ชมภาพมุมสูงม็อบราชดำเนินเต็มพื้นที่ แกนนำยันเกินล้านแล้ว
ภาพมุมสูงของการชุมนุมขับไล่ระบอบทักษิณที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง ซึ่งกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณถนนหลานหลวง สะพานผ่านฟ้า ผ่านแยกคอกวัว ต่อเนื่องไปจนถึงบริเวณสนามหลวง เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ล่าสุดแกนนำยืนยันว่าเกิน 1 ล้านคนแล้ว วันนี้ (24 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมในขณะนี้คึกคัก ผู้ชุมนุมทยอยเข้าร่วมจนล้นพื้นที่รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ด้านแกนนำประเมินว่า ขณะนี้มีผู้เข้าร่วมราว 5 แสนคน จากที่ตั้งเป้าไว้ 1 ล้านคน โดยคำนวณจากจำนวนสติกเกอร์ที่แจกให้กับผู้เข้าร่วมชุมนุม มั่นใจ 18.00 น.ครบตามยอดที่กำหนดไว้ ล่าสุดเวลาประมาณ 18.30 น.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ลาออกมาเป็นแกนนำการชุมนุมขับไล่ระบอบทักษิณ ได้ขึ้นเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยยืนยันว่า จากการนับสติ๊กเกอร์ที่แจกให้ผู้ชุมนุมโดยเริ่มนับหนึ่งจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขณะนี้ยอดผู้ชุมนุมเกิน 1 ล้านคนแล้ว แม้ว่าสื่อบางแห่งจะอ้างคำพูดนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงที่ว่าที่ราชดำเนินมีแค่ 6 หมื่นคนก็ตาม โดยขณะนี้ประชาชนได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นจนต้องเปิดเวทีปราศรัยขึ้นอีกแห่งหนึ่งที่สนามหลวง เนื่องจากเสียงจากเวทีใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยส่งไปไม่ถึง นอกจากนี้ นายสาทิตย์ได้อ้างถึงคำพูดของนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานหอการค้าไทยที่บอกว่าผู้นำทำผิดอย่าโทษคนอื่น เพราะฉะนั้นเมื่อคนออกมามากขนาดนี้ นายกฯ มีทางเลือกคือ หากไม่ยุบสภาก็ลาออกเท่านั้น ทั้งนี้ นายสาทิตย์ระบุอีกว่า เส้นทางที่จะดาวกระจาย 12 เส้นทาง ได้มีการเตรียมไว้พร้อมแล้ว โดยแกนนำจะแถลงอีกครั้งในเวลาประมาณ 20.00 น.วันนี้
| | | | | | | แผนที่แสดงพื้นที่การชุมนุมอย่างคร่าวๆ |
//www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000145927
Create Date : 24 พฤศจิกายน 2556 |
| |
|
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2556 19:15:43 น. |
| |
Counter : 3226 Pageviews. |
| |
|
|
|
จำคุก 1 ปี สีกาแอน ปลอมสัญญาจ้างตกแต่งคอนโดมิเนียม
ศาลอุทธรณ์จำคุก 1 ปี แต่ให้รอลงอาญา สีกาแอน ภรรยาอดีตพระมิตซูโอะ ปลอมแปลงสัญญาจ้างออกแบบสถาปัตยกรรมคอนโดมิเนียม ที่ศาลอาญา วันนี้ (21 พ.ย.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีหมายเลขดำ อ.2289/2552 ที่ นายกมล เอี้ยวศิวิกูล อาชีพนักธุรกิจ เป็นโจทก์ฟ้องนางสุธาสินี มุตตามระ หรือเสตะพันธุ์ หรือสีกาแอน อายุ 52 ปี ภรรยาของนายมิตซูโอะ ชิบาฮาชิ หรืออดีตพระมิตซูโอะ เป็นจำเลยในความผิดฐานยักยอก ปลอมและใช้เอกสารปลอม และ พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม มูลนิธิ พ.ศ. 2499 โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 20 พ.ย. - 28 ธ.ค. 2550 จำเลยกับพวกได้ร่วมกันปลอมสัญญาว่าจ้างออกแบบงานสถาปัตยกรรมคอนโดมิเนียมของบริษัท ควอลิตี้ เวเคชั่น คลับ จำกัด ทั้งฉบับ โดยอ้างว่าบริษัทดังกล่าวได้ตกลงว่าจ้างบริษัท ต้นศิลป์ สตูดิโอ จำกัด จะทำการก่อสร้างตกลงค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้าง 12 ล้านบาท สัญญาดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม เนื่องจากบริษัท ควอลิตี้ฯ ไม่เคยว่าจ้างบริษัท ต้นศิลป์ เป็นเหตุให้บริษัทควอลิตี้และโจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นได้รับความเสียหาย โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2555 ลงโทษจำคุกจำเลยฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม 2 ปี และฐานเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทจำกัด กระทำการหรือยินยอมให้กระทำการเพื่อลวงให้บริษัทหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 3 ปี ไม่รอการลงโทษ จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยอุทธรณ์ว่าขาดเจตนาในการลงชื่อในสัญญาว่าจ้างดังกล่าว เนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นสัญญาว่าจ้าง 7 ฉบับของบริษัทอื่น และไม่ได้เป็นผู้ประทับตราของบริษัทในสัญญาว่าจ้าง เห็นว่าจำเลยมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัท ควอลิตี้ ย่อมต้องใช้ความระมัดระวังในการลงชื่อ การว่าจ้างบริษัท ต้นศิลป์ 12 ล้านบาท หากเป็นการสำคัญผิด จำเลยสามารถอ้างเพื่อยกเลิกสัญญาได้แต่จำเลยไม่ได้ดำเนินการ กลับจ่ายค่าจ้างให้แก่บริษัท ต้นศิลป์ เป็นเจตนาว่าจำเลยว่าจ้างบริษัท ต้นศิลป์ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น มีประเด็นวินิจฉัยอุทธรณ์สมควรลงโทษสถานเบาหรือไม่ เห็นว่า เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องถึงรายละเอียดของการว่าจ้างและอื่นๆ ทำให้อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 จึงเห็นควรแก้โทษให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี อีกทั้งโจทก์และจำเลยสามารถตกลงยอมความกันและถอนฟ้องคดีที่ต่างฝ่ายต่างยื่นฟ้องกันและกัน แต่ความผิดคดีนี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดินไม่สามารถถอนฟ้องได้ นอกจากนี้จำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้รอการลงโทษจำเลย พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดฐานทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือส่วนหนึ่งส่วนใด เติมหรือตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆในเอกสารที่แท้จริง หรือประทับตราปลอมหรือลงลายมือชื่อปลอมในเอกสาร โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก 268 วรรคสอง ลงโทษจำคุก 1 ปี โทษจำคุกรอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี ความผิดฐานอื่นให้ยกฟ้อง
//www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000144788
Create Date : 22 พฤศจิกายน 2556 |
| |
|
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2556 21:18:45 น. |
| |
Counter : 1527 Pageviews. |
| |
|
|
|
พ่อเอ็กซ์ จ่อเป็นผู้จัดการมรดก-เอาผิด หมอนิ่ม แอบเปิดตู้เซฟลูกชาย
ร้อยเวร สน.บางชัน เผยความคืบหน้าคดีลักลอบเปิดตู้เซฟ เอ็กซ์-จักรกฤษณ์ ชี้พ่อมีสิทธิร้องเป็นผู้จัดการมรดกได้ แต่ต้องรอศาลประจวบฯ มีคำสั่งลงมาก่อนถึงจะเป็นผู้เสียหายแทน เอ็กซ์ - เอาผิด หมอนิ่ม ลักลอบเปิดตู้เซฟจนมีทรัพย์สินสูญหายได้! วันนี้ (20 พ.ย.) ร.ต.ท.มารุต ปัณดิษฐโต พนักงานสอบสวน สน.บางชัน เจ้าของคดีกรณีนายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักยิงปืนทีมชาติไทย แจ้งความให้ดำเนินคดีต่อ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ภรรยา ที่ลักลอบเปิดตู้เซฟธนาคารกสิกรไทย รวมทั้งฟ้องผู้จัดการธนาคารดังกล่าวกล่าวเปิดเผยว่า วันจันทร์ที่ 25 พ.ย.นี้ทางพนักงานสอบสวนจะเรียกนายมานพ พาณิชย์ผาติกรรม มาสอบปากคำอีกครั้ง พร้อมด้วยทนายความที่เดินทางมาแจ้งความพร้อมกับจักรกฤษณ์ในวันเกิดเหตุ แต่ยังไม่สามารถระบุเวลาได้ เพราะยังไม่ได้ประสานไป โดยตำรวจจะแยกสอบนายมานพกับทนายความ หลังจากนั้นเมื่อได้ข้อมูลครบจากทั้ง 2 คนแล้ว ตำรวจก็จะทำการเรียก พญ.