เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

ระทึก! โทรกวนขู่วางระเบิดเครื่องบินแอร์เอเชียปลายทางภูเก็ต

ระทึก! โทรกวนขู่วางระเบิดเครื่องบินแอร์เอเชียปลายทางภูเก็ต
ผู้โดยสารที่เดินทางมากับสายการบินแอร์เอเชีย
ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทอท.แจงมีเหตุก่อกวนขู่วางระเบิดอากาศยานที่ท่าอากาศยานภูเก็ตจริง หลังตรวจสอบไม่พบสิ่งผิดปกติ เผยเที่ยวบินดังกล่าวมีนักฟุตบอลทีมชาติไทยร่วมเดินทางมาด้วย

       จากการกรณีที่ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ได้รับโทรศัพท์ขู่ว่ามีการวางระเบิดสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3003 ที่บินจากท่าอากาศยานดอนเมือง โดยมีกำหนดลงที่ ทภก.เวลา 12.15 น. ซึ่งเที่ยวบินดังกล่าวเป็นเที่ยวบินที่นักฟุตบอลทีมชาติไทยร่วมเดินทางมาด้วย เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่าทันทีที่ได้รับแจ้งจากท่าอากาศยานภูเก็ต ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว และได้รับรายงานว่าสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3003 ให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัส A320-200 มีผู้โดยสาร 167 คน ลูกเรือ 4 คน กัปตันรวมนักบิน 2 คน

ระทึก! โทรกวนขู่วางระเบิดเครื่องบินแอร์เอเชียปลายทางภูเก็ต
       โดยเครื่องบินลำดังกล่าวได้เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อเวลา 10.55 น. และเครื่องบินลงจอดที่ท่าอากาศยานภูเก็ตใน.เวลา 12.15 น.ทางท่าอากาศยานก็ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนแผนฉุกเฉินโดยนำเครื่องบินไปจอด ณ จุดจอดที่กำหนด (Isolated Parking Area) จัดเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปยังพื้นที่ มีผู้บัญชาการเหตุการณ์สั่งการให้หน่วยงานรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ทำลายวัตถุระเบิด (EOD) และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าปฏิบัติการตรวจสัมภาระที่มากับเที่ยวบินตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในแผนฉุกเฉินทันที โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการตรวจสอบ กระเป๋าและสัมภาระของผู้โดยสารทั้งหมด

หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจสอบแล้ว ไม่พบว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติ ตามที่มีการโทรศัพท์ขู่แจ้งแต่อย่างใด ทั้งนี้ การตรวจสอบดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากสายการบินและผู้โดยสารเป็นอย่างดี และเที่ยวบินดังกล่าวได้ออกเดินทางจาก ทภก.ไปยังท่าอากาศยานดอนเมืองเมื่อเวลา 15.08 น.และถึงท่าอากาศยานเวลา 16.28 น.

ระทึก! โทรกวนขู่วางระเบิดเครื่องบินแอร์เอเชียปลายทางภูเก็ต
       นายเมฆินทร์ กล่าวต่อไปว่า การโทรศัพท์ก่อกวนในครั้งนี้ ทางท่าอากาศยานไทยได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ซึ่งในเรื่องของความปลอดภัย ทางท่าอากาศยานไทย ได้ให้ความสำคัญต่อการรักษาความปลอดภัยให้เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) อย่างเคร่งครัด รวมทั้งได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในแผนฉุกเฉินท่าอากาศยาน ซึ่ง ทอท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการฝึกซ้อมและทบทวนแผนดังกล่าวเพื่อให้การปฏิบัติงานด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ


//www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9570000097787




 

Create Date : 26 สิงหาคม 2557   
Last Update : 26 สิงหาคม 2557 23:05:29 น.   
Counter : 1326 Pageviews.  

เบิกตัว “วีระ” สอบปากคำเพิ่ม ก่อนแจ้งข้อหา

 คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
เบิกตัว “วีระ” สอบปากคำเพิ่ม ก่อนแจ้งข้อหา

เบิกตัว “วีระ” สอบปากคำเพิ่ม ก่อนแจ้งข้อหา
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าเยี่ยมนายวีระ สมความคิด

นายทหารพระธรรมนูญเบิกตัว “วีระ” พร้อมพวก สอบปากคำหลังถูกควบคุมตามกฎอัยการศึกไว้เป็นเวลา 7 วันที่กองปราบฯ ก่อนประสานพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการแจ้งข้อหาต่อไป ขณะที่ตลอดทั้งวันได้มีกลุ่มมวลชนทยอยเดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจ

     วันนี้ (25 ส.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.กล่าวถึงกรณี พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ พล.ม.2 รอ.พร้อมเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร คุมตัวนายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน น.ส.บุญยืน ศิริธรรม อดีต ส.ว.สมุทรสงคราม นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา แกนนำกลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทย พร้อมพวก รวม 8 คน มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อขอกักตัวไว้ที่ห้องขัง บก.ป.ตามอำนาจ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มีกำหนดเวลา 7 วัน หลังจากทั้งหมดได้ร่วมชุมนุมในนามกลุ่มจับตาปฏิรูปพลังงานไทย บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เขตพญาไท ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนจะถูกตำรวจ บก.น.1 และ สน.พญาไท เข้าควบคุมตัวที่บริเวณถนนพหลโยธิน ซอย 2 เมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่าขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ต่อนายวีระกับพวก ซึ่งการพิจารณาแจ้งข้อหาจะขึ้นอยู่กับทางทหาร โดยจะมีการทำหนังสือร้องทุกข์และประสานมายัง บก.ป.อีกครั้ง

       พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า ทางกองปราบปรามคงให้ความร่วมมือในการกักตัวทั้งหมดไว้ที่ห้องขัง โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึกเท่านั้น และเปิดโอกาสให้ญาติรวมทั้งผู้ที่รู้จักสามารถเข้าเยี่ยมนายวีระกับพวกได้ อย่างไรก็ตาม ในประเด็นการกระทำผิดฐานขัดคำสั่ง คสช.ในการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ทางทหารจะเป็นฝ่ายรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ และหากเข้าข่ายความผิดดังกล่าว รวมทั้งเป็นความผิดทางคดีอาญาอื่นใดก็จะมีการแจ้งความดำเนินคดี และเป็นไปตามขั้นตอน คือ สอบปากคำและคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังต่อไป ทั้งนี้ หากครบกำหนดการกักตัว 7 วัน แล้วยังไม่มีการแจ้งข้อหาก็จะต้องปล่อยตัวทั้งหมดไป

       ด้าน พ.ต.ท.นทธีฤทธิ์ หาญเสน่ห์ลักษณ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป.กล่าวว่า ขณะนี้ทางทหารอยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนจะมีการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของนายวีระซึ่งมีเงื่อนไขในระหว่างที่ได้รับการประกันในคดีชุมนุมปิดสนามบิน หนึ่งในข้อพิจารณา อย่างไรก็ดี ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนคงจะรอการประสานจากทหารเท่านั้น ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ส่วนเรื่องการกักตัว ทางผู้บังคับบัญชาก็สั่งการให้ดูแลและอำนวยความสะดวกกับทั้งหมด โดยเป็นไปในแนวทางเดียวกับผู้ที่เคยถูกกักตัวก่อนหน้านี้ทุกราย

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ทาง พ.ท.บุรินทร์ได้เข้าสอบปากคำนายวีระ กับพวก อีกครั้งก่อนจะนำผลการสอบปากคำไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชา โดยไม่ได้เปิดเผยถึงรายละเอียด เพียงแต่กล่าวสั้นๆ ว่าความผิดของนายวีระไม่ได้หนักหนาอะไร ก่อนจะขอตัวเดินทางกลับไปยัง พล.ม.2 รอ.ทันที ขณะที่ตลอดทั้งวันได้มีกลุ่มมวลชนทยอยเดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจนายวีระกับพวก รวมถึงนางพิศอำไพ สมความคิด อายุ 34 ปี ภรรยาของนายวีระด้วย

       ต่อมาเวลา 15.30 น.วันเดียวกัน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คอลัมนิสต์และผู้จัดรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” เดินทางเข้าเยี่ยมนายวีระกับพวก โดยนายปานเทพกล่าวว่า ได้เดินทางมาเยี่ยมนายวีระและผู้ที่ถูกกักตัวทั้ง 8 คนในฐานะที่เคยเคลื่อนไหวร่วมกัน และส่วนตัวคิดว่ากรณีของนายวีระกับพวกยังไม่ได้มีการพิสูจน์ว่ามีการกระทำความผิด หรือเป็นการขัดคำสั่ง คสช.เพราะไม่ได้ชุมนุมต่อต้าน เพียงแต่มีการแจกเอกสารให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชน เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปพลังงาน ตนคิดว่าการเข้าจับกุมตัวนายวีระเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุหรือไม่

