แรงงานผวา! ถูกเลิกจ้าง-พิษค่าแรง 300 บาท โรงงานบางแห่งปิดตัว
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
จับตาแรงงานถูกเลิกจ้าง หลังปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ โดยเฉพาะ 29 จังหวัด ปรับแบบก้าวกระโดด กสร. สั่งเจ้าหน้าที่รายงานผลทุก 5 เดือน เพื่อเตรียมรับมือหากพบสัญญาการเลิกจ้างที่รุนแรง เมื่อวันที่ 2 มกราคม ที่ผ่านมา นายปกรณ์ อมรชีวิน อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวถึงมาตรการการดูแลแรงงานหลังปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ใน 70 จังหวัด ในวันที่ 1 มกราคมว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ออกตรวจสถานประกอบการทั่วประเทศอย่างเข้มงวดให้มีการจ่ายค่าจ้างตามกฎหมาย โดยเฉพาะ 29 จังหวัดที่ปรับค่าจ้างขั้นต่ำแบบก้าวกระโดด โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสถานประกอบการให้ได้ 4,000 แห่งต่อเดือน และให้รายงานผลทุกวันที่ 5 ของเดือนถัดไป ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่พบสัญญาณการเลิกจ้างที่รุนแรงก็สามารถแจ้งได้ตลอดเวลา โดยขณะนี้มี 2 จังหวัดที่ส่งสัญญาณว่าจะมีการเลิกจ้าง คือ จ.ขอนแก่น และ จ.พะเยา ซึ่งเป็นโรงงานในกิจการสิ่งทอและเซรามิก ซึ่งได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หากนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้าง หรือนำสวัสดิการมารวมเป็นค่าจ้างจะมีความผิดตามกฎหมาย และมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยในช่วงแรกจะออกคำเตือน แต่หากไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนนายจ้างที่แจ้งการจ่ายค่าจ้างเท็จ แม้ว่าลูกจ้างจะยินยอม หากตรวจพบต้องจ่ายเงินย้อนหลังให้กับลูกจ้าง ซึ่งเรื่องนี้มีอายุความ 2 ปีนับจากวันที่เกิดสิทธิ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการตรวจสอบสาเหตุการเลิกจ้างที่แท้จริงนั้นทำได้ยาก ดังนั้น ไม่ว่านายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างด้วยสาเหตุใด ต้องจ่ายค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด ทางด้าน นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวว่า ในช่วงเดือนธันวาคม 2555 ยังไม่พบสัญญาณการเลิกจ้างอย่างรุนแรงตามที่คาดการณ์ไว้ โดยคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด ซึ่งขณะนี้ คสรท. เปิดรับเรื่องราวร้องทุกข์จากการปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ที่พิพิธภัณฑ์แรงงานไทย และตามจังหวัดต่าง ๆ โดยผู้ใช้แรงงานสามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่ โทร.0-2251-3170 ทั้งนี้ คสรท.จะรวบรวมข้อมูลให้กระทรวงแรงงานภายใน 2-3 เดือน และอยากให้กระทรวงแรงงานเข้มงวดในการตรวจสอบเรื่องการที่นายจ้างนำสวัสดิการมารวมเป็นค่าจ้างด้วย ด้านนายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า วันที่ 2 มกราคม เป็นวันแรกของการทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่ง 300 บาทต่อวัน จะมีผลตามกฎหมาย เชื่อว่าผู้ประกอบการโดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด จะยอมจ่ายค่าแรงดังกล่าวเพราะเป็นกฎหมาย แต่ในครึ่งปีหลังน่าจะเห็นภาพผลกระทบชัดเจนขึ้น และจากข้อมูลของเอกชนพบว่า ผลจากค่าแรง 300 บาทต่อวัน