นิธิวดี มาสอบปากคำต่อ สำหรับผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยนั้น คงไม่เรียกมาสอบปากคำอีกแล้วเพราะสอบปากคำไปหมดแล้ว แต่หากมีข้อมูลหรือประเด็นใหม่ที่ได้จากการสอบปากคำนายมานพ ทนายความและ พญ.นิธิวดี ก็อาจเรียกมาสอบใหม่ได้ ร.ต.ท.มารุตกล่าวต่อไปว่า นายมานพแจ้งกับทางตำรวจว่าตนได้ให้พระเครื่อง 3-4 องค์กับนายจักรกฤษณ์ มูลค่า 1.3 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวอยู่ในตู้เซฟธนาคารด้วย แต่ทรัพย์สินส่วนอื่นทางนายมานพไม่ทราบ ซึ่งก็ต้องสอบปากคำทั้ง พญ.นิธิวดี กับนายมานพ เพื่อดูว่าให้การตรงกันหรือไม่ต่อไป ทั้งนี้ การที่นายมานพจะเป็นผู้เสียหายแทนนายจักรกฤษณ์ในคดีนี้นั้น เบื้องต้นทางศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะต้องมีคำสั่งให้นายมานพเป็นผู้จัดการมรดกก่อนจึงสามารถเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ได้ ซึ่งนายมานพมีสิทธิที่จะเป็นได้ เพราะเป็นพ่อแท้ๆ ของนายจักรกฤษณ์ และหากได้เป็นผู้เสียหายแทนก็สามารถดำเนินการฟ้องร้องทางคดีแพ่งได้ ส่วนทางอาญานั้นทางตำรวจก็จะดูสำนวนที่ได้จากการสอบปากคำเพื่อดูความเป็นไปได้ทางคดีต่อไป
//www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000144438
Create Date : 20 พฤศจิกายน 2556 |
| |
|
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2556 21:21:32 น. |
| |
Counter : 1594 Pageviews. |
| |
|
|
|
จับสาวดอยวาวีพร้อมยาบ้า 6 แสนเม็ด ชี้เป็นเครือข่ายเถ้าแก่ใหญ่ไร่ชา-กาแฟ
เชียงราย - เจ้าหน้าที่ดักจับขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ แต่เป้าหมายไหวตัวทิ้งของกลางยาบ้า 6 แสนเม็ดหลบหนีไปได้ คาดข้ามฝั่งไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว แต่ขยายผลตามรวบแฟนสาวได้ เผยเป็นคนในเครือข่ายเถ้าแก่ไร่ชา-กาแฟดอยวาวีด้วย วันนี้ (19 พ.ย.) นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.อ.ยงยุทธ เหล่าเขตร์การ ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด 1 คน คือ น.ส.กานดา แซ่ผา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 816 หมู่ 3 ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย พร้อมยาบ้า 600,000 เม็ด รถยนต์มาสด้า ทะเบียน กถ 2178 กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.เชียงราย สืบทราบจะมีการลักลอบขนยาเสพติดผ่านถนนสายเลี่ยงเมือง ต.ท่าสาย อ.เมือง ไปทาง อ.แม่ลาว เพื่อเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศ จึงวางกำลังดักซุ่มและติดตามเอาไว้หลายจุด ต่อมา พบรถยนต์มาจาก อ.แม่จัน มุ่งหน้ามาตามถนนพหลโยธิน เข้าสู่ อ.เมือง และเลี้ยวเข้าทางถนนสายเลี่ยงเมืองจากด้านหน้าท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ต.บ้านดู่ จึงติดตามไป แต่เมื่อรถคันดังกล่าวไปถึงบริเวณแยกเลี่ยงเมือง ต.ท่าสาย คนขับกลับไหวตัวทัน และจอดรถก่อนจะทิ้งถุงพลาสติกสีดำใบใหญ่ 5 ถุงไว้ข้างทาง และขับหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่แกะถุงดำออกดู ปรากฏว่าเป็นยาบ้า 600,000 เม็ด จากนั้นได้ขยายผลติดตามรถคันดังกล่าว พบไปจอดอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย จึงได้จับกุมตัว น.ส.กานดา ภรรยาของนายยาว ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่เจ้าหน้าที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการนำยาเสพติดไปวางไว้ที่ริมถนนทางเลี่ยงเมือง จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.กานดา ให้การรับสารภาพว่า เป็นภรรยาของนายยาวจริง แต่หลังจากเกิดเหตุแล้ว นายยาว ได้หลบหนีไปโดยไม่ทราบว่าไปไหน แต่เจ้าหน้าที่คาดว่าข้ามฝั่งประเทศเพื่อนบ้านไปแล้ว และยังสืบทราบอีกว่า มีผู้ที่เกี่ยวข้อง 5 คน จึงจะขยายผลติดตามหาตัวทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ขบวนการค้ายาเสพติดรายนี้ พบว่าเป็นเจ้าของกิจการไร่ชา และกาแฟบนดอยวาวี ต.แม่สรวย