       นายปานเทพกล่าวต่อว่า หากเปรียบเทียบกับกรณีการเรียกร้องให้ทาง คสช.พิจารณาเปิดสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องต่างๆ ที่ถูกสั่งปิดไปก่อนหน้านั้น ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมายังมีการรวมตัวชุมนุมของภาคประชาชน และการเคลื่อนไหวที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบกซึ่งเข้าข่ายกระทำการที่ขัดคำสั่งของ คสช.มากกว่า แต่ก็ไม่มีการจับกุมคุมขังแต่อย่างใด ตนคิดว่าทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี น่าจะเคารพสิทธิการแสดงความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศไทย โดยเฉพาะการปฏิรูปพลังงานซึ่งประชาชนทั้งประเทศมีส่วนได้ส่วนเสีย

       “ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ก็จะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในเรื่องการปฏิรูปประเทศ แต่นายวีระกลับมาถูกกักตัวอยู่เช่นนี้ ก็เหมือนเป็นการตัดโอกาสในการรับฟังความคิดเห็นในประเด็นเรื่องการปฏิรูปพลังงานที่เขาเตรียมคำถามที่จะถามไว้ อย่างไรก็ตาม กับนายวีระยังเห็นตรงกันว่ารัฐควรจะจัดให้มีเวทีดีเบต ระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชนในเวลาเท่ากัน ไม่ใช่ให้ ปตท.ให้กระทรวงพลังงานพูดกันอยู่เพียงฝ่ายเดียว พลังงานคือทรัพย์สินของทุกคนในชาติไม่ใช่ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” นายปานเทพกล่าว

       ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการระบุว่าเรื่องข้อเรียกร้องต่างๆ ควรจะให้เป็นบทบาทของสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น นายปานเทพตอบว่า สปช.ที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่ฉากหนึ่งในการประกอบพิธีกรรมในการแสวงหาความชอบธรรมในการดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องของการแปรรูปพลังงาน ทั้งเรื่องท่อก๊าซ หรือการปิโตรเลี่ยม เราอยากเห็นบรรยากาศที่สร้างสรรค์ ที่ประชาชนมีสิทธิในทรัพย์สินที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติเท่าเทียมกันซึ่งหลังจากนี้นายวีระและพวกตนก็ยังคงต้องเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ต่อไป

     ต่อมาในเวลา 16.00 น. นายนิติธร ล้ำเหลือ ทนายความและอดีตที่ปรึกษาเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) พร้อมด้วย นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม.เดินทางเข้าเยี่ยมนายวีระกับพวก

       โดยทาง นพ.นิรันดร์เปิดเผยว่า ตนต้องการเดินทางมาเยี่ยมและพบปะกับนายวีระและผู้ที่ถูกกักตัวทั้ง 8 คน ในฐานะที่เป็นกรรมการสิทธิฯ และมองประเด็นนี้ว่ามีการละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก การแสดงความคิดเห็นซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองด้วยความผิดข้อหาใด จึงได้สอบถามผู้ที่ถูกกักตัวว่าถูกจับกุมด้วยข้อหาใด

       นพ.นิรันดร์เปิดเผยด้วยว่า สำหรับผู้ที่ถูกกักตัวทั้งหมด ตนจะสอบถามเรื่องความเป็นอยู่ จะดูแลเรื่องข้อกฎหมาย เนื่องจากไม่ใช่กลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.แต่เป็นการกลุ่มที่เคลื่อนไหวเรื่องการปฏิรูปด้านพลังงาน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งทาง คสช.น่าจะรับฟัง ไม่ใช่ใช้วิธีการดังกล่าวซึ่งตนคิดว่าเป็นการละเมิดสิทธิอย่างหนึ่ง โดยรัฐธรรมนูญชั่วคราว ในมาตรา 4 ก็ให้สิทธิประชาชนในการแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอยู่แล้ว

       ขณะที่นายนิติธรกล่าวว่า ได้สอบถามพนักงานสอบสวน บก.ป.เกี่ยวกับการดำเนินการกับผู้ที่ถูกกักตัวทั้ง 8 คน แต่พนักงานสอบสวนก็ยังตอบไม่ได้เนื่องจากต้องรอให้ทางทหารเป็นฝ่ายพิจารณาหากจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา โดยจะดูองค์ประกอบในส่วนพยานหลักฐานต่างๆ ที่จะดำเนินคดีต่อไป และพนักงานสอบสวนก็พร้อมจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย





 

Create Date : 25 สิงหาคม 2557   
Last Update : 25 สิงหาคม 2557 22:17:18 น.   
Counter : 1197 Pageviews.  

