เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

ถลุงภาษีเพลิน! สภาซื้อเก้าอี้หลุยส์ตัวละ 65,000 โต๊ะ 350,000



ASTVผู้จัดการ – “ชูวิทย์” แฉอีก รัฐสภา-กลาโหม มือเติบไม่หยุด ผลาญภาษีซื้อเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ประดับ 20 ชุด ชุดละ 1 ล้าน แค่เก้าอี้ก็ตัวละ 65,000 โต๊ะ 350,000 อัด “เก้าอี้หลุยส์” หนึ่งตัว เท่ากับค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลประกาศต่อวันรวมกันทั้งปี




       หลังจากที่เดือนนี้มีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับกรณีรัฐสภาดำเนินการจัดซื้อนาฬิกาดิจิตอลจำนวน 200 เรือน มูลค่า 15 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเรือนละ 75,000 บาท ซึ่งแพงกว่าราคาท้องตลาดหลายเท่า ไม่นับรวมกับการจัดซื้ออุปกรณ์ไอแพดให้กับสมาชิกรัฐสภามูลค่าหลายสิบล้านบาท ช่วงเย็นวันนี้ (23 ส.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.พรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ภาพ และข้อความลงในเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm No.5 กล่าวถึงการใช้งบประมาณอย่างสิ้นเปลืองของสภา เพื่อซื้อโต๊ะและเก้าอี้หลุยส์ ซึ่งมีมูลค่าสูงมาก

       นายชูวิทย์ระบุว่า “ผลาญงบอีก ‘เก้าอี้หลุยส์’ (โคตรเบื่อ แต่เป็นเงินพวกเรา!) วันนี้สภาฯมีประชุม ‘งบประมาณประจำปี 2557’ อันแสนน่าเบื่อ ส.ส.ฝ่ายค้านพูดถึงการใช้งบประมาณที่ ‘สิ้นเปลือง’ ผมขอพูดง่ายๆ ตามสไตล์ให้ชาวบ้านเข้าใจ คราวที่แล้วเรื่อง ‘นาฬิกา’ ที่รัฐสภาซื้อแขวนผนัง ราคาแพง ‘หูฉี่’ ครั้งนี้ผมมีตัวอย่างให้ชาวบ้านรู้ซึ้งถึงคำว่า ‘ผลาญงบ’ ได้ชัดเจนขึ้นอีก”

       “เราเคยได้ยินได้ฟังมามาก เรื่อง ‘บ้านมหาเศรษฐี’ ว่าเขาสร้างบ้านใหญ่โตหรูหรา ‘สไตล์โรมัน’ แสดงถึงความ ‘ร่ำรวย’ ของเจ้าของบ้าน ตกแต่งภายในใช้ของหรูหราอู้ฟู่ ‘ไฮโซ’ ระดับเซเลบริตี เป็น ‘ทอล์กออฟเดอะทาวน์’ ให้ชาวบ้านเขาฮือฮาอ้าปากค้าง ไม่ว่า โคมไฟ ‘แชนเดอเลีย’ เป็นแก้วเจียระไนจากฝรั่งเศสอยู่กลางเพดานห้องโถง พื้นหินอ่อนลายวิจิตรจากอิตาลี พรมหนานุ่มเท้าจากเปอร์เซีย ห้องน้ำมีอ่าง ‘จากุชชี่’ ขนาดใหญ่พร้อมน้ำร้อนเอาไว้แช่คลายเมื่อยล้า จิบบรั่นดีดื่มด่ำความฝัน คิดถึงเงินในบัญชีที่ ‘เพิ่มพูน’ ขึ้นทุกวัน”

       “คนทำมาหากินทั่วไปคงไม่ทราบว่า เขาใช้จ่ายเงินมหาศาลขนาดนี้เพื่อ ‘ยกระดับ เสริมสถานะ สร้างบารมี’ ให้กับตัวเอง”

“แต่ในขณะที่ประชาชนคนไทยยังต้องหาเช้ากินค่ำ ต่อสู้กับ ‘ภาวะค่าครองชีพ’ ที่สูงขึ้นทุกๆ วัน ‘รัฐสภา’ ที่เป็นผู้อนุมัติงบประมาณ ยังคงใช้ของราคาแพงอย่างกับบ้านเศรษฐี แทนที่จะใช้งบประมาณอย่าง ‘ประหยัด’ มีประสิทธิภาพ กลับทำตัว ‘ติดแบรนด์’”

       “คราวนี้ถึงคิว ‘เก้าอี้หลุยส์’ ออเดอร์ใหม่เอี่ยมพลาสติกยังไม่แกะ วางสุมอยู่ตรงทางเดินรัฐสภาชั้น 3 จำนวนมาก ตอนนี้ข่าว ‘ผลาญงบ’ ชักดัง เลยซุกเอาไว้ก่อน เห็นแล้วเสียดายงบฯ ไม่ทราบว่าทำไมต้องใช้ ‘เก้าอี้หลุยส์’? จะยกระดับสถานะเป็น ‘รัฐสภาของเศรษฐี’ หรือยังไง? นี่ต่อไปหน้าอาคารรัฐสภาคงคิดจะสร้าง ‘เสาโรมัน’ เอาไว้อวดความร่ำรวยต่อนานาประเทศ”