//www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000143958
Create Date : 19 พฤศจิกายน 2556 |
| |
|
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2556 20:56:36 น. |
| |
Counter : 2025 Pageviews. |
| |
|
|
|
รวบหนุ่มใหญ่ มอมยารูดทรัพย์เหยื่อหมอนวดสูญกว่าแสน
ตร.จับกุมผู้ต้องหาวัย 40 ปี ก่อเหตุมอมยารูดทรัพย์เหยื่่อสาว 2 รายซ้อน หลังเปิดห้องพักแล้วหลอกให้เหยื่อดื่มน้ำผสมยานอนหลับ ผู้ต้องหาให้การสารภาพ โดยเลียนแบบมาจากอินเทอร์เน็ต เบื้องต้นแจ้งข้อหาชิงทรัพย์และกระทำให้ผู้อื่นได้รับอันตราย วันนี้ (18 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตํารวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผกก.สน.บางนา แถลงข่าวการจับกุม นายดวง เฉลิมกุล ให้อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาในคดีมอมยารูดทรัพย์ ตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนงที่ 573/2556 ลงวันที่ 22 ต.ค. 56 โดยจับกุมตัวได้ที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ในซอยสุขุมวิท 48 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค.55 เวลาประมาณ 04.00 น.นายดวง และนายต้น (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) ได้ร่วมกันก่อเหตุลักทรัพย์ที่โรงแรม 13 เหรียญที่ห้องพักเลขที่ 504 ต.เสาหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ได้ทรัพย์ไปทั้งสิ้น 150,000 บาท หลังจากนั้น ได้ถูกจับกุมตัวไว้ได้ในวันเดียวกัน แต่ได้หลบหนีประกันชั้นศาลออกมาเมื่อประมาณกลางปี 2555 ต่อมาวันที่ 26 ก.ย. 56 เวลาประมาณ 01.00 น.นายดวงได้โทรศัพท์เรียก น.ส.เอ และ น.ส.บี ที่รู้จักกันในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งให้ออกมาเที่ยวด้วยกัน จากนั้นได้เปิดห้องพักเลขที่ 105 จองโรงแรม 13 เหรียญไว้ก่อนจะลวงผู้เสียหายมาที่ห้องพักและเอายาอัลแลม ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 4 ผสมนํ้าให้ผู้เสียหายกิน เมื่อผู้เสียหายสลบไปนายดวงก็ลงมือรูดทรัพย์ได้ทรัพย์สินไปกว่า 40,000 บาท พนักงานสอบสวน สน.บางนา จึงได้ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดพระโขนงไว้ พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น นายดวง ได้ก่อเหตุซํ้าอีกครั้งในวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยหลอกผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งเป็นหมอนวดที่นายดวงเคยใช้บริการ ให้ออกมาพบที่โรงแรมนิรันดร์แกรนด์ ก่อนเอายาอัลแลมผสมกับแบรนด์วีต้าให้ผู้เสียหายดื่มแล้วลงมือรูดทรัพย์ ได้ทรัพย์สินไปกว่า 100,000 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตามจับตัวได้ที่ห้องเช่าที่นายดวงพักอยู่ จากการสอบสวนนายดวงใหการรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยศึกษาวิธีการมาจากในอินเทอร์เน็ต จากนั้นได้ไปขอซื้อยาดังกล่าวมาจากนายตุ๋ย (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) ซึ่งเป็นเพื่อนของนายดวงเอง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน เป็นเหตุให้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ก่อนนําตัวไปดําเนินการทางกฎหมายต่อไป
//www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000143436
Create Date : 18 พฤศจิกายน 2556 |
| |
|
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2556 20:35:23 น. |
| |
Counter : 1810 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |