เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

ระทึก! แก๊สระเบิด-ไฟท่วมเรือสำราญ รร.ริเวอร์ไซด์

ระทึก! แก๊สระเบิด-ไฟท่วมเรือสำราญ รร.ริเวอร์ไซด์
ภาพจากเฟซบุ๊ก "กองประชาสัมพันธ์ กทม."
เกิดเหตุแก๊สระเบิดในเรือสำราญของโรงแรมริเวอร์ไซด์ เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงบวรมงคล และโรงพยาบาลวชิระเร่งช่วยเหลือฉีดน้ำสกัด จนควบคุมเพลิงไว้ได้ มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย ถูกไฟลวก นำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลยันฮี

       เมื่อเวลา 06.30 น.วันนี้(21 มิ.ย.) เกิดเหตุแก๊สระเบิดภายในเรือสำราญของโรงแรมริเวอร์ไซด์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขตบางพลัด กรุงเทพฯ โดยไฟเริ่มไหม้จากห้องครัวแล้วลุกลามขึ้นชั้น 2 เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงบวรมงคล และโรงพยาบาลวชิระพยาบาล ได้เข้าไปเร่งช่วยเหลือและฉีดน้ำสกัดเพลิงเพื่อไม่ให้ขยายวงกว้าง จนเวลา 06.43 น.เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ จากเหตุการดังกล่าวทำให้มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย เนื่องจากถูกไฟลวก นำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลยันฮี

ระทึก! แก๊สระเบิด-ไฟท่วมเรือสำราญ รร.ริเวอร์ไซด์
ภาพจากเฟซบุ๊ก "กองประชาสัมพันธ์ กทม."




 

Create Date : 21 มิถุนายน 2557   
Last Update : 21 มิถุนายน 2557 11:03:16 น.   
Counter : 1556 Pageviews.  

เมื่อบอลโลก... กลายเป็นกีฬาสาธารณะของโลก !!

       ช่วงนี้...ถือเป็นการคืนความสุขสู่คนไทยด้วยเทศกาลฟุตบอลโลก ที่ทำให้คอบอลพากันครึกครื้นทั่วหน้าเพราะได้ดูรายการถ่ายทอดสดของฟีฟ่าครบทุกนัดผ่านทางฟรีทีวี ช่อง 5 7 8 แม้คำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2557 จะตัดสินให้บริษัทอาร์เอสชนะคดี เนื่องจากกฎมัสต์ แฮฟ ของ กสทช.ที่ออกมาไม่อาจนำมาบังคับใช้กับอาร์เอสฯ ซึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกอยู่ก่อนการออกกฎดังกล่าวได้ โดยต่อมา กสทช. จึงได้นำเงินกองทุนวิจัยฯ มาจ่ายค่าชดเชยให้แก่บริษัทอาร์เอสฯ เพื่อให้คนไทยได้ดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครบทุกนัดเป็นการทั่วไป ตามนโยบายของ คสช. ซึ่งก็มีผู้แสดงทัศนะทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการนำเงินภาษีประชาชนมาใช้จ่ายเพื่อการนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่มองได้ต่างมุมครับ...

       หากย้อนกลับไป... เราจะพบว่าการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายให้ประชาชนคนไทยได้รับชมเป็นการทั่วไปโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายนั้น ได้ดำเนินมาเป็นเวลากว่ายี่สิบปีแล้ว โดยเริ่มจากการถ่ายทอดเพียงบางนัดและพัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งในที่สุดมีการถ่ายทอดสดครบทุกนัด หรืออาจกล่าวได้ว่าฟุตบอลโลกได้กลายเป็นกีฬาสาธารณะที่ได้รับความสนใจและได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก

       เมื่อการดูฟุตบอลโลกได้กลายเป็นกรณีพิพาทขึ้นสู่ศาลปกครอง จึงเป็นเรื่องที่ศาลปกครองจะต้องตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของ กสทช. โดยมุ่งให้เกิดความสมดุลในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและการดำเนินงานของรัฐเพื่อประโยชน์สาธารณะ บนหลักกฎหมาย หลักความเป็นธรรมและหลักความสมเหตุสมผล ตลอดจนการชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์สาธารณะกับประโยชน์ของเอกชนหรือปัจเจกชนอย่างรอบด้าน

       มาดูคำวินิจฉัยและการให้เหตุผลที่น่าสนใจในกรณีนี้ของศาลปกครองสูงสุดกันครับ...

       คดีนี้ดังที่ทราบว่าบริษัทอาร์เอสฯ ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลและได้รับใบอนุญาตจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศหรือฟีฟ่า ให้เป็นผู้แพร่ภาพและเสียงการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) โดยได้ทำสัญญากับฟี่ฟ่าตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2548 ซึ่งบริษัทอาร์เอสฯ เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ชนิดที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ประเภทธุรกิจ ตามประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งก็คือเป็นผู้ให้บริการในระบบโทรทัศน์ดาวเทียม

       ต่อมา กสทช. ได้ออกประกาศเรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ.2555 หรือที่เรียกกันว่ากฎมัสต์ แฮฟ (Must Have Rule) โดยข้อ 3 ประกอบกับภาคผนวกรายการลำดับที่ 7 ของประกาศดังกล่าว ได้กำหนดให้การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นรายการโทรทัศน์ที่สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้ภายใต้การให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะต้องได้รับการถ่ายถอดในช่องฟรีทีวีหรือแบบใช้คลื่นความถี่เท่านั้น

       บริษัทอาร์เอสฯ จึงได้มีหนังสือขอผ่อนผันการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในปี 2557 โดยจะขอปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวในการให้ถ่ายถอดทางช่องฟรีทีวีเพียง 22 นัดสำคัญ กสทช. จึงได้ให้ทางอาร์เอสฯ ชี้แจงผลกระทบที่คาดหมายว่าจะเกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามกฎมัสต์ แฮฟ ในกรณีที่หากไม่มีการผ่อนผัน ซึ่งต่อมาบริษัทอาร์เอสฯ ได้มีหนังสือแจ้ง กสทช. ว่าได้มีการยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครองแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องขอผ่อนผันกรณีดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าประกาศหรือกฎมัสต์ แฮฟ ของ กสทช. ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 29 มาตรา 41 และมาตรา 43 ที่ให้ความคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินของบุคคล เสรีภาพในการประกอบกิจการและการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม ซึ่งลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเป็นสิทธิในทรัพย์สินของบริษัทอาร์เอสฯ มิใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงไม่จำเป็นต้องแพร่ภาพเป็นการทั่วไป ทั้งประกาศดังกล่าวยังเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เฉพาะกลุ่มผู้ประกอบกิจการในระบบคลื่นความถี่ (ฟรีทีวี) ด้วย

คดีจึงมีประเด็นในเนื้อหาที่ต้องพิจารณาว่า ข้อ 3 ประกอบกับรายการลำดับที่ 7 ของภาคผนวกตามประกาศฯ ของ กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดี) ซึ่งกำหนดให้การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นรายการโทรทัศน์ที่สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้ภายใต้การให้บริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปเท่านั้น เป็นกฎที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ?

โดยประเด็นแรกที่ต้องพิจารณา คือ กสทช. มีอำนาจออกกฎหรือประกาศที่พิพาทหรือไม่ และออกโดยอาศัยบทกฎหมายใด

       ประเด็นนี้ศาลปกครองสูงสุดได้ตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า กสทช.มีอำนาจตามมาตรา 27 วรรคหนึ่ง (6) และ (24) แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ประกอบมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ในการออกประกาศกำหนดมาตรการเพื่อกำกับดูแลการประกอบกิจการโทรทัศน์ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับบริการที่เป็นธรรม และส่งเสริมคุ้มครองสิทธิของคนพิการและคนด้อยโอกาส ให้เข้าถึงหรือรับรู้และใช้ประโยชน์จากรายการของกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ได้ โดยในประกาศดังกล่าวได้กำหนดคำนิยามของ “คนด้อยโอกาส”ว่า ผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนและได้รับผลกระทบในทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุข การเมือง กฎหมาย วัฒนธรรม ภัยธรรมชาติ และภัยสงคราม รวมถึงผู้ที่ขาดโอกาสที่จะเข้าถีงการบริการขั้นพื้นฐานของรัฐ ตลอดจนผู้ประสบปัญหาที่ยังไม่มีองค์กรหลักรับผิดชอบ อันจะส่งผลให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้เท่าเทียมกับผู้อื่น ประกาศหรือกฎมัสต์ แฮฟดังกล่าว จึงเป็นการดำเนินการเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของคนด้อยโอกาสในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากรายการของกิจการโทรทัศน์ซึ่งอยู่ในอำนาจของ กสทช. ที่จะทำได้

ประเด็นที่วินิจฉัยต่อไปคือ ประกาศของ กสทช.ที่พิพาท มีเนื้อหาที่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น และ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 หรือไม่ ?

       โดยที่รัฐธรรมนูญฯ มาตรา 41 ได้บัญญัติรับรองสิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน และมาตรา 43 ได้รับรองเสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม การจะจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐ หรือเศรษฐกิจของประเทศ การคุ้มครองประชาชนในด้านสาธารณูปโภค การรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การจัดระเบียบการประกอบอาชีพ การคุ้มครองผู้บริโภค การผังเมือง การรักษาทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม สวัสดิภาพของประชาชน หรือเพื่อป้องกันการผูกขาด หรือขจัดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน และมาตรา 29 ได้กำหนดว่าการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้และเท่าที่จำเป็น และจะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นมิได้

       เมื่อ กสทช.ได้ออกประกาศซึ่งเป็นการจำกัดสิทธิของบริษัทอาร์เอสฯ ในการเผยแพร่รายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ซึ่งบทบัญญัติของกฎหมายที่ใช้อ้างเป็นฐานในการออกประกาศดังกล่าวมีลักษณะเป็นกฎหมายที่คุ้มครองผู้บริโภค อันมีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ซึ่งไม่เกินความจำเป็นและไม่กระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิของอาร์เอส (ผู้ฟ้องคดี) กรณีนี้จึงยังไม่อาจฟังได้ว่าประกาศฯ ของ กสทช.ดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทั้งเห็นว่าประกาศที่พิพาทไม่ขัดต่อสิทธิของผู้ฟ้องคดีในการเผยแพร่การแข่งขันฟุตบอลดังกล่าวต่อสาธารณชน ตามมาตรา 15 วรรคหนึ่ง (2) แห่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 เนื่องจากมิได้จำกัดสิทธิของผู้ฟ้องคดีดังกล่าว โดยผู้ฟ้องคดียังคงมีสิทธิเผยแพร่งานดังกล่าวต่อสาธารณชนได้เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งสามารถที่จะนำรายการดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยวิธีการใดๆ หรือช่องทางใดก็ได้ หากแต่วิธีการหรือช่องทางการเผยแพร่ดังกล่าวมีบทบัญญัติของกฎหมายใดควบคุม ก็ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายนั้นกำหนดไว้ เช่น การผลิตเป็นวีดีทัศน์

และประเด็นสุดท้าย การออกประกาศดังกล่าวเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

       ประเด็นนี้เอง ที่ส่งผลให้อาร์เอสฯ ชนะคดี โดยศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยว่า ขณะที่มีการออกประกาศที่พิพาท ผู้ฟ้องคดีได้สิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว โดยได้แสดงความเห็นคัดค้านต่อ กสทช.ในระหว่างที่มีการพิจารณาเพื่อออกประกาศฯ กสทช. จึงสมควรต้องใช้ดุลพินิจในการออกประกาศดังกล่าวให้สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิอยู่ก่อนในการที่จะหาประโยชน์ทางพาณิชย์ได้ กสทช.จึงสมควรต้องกำหนดบทเฉพาะกาลหรือมาตรการชดเชยหรือบรรเทาความเสียหายนี้ ตามมาตรา 36 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ฯ ซึ่งได้มีบทบัญญัติให้อำนาจ กสทช.ในการพิจารณาสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากกองทุนหรือสนับสนุนส่งเสริมด้วยวิธีการอื่น อันเป็นการชดเชยต่อผู้รับใบอนุญาตที่ได้ดำเนินการเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของคนพิการและคนด้อยโอกาสให้เข้าถึงหรือรับรู้ และใช้ประโยชน์จากรายการของกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ได้อย่างเสมอภาคกับบุคคลทั่วไป แต่ไม่ปรากฏว่า กสทช. ได้ดำเนินการดังกล่าวก่อนที่จะออกประกาศที่พิพาท

       ดังนั้น การนำประกาศหรือกฎมัสต์ แฮฟมาใช้บังคับกับอาร์เอสซึ่งได้รับสิทธิในการถ่ายทอดฟุตบอลโลกอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่เป็นธรรมและเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้เพิกถอนข้อ 3 ประกอบกับรายการลำดับที่ 7 ของภาคผนวกตามประกาศเรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ.2555 โดยกำหนดเงื่อนไขให้การเพิกถอนมีผลเฉพาะแก่ผู้ฟ้องคดีในการเผยแพร่ภาพและเสียงการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี ค.ศ.2014 เท่านั้น โดยประกาศดังกล่าวยังมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไปแก่กรณีอื่น อันเป็นการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะอยู่เช่นเดิม (อ.215/2557)

       เมื่อพิจารณาคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดทั้งหมดแล้ว คงไม่อาจกล่าวได้ว่าบริษัทอาร์เอสฯ ชนะคดีทั้งหมด เพราะอาร์เอสฯ ได้ฟ้องเพิกถอน ข้อ 3 ประกอบกับรายการลำดับที่ 7 ของภาคผนวกตามประกาศฯ เนื่องจากไม่ต้องการให้มีการจำกัดสิทธิการถ่ายทอดฟุตบอลโลกเฉพาะในช่องฟรีทีวีเท่านั้น แต่ศาลปกครองได้ชี้ให้เห็นว่า กสทช.มีอำนาจโดยชอบที่จะออกประกาศหรือกฎมัสต์ แฮฟ ดังกล่าวได้ หากแต่การนำมาบังคับใช้กับบริษัทอาร์เอสฯ ซึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิอยู่ก่อนที่จะออกประกาศฯ โดยไม่ได้มีการพิจารณามาตรการเยียวยาให้แก่

       อาร์เอสนั้นถือว่าไม่เป็นธรรม จึงมิให้นำกฎดังกล่าวมาใช้บังคับกับอาร์เอสเฉพาะกับการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในปีนี้เท่านั้น ดังนั้นกฎมัสต์ แฮฟของ กสทช. จึงยังมีผลบังคับใช้อยู่ ซึ่งเท่ากับว่าการชมฟุตบอลโลกของไทยในครั้งต่อๆไป จะต้องดำเนินการภายใต้กฎนี้ โดยถือเป็นรายการที่ประชาชนหรือผู้บริโภคจะมีโอกาสได้รับชมทางฟรีทีวีเป็นการทั่วไปอย่างเสมอภาค

       งานนี้จึงถือว่า...ศาลปกครองได้ทำหน้าที่ในการดูแลประโยชน์สาธารณะควบคู่ไปกับการปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนหรือเอกชนที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายอย่างสมดุล และคดีนี้...ยังได้สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของฟุตบอลโลกในลักษณะของการเป็นกีฬาสาธารณะของโลก ที่ได้กลายเป็นรายการที่ผู้บริโภคจะต้องได้รับชมเป็นการสาธารณะ ที่สำคัญ...เมื่อได้สิทธิการรับชมแล้ว ก็ควรใช้สิทธินั้นอย่างสร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงการพนันซึ่งจะก่อให้เกิดโทษ เพื่อให้ความสุขที่ คสช. พยายามจะส่งมอบให้คนในชาตินั้น..เป็นไปสมดังเจตนารมณ์ ครับ !

       ครองธรรม ธรรมรัฐ




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2557   
Last Update : 20 มิถุนายน 2557 7:17:57 น.   
Counter : 1131 Pageviews.  