ทำให้ผู้ประกอบการรองเท้าปิดกิจการไปแล้วประมาณ 30 ราย นอกจากนี้ มีกลุ่มเซรามิกและเครื่องนุ่งห่มปิดกิจการลง ขณะที่บางรายย้ายไปตั้งโรงงานในประเทศเพื่อนบ้านแล้ว และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเกิดกับผู้ประกอบการอย่างรุนแรง ดังนั้น ภาครัฐควรเร่งออกมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบด้วย ขณะที่ นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ว่า ค่าแรงขึ้นต่ำที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.1% และไม่มีนัยสำคัญที่จะทำให้ต้องปรับราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคและกลุ่มอาหารสด ซึ่งผลกระทบจะเกิดจากราคาขนส่งและพลังงานที่สูงขึ้นมากกว่า อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้มีหน่วยงานติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าต่อเนื่อง และสายด่วน 1569 ที่จะรับเรื่องร้องเรียน หากประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบร้องเรียนมาได้ นางวัชรี กล่าวอีกว่า กลุ่มที่ได้ผลกระทบคือ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้จัดทำแนวทางช่วยเหลือและส่งเสริมเอสเอ็มอี โดยเน้นการเข้าถึงแหล่งทุนและสินเชื่อ รวมถึงจัดหาตลาดใหม่ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและรายใหญ่นั้นมีการปรับตัวมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา มีการปรับตัวรับการเข้าเออีซี จึงเห็นว่าตลาดแรงงานและการทำธุรกิจมีการแข่งขันสูงมา 2 ปีแล้ว เดิมกังวลว่าการปรับขึ้นค่าแรงจะกระทบต่อเงินเฟ้อ ปรากฏว่ากระทบน้อยมาก และไม่มีผลต่อราคาสินค้าแพงขึ้น เพราะมีระบบการแข่งขันที่เป็นธรรมกดดันอยู่ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
Create Date : 03 มกราคม 2556 |
| |
|
Last Update : 3 มกราคม 2556 21:37:18 น. |
| |
Counter : 1465 Pageviews. |
| |
|
|
|
ศาลปกครองสูงสุด รับอุทธรณ์คดีระงับออกไลเซนส์ 3G แล้ว
ศาลปค.สูงสุดรับอุทธรณ์คดี 3G แล้ว (ไอเอ็นเอ็น) ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ศาลปกครองสูงสุด รับอุทธรณ์คดีผู้ตรวจการแผ่นดิน ฟ้องสำนักงาน กสทช. ระงับการออกใบอนุญาต 3G แล้ว
วันนี้ (3 มกราคม) นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ศาลปกครองสูงสุด ได้รับคำร้องขออุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลาง กรณีที่ ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีขอให้มีการระงับการประมูลและการออกใบอนุญาต 3G ซึ่งดำเนินการโดยคณะกรรมการกิจการกระเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุด ได้รับประทับรับฟ้องคำอุทธรณ์ดังกล่าวแล้ว เมื่อวานนี้ (2 มกราคม) ส่วนจะมีคำสั่งอย่างไร หรือจะมีการคุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้ระงับการดำเนินการเกี่ยวกับการให้บริการ 3G เอาไว้ก่อนหรือไม่ เป็นหน้าที่ของศาลปกครองสูงสุดที่จะพิจารณาต่อไป
สำหรับคดีดังกล่าว ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยระบุว่า ผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่อยู่อำนาจที่จะฟ้องร้องสำนักงาน กสทช. ต่อศาลปกครอง เนื่องจากสำนักงาน กสทช. มีลักษณะเป็นนิติบุคคล และมีอำนาจจัดการประมูลคลื่นความถี่ 3G ตามประกาศคำสั่งของ กสทช.
Create Date : 03 มกราคม 2556 |
| |
|
Last Update : 3 มกราคม 2556 21:36:47 น. |
| |
Counter : 1731 Pageviews. |
| |
|
|
|
นายกฯ โพสต์เฟซบุ๊ก ส่ง ส.ค.ส. ปีใหม่ ขอคนไทยคิดบวก
นายกฯFBส่งสคส.ปีใหม่ขอคนไทยคิดบวก (ไอเอ็นเอ็น) ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Yingluck Shinnawatra
นายกรัฐมนตรี โพสต์ ส.ค.ส. ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ ให้ปี 2556 เป็นปีแห่งการคิดบวก
วันนี้ (28 ธันวาคม) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพอวยพรปีใหม่ ผ่านทางเฟซบุ๊ก Yingluck Shinnawatra เป็นภาพ นายกรัฐมนตรี สวมชุดพื้นเมือง กำลังจับมือกับกลุ่มชาวบ้าน เมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ท่ามกลางบรรยากาศที่ชื่นมื่น ทั้งนี้ ในภาพมีการระบุข้อความสั้น ๆ ว่า สวัสดีปีใหม่ 2556 ปีแห่งการคิดบวก
Create Date : 28 ธันวาคม 2555 |
| |
|
Last Update : 28 ธันวาคม 2555 22:34:45 น. |
| |
Counter : 1917 Pageviews. |
| |
|
|
|
พระพยอม ระบุ ข้อความ ว.วชิรเมธี อร่อยจนลืมกลับวัด ผิดพลาด
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ธรรมมะไทย
พระพยอมระบุ ข้อความ ว.วชิรเมธี อร่อยจนลืมกลับวัด มีความผิดพลาด แต่ถ้าดูเจตนาก็ไม่ผิด ชี้ผู้คนสามารถวิพากษ์วิจารณ์พระสงฆ์ได้ แต่ก็อย่าลืมคิดถึงคุณความดีในช่วงที่ผ่านมาด้วย
สืบเนื่องจากกรณีภาพถ่ายของ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี พระนักเทศน์ชื่อดัง ขณะฉันเพลที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นภาพที่กำลังคีบตะเกียบ และมีข้อความเขียนใต้รูปว่า "อร่อยจนลืมกลับวัด" พร้อมลายเซ็นของท่าน ว.วชิรเมธี อยู่ในกรอบรูปที่ประดับอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถามว่า ถือเป็นการเหมาะสมหรือไม่ แล้วจะผิดต่อวินัยสงฆ์หรือไม่ ซึ่ง ท่าน ว.วชิรเมธี ได้ชี้แจงว่า ไม่ผิดวินัยสงฆ์ เผย แค่เขียนให้กำลังใจลูกศิษย์ ไม่ได้ต้องการเพิ่มมูลค่าทางการตลาด ตามที่ได้รายงานข่าวไปนั้น
ล่าสุด วานนี้ (26 ธันวาคม) พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ซึ่งเป็นพระนักเทศน์ชื่อดัง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า วลีดังกล่าวมีความผิดพลาด แต่ถ้าเขียนว่า "รสชาติใช้ได้" ก็ไม่ผิด เพราะไม่ได้แสดงถึงการติดรสในความอร่อย ซึ่งถ้าดูเจตนาก็ไม่น่าจะผิด นอกจากนี้ พระพยอมยังชี้แนะไปยังเจ้าของร้านอาหารที่ติดรูปดังกล่าว ว่า ควรใช้วิจารณญาณในการโชว์รูปภาพที่ร้าน หากมีเจตนาที่จะต้องการกำลังใจจากพระสงฆ์ที่เคารพนับถือ ก็ควรตัดประโยคที่แสดงความคิดเห็นออกจากภาพ เพื่อลดความขัดแย้งทางความคิดที่จะเกิดขึ้นไม่รู้จบ ทั้งนี้ ผู้คนในสังคมสามารถวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของพระภิกษุสงฆ์ได้ ไม่เพียงแต่กรณีของพระมหาวุฒิชัยเท่านั้น แต่ก็ต้องพิจารณาถึงคุณความดีในช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
Create Date : 27 ธันวาคม 2555 |
| |
|
Last Update : 27 ธันวาคม 2555 22:16:31 น. |
| |
Counter : 2264 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |