เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

“สุเทพ” ซัด “อนุดิษฐ์” คิดแผนชั่ว ป้ายสีม็อบติดยา-มีอาวุธหวังใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินล้อมปราบปชช.

“สุเทพ” ซัด “อนุดิษฐ์” คิดแผนชั่ว ป้ายสีม็อบติดยา-มีอาวุธหวังใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินล้อมปราบปชช.

เลขาธิการ กปปส. เผยเดินขบวนวันนี้ประชาชนมอบเงินบริจาครวม 1.7 ล้าน เผยอังคารนี้เดินฝั่งธนบุรี เชิญชวนปิดกรุงเทพฯ ซัด “ภราดร” ลั่นคนกรุงหนุนขับไล่ระบอบทักษิณ ส่วน “อนุดิษฐ์” มีแผนชั่วกล่าวหาพกอาวุธมา หวังใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาทหารมาฆ่า ลั่นทำเมื่อไหร่เสี่ยงคุก ย้อน “จตุพร” จมาเปิดกรุงเทพฯ จะยอมให้เข้ามาฆ่า-เผาบ้านเผาเมืองอีกหรือ ท้าเดินถนนคนละเส้นวัดใจ สยบเสียงทักท้วง ลั่นประชาชนบอกไม่ทิ้ง สู้เคียงบ่าเคียงไหล่

     วันนี้ (5 ม.ค.) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเวลา 20.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวปราศรัยว่า การเดินขบวนวันนี้ได้รับเงินบริจาคจากประชาชนที่มอบให้รวม 1,781,301 บาท ซึ่งให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ นอกจากนี้ยังมีพี่น้องให้ความเมตตา ให้กำลังใจ และยืนยันว่าในวันที่ 13 ม.ค. จะออกมาร่วมกับมวลมหาประชาชน และขอว่าพวกเราอย่าท้อถอย สู้ให้ชนะ เพราะประชาชนทั้งหลายรออยู่ ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้จะพักการเดินขบวน 1 วัน และในวันที่ 7 ม.ค. จะไปเดินฝั่งธนบุรี เพื่อเชิญชวนให้มาเข้าร่วม โดยออกเดินทางเวลา 08.00 น.

       นายสุเทพ กล่าวว่า พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. ออกมาพูดว่าวันที่ 13 ม.ค. คนกรุงเทพฯ จะออกมาไล่พวกเราเพราะไม่พอใจ ซึ่งมาแบบเดียวกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน อ้างว่านายสุเทพจ้างคนเอาเงินมาให้เพื่อสร้างภาพ วิธีการนี้มีแต่ ร.ต.อ.เฉลิมและลูกชายเท่านั้นที่ทำได้ ตนทำไม่เป็น และตนไม่ใช่คนที่สมคบกับตำรวจฆ่าดาบยิ้ม และประกาศเองว่าเป็นขี้ข้าทักษิณทั้งสิ้น มันสมองก็มีแค่นี้ ซึ่งตนฝากบอก พล.ท.ภราดรว่า คนกรุงเทพฯ สนับสนุนให้พวกตนขับไล่ระบอบทักษิณให้สิ้นจากแผ่นดินไทย คอยดูวันที่ 13 ม.ค. ก็แล้วกัน

       ส่วน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รักษาการ รมว.ไอซีที ระบุว่า ตนไปหลอกมวลชนหลายภาค ที่เรียกร้องช่วยเหลือด้านการเกษตร มาเพราะเดือดร้อนราคาพืชผลการเกษตร ไม่ใช่ขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และบรรดามวลชนเหล่านี้มีพฤติกรรมใช้ยาเสพติดเพื่อปลุกเร้าความกล้า ซึ่งตนตอบว่ามีแต่ น.อ.อนุดิษฐ์และบิดาเท่านั้นที่ใช้ยาเสพติด ผู้ชุมนุมไม่ได้พึ่งยาเสพติด แต่มีความกล้าด้วยหัวใจ ส่วนการที่ระบุว่าผู้ชุมนุมสร้างความรุนแรงยั่วยุเหมือนครั้งก่อนนี้ คำว่าครั้งก่อนคือเหตุการณ์ที่เผาบ้านเผาเมืองปี 2553 ใช่หรือไม่

       ส่วนกรณีที่อ้างว่ายึดอาวุธปืน วัตถุระเบิดจำนวนมาก ตนสงสัยว่ามาเมื่อไหร่ ที่ผ่านมาไม่มีสักคน ถือว่ามีพฤติกรรมโกหกเหมือนนายกรัฐมนตรี และการที่อ้างว่าผู้ชุมนุมทุบรถเอาอาวุธ แล้วซื้อกระสุนปืนมาใส่นั้นเป็นการจินตนาการ ตนยืนยันว่าเป็นการต่อสู้แบบสันติ ซึ่งคนเหล่านี้มีเจตนาใส่ร้าย และมีฟรีทีวีออกข่าวทำลายภาพพจน์ ตนลุกขึ้นมาไม่เคยเอาความเท็จมาพูด บนเวทีพูดเรื่องจริงที่คอร์ปชั่นและการฆ่าคน ถ้าหน้าด้านอยู่ได้อยู่ไป แต่ถ้าประชาชนชนะจะยึดทรัพย์ให้หมด

       ทั้งนี้ พฤติกรรมของ น.อ.อนุดิษฐ์เป็นการป้ายสีมวลชนว่าไม่ได้ชุมนุมอย่างสันติ แต่พกพาอาวุธมา เพื่อสร้างความชอบธรรมในการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องการเอาทหารมาปราบประชาชน ถือเป็นแผนร้ายของรัฐบาลนี้ และคนในรัฐบาลไม่ชอบใจที่บรรดาผู้นำเหล่าทัพไม่เห็นด้วยที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะเราเป็นพลเมืองดีที่สู้โดยสันติ

       นายสุเทพเล่าให้ฟังว่า ในปี 2553 ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ตนใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงก่อน กระทั่งเห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงมีการยิงเอ็ม 79 วางระเบิด ยิงธนาคาร และมีหลักฐาน จึงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่เหมือนกับการชุมนุมครั้งนี้ 2 เดือนที่ผ่านมาเราไม่มีอาวุธ มีแต่นกหวีดและส้นเท้าเดินต่อไป และตลอดเวลาที่ชุมนุมไม่มีกองกำลังชุดดำเอาอาวุธสงครามไปทำร้าย ข่มขู่ประชาชน ยิงธนาคารใดๆ ไม่ได้ทำทั้งสิ้น เราเดินขบวนมาหลายหน ไม่ได้ทำให้ของเสียหาย ไม่ได้กระทบกระเทือนใคร เราเดินขบวนตามสิทธิ์ของเรา

       “คนพวกนี้พยายามจะหาเหตุเอา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระดมกำลังมาปราบปรามพวกเรา ทำเมื่อไหร่เสี่ยงคุกเมื่อนั้น และจะดำเนินการตามกฎหมายเพราะเราเป็นพลเมืองดี ยืนยันเมื่อคืนทหารเป็นเพื่อนผม เพราะปี 2552 และ 2553 นปช. รับจ้างทักษิณก่อการร้ายในกรุงเทพฯ ฆ่าตำรวจ ฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน เผาบ้านเผาเมือง ผมอาศัยทหารรักษาบ้านเมือง เพราะตำรวจมันไม่ทำงาน มันเป็นตำรวจมะเขือเทศ มันไม่ทำอะไรเลย” นายสุเทพ กล่าว

       นายสุเทพยังย้อนเหตุการณ์ที่กลุ่ม นปช. พังการประชุมอาเซียนว่ามี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์เป็นผู้เปิดทางให้ และคนที่ก่อการร้ายวันนี้กลายมาเป็น ส.ส. พวกโจรกับพวกตำรวจโจรก็กลายเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งตนกล่าวถึงเฉพาะตำรวจโจรเท่านั้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. อ้างว่าถ้าจะปิดกรุงเทพฯ คนเสื้อแดงจะมาเปิดกรุงเทพฯ ตนขอถามว่าคนกรุงเทพฯ จะเปิดเมืองให้กลุ่มคนเสื้อแดงมาฆ่า มาเผาอีกหรือ ขอท้าว่าให้มาเดินถนนในกรุงเทพฯ คนละสาย วัดใจคนกรุงเทพฯ บนถนนเลยดีกว่า และขอย้อนถามว่า เหตุการณ์ปี 2553 ที่ทำให้ทหารตาย ทหารเจ็บ จำได้ไม่ลืม อย่าหวังว่าจะมาช่วย

       ส่วนการที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร., พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พยายามปลุกระดมตำรวจให้มาปราบปรามประชาชน เขาไม่กล้าทำ ตนขอขอบคุณที่ไม่ทำร้ายประชาชน และจำเอาไว้ ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รับคำสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทาหนีคดีอาญาแผ่นดิน ไม่ให้ลาออกเด็ดขาด น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็บอกว่าไม่ลาออก เดินหน้าเลือกตั้ง ไม่สนใจว่าจะโกงเลือกตั้งอย่างไร คิดแต่ว่าเมื่อเลือกตั้งสำเร็จจะได้ ส.ส.มากที่สุด และหาทางเป็นรัฐบาลให้ได้ ตนจะบอกว่าชาติหน้าก็ไม่ได้เป็นแล้วนายกรัฐมนตรี

       และเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นเพียงหุ่นเชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ถ้ายังฝืนจะเจ็บกว่าพี่ชาย เมื่อทำร้ายประชาชนมากขึ้น ตายไปหลายศพก็ยังไม่สำนัก ให้พวกขี้ข้ารังแกข่มเหงประชาชน ถ้าทำอย่างนี้วันหนึ่งจะเอาผิด นอกจากยึดทรัพย์แล้วเชื่อว่าจะอยู่ประเทศไทยไม่ได้อีกต่อไปด้วย ถ้าดวงดีก็เป็นนายกฯ พวกตนก็ติดคุก เป็นขี้ข้าตระกูลชินวัตรต่อไป แต่ถ้าพวกตนชนะ พวกอีปรีย์ออกนอกประเทศ วัดดวงกันตรงนี้ ถึงทำพิธีไสยศาสตร์ก็ไม่พ้นส้นเท้าประชาชน เมื่อประชาชนตัดสินใจทุ่มเท เสียสละติดต่อกัน 2 เดือน ตนมั่นใจว่าประชาชนไม่มีวันหลังกลับ

       มีหลายคนว่า การชุมนุมวันเดียวพอได้ หลายวันไม่ไหว แต่ตนบอกว่าประชาชนทนไม่ได้กับระบอบทักษิณต่อไปอีกแล้ว ตนเชื่อมั่นว่าประชาชนยังไงก็ต้องสู้ให้ชนะ ไม่ยอมถอยอีกแล้ว เพราะฉะนั้นตนไม่หวั่นไหว ยืนยันว่าจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่จนวันสุดท้าย ให้มันรู้ไปจนเหลือคนเดียวเดินเข้าคุก หมดเรื่องหมดราว แต่ตนรู้ว่า ประชาชนบอกว่าไม่ทิ้งตนแน่นอน พร้อมสู้ด้วยกัน ตนขอขอบคุณและสู้ด้วยกันจนกว่าจะชนะ


//manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000001463




 

Create Date : 05 มกราคม 2557   
Last Update : 5 มกราคม 2557 21:49:29 น.   
Counter : 1244 Pageviews.  

“สุเทพ” ออกคำขวัญวันเด็ก รักพระมหากษัตริย์-ดำรงความเป็นไทย

“สุเทพ” ออกคำขวัญวันเด็ก รักพระมหากษัตริย์-ดำรงความเป็นไทย

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เลขาธิการ กปปส. ออกคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ 2557 ของมวลมหาประชาชน “คิดอย่างฉลาด รักชาติ รักพระมหากษัตริย์ ซื่อตรง ดำรงความเป็นไทย” เสื้อแดงโวยเหมาะสมหรือไม่ พบ “ทักษิณ” เคยออกคำขวัญแข่งกับ “อภิสิทธิ์” มาแล้ว

       วันนี้ (4 ม.ค.) เฟซบุ๊ก “Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)” ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ได้โพสต์รูปภาพคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ของมวลมหาประชาชน ปี 2557 ระบุว่า

“คิดอย่างฉลาด
       รักชาติ รักพระมหากษัตริย์
       ซื่อตรง ดำรงความเป็นไทย”


       พร้อมลงชื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.

       ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้มอบคำขวัญวันเด็ก เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2557 ว่า

“กตัญญู รู้หน้าที่
       เป็นเด็กดี มีวินัย
       สร้างไทย ให้มั่นคง”


       พร้อมลงชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

       อย่างไรก็ตาม กรณีที่นายสุเทพ ออกคำขวัญวันเด็กแห่งชาตินั้น เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงในโซเชียลเน็ตเวิร์ค เนื่องจากคำขวัญวันเด็กแห่งชาตินั้น คนที่จะออกคำขวัญได้อย่างเป็นทางการคือนายกรัฐมนตรี

       อนึ่ง ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน ได้หลบหนีออกนอกประเทศ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2554 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เขียนข้อความด้วยลายมือเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ แข่งกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีข้อความว่า

“คิดถึงเด็กไทย ๒๕๕๔
       โลกกว้างกว่าที่คิด โปรดอย่าปิดตัวเอง
       ท่องโลกจริงไม่ได้ ก็ให้ท่องผ่านเว็บ”


       พร้อมลงชื่อ ลงชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 8 ม.ค. 54

//manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000001223




 

Create Date : 04 มกราคม 2557   
Last Update : 4 มกราคม 2557 18:38:28 น.   
Counter : 2369 Pageviews.  

ศอ.รส.แถลงแผนรับมือ กปปส.ปิดกรุง อ้างส่อเกิดจลาจล-มือที่สามป่วน "ปิยะ"แถ ไม่เคยบิดเบือนข้อมูล



โฆษก ศอ.รส.แถลง เตรียมพร้อมรับมือ กปปส.ปิดกรุงฯ 13 ม.ค. อ้างอาจเกิดเหตุปะทะกับประชาชนที่เดือดร้อนจากการปิดถนน มีผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์รุนแรง สั่งทุกหน่วยเตรียมแผนรับมือเหตุระเบิด จลาจล การปะทะของมวลชนสองฝ่าย โวเกียรตินายร้อยตำรวจไม่เคยแถลงข้อมูลบิดเบือน

       วันนี้ (3ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) สรุปผลการประชุมประจำวันที่ 3 มกราคม 2557

       พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เรื่องแรก คือ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ได้บอกกับตำรวจทุกนายถึงพระราขดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้ประทานพรปีใหม่ พ.ศ.2557 แก่ปวงชนชาวไทย ขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายกว่า 200,000 คนทั่วประเทศ น้อมนำพระราชดำรัสใส่เกล้าใส่กระหม่อมเป็นสิริมงคลในการดำเนินชีวิตพร้อมทั้งนำไปปฏิบัติเป็นแนวทางเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ และประชาชนเพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่สังคม และ วันนี้ ศอ.รส. ได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับทราบถึงสถานะการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวของผูุ้ชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ในวันที่ 13 มกราคม 2557 ซึ่งจะมีการปิดกรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวได้ชี้แจงว่า จะมีการระดมมวลชนเพื่อเข้ายึดพื้นที่สี่แยก รวมถึงจะมีการดาวกระจายไปบ้านบุคคลสำคัญ และการชุมนุมตามพื้นที่ต่างจังหวัด โดยจะมีการขับเคลื่อนมวลชนตั้งแต่วันที่ 5 มราคมนี้ ขณะเดียวกันจะมีการรวมพลใหญ่ของกลุ่ม นปช. ในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ฝ่ายการข่าวได้ระบุถึงแนวโน้มและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วยว่า จะมีการจราจรติดขัดเป็นวงกว้าง ประชาชนไม่สามารถเดินทางสัญจรได้ตามปกติ และอาจจะเกิดความวุ่นวายระหว่างมวลชนที่ปิดแยกต่างๆกับประชาชนผู้ใช้ถนน รวมถึงผู้ที่ได้ความเดือดร้อนจากการปิดถนน เช่น ผู้ประกอบการ ผู้อยู่อาศัยใกล้เคียงกับบริเวณที่มีการปิดถนน รวมถึงอาจะมีผู้ไม่หวังดีจะสร้างสถานะการณ์รุนแรนด้วย

       พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลพี่น้องประชาชน ให้ทุกฝ่ายเร่งทำความเข้าใจให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชนถึงผบกระทบ หรือความเสียหายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากกรณีปิดสี่แยกสำคัญ และมุ่งเน้นแก้ไขและบรรเทาปัญหาการจราจร โดยหาเส้นทางจราจรสำรองในพื้นที่ๆมีการปิดถนน พร้อมทั่งอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เข้าร่วมชุมนุม รวมถึงการจัดเตรียมหน่วยเคลื่อนที่เร็ว รถพยาบาล รถยก เพื่อสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และเพื่อป้องกันการก่อเหตุร้ายต่างๆ ซึ่งจะเน้นการควบคุมอาวุธ ตั้งจุดตรวจค้นทั้งบริเวณพื้นที่ชั้นใน นอก กลาง โดยจะมีการจัดสายตรวจร่วมปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร พร้อมทั้งจะมีการกระจายกำลังเพื่อรักษาสถานที่และบุคคลสำคัญ ซึ่งอาจจะมีการถูกตัดน้ำ ตัดไฟ และมีการเข้าปิดล้อม โดยจะเน้นการเจรจาต่อรองการวางกำลังรักษาพื้นที่ อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยจัดทำแผนระวังเหตุที่อาจจะเกิดโดยไม่คาดคิด ได้แก่ เหตุระเบิด การก่อการจราจล หรือ การกระทบกระทั่งของกลุ่มมวลชนที่มีความเห็นไม่ตรงกัน

       ทั้งนี้ มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่เป็นหลายส่วน ได้แก่ กำลังเจ้าหน้าที่รักษาพื้นที่สำคัญ มอบหมายให้ อคฝ. เป็นผู้ดูแล ซึ่งจะไม่มีอาวุธ กำลังเจ้าหน้าที่จราจร กำลังจุดตรวจค้น ให้ใช้กำลังจากสายตรวจเป็นหลัก กำลังสืบสวนหาข่าวสันติบาลและ กำลังการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ให้ใช้กำลังจากหน่วยสันติบาล และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ รวมถึงให้เตรียมความพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษทุกหน่วยให้สามารถเรียกใช้กำลังได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยทุกหน่วยต้องมีการรายงานความคืบหน้าที่ ศอ.รส. เป็นระยะ

       นอกจากนี้ โฆษก ศอ.รส. ขอโต้แย้งข้อมูลทางโซเชียลมีเดียที่มีการอ้างชื่อของตนว่าแถลงการโดยใช้ข้อมูลที่บิดเบือนนั้นไม่เป็นความจริง และขอยืนยันด้วยเกียรติของนักเรียนนายร้อยตำรวจว่า "เราจะไม่โกหก คดโกง ลักขโมย หรือ ยอมให้พวกเราคนหนึ่งคนใดทำเช่นนั้นเป็นอันขาด"

       อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.56 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปิยะได้แถลงกรณีชายสวมชุดตำรวจทุบรถประชาชนว่า น่าจะเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ไปทุบรถตำรวจแล้วขโมยชุดตำรวจปราบจลาจลมาสวมใส่เพื่อป้ายสีให้เป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ แต่วานนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมายอมรับว่ากลุ่มคนที่ทุบรถประชาชนเป็นตำรวจจริง


//manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000001025




 

Create Date : 03 มกราคม 2557   
Last Update : 3 มกราคม 2557 20:53:33 น.   
Counter : 1329 Pageviews.  

กกต.หวั่นเปิดสมัคร ส.ส.เพิ่มเสี่ยงเจ็บตัว เหตุเอื้อประโยชน์-กฎหมายไม่ชัด “นครศรีฯ” ไขก๊อกยกจังหวัด



เผยที่ประชุม กกต. พรุ่งนี้มี 2 แนวทางพิจารณาเลือกเปิดไม่เปิดรับสมัครเพิ่ม หลัง 28 เขตเลือกตั้งใน 8 จังหวัดภาคใต้ไม่มีผู้สมัคร ชี้หากเปิดรับสมัครเพิ่มเสี่ยงเจ็บตัวหนักสุด อาจเจอข้อหาเอื้อประโยชน์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เหตุกฎหมายไม่ได้เขียนชัดให้ทำได้ ขณะที่ กกต.จว.นครศรีธรรมราช ทนแรงกดดันไม่ไหว ลาออกยกจังหวัดแล้ว เตรียมสรรหาแต่งตั้งโดยเร็ว

       วันนี้ (2 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่าในการประชุม กกต. พรุ่งนี้ (3 ม.ค.) ทางสำนักงานได้มีการเสนอข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายกรณี 28 เขตเลือกตั้งใน 8 จังหวัดภาคใต้ไม่มีผู้สมัคร ว่า กกต. ควรจะดำเนินการอย่างไร โดยมีข้อเสนอเป็น 2 แนวทาง คือ แนวทางที่ 1 ยึดข้อกฎหมายเคร่งครัดเห็นว่า กกต. ไม่สามารถเปิดรับสมัครเพิ่มเติม หรือขยายวันรับสมัครได้ เพราะเปิดการรับสมัครครบทั้ง 5 วันและมีการปิดรับสมัครไปแล้ว หากดำเนินการจะกระทบต่อกระบวนการจัดการเลือกตั้งที่ได้วางไว้ เช่น หากเปิดรับสมัครเพิ่มเติม ก็ต้องขยายเวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร และการประกาศรายชื่อผู้สมัครของผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้ง การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่ตามแผนงานแล้วภายในวันที่ 11 ม.ค. กกต. ต้องนำส่งรายชื่อผู้สมัครพร้อมหมายเลขให้กับกระทรวงการต่างประเทศที่จะต้องจัดส่งทางไปรษณีย์ไปให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในต่างประเทศ

       ซึ่งหาก กกต. เลือกแนวทางนี้เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ทั้งวันเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตจังหวัด นอกเขตจังหวัดวันที่ 26 ม.ค. และวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. ผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็จะใช้สิทธิเลือกตั้งเฉพาะระบบบัญชีรายชื่อ หลังจากนั้นจึงจะเสนอต่อรัฐบาลให้พิจารณาถึงปัญหาว่าผลของการเลือกตั้ง 2 ก.พ.ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งรัฐบาลอาจจะออก พ.ร.ฎ. ขยายวันเลือกตั้งเฉพาะใน 28 เขตเลือกตั้ง โดยใช้เหตุผลว่าการเลือกตั้งตาม พ.ร.ฎ. เลือกตั้ง 2 ก.พ.มีผลไม่สมบูรณ์ โดยทางสำนักงานประเมินแล้วว่าหาก กกต. ยึดหลักนี้ แม้ กกต. จะเผชิญกับการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ก็จะเจ็บตัวน้อยที่สุดเพราะถือว่าได้ตีความกฎหมายอย่างเคร่งครัด

       แนวทางที่ 2 เปิดรับสมัครเพิ่มเติม โดยตีความว่ามาตรา 7 ของ พ.ร.บ. เลือกตั้ง ส.ส. เปิดช่องไว้ว่าการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องกำหนดวันรับสมัครไม่น้อยกว่า 5 วัน ดังนั้น กกต. สามารถใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 236 ประกอบมาตรา 5 ของระเบียบการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ให้ กกต. ออกประกาศหรือวางระเบียบกำหนดการทั้งหลายอันจำเป็น เปิดรับสมัครเพิ่มเติมได้จาก 5 วันดังกล่าว โดยอาจจะเปิดเพิ่ม 2-3 วัน ซึ่งจะต้องทำเป็นประกาศ กกต. และลงในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นให้ ผอ.กกต. เขต ประกาศกำหนดสถานที่รับสมัครใหม่ ซึ่งตามมาตรา 36 ของ พ.ร.บ. เลือกตั้ง ส.ส. กำหนดเพียงให้ผู้สมัครต้องยื่นใบสมัครต่อ ผอ.กกต.เขต ณ สถานที่ที่ ผอ.กกต.เขต กำหนดเท่านั้น

       จึงเป็นการเปิดช่องให้ ผอ.กกต.เขต 28 เขตเลือกตั้งภาคใต้ สามารถกำหนดสถานที่รับสมัครนอกเขตเลือกตั้งได้ เหมือนเช่นที่กรุงเทพมหานคร ในอาคารจอดรถโดยสารประจำทางภายในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานครทั้ง 33 เขตเลือกตั้ง จากนั้น กกต. ก็จะใช้อำนาจตามมาตรา 9 พ.ร.บ. เลือกตั้ง ส.ส. ในการย่นขยายระยะเวลาในเรื่องของการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครและการประกาศรายชื่อผู้สมัคร และประสานกระทรวงต่างประเทศในการย่นเวลาการจัดส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร เป็นต้น

       แต่ทั้งนี้ แนวทางนี้แม้จะทำให้การเลือกตั้งเดินหน้าไปได้ โดยสามารถทำให้ผู้ที่ประสงค์จะลงสมัครแล้วไม่สามารถสมัครได้และไปแจ้งความไว้รวม 123 คนลงยื่นลงสมัครได้ ทำให้วันเลือกตั้งล่วงหน้า และวันเลือกตั้ง ไม่มีปัญหาว่าไม่มีผู้สมัครให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปใช้สิทธิเลือก และแม้หากวันเลือกตั้งถูกปิดล้อมจนไม่สามารถลงคะแนนเลือกตั้งได้ กกต. ประจำเขตเลือกตั้งก็สามารถสั่งเลื่อนการลงคะแนนได้ แต่ก็จะทำให้ กกต. เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจเอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือไม่ เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนให้ทำได้

       โดยการย่นขยายเวลาในการดดำเนินการซึ่งกำหนดไว้มาตรา 9 ของ พ.ร.บ. เลือกตั้งนั้น ก็ถูกกำหนดไว้ให้ใช้เฉพาะกรณีกกต.สั่งจัดการเลือกตั้งใหม่เท่านั้น ซึ่งในอดีต กกต. เคยใช้ในกรณีเลือกตั้งซ่อม ส.ว. นครสวรรค์ เมื่อปี 2552 แทนนางอรพินท์ มั่นศิลป์ ที่พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากขณะนั้นเมื่อ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งซ่อมลงมา ระยะเวลาที่เหลือจนถึงวันเลือกตั้ง 11 ต.ค. 52 มีอยู่เพียง 20 วันเท่านั้น จึงทำให้กกต.ต้องออกประกาศย่นขยายระยะเวลา หรืองดเว้นการดำเนินการในบางกรณี ซึ่งเป็นการย่นระยะเวลาการจัดการเลือกตั้งทั้งกระบวนการ ดังนั้นการที่ กกต. จะนำมาตราดังกล่าวมาใช้กับการย่นระยะเวลาในการดำเนินการจัดการเลือกตั้งทั่วไป น่าจะเป็นการตีความอย่างกว้างเกินไป

       “ในการประชุมวันนี้ทางสำนักงานก็ได้มีการเสนอข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงต่างๆ ให้ที่ประชุมพิจารณาขณะเดียวกัน กรรมการแต่ละท่านก็มีข้อมูล มีทีมกฎหมายซึ่งก็มีแนวทางให้พิจารณาเป็น 2 ทางและมีปลายทางที่เสนอให้กกต.เห็นว่าถ้าเดินไปทางไหน จะต้องเจอกับอะไร ซึ่งกกต.ก็ได้ให้สำนักงานไปสรุปทำเป็นข้อ ๆ ให้เห็นเป็นภาพชัดเจนและเสนอต่อที่ประชุมกกต.พิจารณาตัดสินใจอีกครั้งในวันพรุ่งนี้“ แหล่งข่าวระบุ

       อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในวันนี้ทางผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รายงานเข้ามายังกกต.กลางว่า ที่ก่อนหน้านี้นายมนัส เพ็งสุทธิ์ อดีตประธาน กกต. ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งแล้ว วันนี้ กกต. อีก 4 คนที่เหลือก็ได้ยื่นหนังสือลาออกแล้วเช่นกัน ซึ่งคาดว่าอาจเป็นเพราะทนต่อแรงกดดันของผู้ชุมนุมที่คัดค้านการเลือกตั้งไม่ไหว ทำให้ขณะนี้ จ.นครศรีธรรมราช ไม่มี กกต.จังหวัด ทาง กกต.กลาง จึงได้ให้ ผอ.กกต.จว. ดำเนินการทาบทามบุคคลตามบัญชีผู้เสนอตัวเป็น กกต. เดิมแล้วให้เสนอรายชื่อมาให้ กกต.กลาง พิจารณาแต่งตั้งโดยเร็ว

//manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000000670




 

Create Date : 02 มกราคม 2557   
Last Update : 2 มกราคม 2557 20:42:24 น.   
Counter : 1148 Pageviews.  

ผบ.ตร. ปรับยุทธวิธี สั่งหน่วยพิเศษป้องชีวิตตำรวจ-รับมือประชาชน



“อดุลย์ แสงสิงแก้ว” ผบ.ตร. เผยปรับยุทธวิธี ป้องชีวิตตำรวจ จัดหน่วยพิเศษไว้รับมือประชาชนหากมีอาวุธ ชี้เสียดายศาลให้ประกัน “พิชิต ไชยมงคล”แกนนำม็อบ ยันพร้อมถูกโยกย้าย หากเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

 เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (31 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) คณะแพทย์และบุคคลากรทางการแพทย์ นักธุรกิจและประชาชนกลุ่มหนึ่ง ประมาณ 60 คน เดินทางมอบกระเช้าของขวัญ ดอกไม้ สวัสดีปีใหม่ และให้กำลังใจการทำงานของพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รวมถึงข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนี้

       จากนั้นพล.ต.อ.อดุลย์ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชน ว่า วันนี้ต้องขอบคุณคณะแพทย์ได้มาให้กำลังใจตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ ตนพยายามทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับการชุมนุม

       “ตอนนี้เรามองว่าผู้ชุมนุมสามารถมาชุมนุมได้ตามปกติ ตามกรอบกฎหมาย การปกติการของเจ้าหน้าที่ที่ผ่านมาก็เป็นการยับยั้งภายใต้กรอบของกฎหมาย ขั้นตอน และความชอบธรรม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ตำรวจเราเพียงยับยั้งไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปในพื้นที่รับสมัครรับเลือกตั้ง แต่ผู้ชุมนุมมีอาวุธ และยิงใส่เจ้าหน้าที่จนเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเสียใจมาก วันนี้คณะแพทย์มาให้กำลังใจ ผมจะนำไปบอกกำลังพลเพื่อให้มีกำลังใจ ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ของเราในการดูแลความสงบเรียบร้อย ” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว

       ผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมของกลุ่มตำรวจที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ที่ผ่านมา สะท้อนอะไร ผบ.ตร.กล่าวว่า สถานการณ์ในช่วงควบคุมการชุมนุม ตำรวจพยายามควบคุมดูแลความสงบ แต่ผู้ชุมนุมมีอาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่ จากสถานการณ์ในวันที่ 26 ธ.ค.2556 บอกว่า ตำรวจไม่มีอุปกรณ์เพื่อป้องกันอาวุธ เพราะเราคิดว่าผู้ชุมนุมจะมาอย่างสงบปราศจากอาวุธ เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่เราถูกกระทำ โดยไม่อาจต่อสู้ได้ ก็ได้พยายามทำความเข้าใจว่า ตำรวจต้องคำนึงถึงหลักการ กฎหมายจากเหตุการณ์นี้ ก็กำลังทบทวนการปฏิบัติ จัดการอุปกรณ์เพื่อป้องกันชีวิตของตำรวจพอสมควร อาทิ โล่ห์ เสื้อเกราะ และนำกฎหมายมาตรา 62 มาใช้ ที่ว่าเจ้าหน้าที่สามารถป้องกันชีวิตได้ในการคุ้มครองประชาชน เพื่อยับยั้งปฏิบัติการใช้อาวุธของคนที่มุ่งร้าย แต่ทุกวันนี้โดยหลักการตำรวจควบคุมฝูงชนไม่มีอาวุธ แต่เราจะจัดชุดปฏิบัติการพิเศษไว้ยับยั้งความรุนแรง หากผู้ชุมนุมมีการใช้อาวุธ ภายในกรอบของกฎหมายที่ให้ได้ แต่ในหลักการปฏิบัติ เราไม่สามารถยกระดับการดูแลความสงบในตำรวจควบคุมฝูงชนสามารถพกพาอาวุธ แต่เราจะมีชุดปฏิบัติการพิเศษที่รับคำสั่งโดยตรงในการคุ้มครองตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ จากนี้เมื่อมีการเผชิญหน้าและมีการใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่ จะมีการสั่งชุดปฏิบัติการพิเศษเข้าไปช่วย เพื่อยับยั้งและคุ้มครองชีวิตเจ้าหน้าที่

