เรื่องจริงช็อกโลก เวียดนามพบ คนป่า สองพ่อลูก 40 ปี หนีศิวิไลซ์ไปนุ่งเปลือกไม้ ใช้ขวาน
| นายโห่วันลวาน (Ho Van Loan) ถูกนำกลับสู่ "สังคมศิวิไลซ์" อีกครั้งหนึ่งในสัปดาห์นี้ หลังจากบิดาพาหลบหนีสังคมเข้าไปอาศัยอยู่ในป่าลึก จังหวัดกว๋างหงาย (Quang Ngai) ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ บิดาคือ นายโห่วันแทง (Ho Van Thanh) ซึ่งอายุกว่า 80 และร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ล้มป่วยทันทีที่กลับสู่เมือง แต่เจ้าตัวยังยืนกรานจะกลับไปใช้ชีวิตในป่าดงดิบเช่นเดิม เรื่องราวของสองพ่อลูก กลายเป็นเรี่องช็อกโลกช็อกสังคม. -- ภาพ: หนังสือพิมพ์ Lao Dong Online. | | | . ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ทางการท้องถิ่น อ.เตยจา (Tay Tra) จ.กว๋างหงาย (Quang Ngai) ในภาคกลางเวียดนาม ได้นำชาย 2 พ่อลูกออกจากป่าลึกใกล้ชายแดนลาวในสัปดาห์นี้ ก่อนหน้านั้นมีชาวบ้านพบเห็นคนทั้งสองซึ่งมีพฤติกรรมลึกลับ และดูแปลกประหลาด จึงสะกดรอย และวางแผนติดตามตัวอยู่เป็นเวลานานเกือบเดือนจึงพบ ทั้งนี้ เนื่องจากมีความชำนาญป่ามาก ทั้งสองคนถูกนำออกไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง และพบว่า สามารถพูดภาษาดั้งเดิมได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น เนื่องจากไม่ได้คบค้าสมาคมกับโลกภายนอกเลยตลอด 40 ปีที่ผ่านมา หลังจากเดินป่าเป็นเวลา 5-6 ชั่วโมง ทีมงานของทางการซึ่งประกอบด้วย อาสาสมัครในท้องถิ่นจำนวนหนึ่ง ได้ติดตามสะกดรอยไปจนถึง บ้าน ที่สองพ่อลูกอาศัยอยู่บนต้นไม้ หนังสือพิมพ์ออนไลน์อานนีงถูโด ข่าวสารกฎหมายเพื่อชีวิตประจำวัน รายงานในเว็บไซต์ เจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นได้นำสองพ่อลูกไปยังโรงพยาบาลประจำอำเภอ ให้แพทย์ตรวจสุขภาพร่างกาย ฉีดวัคซีน ขณะที่ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ออกโครงการช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายกับจิตใจ เพื่อนำกลับเข้าไปใช้ชีวิตปกติในสังคมศิวิไลซ์อีกครั้งหนึ่ง สำนักข่าวภาษาเวียดนามหลายแห่งรายงาน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังขัดความประสงค์ของคนที่เป็นบิดาคือ นายโห่วันแทง (Ho Van Thanh) วัย 82 ปี ซึ่งร่างกายอ่อนแอด้วยชราภาพ แต่ก็ยังยืนยันจะกลับไปใช้ชีวิตอาศัยอยู่ใน บ้าน บนต้นไม้ในป่าลึกตามเดิม เจ้าหน้าที่ต้องมัดมือมัดเท้าเอาไว้บนเตียงขณะนอนพักในโรงพยาบาล ป้องกันหลบหนี หนังสือพิมพ์ลาวดง (Lao Dong) หรือ แรงงาน รายงานในวันศุกร์ 9 ส.ค.นี้ ส่วน นายโห่วันลวาน (Ho Van Loan) อายุ 42 ปี ที่บิดานำเข้าป่าไปด้วยตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก ดีใจที่ได้พบกับญาติพี่น้องในเมืองอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่เคยรู้จักกับคนเหล่านั้นเลยก็ตาม และสิ่งหนึ่งที่ตัวเขาเองโปรดปรานมากที่สุดในโลกศิวิไลซ์ก็คือ โทรศัพท์มือถือ ที่ทำให้สามารถพูดคุยกับญาติๆ อีกหลายคนที่อยู่ต่างอำเภอ แม้ว่าจะไม่รู้จักญาติเหล่านั้นก็ตาม สภาพเมื่อเจ้าหน้าที่กับราษฎรในท้องถิ่นไปพบก็คือ นายแทง กับนายลวานอาศัยอยู่ บนบ้าน ที่สร้างขึ้นบนคบไม้สูงจากพื้นราว 6 เมตร ซึ่งช่วยให้ปลอดภัยจากสัตว์ป่าดุร้าย หรืออสรพิษ คนป่าทั้งสองสวมเสื้อผ้าที่ทำจากเปลือกไม้ทุบตัดเป็นชิ้นๆ ใช้เถาวัลย์ชนิดหนึ่งสอดมัดเข้าด้วยกันให้เป็นรูปทรง ปกปิดร่างกาย และให้ความอบอุ่น บน บ้าน ยังมีสิ่งของเครื่องใช้สารพัดเท่าที่จะหาได้ ซึ่งรวมทั้งขวานหิน กับขวานเหล็กที่ทำด้ามทำจากกิ่งไม้ เจ้าหน้าที่กล่าวว่า อาหารที่สองพ่อลูกรับประทานกันเป็นหลัก ได้แก่ ข้าวโพด กับมันสำปะหลัง ทั้งที่ปลูกเองและขึ้นตามธรรมชาติ ออกหาผลไม้ป่าและออกล่าสัตว์ป่าขนาดเล็ก จุดไฟหุงหาอาหารโดยใช้วิธีดั้งเดิมแบบดึกดำบรรพ์ หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋งานในเว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนาม สองพ่อลูกเป็นชนชาติส่วนน้อยเผ่ากอร์ (Kor) ใน จ.กว๋างนาม ซึ่งปัจจุบันเหลือประชากรอยู่ไม่มาก และเนื่องจากได้หายไปดำรงชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวเป็นเวลากว่า 4 ทศวรรษ แทบไม่มีโอกาสได้พบปะสมาคมกับผู้คนจากโลกภายนอก ทำให้จำคำในภาษาดั้งเดิมของตัวเองได้เพียงน้อยนิด และจะมีญาติๆ คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ในขณะพูดคุยกับคนอื่น เตื่อยแจ๋กล่าว ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 40 ปีก่อน นายโห่วันแทง เคยอาศัยอยู่กับครอบครัวในท้องที่คอมมูนจ่าแกม (Tra Kem) ปัจจุบัน เขาถูกเกณฑ์เป็นทหารเพื่อทำสงครามกับสหรัฐฯ และรัฐบาลเก่าในระบอบไซ่ง่อนในอดีต นายแทง มีบุตรกับภรรยา 3 คน และลูกชายคนเล็กเพิ่งคลอดเมื่อเขาต้องออกจากบ้านไปกับกองทัพ และเมื่อกลับไปอีกครั้งหนึ่งในอีก 2 ปีต่อมา ก็ได้พบว่า ไม่มีบ้านที่เคยอยู่เหลืออยู่อีกแล้ว ญาติๆ รวมทั้งภรรยากับลูก 2 คนเสียชีวิตในหลุมหลบภัยจากการทิ้งระเบิดครั้งหนึ่งของเครื่องบินสหรัฐฯ ซึ่งมีคนตายเป็นจำนวนมากในคราวเดียวกัน ชีวิตของนายแทง เหลือบุตรชายคนเล็กเพียงคนเดียวที่ญาติๆ เลี้ยงดูให้ ซึ่งบัดนี้กลายมาเป็นนายนายลวาน ก็จึงนำลูกชายเข้าป่าหายลับไป เจ้าหน้าที่ทางการกล่าวว่า นักสังคมสงเคราะห์ และจิตแพทย์กำลังพยายามทุกวิถีทางช่วยนายแทงฟื้นฟูความจำ เพื่อศึกษาสาเหตุที่เขาตัดสินใจไปใช้ชีวิตแบบบุพกาล หลายฝ่ายเชื่อว่าสิ่งนี้เกิดจากอาการช็อก เนื่องจากได้สูญเสียลูกๆ กับภรรยา และคนในครอบครัวไปเกือบทั้งหมด ลาวดงกล่าว. . กลับสู่สังคมศิวิไลซ์ | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
//www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9560000099010
Create Date : 09 สิงหาคม 2556 |
| |
|
Last Update : 9 สิงหาคม 2556 21:29:42 น. |
| |
Counter : 3702 Pageviews. |
| |
|
|
|
ผบ.ตร. สั่งให้ ตร.11 นายล้อมวงเล่นไฮโล ออกจากราชการแล้ว