บุกจับบ่อน “คาบาร่า” ซอยรามคำแหง 39


บุกจับบ่อน “คาบาร่า” ซอยรามคำแหง 39

ตำรวจ - ทหารนำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมบ่อนการพนัน “นัมเบอร์วัน” บ่อนคาบาร่าขนาดใหญ่กลางซอยสหการประมูล รามคำแหง 39 พื้นที่ สน.วังทองหลาง ยึดอุปกรณ์การเล่นพนันครบวงจรแต่ไม่พบการเล่นพนันแต่อย่างใด

       เมื่อเวลา 17.30 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. พร้อมดด้วย พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 พ.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ นำทหารและตำรวจ สนธิกำลังกันเข้าตรวจสอบอาคารสปอร์ต คลับ ของสนามไดร์ฟเก่า เลขที่ 19/7 ซอยสหการประมูล รามคำแหง 39 (เทพลีลา 1) แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง หลังจากทางเจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีการพยายามลักลอบเปิดให้เล่นการพนัน
       จากการตรวจสอบพบว่าภายในอาคารมีการตกแต่งสถานที่ด้วยพรม และไฟประดับอย่างหรูหรา มีโต๊ะการพนันไพ่บาคาร่า 29 โต๊ะ โต๊ะเปล่า 1 โต๊ะ วางอยู่ห้องโถงและห้องวีไอพี พร้อมอุปกรณ์การพนัน อาทิ สำรับไพ่ ชิป 2,986,000 บาท นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมพนักงานที่อยู่ด้านในเป็นชาวกัมพูชา 23 คน ชาวพม่า 2 คน ชาวไทย 12 คน

       เบื้องต้นให้การว่าได้รับการว่าจ้างให้มาเก็บของออกจากอาคาร แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ก่อนส่วนชั้น 3 เป็นออฟฟิศของบริษัทให้บริการรถกอล์ฟ ส่วนผู้ดูแลสถานที่ คือ นายวิศิษฐ์ สัจจพจน์นุกูล อายุ 65 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน สำหรับบริเวณชั้น 3 เป็นออฟฟิศของบริษัทให้บริการรถกอล์ฟ และมีห้องคอนโทรลกล้องวงจรปิดของบ่อนการพนัน

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รรท.ผบ.ตร. ได้เดินทางมาตรวจสอบสถานที่ในเวลาต่อมากล่าวว่า สังเกตจากอุปกรณ์และสถานที่ยังมีสภาพใหม่เชื่อว่ายังอยู่ในขั้นเตรียมการเปิดเล่นการพนัน แต่ถูกเข้าตรวจค้นก่อน ถือว่าเป็นการป้องกันของเจ้าหน้าที่ ส่วนผู้เกี่ยวข้องจะเร่งสอบสวนขยายผลรวมทั้งยึดอุปกรณ์การพนันไว้ทั้งหมด
















 

Create Date : 20 มิถุนายน 2557   
Last Update : 20 มิถุนายน 2557 7:17:01 น.   
Counter : 2278 Pageviews.  

แฉภาพเมียเก่า “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์” ซบหนุ่มใหญ่



พบภาพหญิงสาวคล้าย “หมอนิ่ม” พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ อดีตภรรยาของ “เอ็กซ์” จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ที่ถูกลอบยิงเสียชีวิต ตั้งแต่ปี 2556 ควงหนุ่มใหญ่เที่ยวห้างสรรพสินค้า ไม่แคร์สายตาผู้พบเห็นเผยแพร่ทางโลกออนไลน์

       หลังจากที่ “เอ็กซ์” จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ถูกลอบยิงเสียชีวิตบริเวณปากซอยปากซอยรามคำแหง 166 ถนนรามคำแหง (ฝั่งขาเข้า) เขตมีนบุรี เมื่อคืนวันที่ 19 ตุลาคม 2556 โดยหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวคนร้ายที่ร่วมสังหารนักกีฬาคนดังได้ทั้งหมด 3 ราย รวมทั้ง นางสุรางค์ ดวงจินดา มารดาของ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือ “หมอนิ่ม” ภรรยาของ “เอ็กซ์” ที่ตกเป็นผู้ต้องหาด้วย ซึ่งคดียังอยู่ในชั้นศาล