ต้องแรงอีก! “เนื้อ - นม - ไข่” ใส่ตลาดฟาดศีลธรรม

ต้องแรงอีก! “เนื้อ - นม - ไข่” ใส่ตลาดฟาดศีลธรรม

หนึ่งในสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้เสมอก็คือเรื่องเซ็กซ์! การโชว์เรือนร่าง เปิดเผยเนื้อหนัง อัพรูปถ่ายโพสท่าวาบหวามเป็นเครื่องมือหนึ่งในการใช้เรื่องเพศมาเป็นตัวดึงดูดความสนใจ สิ่งนี้กลายเป็นการตลาดตามตำราเก่าแก่ที่หลายคนเลือกที่จะใช้

เมื่อมองไปในสังคมทั้งสื่อโฆษณา ละครทีวี ภาพยนตร์กระทั่งดนตรีก็ยังใช้ความเซ็กซี่เป็นจุดขาย ถึงตอนนี้ในโลกออนไลน์ที่ทุกคนมีสื่อเป็นของตัวเอง ข้อมูลที่มากล้นวิ่งวนเวียนเปลี่ยนผ่านไปในแต่ละวัน การดึดดูดความสนใจถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับ 1 กระทั่งร้านก๋วยเตี๋ยวยังมีจุดขายที่แม่ค้าสุดแซ่บแต่งตัวเซ็กซี่ แล้วต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น!!!

ขายของหรือขายเซ็กซ์

กลายเป็นประเด็นที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากมีการแชร์ภาพแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวแต่งชุดวาบหวามโพสท่าวาบหวิว ที่หลายคนมองว่า “เกินงาม” แต่อีกหลายคนก็เห็นว่าเป็นจุดขายหนึ่งของร้าน ทว่ากรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่การใช้เซ็กซ์ไปกับการดึดดูดความสนใจในเชิงการตลาด หากแต่มีอีกหลายกรณีที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังมีดีกรีที่รุนแรงร้อนแรงมากขึ้นอีกต่างหาก

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทำให้แทบทุกคนมีสื่อเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังเชื่อมโยงผู้คน ทำให้ทุกคนสามารถค้นหาสิ่งที่ตนเองสนใจได้ง่ายขึ้น และแน่นอน เรื่องเพศก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างให้ความสนใจไม่ว่าในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม

เมื่อสังคมสนใจเรื่องเพศเป็นปกติ สอดรับกับความต้องการในการดึดดูดผู้คนให้เข้ามาสนใจ ไม่แปลกที่จะเกิดปรากฏการณ์เปิด “เนื้อ - นม - ไข่” ดึดดูดผู้คนมากขึ้น

ตั้งแต่ในสื่อกระแสหลักที่เน้นเนื้อหารุนแรงและมีเรื่องเพศเข้ามาดึงดูดไม่ว่าจะเป็นหนัง ละคร เพลงแม้กระทั่งโฆษณา กรณีเจมี บูเฮอร์ดาราสาวที่กลับมาเป็นที่สนใจของสังคมอีกครั้งจากภาพหลุดถือเป็นกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการขายความฉาวที่มีพลังดึงดูดกระแสสังคมได้เป็นอย่างดี

เมื่อไม่นานมานี้กรณีของ ปิ๋ม ซีโฟว์ นักร้องลูกทุ่งสาวที่ห่างหายไปจากวงการจนคนแทบจะหลงลืม ก็กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งจากคลิปเพียงคลิปเดียวที่เจ้าตัวเต้นท่าเซ็กซี่แรงถึงขั้นหลายฝ่ายออกมาประณาม

ทั้ง 2 กรณีข้างต้นจะเห็นได้ชัดว่า สามารถเรียกกระแสทำให้ผู้คนสนใจ กลับมามีพื้นที่สื่อได้อย่างง่ายดาย แม้จะเป็นกระแสลบก็ตาม การออกมาขอโทษและขอความเห็นใจจากสังคมเป็นทางออกที่ถูกหยิบมาใช้เสมอ ท้ายที่สุดทั้ง 2 ก็ได้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว

เมื่อมองมาในโลกของโซเชียลมีเดีย การขายความเซ็กซี่ก็มีในระดับที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่โพสต์รูปสาวเซ็กซี่ปั่นยอดไลค์เพจขายโฆษณา หรือจะเป็นแนวพริตตี้ขายอาหารเสริมหรือผลิตภัณฑ์ความงามที่มักจะเน้นโชว์สัดส่วนเรือนร่าง
กรณีล่าสุดที่เป็นข่าวของแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวนั้น ส่วนหนึ่งมาจากธรรมชาติของโลกออนไลน์ที่การวิพากษ์วิจารณ์มักเกิดขึ้นได้เสมอซึ่งเป็นได้ทั้งในแง่บวกและลบ หลังจากเป็นข่าวแม่ค้าคนดังกล่าวก็โพสต์ข้อความถึงกระแสที่เกิดขึ้นว่า ตนเองไม่ได้มีแต่การโพสต์ภาพเซ็กซี่เท่านั้น ยังมีเรื่องราวอื่นๆอีกมากมายที่แฝงสาระไว้

“อย่ามองแต่หน้าและนม เรายังมีการดำเนินชีวิตในการทำงานหนักและการเลี้ยงดูแลครอบครับแบบไม่น่าเบื่อ คำสอน แง่คิดดีๆในการทำธุรกิจ...บอกเล่าถึงความขยันอดทน การต่อสู้ดิ้นรน รวมถึงสอนการให้แบ่งปัน กตัญญูต่อพ่อแม่ สอนให้ดูแลตัวเอง สร้างความมั่นใจให้คนที่ขาดความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาจนกลายเป็นคนใหม่ ถ้าคุณมองให้ต่ำตัวคุณก็จะต่ำ ถ้าคุณมองแบบมีความคิด คุณจะได้รอยยิ้มและอะไรมากมายกลับไป”

ที่ผ่านมา “มันแกว” แอดมินเพจ munkaw chaos girl เจ้าของฉายานมคุณธรรมเป็นอีกคนที่สร้างกระแสจากความเซ็กซี่ของเรือนร่าง โดยเธอเคยพูดถึงการตลาดในแบบของตัวเองไว้ว่า

“นมหรือการแต่งตัวเซ็กซี่ก็เป็นความชอบแต่เดิมของแกวอยู่แล้ว ตรงนี้ก็ถือเป็นการตลาดอย่างหนึ่งที่สร้างจุดสนใจให้คนมาสนใจสิ่งที่แกวพูด เกมที่แกวเล่นและทำงานให้อยู่ แต่พอทุกคนเข้ามาติดตามกันแล้ว แกวก็ไม่ได้มีแต่ความเซ็กซี่อย่างเดียวก็มีเรื่องอื่นๆให้ติดตามด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิต ความคิดกับประเด็นต่างๆ แกวคิดว่าคนที่สนใจติดตามแกวส่วนใหญ่ก็มาจากการที่แกวให้ความเป็นกันเองเหมือนเพื่อนกับทุกๆ คนมากกว่า”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การโชว์เนื้อหนังของหญิงสาวนั้นเป็นสิ่งดึงดูดที่ขับเคลื่อนด้วยพลังทางเพศ ไม่ว่าจะในดีหรือแง่ร้ายพวกเธอก็จะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงและโด่งดังเป็นที่รู้จัก

เซ็กซี่มีดีแค่สร้างกระแส

ไม่ต้องเปิดตำราการตลาดหลายคนก็รู้ว่า ความเซ็กซี่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ ผศ.ดร.ภิเษก ชัยนิรันดร์ อาจารย์ประจำสายวิชาบริหารธุรกิจและการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดโซเชียลมีเดีย มองว่า การขายความเซ็กซี่อาจเป็นจุดขายหนึ่งที่ดึดดูดความสนใจของลูกค้าบางกลุ่มได้ อาจเป็นเฉพาะกลุ่มผู้ชาย แต่โดยมากแล้วการตลาดลักษณะนี้ก็มีข้อดี - ข้อด้อยของมันเองอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกใช้อย่างไร

“ข้อดีคือมันดึงดูดผู้คนได้ง่าย หากเป็นสินค้าที่ขายทางเฟซบุ๊กอย่างอาหารเสริมแม้จะไม่เกี่ยวกับเรื่องความเซ็กซี่แต่ก็จะมีการใช้ภาพผู้หญิงที่เป็นพรีเซนเตอร์ที่ดูเซ็กซี่มาประกอบเป็นจุดขายเสมอ นั่นเพราะภาพเหล่านี้ดึงดูดความสนใจได้และทำให้คนกดไลค์มากกว่า”

ทว่าในส่วนของข้อเสียนั้น เขาเผยว่า คือการทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ดังนั้นหลายแบรนด์จึงไม่นิยมใช้ความเซ็กซี่มาเป็นจุดขายทางการตลาด สำหรับกรณีร้านก๋วยเตี๋ยวที่เป็นข่าวนั้น เขามองว่า อาจเป็นการถ่ายเพื่อความสนุกส่วนตัวด้วย ถือเป็นจุดเด่นจุดขายที่สร้างความแตกต่างในตัวเอง ทว่าสิ่งสำคัญของร้านอาหารที่แท้จริงแล้วคือความอร่อยมากกว่า

“สำหรับร้านอาหารส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่สำคัญอันดับ 1 คือเรื่องของอาหาร การตลาดสำคัญรองลงมา ถ้าการตลาดดีด้วย ทำให้คนสนใจได้แล้วรสชาติอาหารก็อร่อยมันก็ไปด้วยกันได้ แต่ถ้าอาหารรสชาติงั้นๆ กระแสมันก็มาได้แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ ถ้าจะเน้นการตลาดต่อเนื่องก็ต้องหาอย่างอื่นมาใส่ไปเสริมเข้าไป”

สอดคล้องกับความเห็นของ ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย นักการตลาดชื่อดัง ที่มองว่าการตลาดที่ใช้ความเซ็กซี่นำหน้านั้นควรทำเพียงระยะแรกให้คนรู้จัก ก่อนเสนอเนื้อหาสาระที่แท้จริงเข้าไป “ความเซ็กซี่เป็นเหมือนลำโพงขยายสิ่งที่เราพูด ทำให้คนรู้จักเดินเข้ามาฟัง แล้วถ้าสิ่งที่เราพูดมันมีเนื้อหาสาระ เราก็ไม่ต้องใช้ลำโพงอีก”

โดยในส่วนของกรณีแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวที่เป็นข่าวนั้น เขาเผยในฐานะที่เป็นรู้จักกันว่า แม่ค้าคนดังกล่าวนั้นเป็นคนที่หน้าตาดีและสร้างจุดขายที่ความเซ็กซี่อยู่แล้ว เพียงแต่ใน 2 - 3 ปีที่ผ่านมา เธอได้หันมาใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น ทั้งทางเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม จากแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวที่ไม่มีใครรู้จักสามารถทำให้คนหันมาทางอินสตาแกรมได้ถึงหลักหมื่นคน ดังนั้นหากมองในมุมการตลาดก็ถือว่าประสบความสำเร็จ

“ผมก็เคยเตือนเรื่องความเซ็กซี่ว่าต้องระวังเพราะมันเหมือนดาบ 2 คม มันสร้างกระแสได้แต่ก็อาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวผู้สร้างเองได้อีกด้วย เท่าที่ผมดูมันก็มีบางภาพเท่านั้นที่ดูจะเซ็กซี่เกินขอบเขต แต่ถามว่ามันไปถึงขั้นอนาจารเลยหรือเปล่า...ก็เปล่า มันยังอยู่ในขอบเขตของคำว่าเซ็กซี่อยู่ แต่ก็นั่นแหละ ในสังคมก็มีคนประเภทที่ทำอะไรแบบนี้แล้วจะรับไม่ได้เลยอยู่ด้วย”

ขณะที่ ดร. เกียรติอนันท์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มองว่าการตลาดดังกล่าวมีส่วนในการประหยัดต้นทุนได้มาก และสามารถชิงพื้นที่สื่อกระแสหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“การโชว์เรือนร่างของผู้หญิงนั้นมันเป็นหัวข้อถกเถียงได้ และมันก็ดึงดูดได้ทั้งผู้ชายที่ชอบมองและผู้หญิงที่สนใจเรื่องความสวยความงามอยู่แล้ว ยิ่งมารวมกับธรรมชาติของโซเชียลมีเดียที่แพร่กระจายกันได้รวดเร็วกระแสมันก็เกิดขึ้นได้ง่าย

“แต่ก็ต้องมีกลยุทธ์ด้วย เพราะกระแสมันมาแล้วก็ไป พอกระแสมาแล้วไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อมันก็จะผ่านไป คนอื่นก็จะสร้างกระแสมาแทนได้ ถ้าเป็นสินค้ามันก็ต้องดีจริง ถ้าเป็นดาราก็ต้องมีความสามารถน่ะครับ”

สังคมเสื่อมหรือเปล่า?

การใช้เซ็กซ์เป็นจุดขายแน่นอนว่า ย่อมมีผลกระทบถึงสังคมด้วย สิ่งที่เกิดในโซเชียลมีเดียไม่ใช่โลกเสมือนอีกต่อไป หากแต่เป็นโลกจริงที่การกระทำใดๆ ก็ตาม หากมีการผลิตซ้ำก็ย่อมกลายเป็นมาตรฐานที่สังคมยอมรับในที่สุด
ผศ.ดร.ภิเษก เห็นว่าเป็นไปได้ที่หากมีการใช้การตลาดแนวนี้บ่อยๆ สังคมอาจมองเป็นเรื่องปกติแต่ก็อาจจะอยู่ระดับแค่ถ่ายภาพเซ็กซี่เลียนแบบเท่านั้น

“อันนี้ก็ไม่แน่ครับ มันมีความเป็นไปได้ว่าจะเลียนแบบซึ่งเป็นผลมาจากการตลาดแบบนี้ จุดที่น่าเป็นห่วงคือการขายความเซ็กซี่บางทีมันสำหรับผู้ใหญ่หน่อย แต่อินเทอร์เน็ตเดี๋ยวนี้เยาวชนเด็กๆ ใครจะเข้ามาก็ได้ ไม่มีการตรวจสอบ ดังนั้นมันก็จะส่งผลเสียต่อสังคมได้”

ถึงปัจจุบันดีกรีความเซ็กซี่ในสื่อต่างๆ ก็ดูจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเผยว่า ด้านหนึ่งก็สะท้อนว่าสังคมไทยเปิดรับเรื่องเพศมากขึ้น หลายประเด็นกลายเป็นข้อถกเถียงมากกว่าเรื่องต้องห้าม แต่อีกด้านสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีการควบคุมมากพอ เด็กเล็กหรือเยาวชนก็เข้าถึงอะไรแบบนี้ได้ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมนัก

ขณะที่ในมุมมองของ ธันยวัชร์ เห็นว่า หากการตลาดนั้นมีระดับความเซ็กซี่ที่แรงขึ้นจนเกินเลยไปถึงอนาจาร ส่วนหนึ่งก็จะถูกสังคมต่อต้าน แต่ก็เป็นไปได้ที่จะถูกเลียนแบบและทำให้สังคมโดยรวมเสื่อมลงจากความอนาจารที่มีมากขึ้น

“ตอนนี้ยังอยู่บนเส้นแบ่งแต่แน่นอนมันจะแรงขึ้น เพราะไม่แรงก็ขายไม่ได้ ซึ่งบางคนก็อาจจะโชว์ความเซ็กซี่แล้วแต่ก็ยังสร้างกระแสไม่ได้ จึงอาจจะโชว์แรงขึ้นจนถึงระดับอนาจาร ซึ่งหากมีการทำแบบนี้มากขึ้น นี่แหละที่จะทำให้สังคมเสื่อมได้ ดังนั้นการตลาดแบบนี้ต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก”

ทางด้าน ดร. เกียรติอนันท์ มองว่า ผลกระทบต่อสังคมนั้นมีแน่นอน แต่เขาเห็นว่าขึ้นอยู่กับสังคมว่าจะมีวุฒิภาวะในการเสพสื่ออย่างไร

“ห้ามคนไม่ให้แก้ผ้ามันทำไม่ได้น่ะครับ เพราะเขารู้ว่าทำแล้วได้ผล กลับกันถ้าสังคมมองว่า ทำแบบนี้มันไม่ดี ไม่ถูกแล้วไม่อุดหนุนไม่แชร์ไม่พูดถึง สิ่งเหล่านี้มันก็จะน้อยลงไปเอง ดังนั้นมันอยู่ที่สังคมจะตัดสินเองด้วย”

เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2557   
Last Update : 24 สิงหาคม 2557 20:51:48 น.   
Counter : 2009 Pageviews.  