ผบ.ตร. สั่งตรวจสอบภาพภาพฉาวตำรวจนั่งล้อมเล่นไฮโล ล่าสุดมีคำสั่งให้ ตร.ทั้ง 11 นายออกจากราชการไว้ก่อนและตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงแล้ว พร้อมเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมพกอาวุธโดนโทษหนัก ผิด พ.ร.บ.ความมั่นคง ด้าน ผู้กองปูเค็ม นำมวลชนเคลื่อนทัพเผชิญหน้าแนวกั้นตำรวจบริเวณแยกราชวิถี เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (7 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงว่า ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา ศอ.รส.ติดตามสถานการณ์ชุมนุม ทั้งในจุดสวนลุมพินี และใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ของพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งจุดอื่นๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการตั้งจุดตรวจค้นรอบบริเวณ 3 เขตพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ โดยไม่มีเหตุอะไรกระทั่งเช้า กลุ่มมวลชนที่สวนลุมฯ ล่าสุดจำนวนประมาณ 300 คน ยังไม่เคลื่อนคงอยู่ในที่ตั้ง ขณะที่มวลชนจากใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ประมาณกว่า 1 พันคน ทยอยออกจากใต้ด่วนอุรุพงษ์ ราชวิถี มุ่งหน้ารัฐสภาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี วันนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.เน้นสั่งการกำชับกำลังตำรวจให้อดทนอดกลั้นในการทำหน้าที่ ทนต่อการยั่วยุใช้กำลังรักษาเส้นทางต่างๆ และขอเตือนกลุ่มผู้เข้าชุมนุมบางส่วนนำสิ่งคล้ายอาวุธ ดัดแปลงอาวุธ ไม้หน้าสาม หรือเสาที่ถอดออกเป็นอาวุธมีปลายแหลม พยายามนำเข้าพื้นที่ควบคุม ขอให้แกนนำไม่กำกับดูแลมิให้ใช้สิ่งเหล่านี้ใช้เป็นอาวุธ ยิ่งหากเข้ามาในพื้นที่ประกาศห้ามก็จะมีความผิด ทั้งมีเตรียมหนังสติ๊ก หัวนอต น้ำมันบรรจุขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ท่อนเหล็ก หากใช้เป็นอาวุธจะมีความผิด ฝ่าฝืนประกาศฉบับที่ 3 ของ ศอ.รส.หากฝ่าฝืนเข้าพื้นที่ประกาศฯ มีความผิดจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีแกนนำประกาศชักกชวนให้พกพาอาวุธ หรือสิ่งคล้าย ก็มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 84 อาญา เข้าข่ายสนุบสนุนมีความผิดเช่นเดียวกัน โฆษกศอ.รส.กล่าว พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ศอ.รส.ยังจับตามองบริเวณทั้ง 2 เวทีชุมนุมแม้ไม่มีการเคลื่อนตัว แต่มีการระดมรถจักรยานยนตร์ 50 คัน ลักษณะพร้อมกระจายไปตามจุดต่างๆ ด้านการข่าวกำลังสืบสวนติดตาม ในส่วนตำรวจอยากให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย ส.ส.ปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสะดวก ตำรวจอยากให้ทุกอย่างจบเร็วตำรวจอยากไปดูแลงานป้องกันอาชญากรรม ยาเสพติด อยากให้การเมืองแก้ด้วยการเมือง ทั้งนี้ ผบ.ตร.ยังสั่งการกำชับให้จราจรทุกสังกัดเข้าบริหารจัดการการจราจรและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้แก่ประชาชนที่ใช้เส้นทางและผู้ชุมนุมด้วย โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ห่วงใยตำรวยและผู้ชุมนุมย้ำให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนอดกลั้น ชอบธรรมตามกฎหมาย โฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ฝ่ายกฎหมาย ของศอ.รส.ชี้ว่า การนำอาวุธ สิ่งดัดแปลงอาวุธ มุ่งทำลายเจ้าหน้าที่ อย่างนี้ไม่ถือว่าชุมนุมสงบปราศจาคอาวุธแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับบัญชาระดับสูงใน ศอ.รส.มอนิเตอร์สถานการณ์วอร์รูม และยืนยันห้ามผูัไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ประกาศห้าม และหากมีการใช้อาวุธ ใช้อุปกรณ์เป็นอาวุธถือว่ามีความผิด นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังสั่งการไปยังทุกจังหวัดให้เตรียมพร้อมกำลัง จัดชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมปฏิบัติการในพื้นที่กรณีที่มีการชุมนุมตามจังหวัดต่างๆ นอกเขต กทม. ซึ่งการข่าวชี้ว่าผู้ชุมนุมปรับกลยุทธ์ไม่ระดมคนเข้า กทม.แต่อาจเปลี่ยนเป็นกระจายกำลังชุมนุม ส่วนการถอนประกันแกนนำผู้ชุมนุม 2รายนั้น อยู่ระหว่างประสานกับอัยการ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จากกรณีมีภาพุ่มชายแต่งกายเครื่องแบบตำรวจและเครื่องแบบควบคุมฝูงชน ตั้งวงเล่นไฮโลแพร่ในโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้น ผบ.ตร.สั่งการให้มีการตรวจสอบ หากพบว่ามีการเล่นพนันดังกล่าวจริงก็จะต้องดำเนินการทางวินัยเด็ดขาด เพราะก่อนหน้านี้ ผบ.ตร.มีคำสั่งกำชับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดแล้ว โฆษกศอ.รส.กล่าว ล่าสุด พล.ต.อ.อดุลย์ มีคำสั่งให้ตร.ทั้ง 11 นายที่ตั้งวงเล่นไฮโล ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมกับตั้งกรรมการสอบวินัยด้วย รายชื่อ 11 ตำรวจปราบจลาจลที่ลักลอบเล่นการพนัน ประกอบไปด้วย 1. ด.ต. สมัคร จุฑาเลิศ สน.คลองตัน 2. ด.ต. สภิตย์ สุขสังข์ สน.คลองตัน 3. ด.ต. พีรพัฒน์ ศรชัยแสง สน.บางนา 4. ด.ต. บรรจง โกศลจิตร สน.ลุมพินี 5. ด.ต. วีรพันธ์ บุรพันธ์ สน.ลุมพินี 6. ด.ต. ฤกษ์สงัด บุญประทุมเวท สน.ลุมพินี 7. ส.ต.อ. สุเมธ จูมัลฉา สน.ลุมพินี 8. ร.ต.ต. วัฒนา น้อยบุรี สน.ลุมพินี 9. ด.ต. ประวิช บุญมาสูงทรง สน.ทุ่งมหาเมฆ 10. จ.ส.ต. เกรียงไกร ไชยพูน สน.ท่าเรือ 11. ด.ต. ดำรงศักดิ์ เครือตา สน.ทองหล่อ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อเวลา 12.30 น.สถานการณ์ผู้ชุมนุมที่บริเวณแยกราชวิถี ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม ในชุดเครื่องแบบเต็มยศทหารบก (ทหารราบ) พร้อมกลุ่มมวลชนประมาณ 50 คน ได้พยายามฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งฉากรับไว้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามเจรจาไปให้เดินเท้ามุ่งหน้าเข้าสู่รัฐสภาแต่ไม่เป็นผลมีการผลักดันแนวกั้นอยู่เป็นระยะ
//www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000097738
Create Date : 07 สิงหาคม 2556 |
| |
|
Last Update : 7 สิงหาคม 2556 21:44:25 น. |
| |
Counter : 1649 Pageviews. |
| |
|
|
|
ระทึก! นกแอร์ไถลตกรันเวย์ที่ตรัง 142 ผู้โดยสารปลอดภัยมี รอง ผบ.ตร. อยู่ด้วย
ตรัง - นกแอร์ เตรียมทะยานจากท่าอากาศยานตรังไปยังดอนเมืองไถลจากรันเวย์ลงดิน หลังฝนตกเทไม่ขากสาย โชคดีผู้โดยสาร 142 ชีวิตปลอดภัย โดย 1 ในนั้นเป็น พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบ.ตร. สั่งยกเลิกทุกเที่ยวบินเปลี่ยนไปใช้ท่าอากาศยานหาดใหญ่แทนแล้ว วันนี้ (6 ส.