       เมื่อถามว่าจะกลายเป็นเงื่อนไข ยกระดับของผู้ชุมนุมหรือไม่ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ไม่มีอย่างนั้น กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการป้องกันตัวเอง ในกรณีของวันที่ 26 ธันวาคม ตำรวจถูกไล่ยิงหลายนัด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่มือเปล่า โล่ห์พลาสติก มีการรุกไล่ ตำรวจไม่ได้มีอาวุธ ตำรวจควบคุมฝูงชนคงมีเพียงโล่ห์กับกระบอง ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ตำรวจพยายามบังคับใช้กฎหมาย ใช้ทั้งรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ เพราะการชุมนุมเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

       พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวถึง สถานการณ์หลังปีใหม่ ว่า ต้องทบทวน ติดตามทุกเรื่อง มีมาตรการรองรับทุกเรื่อง

       ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีศาลให้ประกันตัว นายพิชิต ไชยมงคล โฆษกกลุ่ม คปท . ว่ากระทบขวัญกำลังใจตำรวจหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า นายพิชิต เป็นผู้ต้องหาสำคัญ เป็นคนปลุกระดม เข้าบุกกระทรวงการต่างประเทศ บุกสนามกีฬาไทยญี่ปุ่น ดินแดง น่าเสียดายว่าศาลให้ประกันตัว

       “ตอนนี้ก็มีตำรวจบางส่วนที่ขับข้องใจ เนื่องจากโดนกระทำมาก เราก็อยู่ในกรอบกฎหมาย ขั้นตอนที่ชอบธรรม การชี้แจงของเรา อาจล่าช้า แต่ความจริงแล้วเราจะพูดแต่ละเรื่อง ต้องตรวจสอบก่อนแล้วค่อยพูด ต้องรอบคอบมีหลักฐาน เรื่องขวัญกำลังใจตอนนี้หลายคนมองว่าถูกย่ำยี ผมเข้าใจ ผมอยู่กับลูกน้องมาก่อน ก็ต้องทำความเข้าใจ ว่าเราเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต้องอดทน รักษากฎหมาย และมองว่าผู้ชุมนุมคือพี่น้องประชาชนและเราก็ไม่ได้มีฝ่าย ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลเราก็ต้องทำหน้าที่รักษากฎหมาย ยืนบนพื้นฐานรักษากฎหมายของบ้านเมือง ก็เดินไปเส้นทางนี้ ก็พยายามให้กำลังใจคนที่ทำงาน การที่ผมพูดว่าม็อบเหิมเกริม มันเป็นสิ่งที่ขับข้องใจ มีการมาไล่ยิงตำรวจ ใช้อาวุธ คณะแพทย์ที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งมาในวันนี้ก็ทนไม่ได้ ที่เห็นตำรวจถูกกระทำ สังคมส่วนหนึ่งยังไม่กล้าออกมาให้กำลังใจตำรวจ ผมเข้าใจผู้ใต้บังคับบัญชาที่ออกมาชุมนุม ว่ากำลังรู้สึกไม้ได้รับความเป็นธรรมในสังคม ผมในฐานะผู้บังคับัญชาต้องเดินต่อไปเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น ต้องอดทนต่อไป เราพร้อมชี้แจงกับองค์กรต่างๆที่ตั้งคำถามถึงการทำงานของตำรวจ ผมไม่กดดัน ผมทำเต็มที่” ผบ.ตร.กล่าว

       “ปีใหม่ อยากให้บ้านเมืองกลับสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็วที่สุด ขอให้เป็นปีแห่งความสุขของพี่น้องประชาชน พี่น้องที่มาชุมนุมก็ขอให้คิดถึงแต่สิ่งดีดีเพื่อบ้านเมือง ทุกคนหันหน้าเข้าหากัน ผมเชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในอนาคตอันรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ก็ยังยืนหยัดทำหน้าที่รักษากฎหมาย รักษากฎ กติกาของบ้านเมือง แม้ถูกกระทำ ถูกยิง ก็เป็นหน้าที่ ผมอยู่ภาคใต้มาหลายปี เราพลีชีพเพื่อชาติกันมาเยอะ ยอมทำหน้าที่ต่อไปด้วยความภาคภูมิใจ

       เมื่อถามว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง อาจส่งผลกระทบต่อตำแหน่งผบ.ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ตนไม่คิดอะไร มันเป็นหน้าที่

       “ก็ทำเต็มความสามารถทุกเวลา หมดเวลาก็หมด ไม่เป็นไร ไม่ติดยึด ไม่ต้องชี้แจงอะไร เมื่อไหร่ก็ได้ หากถูกโยกย้าย ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่เต็มความสามารถแล้ว ก็ไม่เคยคิดว่ามาถึงตำแหน่งนี้ ทุกวันนี้ก็ทำเต็มความสามารถ ดูแลม็อบมา 83 วัน ไม่เคยคิดลาออก ผมเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วย 2แสนนาย ต้องยืนหยัดทำหน้าที่ไป ” ผบ.ตร.กล่าว

//manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000160099




 

Create Date : 01 มกราคม 2557   
Last Update : 1 มกราคม 2557 19:45:03 น.   
Counter : 1374 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]