       อย่างไรก็ตาม หน้าแฟนเพจที่ใช้ชื่อว่า “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์” มีการนำภาพของหญิงสาวที่ดูละม้ายกับ “หมอนิ่ม” เดินควงหนุ่มใหญ่เดินเที่ยวในห้างสรรพสินค้าโดยไม่ได้แคร์ต่อสายตาคนรอบข้าง อีกทั้งไม่มีการระบุวันเวลา และสถานที่แต่อย่างใด ส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์กันมากมาย

       พร้อมกันนี้ เพจดังกล่าวได้ยังเรียกร้องให้มีการเผยแพร่ข้อมูลในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ “เอ็กซ์” เพื่อรื้อฟื้นคดีขึ้นมาสอบสวนกันใหม่อีกครั้ง และไม่ต้องการให้เรื่องนี้เงียบหายไปจากสังคมไทย





 

Create Date : 19 มิถุนายน 2557   
Last Update : 19 มิถุนายน 2557 7:13:27 น.   
Counter : 2007 Pageviews.  

“สุเทพ” พร้อมแกนนำ กปปส.-คปท.เข้ารับทราบข้อหาคดีกบฏ



“สุเทพ เทือกสุบรรณ” พร้อมด้วยแกนนำ กปปส.และคปท.เดินทางเข้ามอบตัวต่อดีเอสไอในข้อหาร่วมกันก่อกบฏ

       เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (17 มิ.ย.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. พร้อมด้วยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ นายชุมพล จุลใส นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก นายถาวร เสนเนียม น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร นายสุริยะใส กตะศิลา นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ และนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำ คปท.เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษด้าน ดีเอสไอเพื่อเข้ามอบตัวในคดีข้อหากบฏ และข้อหาอื่นๆ อีกหลายข้อหา โดยนายสุเทพและแกนนำ กปปส.คนอื่นๆใช้เวลาเซ็นเอกสารรับทราบข้อกล่าวประมาณ 20 นาที ก่อนเดินทางกลับ

       ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนากล่าวว่า นายสุเทพและแกนนำ กปปส.มารายงานตัวตามกำหนดนัดหมาย และขอพนักงานสอบสวนเลื่อนกำหนดสั่งฟ้อง โดนนายสุเทพและแกนนำ กปปส.ทั้งหมดนั้น พนักงานสอบสวนเคยนำตัวส่งฟ้องอัยการ และได้ประกันตัวออกมาชั่วคราวไปแล้ว ประกอบกับไม่มีพฤติกรรมหลบหนี หรือเดินทางออกนอกประเทศ การขอเลื่อนกำหนดสั่งฟ้องอีกครั้งนั้น คณะพนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาคำขอ

       ด้าน พ.ต.ท.ไพศิษฏ์ สังคหะพงศ์ ผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เผยว่า นายสุเทพและแกนนำ กปปส.มารายงานตัวตามหมายเท่านั้น แต่มีการขอเลื่อนกำหนดส่งฟ้องอัยการ ทั้งนี้จะอนุญาตให้เลื่อนหรือไม่นั้น ต้องรอ พล.ต.อ.ชัชวาล สุขสมจิตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้อนุญาต คาดว่าน่าจะอนุญาตเนื่องจากนายสุเทพและแกนนำ กปสส.ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี หลังขออนุญาตศาลประกันตัวชั่วคราวในการสั่งฟ้องไปครั้งแรก

       พล.ต.อ.ชัชวาลย์กล่าวว่า ในส่วนที่นายสุเทพและแกนนำ กปปส.ขออนุญาตเลื่อนส่งฟ้องอัยการนั้น ให้คณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอเป็นผู้พิจารณาได้เลย แต่คาดว่าน่าจะอนุญาต เพราะมีการมารายงานตัวตามนัดหมาย และไม่หลบหนีหรือออกนอกประเทศ




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2557   
Last Update : 18 มิถุนายน 2557 7:01:30 น.   
Counter : 1376 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]