ค.) เวลา 17.45 น. นายถาวร แสงอำไพ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานตรัง ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD7411 ตรัง-ดอนเมือง เกิดอุบัติเหตุไถลออกนอกรันเวย์ จึงรีบแจ้งให้หน่วยกู้ภัยให้นำรถดับเพลิง และรถพยาบาลออกไปตรวจสอบ พร้อมประสานไปยังหน่วยกู้ภัยเทศบาลตำบลโคกหล่อ มูลนิธิกุศลสถานตรัง และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ลำเลียงผู้โดยสารทั้งหมด 142 คน ออกจากตัวเครื่องบินไปยังท่าอากาศยานตรัง แต่ก็เป็นไปด้วยความทุลักทุเล เนื่องจากมีฝนตกหนักลงมาแทบจะตลอดเวลา โดยผู้โดยสารต่างมีท่าทีกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเล็กน้อย และไม่มีรายว่าผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ แต่หลายคนตัดสินใจที่จะยกเลิกการเดินทางโดยเครื่องบินทันที แม้ว่าทางท่าอากาศยานตรังจะจัดรถไปส่งยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ จากการสอบถามข้อมูลในเบื้องต้นทราบว่า ก่อนหน้านั้นขณะที่สายการบินนก แอร์ เที่ยวบิน DD7410 ได้บินจากท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อจะมาลงยังท่าอากาศยานตรัง เมื่อเวลา 16.55 น. ก็ต้องบินวนอยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลา 2-3 รอบเหมือนกัน เนื่องจากทัศนะวิสัยไม่ค่อยจะดีนัก หลังจากที่ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งวัน ก่อนที่จะตัดสินใจบินลงสู่รันเวย์ด้วยความปลอดภัย เพื่อส่งผู้โดยสารประมาณ 120 คน จนกระทั่งเมื่อเวลา 17.25 น. ซึ่งเครื่องบินลำดังกล่าวจะต้องนำผู้โดยสารจากท่าอากาศยานตรัง ไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง ก็ประสบปัญหาฝนตกหนัก ทำให้ทัศนะวิสัยไม่ค่อยจะดีนักอีกครั้ง แต่ท้ายสุดก็ตัดสินใจบินวิ่งไปยังรันเวย์ทางฝั่งทิศตะวันออก ซึ่งอยู่ติดกับถนนสายตรัง-ปะเหลียน ในเขตเทศบาลตำบลโคกหล่อ ปรากฏว่าจังหวะที่กัปตันกำลังเลี้ยวล้อหน้าเพื่อกลับลำนั้น ได้เกิดลื่นไถลจากรันเวย์ลงไปยังพื้นดินทั้ง 3 ล้อ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบรายชื่อผู้โดยสารทราบว่า 1 ในนั้นคือ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งเดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัดตรัง และกำลังจะบินกลับไปยังกรุงเทพฯ โดยหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดรถนำขบวนไปส่ง พล.ต.อ.ชัชวาลย์ ที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อเดินทางต่อไปยังกรุงเทพฯ ขณะที่ทางท่าอากาศยานตรังต้องสั่งยกเลิกทุกเที่ยวบินไปก่อน เพื่อทำการกู้เครื่องบินขั้นมาจากรันเวย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นท่าอากาศยานตรังได้ประสานกับทางท่าอากาศยานหาดใหญ่ เพื่อนำรถเครนขนาดใหญ่มาทำการกู้เครื่องบินขึ้นมาจากพื้นดิน ซึ่งจมลงไปประมาณครึ่งเมตร เนื่องจากรถเครน หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่ของท่าอากาศยานตรังไม่สามารถดำเนินการได้ ประกอบกับยังคงมีฝนตกลงมาเป็นระยะๆ และตรงกับช่วงมืดค่ำ ทำให้การทำงานไม่ค่อยสะดวกนัก พร้อมสั่งกันพื้นที่ห้ามบุคคลและรถที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปโดยเด็ดขาด | | | | | | | |
//www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9560000097466
Create Date : 06 สิงหาคม 2556 |
| |
|
Last Update : 6 สิงหาคม 2556 21:10:07 น. |
| |
Counter : 2145 Pageviews. |
| |
|
|
|
ธาริต บุก ป.แจ้งจับ บัญญัติ หมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่
อธิบดีดีเอสไอบุกกองปราบฯ แจ้งจับ บัญญัติ หมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ แจ้งความเท็จ คดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์! วันนี้ (5 ส.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.00 น. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการที่ปรึกษาพรรค รวมถึง สส.พรรคประชาธิปัตย์อีก 14 คน ในความผิดฐานดูหมิ่นและหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน, ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 236, 138 และ 173 ตามลำดับ โดยนำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี นายธาริตกล่าวว่า วันนี้ตนมาแจ้งความทั้งในฐานะส่วนตัว และฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยร้องทุกข์กล่าวโทษให้พนักงานสอบสวน บก.ป.ดำเนินคดีต่อนายบัญญัติ และพวก หลังจากที่นายบัญญัติ ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินคดีต่อตน และ พ.ต.อ.นิรันดร์ อดุลยาศักดิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พร้อมกับให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนซึ่งมีรายละเอียดอ้างถึงการปกปิดข้อเท็จจริงว่าตนได้ให้คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติรับคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์เป็นคดีพิเศษ ซึ่งสื่อมวลชนได้นำถ้อยคำดังกล่าวของนายบัญญัติ นายธาริตกล่าวต่อว่า การกระทำของนายบัญญัตินั้นเข้าข่ายให้การเท็จและดูหมิ่นทำให้ตนได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง รวมทั้งมีผลกระทบต่อการทำหน้าที่ นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีหนังสือแจ้งไปยังนายบัญญัติ เพื่อเข้าให้ข้อมูลในเรื่องดังกล่าวถึง 7 ครั้ง แต่ก็ไม่เคยมาเข้าพบ แล้วกลับไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ตนถือว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดที่ต้องแจ้งความดำเนินคดีที่ บก.ป. หลังจากนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน บก.ป.ว่าจะเห็นสมควรแจ้งข้อกล่าวหากับนายบัญญัติ กับพวกหรือไม่ ทั้งนี้การกระทำของนายบัญญัติ ผมมองว่าเป็นแบบอย่างที่ไม่ถูกต้อง เพราะกฎหมายบ้านเราเป็นระบบกล่าวหา เมื่อมีการออกหมายเรียกแต่ไม่มาพบพนักงานสอบสวนแล้วไปยื่นเรื่องดำเนินคดีเช่นนี้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผมจะต้องแจ้งความดำเนินคดี อธิบดีดีเอสไอ กล่าว ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวว่า กรณีดังกล่าวตนได้รับเรื่องและมอบหมายให้ พ.ต.ท.ศิววงศ์ ดำรงค์สัจจศิริ พนักงานสอบสวน บก.ป.สอบปากคำผู้ร้องไว้ก่อนนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
//www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000096728
Create Date : 05 สิงหาคม 2556 |
| |
|
Last Update : 5 สิงหาคม 2556 20:55:43 น. |
| |
Counter : 1633 Pageviews. |
| |
|
|
|
| |