       “ผมไม่ทราบว่า ‘ส.ส.จะรู้สึกอย่างไรเวลานั่งลงบนเก้าอี้หลุยส์ราคาแพงระยิบแบบนี้?’ คงจะนิ่มก้นพิลึก”

       “ส.ส.บางคนคงไม่กล้านั่ง หากสังคมรู้ว่า ราคา ‘เก้าอี้หลุยส์’ หนึ่งตัว เท่ากับค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลประกาศต่อวันรวมกันทั้งปี”


       “แล้วคงจะมี ‘ส.ส. ดราม่า’ ไม่ยอมนั่งเก้าอี้หลุยส์ ทำเป็นยืน ‘ประท้วง’ ประธานฯ ขนาด Ipad ยังทำเป็นส่งคืนออกสื่ออวดสังคม นี่เก้าอี้หลุยส์ประดับบ้านเศรษฐี คงได้ประกาศออกมาดังๆ ว่า ‘ผมจะไม่ยอมหย่อนก้นลงไปเด็ดขาด!’”

       “งบประมาณประเทศไทยมัน ‘ดัดจริต’ แบบนี้แหละครับ ประเทศยังไม่รวย แต่ทำตัวรวย มันถึงไม่มีวันรวย”


       ทั้งนี้จากการตรวจสอบ ชุดโต๊ะและเก้าอี้หลุยส์จำนวนมากที่วางสุมอยู่บริวเณทางเดินรัฐสภาชั้น 3 ของผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการ พบว่า มีการจัดซื้อทั้งสิ้นจำนวน 20 ชุด ราคาชุดละ 1 ล้านบาท (หนึ่งชุดประกอบไปด้วยโต๊ะ 1 ตัว เก้าอี้ 10 ตัว) เพื่อนำไปไว้ที่รัฐสภาและกระทรวงกลาโหมที่ละสิบชุด โดยจากข้อมูลที่มีการเปิดเผยคือ ราคาเก้าอี้หลุยส์ตัวละ 65,000 บาท ส่วนโต๊ะหลุยส์ราคาตัวละ 350,000 บาท

       ขณะที่นายชูวิทย์หลังจากโพสต์เรื่องดังกล่าว ก็เดินทางออกไปสำรวจราคาตามท้องตลาดของเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ชุดดังกล่าว

       ซึ่งต่อมา นายชูวิทย์ ได้แถลงว่า ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้งใคร เก้าอี้หลุยส์ชุดนี้เรียกว่า มิดโดว่า ไดนิ่ง เซ็ต ราคาชุดละ 1 ล้านบาท เก้าอี้ 10 ตัวๆ ละ 65,000 บาท ส่วนโต๊ะอาหารราคา 350,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบมีการซื้อหลายชุด แต่ไม่ได้ระบุว่ากี่ชุด เงิน 1 ล้านบาท ชาวบ้านเอาไปเลี้ยงกันได้ทั้งหมู่บ้าน รัฐสภาสั่งหลายชุดคงเลี้ยงกันได้ทั้งตำบล มหาเศรษฐีสภาไทยสั่งเอาไว้ จึงอยากนำมาแจ้งให้ผู้เสียภาษีทราบ นอกจากนี้ยังมีชุดคอฟฟีเซ็ต เป็นเก้าอี้บุหนัง ผ้าจากต่างประเทศ ราคาตัวละ 120,000 บาท 2 ตัว 240,000 บวกกับโต๊ะกาแฟอีก 60,000 บาท รวม 300,000 บาทขาดตัว ถ้าจะเอาไว้รับแขกบ้านแขกเมือง ควรจะแสดงความเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ราคาพอสมควร จะใช้ไม้สักหรือไม้หวาย หรือผ้าไหมก็พอทำเนา แต่นี่กลับใช้สไตล์อิตาลี ไม่ได้แสดงความเป็นไทย ตนไม่กล้านั่ง ประธานสภา รัฐมนตรี อธิบดี ที่ไหนก็เชิญนั่ง เพราะประชาชนจะมาชี้หน้าด่าเอาว่า ขี้กลากจะขึ้นก้น

       นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ตนพูดอย่างชาวบ้านเพื่อสื่อให้เข้าใจ เพราะชาวบ้านเขาไม่เข้าใจหรือการแปรญัตติต่างๆ ฟังดูแล้วสับสน นอกจากนี้ยังมีกระทรวง ทบวง กรม อีกหลายที่ก็จัดซื้อในงบประมาณ 2557 ที่กำลังจะได้อนุมัติ วันที่ 1 ตุลาคมของก็จะมาส่ง ทั้งนี้ตนได้เลยพื้นที่ไปถึงร้ายขายโต๊ะหลุยส์ดังกล่าวที่ซอยศูนย์วิจัย ถนนพระราม 9 เพื่อไปตรวจสอบดูจึงพบว่า กระทรวงกลาโหมก็ได้มีการสั่งจองเก้าอี้ดังกล่าวเช่นกัน แต่พอตนออกมาพูดเรื่องนี้ก็ได้โทร.มายกเลิก

       ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปที่นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภา ถึงเรื่องนี้ ได้รับการชี้แจงว่า เก้าอี้ดังกล่าวสั่งซื้อมานานแล้ว ใช้รับแขกต่างประเทศในห้องรับรองภายในอาคารสภามาหลายครั้ง เพื่อความมีหน้ามีตาของประเทศเวลาแขกผู้ใหญ่มาเยือนเรา

       แต่เมื่อนำคำชี้แจงดังกล่าวมาสอบถามนายชูวิทย์ ได้ยืนยันว่า เป็นไปไม่ได้ที่เก้าอี้เหล่านี้จะถูกใช้งานไปแล้ว เพราะสภาพของเก้าอี้ยังอยู่ในห่อหุ้มพลาสติกอย่างดี ตนจึงมั่นใจว่ารัฐสภาเพิ่งจะมีการจัดซื้อมาก แต่พอมีข่าวเปิดเผยถึงราคานาฬิกา และโครงการทุจริตต่างๆ ทางสภาจึงไม่กล้านำออกมาใช้เลยต้องเอาไปกองไว้บริเวณชั้น 3 ของอาคารรัฐสภา ข้างห้องกรรมาธิการตำรวจสภา


       นาฬิกาสภาที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาว ราคาเรือนละ 75,000 บาท





























//www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000105609





 

Create Date : 23 สิงหาคม 2556   
Last Update : 23 สิงหาคม 2556 21:56:37 น.   
Counter : 2896 Pageviews.  

สภ.สัตหีบ ไล่ล่าแก๊งค้ายาเสพติด ทลายเครือข่าย “นก บ่อนไก่” ยาบ้ากว่า 2 พันเม็ด



ศูนย์ข่าวศรีราชา - สภ.สัตหีบ ไล่ล่าแก๊งค้ายาเสพติด ทลายเครือข่าย “นก บ่อนไก่” ยาบ้ากว่า 2 พันเม็ด

       วันนี้ (21 ส.ค.) พ.ต.อ.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.สภ.สัตหีบ พ.ต.ท.ประกอบ แสงพริ้ง รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.นิพนธ์ ป้อมสนาม รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ฐปณัธ ชญาณพัฒน์ สว.สส. และชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด ประกอบด้วย นายบุญเรือน หรือนก นัทธีศรี อายุ 42 ปี ยาบ้า 1,500 เม็ด ปืนลูกโม่ขนาด .357 กระสุน 12 นัด รถโตโยต้าวีออส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ชส 8237 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ทะเบียน กจ 7497 ระยอง

       นายขวัญชัย หรือขวัญ บัวหลวง อายุ 27 ปี ยาบ้า 900 เม็ด นายเดวิทย์ สุจจะชาลี อายุ 40 ปี เสพยาบ้า นายมนตรี หรือโพธิ์ ทะนิจ อายุ 29 ปี เสพยาบ้า น.ส.เอเซีย หรือเป้ หวานชื่น อายุ 40 ปี เสพยาบ้า และ น.ส.จันทร์ทิพย์ หรือนุ้ย นุสันรัมย์ อายุ 24 ปี เสพยาบ้า โดยจับกุมได้ภายในห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซอยบ่อนไก่ หมู่ 6 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

       พ.ต.อ.สุวิชาญ กล่าวว่า หลังรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ทุกพื้นที่โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวจัดระเบียบสังคม ระดมกวาดล้างอาชญากรรม และยาเสพติด สภ.สัตหีบ จึงได้ออกสืบเสาะจนทราบเบาะแสเครือข่ายค้ายาเสพติดแก๊งนี้ โดยมีนายบุญเรือน หรือฉายา “นก บ่อนไก่” อดีตผู้ต้องขังคดีค้ายาเสพติด เป็นหัวหน้าแก๊ง ใช้ห้องเช่าเป็นแหล่งกบดาน และพักยาเสพติด จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นจนนำไปสู่การจับกุม

       ทั้งนี้ นายบุญเรือน เป็นเอเยนต์ค้ายาเสพติดในพื้นที่ เคยถูกชุดสืบสวนจับกุมในคดีค้ายาเสพติดมาแล้ว หลังพ้นโทษได้เข้าร่วมเครือข่ายค้ายาเสพติดกับเจ้าแม่ค้ายาเสพติดรายใหญ่ เขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป



//www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000104290




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2556   
Last Update : 21 สิงหาคม 2556 21:51:33 น.   
Counter : 2767 Pageviews.  

สภาวุ่นต่อ “ค้อนปลอม”สั่งพักรอบที่ 5 ปชป.ตะโกนลั่น “ขี้ข้าแม้ว”

“สมศักดิ์” เข็น ร่างแก้ไข รธน.ไม่ไหว ต้องสั่งพักรอบที่ 5 เจอ ปชป.ป่วนหนักลุกฮือปิดล้อม ตะเพิด“ขี้ข้าแม้ว”ลงบัลลังก์ พร้อมเรียกหา “ยิ่งลักษณ์”อยู่ไหน ตำรวจส่งกำลังล้อมบัลลังก์ประธานฯ


   ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มาของ ส.ว.ว่า หลังจากที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาสั่งพักการประชุมและกลับมาเปิดประชุมมาอีกครั้งในเวลาประมาณ 19.50 น. ก็ยังไม่สามารถเดินหน้าพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. แม้จะล่วงเลยมาเกือบ 10 ชั่วโมง เพราะ ส.ส.ฝ่ายค้านยังคงประท้วงอย่างต่อเนื่อง ส่วนคนที่สงวนคำแปรญัติในมาตรา 1 ก็ไม่ยอมอภิปราย จนในที่สุดนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้ตัดสินใจสั่งให้ผ่านมาตรา 1 ไปโดยไม่มีการลงมติ เพราะถือว่า ส.ส.ที่สงวนคำแปรญัตติไม่ติดใจ ทำให้นายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งต้องเป็นผู้อภิปรายไม่ยอมให้ผ่านไปได้ โดยตะโกนว่า ตนยังติดใจที่จะอภิปรายในมาตรา 1 ประธานไม่มีสิทธิ์ตัดสิทธิ์ตน หากประธานจะเป็นขี้ข้าทักษิณก็เป็นไป แต่ตนไม่ยอม จะปิดปากได้อย่างไร ต้องลงมติมาตรา 1

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่การประชุมกำลังปั่นป่วนอยู่นั้น ได้มีการเรียกกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาเพื่อมาควบคุมสมาชิกอีกครั้ง ยิ่งทำให้บรรยากาศระอุมากขึ้น โดย ส.ส.ทั้งหมดของพรรคประชาธิปัตย์พากันลุกขึ้นยืน โดยบางส่วนได้มาล้อมบัลลังก์ของนายสมศักดิ์ พร้อมกับตะโกนด่านายสมศักดิ์ด้วยถ้อยคำที่เผ็ดร้อน อาทิ นายสมศักดิ์เป็นขี้ข้าทักษิณ เผด็จการ สภาทาส พร้อมกับมีการเป่านกหวีดตลอดเวลา

       นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส. ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ตะโกนให้ปิดประชุมไปเถอะ แล้วมาประชุมกันใหม่ เพราะตอนนี้เดินหน้าต่อไปไม่ได้แล้ว มีการเอากำลังมาล้อมแบบนี้ไม่ได้ ไม่สง่างาม นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ตะโกนเสริมว่า ประธานรับใช้ใคร ตอนนี้เป็นเรื่องจริงแล้วว่าประธานสภารับใช้ใคร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ไหน เห็นบอกว่าให้มาคุยกันในสภาแล้วทำไมไม่เห็นหน้า

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในที่ประชุมยากที่นายสมศักดิ์จะควบคุมได้ต่อไป จึงได้ตัดสินใจสั่งพักการประชุมอีกครั้งเป็นเวลา 10 นาที และเป็นการสั่งพักเป็นหนที่ 5 ล่าสุดได้มีการกลับมาประชุมอีกครั้ง โดยมีนายนิคม ไวรัชพานิช ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ประธานการประชุม แต่เหตุการณ์ก็ยังเป็นไปด้วยความวุ่นวาย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมายืนล้อมบัลลังก์ประธานรัฐสภาเอาไว้












//www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000104031




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2556   
Last Update : 20 สิงหาคม 2556 21:22:30 น.   
Counter : 1476 Pageviews.  

“ส้นรองเท้า” ถึง “รูปโป๊” ใน “รัฐสภาไทย” ปรากฏการณ์ไร้ยางอายระดับประเทศ



ในช่วงที่ผ่านมาข่าวฉาวจากรัฐสภาดูจะมีมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่กรณี ส.ส.ชูรองเท้ากลางสภา นาฬิกาเรือนละ 75,000 บาท จนถึง ส.ส.เล่นเกม แชต และดูรูปโป๊จากไอแพดกลางการประชุมสภา การวิพากษ์นักการเมืองในทางเสียหายนั้น เกิดขึ้นมาโดยตลอด จนหลายคนมองว่า นักการเมืองทุกคนเป็นคนเลว

อย่างไรก็ตาม ความคิดเหล่านั้นใช่ว่าจะไม่มีที่มา เมื่อตลอดหลายปีที่ผ่านมา การเมืองกลับเป็นปัญหาสำคัญที่ขวางกั้นการพัฒนาของประเทศ พร้อมกับพฤติกรรมนักการเมืองที่ไม่เหมาะสม

ซึ่งพฤติกรรมเหล่านั้นก็เกิดขึ้นอีกในช่วงการประชุมสภาที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ กลายเป็นกระแสรายวันกับเรื่องฉาวในสภา นับตั้งแต่ส.ส.ชูรองเท้ากลางสภา นาฬิกาเรือนละ 75,000 จนถึงภาพส.ส.เล่นเกม แชต และดูรูปวาบหวิว เกิดอะไรขึ้นกับรัฐสภาไทยในยุคนี้? แล้วเราจะจัดการกับปัญหานี้อย่างถาวรได้อย่างไร?

แฉสภา ฉาวรายวัน

เรื่องฉาวชวนอับอายที่มาจากรัฐสภานั้น ที่ผ่านมาก็มีมาโดยตลอด ตั้งแต่กรณีกระโดดถีบของส.ส.คนเก่ง การุณ โหสกุล มหกรรมแย่งเก้าอี้ประธานสภา กระทั่งล่าสุดกับหลายกรณีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงประชุมสภาที่ผ่านมา
เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์ชูรองเท้ากลางสภาของจ.ส.ต. ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ในระหว่างพิจารณาร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยแก้ตัวว่า ที่ชูรองเท้านั้นก็เพื่อเตรียมจะออกวิ่งเพราะกลัวว่าจะถูกรุมทำร้ายจากพรรคประชาธิปปัตย์ และที่เอามาปิดหน้าก็เพื่อป้องกันหน้าของตัวเองหากเกิดอะไรขึ้น

หลังจากพฤติกรรมเสื่อมเสียไม่รู้จักโตของส.ส.คนดังกล่าว พร้อมข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นก็ทำให้มีการตั้งคำถามจากรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงครามพรรคประชาธิปปัตย์ ที่น่าสนใจว่า เหตุใดส.ส.ฝ่ายรัฐจึงไม่เคยถูกตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรม?

กรณีต่อมาเกิดจากการแฉข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างในรัฐสภาที่มีการใช้ซื้อนาฬิกาสำหรับดูเวลาในรัฐสภาสูงถึง 15 ล้านบาท ! โดยนาฬิกาทั้งหมดเป็นนาฬิกาหน้าปัดดิจิตอลติดฝาผนังมีทั้งหมด 200 เรือน ราคาตกเรือนละ 75,000 บาท! ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย และเมื่อนำนาฬิกาแบบดังกล่าวไปตรวจสอบก็พบว่า ราคาที่ขายจากหน้าเว็บไซต์ของนาฬิกายี่ห้อเดียวกันรุ่นที่ราคาแพงสุดนั้นอยู่ที่ 25,000 บาทเท่านั้น

ทั้งนี้ ราคาของนาฬิกาที่แพงอย่างไม่น่าให้อภัยนั้น นุกูล สัณฐิติเสรี รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่โฆษกสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อ้างว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการควบคุมเวลาและการบริหารเวลาภายในรัฐสภาทั้งระบบ โดยงบประมาณ 15 ล้านบาทเป็นงบสำหรับการติดตั้งระบบนาฬิกาของรัฐสภามีการเชื่อมต่อกับดาวเทียมและระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อส่งสัญญาณเวลาให้กับนาฬิกาเครื่องลูกข่ายทั้งหมด รวมถึงมีการ Back Up ระบบเวลาให้กับชุดควบคุมนาฬิกาหลักให้สามารถรักษาเวลาต่อเนื่องในกรณีไฟฟ้าดับได้ไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง

อีก 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกันในการประชุมสภาช่วงที่ผ่านมาคือภาพของส.ส.ที่ใช้ไอแพดซึ่งเป็นแท็บเล็ตที่ได้รับแจกโดยใช้ภาษีของประชาชนเพื่อให้มาใช้ในงานราชการ แต่กลับมีภาพส.ส.นำไปใช้เล่นเกมและดูภาพโป๊ระหว่างประชุมสภาในเวลาที่ติดกันเกิดเป็นเรื่องเสื่อมเสียอีกครั้งของรัฐสภาไทย

หลังจากมีการวิพากษ์วิจารณ์มากมายในสังคม ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทยก็ออกมายอมรับว่าเป็นคนที่อยู่ในรูปดังกล่าวจริง และแก้ตัวว่า ภาพที่เห็นตัวเองกำลังดูรูปโป๊อยู่นั้นเกิดจากกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับค่าขนส่งข้าวเพื่อนำมาถกเถียงพูดคุยในที่ประชุมสภาแต่ที่บังเอิญมือไปโดนหัวข้อแฟชั่นทำให้เกิดภาพดังกล่าว

แต่ข้อแก้ตัวดังกล่าวก็ถูกจับผิดพบว่าในภาพนั้นส.ส.หนองคายของพรรคเพื่อไทยกำลังขยายภาพดู นอกจากนี้ในโซเชียลมีเดียยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า ภาพที่ปรากฏในจอแท็บแล็ตของร.ต.พงศ์พันธ์ ตรงกันอย่างพอดิบพอดีกับภาพที่เกิดจากการเข้าแอปพลิเคชันซาฟารี(สำหรับเข้าเว็บไซต์) แล้วเข้ากูเกิลค้นหาภาพแล้วเสิร์ชคำว่า “นางแบบสาวสวย” ต่อกรณีนี้ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ก็โพสต์ในเฟซบุ๊คของตัวเองด้วยว่า “ลูกผู้ชายเขายอมรับกันตรงๆ”

อหังการอำนาจของนักการเมือง

พฤติกรรมหรือแม้แต่เรื่องฉาวอย่างการจัดซื้อจัดจ้างในสภานั้นมีมานานแล้ว แต่เหตุปัจจัยที่ทำให้มีมากขึ้นนั้น ตามความเห็นของ ผศ.ดร.ทวี สุรฤทธิกุล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พบว่าเกิดจากการลุแก่อำนาจของนักการเมืองในปัจจุบัน

โดยระบอบการเมืองแบบรัฐสภาของประเทศไทยนั้น รัฐสภาควรเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุดในการปกครอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนคือนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตรกลับเข้าประชุมสภาเพียง 10 นาทีแล้วออกจากสภาทันที

“สภาต้องเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุด รัฐบาลต้องมาฟังเสียงของผู้แทนประชาชน เรามีสมาชิกผู้แทนราษฎรหลายร้อยคน เริ่มต้นเราต้องนำเรื่องทุกข์ร้อนของประชาชนมาคุยกัน ปรึกษาหารือกัน นี่เป็นทำเนียมที่ปฏิบัติกันทั่วโลก แต่ท่านนายกฯ ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ คืออาจจะเข้าประชุมไม่ตลอดก็ได้ แต่ไม่ใช่โผล่มาแบบพอเป็นพิธี มาลงชื่อเอาเวลาประชุมแล้วโดดไป เหมือนนักเรียนมาเช็กชื่อแล้วไม่เรียน”

เมื่อมองไปถึงพฤติกรรมของเหล่าสมาชิกสภาผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย จากหลายกรณีข้างต้นทั้งชูรองเท้า เล่นเกม ดูรูปโป๊ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อสถานะหน้าที่ของตัวเองทั้งยังไม่มีรู้จักกาลเทศะอีกด้วย เขาเผยว่า สมัยก่อนในการประชุมสภาที่ยาวนานก็มีการทำอย่างอื่นแก้เบื่อ เขายกตัวอย่าง สมัคร สุนทรเวชที่พับนกในสภา และชวน หลีกภัยที่ใช้เวลาในการวาดรูป

“การทำอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับสภาแล้วมันขัดกับสถานที่ ขัดกับหน้าที่ มันเป็นเรื่องของความเหมาะสมที่คนวิพากษ์วิจารณ์กัน ก็ขึ้นอยู่กับคนที่ทำว่าจะขอโทษหรือขอโอกาสปรับปรุงตัว สังคมก็ให้อภัยเพราะมันผิดพลาดได้ ไม่ใช่ความผิดถึงขั้นคอขาดบาดตาย”

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมานั้น โดยมากแล้วไม่ใช่การลงโทษหากแต่เป็นการตักเตือนเท่านั้น ที่ผ่านมาทั้งกรณีกระโดดถีบ ชูนิ้วกลาง จนล่าสุดชูรองเท้าก็มีเพียงการตักเตือนจากทางสภา แม้ว่าจริงๆแล้วสภาจะมีกฎหมายก็ตามแต่ก็ไม่เคยมีการบังคับใช้กับนักการเมืองโดยเฉพาะนักการเมืองจากฝ่ายรัฐบาลเท่าที่ควร

“กฎหมายสภามี 3 ระดับมี 1.ข้อบังคับเป็นเหมือนกฎหมายอาญา คุณจะต้องทำยังไง...อย่างไร แต่ทีนี้บทบทลงโทษมันขึ้นกับกระบวนการสภาที่ไม่เอาไหน 2. ระเบียบ อย่าง ระเบียบว่าด้วยการแต่งตั้ง ระเบียบว่าด้วยการประชุม ซึ่งก็เป็นกฎหมายรอง กระทำละเมิดก็ผิดเหมือนกัน 3. กฎ กติกา มารยาท เป็นกฎที่สร้างขึ้นในกลุ่ม เช่นเราเป็นกรรมาธิการก็มีมารยาท ฉะนั้นมันมีข้อบังคับ ระเบียบ กติกาคุมอยู่แต่คนพวกนี้ไม่ตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้เลย”

โดยสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น เขามองว่าเกิดจากการลุแก่อำนาจของนักการเมืองที่พอได้รับเลือกเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชน ก็มักจะถือว่าตนเองมีอำนาจเหนือประชาชน เขามองถึงกรณีนาฬิกาสภาว่าเป็นผลมาจากนักการเมือง มากกว่าข้าราชการ เพราะข้าราชการสภามักจะต้องเกรงใจนักการเมือง จากประสบการณ์ที่ทำงานในสภามาก่อน เขามองว่า ต้องมีนักการเมืองกดดันให้รัฐสภาจัดซื้อจัดจ้างซึ่งเป็นแบบนี้มาโดยตลอด

“นักการเมืองสมัยนี้น่าจะยิ่งใหญ่กว่าในยุคเผด็จการด้วยซ้ำ” เขาเอ่ย “อาจไม่ใช่ในทางกฎหมาย แต่ในวัฒนธรรม ในองค์กร ยิ่งเป็นส.ส.สันดานมันเหิมเกริมมาโดยตลอด พอชนะเลือกตั้งนึกว่าตัวเองใหญ่เหนือประชาชน พอเข้ามาในสภาก็คิดว่าตัวเองทำอะไรก็ได้ เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย

ฉะนั้นความตระหนักรู้หรือเรียกว่า หิริโอตัปปะ ความกลัวในบาปมันจึงไม่มี มันหายไปเพราะความรู้สึกว่าตัวเองใหญ่ ไม่ใช่ไม่รู้นะ รู้แต่ไม่อยากทำ คนพวกนี้เหมือนกันคือยิ่งละเมิดได้ ยิ่งทำสิ่งที่ถูกห้ามได้จะยิ่งจะรู้สึกมีความสุข บริวารก็ชอบไปนับถือพวกที่อยู่เหนือกฎหมาย เพราะสังคมไทยคิดว่า คนแบบนี้ใหญ่จริง แน่มาก ต้องเข้าไปพึ่งพิงเป็นวัฒนธรรมการเมืองแบบไพร่ฟ้า นั่นเองคือเลี้ยงดูกันอยู่ภายใต้อำนาจนิยมให้ชื่นชมผู้มีอำนาจ อยู่ใต้อำนาจ

ความอดทนของประชาชน

พฤติกรรมที่มากขึ้นของส.ส. มาถึงยุคปัจจุบันภาพที่ออกมาได้ถูกส่งต่อและแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว มาตรการลงโทษทางสังคมอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ โซเชียลแซงชัน (social sanction) หรือการลงทัณฑ์ลงโทษในระบบสังคมด้วยสังคม ซึ่งผศ.ดร.ทวี มองว่าเป็นมาตรการหนึ่งที่หากนักการเมืองไม่หน้าด้านเกินไปนัก ก็ควรจะปรับปรุงตัวโดยเร็ว

“ทุกวันนี้คือประชาชนรับไม่ได้ ก็ด่ากันอยู่ ซึ่งถ้าเป็นไปได้หลายคนคงอยากจะตบหัว ไล่ออก เอาคนพวกนี้ออกไปจากสภา”

เขามองความเป็นไปได้หากประชาชนเหลืออดกับพฤติกรรมของนักการเมืองว่า ประชาชนอาจจะเสนอเป็นกฎหมายซึ่งตอนนี้ล่ารายชื่อคนเพียง 10,000 คน ก็สามารถเขียนกฎหมายเพื่อให้พิจารณากันในสภา โดยเขาให้รายละเอียดว่า อาจเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยการประพฤติตัวที่เหมาะสมในรัฐสภา ระบุรายละเอียดว่า มีการกระทำอะไรบ้างที่ไม่เหมาะสม แล้วให้มีมาตราที่ระบุถึงบทลงโทษที่เป็นระดับขั้น

“อันนี้ผมไม่ได้ล้อเล่น แต่เมื่อประชาชนทนไม่ไหวมันจะดำเนินไปทีละชั้นทีละตอน ก็อยู่ที่ส.ส.เขาดูแลกันอย่าให้ประชาชนทนไม่ไหว ที่สำคัญสื่อโซเชียลมีเดียตอนนี้มันก็กระจายอะไรไปได้เร็วมาก”

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2556   
Last Update : 19 สิงหาคม 2556 21:34:23 น.   
Counter : 2641 Pageviews.  

ครบรอบ 14 ปี ปปง.อายัดทรัพย์สินคดีฟอกเงินกว่า 7,000 ล้าน



เลขาฯ ปปง.แถลงผลงานครบรอบ 14 ปี ยึด-อายัดทรัพย์กว่า 7,000 ล้าน ระบุหากนำมาตรการการป้องกันและปราบปรามฟอกเงินมาแก้ปัญหาการฟอกเงินและการก่อการร้ายมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้เงินนอกระบบ 120,000 ล้านบาท กลับเข้าสู่ระบบได้ ลั่นบริหารความเสี่ยงโดยเน้นตรวจสอบบ่อน

       เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (19 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 14 ปี สำนักงาน ปปง. โดยมีนายสุชน ชาลีเครือ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมเป็นเกียรติ พ.ต.อ.ดร.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. กล่าวถึงผลงานการดำเนินงานปราบปรามการฟอกเงินของ ปปง.ที่ผ่านมาว่า มีการยึดและอายัดทรัพย์สินจนถึงวันนี้มีมูลค่ามากกว่า 7,000 ล้านบาท จากเดิมที่มี 4,000 กว่าล้าน ซึ่ง ปปง.ดำเนินการยึดทรัพย์สินในช่วงปีที่ พ.ศ. 2554-2555 เป็นระยะเวลาประมาณปีเศษรวมมูลค่ากว่า 2,700 ล้านบาท โดยมีมาตรการนำกฏหมายใหม่ออกมาบังคับใช้ซึ่งได้มีการขยายมูลฐานความผิดออกไปถึง 25 มูลฐาน เช่น เรื่องคดีที่เกี่ยวกับทรัพย์ คดีประทุษร้ายชีวิต คดีทรัพย์สินทางปัญญา คดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้นอกจากกฏหมาย 2 ฉบับที่ออกมาแล้ว ยังมีกฎกระทรวงว่าด้วยการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า ซึ่งเป็นมาตรการให้สถาบันการเงินและผู้มีหน้าที่รายงานธุรกรรมเข้ามาให้ความร่วมมือป้องกันการฟอกเงิน

       พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวต่อว่า จากข้อมูลผลการประเมินความเสี่ยงประเทศไทย สืบเนื่องจากเมื่อปี 2553-2554 ประเทศไทยได้เข้าร่วมในโครงการความร่วมทางวิชาการในเรื่องการป้องกันการฟอกเงินและการก่อร้ายกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ซึ่งได้จัดทำโครงการประเมินความเสี่ยงประเทศไทยนั้น ในภาพรวมปรากฏว่าประเทศไทยพบว่าในช่วงปี 2554 ยังคงมีความเสี่ยงในการฟอกเงิน ซึ่งเกิดก่อน FATF จะประกาศปลดล๊อคประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ผลการประเมินความเสี่ยงดังกล่าว ปปง.ได้นำการประเมินมาเป็นช่องทางในการแก้ไขการฟอกเงินและการก่อการร้ายในประเทศไทย

       ทั้งนี้ จากสถิติในประเทศไทยเราเคยสงสัยและคาดการณ์ว่ามีเงินที่ฟอกอยู่ในระบบจำนวนเท่าไร ซึ่งจากการวิจัยของปปง. ในรูปของคณะกรรมการร่วมทั้งภาคเอกชนและภาครัฐทำงานด้วย หากประเทศไทยเทียบจากผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของปี 2554 มีจำนวน 960,000 ล้านบาท นั้น พบว่ามีปริมาณเงินที่ฟอกอยู่ในระบบ 12.16 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 120,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการฟอกเงินว่าความผิดมูลฐานที่ทำให้ได้มาซึ่งเงินมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ได้มาโดยการกระทำความผิดเกี่ยวกับการพนัน ดังนั้นจึงเป็นที่มาการกำหนดนโยบายการแก้ไขปัญหาการฟอกเงินได้

       อย่างไรก็ตาม หากสามารถนำมาตรการการป้องกันและปราบปรามฟอกเงินมาแก้ปัญหาการฟอกเงินและการก่อการร้ายมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลก็จะทำให้นำจำนวนเงินนอกระบบ 120,000 ล้านบาท กลับเข้าสู่ระบบได้ก็จะเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อใช้เป็นประโยชน์กับประเทศโดยรวมสำหรับประชาชนทุกคนและพัฒนาบ้านเมืองในเรื่องต่างๆต่อไป ไม่ใช่การสร้างประโยชน์หรือความร่ำรวยให้คนเฉพาะกลุ่มที่ทำผิดกฎหมาย

       เลขาธิการ ปปง.กล่าวว่า จากการที่ได้รับทราบข้อมูลว่าการกระทำผิดเล่นพนันตามมูลฐานฟอกเงินเป็นมูลค่าเกินครึ่งของประเภทเงินกระทำผิดที่ถูกนำมาฟอกในระบบ เช่น บ่อนเตาปูน และอีกหลายบ่อน ดังนั้นต่อจากนี้จะบริหารความเสี่ยงโดยจะเน้นตรวจสอบบ่อน

       ส่วนกรณีที่ปีนี้ ปปง.เน้นเรื่องปัญหาเหยื่อค้ามนุษย์นั้น เลขาธิการ ปปง.กล่าวว่า ปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์ยังเป็นเรื่องที่ติดล็อกอยู่ ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะระหว่างประเทศไทยกับสหรัฐฯ เนื่องจากถูกสหรัฐอเมริกาจับตามอง



//www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000103306




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2556   
Last Update : 19 สิงหาคม 2556 21:31:21 น.   
Counter : 1578 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]