อแสดงศักยภาพของอินเดียในการเข้าสู่วงโคจรแล้ว ยังจะมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์หลายๆ อย่าง เช่น การตรวจมีเทนในบรรยากาศของดาวอังคาร เป็นต้น

จรวด PSLV-C25 นำยาน MOM ทะยานฟ้า (รอยเตอร์)


จรวด PSLV-XL นำยาน MOM ทะยานฟ้า (เอพี)




ชาวอินเดียชมถ่ายทอดสดส่งยานอวกาศ (เอพี)


ชาวอินเดียชมถ่ายทอดสดส่งยานอวกาศไปดาวอังคาร จากท้องฟ้าจำลอง (เอพี)




เค ราธากฤษนัน (ขวา) ขณะชมบรรยากาศยิงจรวดนำยานไปดาวอังคาร (เอเอฟพี)





//www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9560000138138




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2556   
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2556 20:41:47 น.   
Counter : 1813 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]