"น้องโบ" ลิ้นจี่หน้าหอ! ชอบโชว์คลิปเช็กซ์มีสิทธิ์ติดคุก ชี้ไม่ใช่ผู้ป่วยทางจิต



ตร.ดำเนินคดีน้องโบ เจ้าของคลิปเซ็กซ์ในห้องน้ำโรงพยาบาล ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แม้ ผอ. รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้าไม่ติดใจเอาความ ชี้พฤติกรรมชอบโชว์เป็นกระแสที่ผิดทางศีลธรรมและกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องป่วยทางจิต อีกทั้งไม่เข้าข่ายค้ามนุษย์ เพราะโชว์เอง ไม่ได้ใครมาจ้างโชว์

       จากกรณีที่มีหญิงสาวรายหนึ่งถ่ายคลิปตนเองขณะมีเพศสัมพันธ์กับชายหนุ่มในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.สมุครสงคราม แล้วโพสต์ลงหน้าเฟชบุ๊คเพื่อให้คนเข้ามาชม โดยนพ.สุทธิพงษ์ ศิริมัย ผอ.รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า จ.สมุทรสงคราม ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่สภ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เนื่องจากทำให้รพ.เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเจ้าตัวทนกระแสสังคมไม่ไหวโร่เข้ามอบตัวเมื่อวาน(20ส.ค.)ที่ผ่านมา

       ล่าสุดวันนี้(21ส.ค.) ที่สภ.เมือง จ.สมุทรสงคราม พ.ต.อ.ภาสกร เกศอำนวยกุล ผกก.สภ.เมือง กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า หลังจากเมื่อวานที่น้องโบได้เดินทางเข้ามอบตัวแล้วนั้น ทางผอ.รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้าไม่ได้ติดใจเอาความอะไร แต่ทางเรื่องคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดำเนินการต่อ เนื่องจากตัวน้องโบมีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำน้องโบเพื่อทำสำนวนคดี ก่อนจะทำเรื่องผลัดฟ้อง และหลังจากทำสำนวนพร้อมทั้งตรวจสอบประวัติเสร็จเรียบร้อยแล้วจะส่งฟ้องต่อไป

       เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีกระแสสังคมเป็นจำนวนมาก ตำหนิว่าน้องโบอาจจะมีอาการทางประสาทจากการที่มีพฤติกรรมชอบโชว์ ได้มีการส่งตัวน้องโบไปตรวจอาการดังกล่าวหรือไม่
       พ.ต.อ.ภาสกรกล่าวว่า จากการพูดคุยกับน้องโบพบว่า น้องไม่ได้มีอาการทางประสาทแต่อย่างใด ยังคงพูดคุยให้การได้ปกติ โดยตัวน้องโบเคยโชว์รูปและคลิปผ่านทาง โซเชียลเน็ตเวิร์ก 2 ครั้ง ในครั้งนี้มีการให้คนที่อยากจะดูซื้อบัตรเติมเงิน แต่การกระทำเช่นนี้ไม่ได้ถือว่ามีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพราะเจ้าตัวโชว์เอง ไม่ได้มีการเชิญชวนหรือจ้างใครมาโชว์

       คดีนี้ มีบุคคลหนึ่งใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า “คุณยาย นิมี่” ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า น้องโบ หรือแอน สาวถ่ายคลิปมีเซ็กซ์ในโรงพยาบาลนั้น เคยมีประวัติโชว์ลิ้นจี่หน้าหอมาแล้ว ในขณะนั้นภาพดังกล่าวถูกกระจายไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ตเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นน้องโบก็หายเงียบไปเป็นระยะเวลานาน จนกระทั่งกลับมามีข่าวโด่งดังโชว์คลิปฉาวอีกครั้ง

       สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งมีบทความผิดไว้ดังนี้มาตรา 14 นำเข้า ปลอม เท็จ ภัยมั่นคง ลามก ส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

//www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000095859




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2557   
Last Update : 21 สิงหาคม 2557 22:06:27 น.   
Counter : 5993 Pageviews.  

คลิปน้องโบ ยังมีคลิปหลุดอีกหลายสิบคลิป


หลังจากที่มีกระแสจิจารณ์กับคลิปน้องโบที่มีความสัมพันกับแฟนหนุ่มในห้องน้ำโรงพยาบาล แบบสุดๆ ไปเลย ทำให้ชาวเน็ตคิดกันว่าอาจจะต้องมีคลิปประเภทนี้ของน้องโบอีกมากมาย ที่ยังหาไม่เจอ ทำให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาขอดูคลิปของโบ ว่าจะมีหาดาวน์โหลได้ที่ไหนกันบ้าง เพราะตอนนี้คลิปของน้องโบถูกแชร์ว่อนเน็ตกันเต็มไปหมดแล้วนะครับ แหม ใครมีคลิปก็เอามาแบ่งกันดูบ้างนะครับ





 

Create Date : 21 สิงหาคม 2557   
Last Update : 21 สิงหาคม 2557 21:56:37 น.   
Counter : 7708 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]