เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

“จะรำจนวันตาย ..” เหตุใด? นาฏศิลป์ไทยจึงมีความสำคัญ

ช่วงนี้เราจะเห็นคนในแวดวงการเรียนการสอน ด้านนาฏศิลป์ ออกมาแสดงความเป็นห่วงที่ร่างหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่ ไม่มีรายวิชานาฏศิลป์ วันนี้น้องๆ นิสิตจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มศว จึงออกมาแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ผู้ใหญ่ที่อยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีมุมมองในเรื่องวิชานาฏศิลป์ ที่กว้างกว่าเดิม


เปิดมุมมองวิชานาฏศิลป์ จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มศว


"พิชรินทร์ ช่วยเฟ้ง"
"พลีส" นางสาวพิชรินทร์ ช่วยเฟ้ง นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาศิลปะการแสดงศึกษา บอกเล่าด้วยความมั่นใจว่า เลือกเรียนสาขานี้เพราะอยากเป็นครูนาฏศิลป์ มีความรักความผูกพันในวิชานี้มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะคุณยายสอนฟ้อนทำให้เกิดความรักความผูกพันในวิชานาฏศิลป์ แม้ตัวเองจะเรียนโรงเรียนสายสามัญ (คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์) ก็ไม่เคยทิ้งการเรียนนาฏศิลป์เลย

“วิชานาฏศิลป์ไม่ได้สอนให้ผู้เรียนแต่งตัวสวยสวยแล้วแสดงท่าทางการเคลื่อนไหวเพียงแค่นั้น หากแต่ความรู้ด้านการเคลื่อนไหวของอวัยวะทุกส่วน ทำให้เกิดความสมดุลขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการยืน เดิน นั่ง ทุกๆ อิริยาบท นอกจากนี้นาฏศิลป์ยังทำให้ผู้เรียนทุกคนมีบุคลิกภาพที่ดี เป็นคนมีเสน่ท์ เพราะรู้กาลเทศะ อ่อนน้อมถ้อมตน ใครเห็นจะเอ็นดู การเรียนนาฏศิลป์จึงเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมากกว่าการได้แต่งตัวสวยงามและแสดงอยู่หน้าเวที”

       การเรียนวิชานาฏศิลป์เป็นวิชาบังคับในระดับประถมและมัธยมถือเป็นเรื่องที่จำเป็น อย่างน้อยในความเป็นไทยที่บอกผ่านการแสดง นาฏศิลป์ไทยนั้น เยาวชนได้เรียนรู้ ซึมซับความเป็นไทยได้ในช่วงวัยที่มีโอกาสเรียน เพราะเมื่อโตไปแล้ว เด็กบางคนก็ไม่มีโอกาสได้เรียนอีก ดังนั้นช่วงวัยเหมาะสมในการปลูกฝังเรื่องราวของมรดกชาติอย่างนาฏศิลป์ไทยนั้น ควรจะเป็นช่วงวัยของการศึกษาระดับพื้นฐาน พลีสย้ำอีกครั้ง

"อภิชัย ตรงกลาง"
"เบียร์" นายอภิชัย ตรงกลาง นิสิตชั้นปีที่ 4 วิชาเอกนาฏศิลป์ไทย สะท้อนความคิดเห็นผ่านคำพูดว่า เมื่อได้ข่าวไม่มีวิชาวิชานาฏศิลป์ในการร่างหลักสูตรการศึกษาพื้นฐานฉบับใหม่ ตัวเองตกใจ เพราะอยู่ในวงการนี้มานานแล้ว เรียนนาฏศิลป์ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา - มัธยมศึกษา ซึ่งตัวเองไม่ได้เรียนในวิทยาลัยนาฏศิลป์ แต่เรียนในโรงเรียนสายสามัญ ได้เรียนวิชานาฏศิลป์อย่างต่อเนื่อง การเรียนนาฏศิลป์ทำให้เราเป็นเยาวชนไทยไม่คลั่งวัฒนธรรมต่างชาติ ทำให้เราเห็นคุณค่าความเป็นไทย แต่หากวันหนึ่งไม่มีการเรียนการสอนนาฏศิลป์ในโรงเรียนก็ทำให้ห่วงว่า เยาวชนไทยจะเรียนรู้เรื่องราวทางวัฒนธรรมไทยได้อย่างไร ตอนนี้แม้เราเรียนนาฏศิลป์กันในโรงเรียน เราก็ยังเห็นเยาวชนไทยชอบ สนใจวัฒนธรรมต่างชาติ หากไม่มีการเรียนการสอนนาฏศิลปไทยหรือเรียนเป็นเพียงแค่วิชาเลือก ใครสนใจก็ไปเรียนยิ่งน่าห่วงมาก

“นาฏศิลป์ทำให้ผู้เรียนทุกคนมีความอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะเรามีครู การเรียนนาฏศิลป์ทุกครั้งต้องไหว้ครู ระลึกถึงครู นาฏศิลป์ทำให้เรามีระเบียบวินัยโดยเฉพาะการฝึกซ้อม เราลงมือปฏิบัติโดยไม่จำเป็นต้องท่องจำ แต่มันซึมซับจากการลงมือปฏิบัติจริง การเรียนจึงต้องเรียนของเก่าก่อนแล้วจึงจะสามารถนำมาประยุกต์เป็นของใหม่ หรือสร้างสรรค์การแสดงชุดใหม่ ขึ้นมาได้ เรียนนาฏศิลป์จึงเป็นการเชื่อมโยงศาสตร์วรรรณศิลป์ ดุริยางคศิลป์ และประณีตศิลป์เข้าด้วยกัน ผมเรียนนาฏศิลป์ในตั้งแต่ชั้นประถม มัธยมตอนต้นและตอนปลาย ต่อจากนั้นมาเรียนในวิชาเอกนาฏศิลป์ไทย ระดับปริญญาตรี ตั้งใจไว้ว่าจะเรียนต่อทางนาฏศิลป์ไทยจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก”

"ชานนท์ บุตรพุ่ม"
       ด้านรุ่นน้องร่วมคณะอย่าง"เจมส์บอนด์"นายชานนท์ บุตรพุ่ม นิสิตชั้นปีที่ 3 วิชาเอกศิลปกรรมศาสตร์ศึกษา สาขาศิลปะการแสดงศึกษา กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ว่า ตอนเรียนในระดับมัธยม ผมเรียนโรงเรียนสายสามัญแต่สนใจเรื่องราวความเป็นไทยที่สะท้อนผ่านเพลงลูกทุ่ง และการรำอย่างนาฏศิลป์ไทย จึงได้เรียนวิชาเหล่านี้ในโรงเรียน ขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้เรียนรู้การแสดงและการเต้นของประเทศเกาหลี เพราะสนใจและแปลกใจว่าทำไมเพื่อนๆจึงสนใจเรียน K Pop Star และ Street dance จึงไปฝึกเต้นบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วพบว่าตัวเองชอบรำไทยและไม่มีชาาติไหนที่จะรำไทยได้สวยเท่าากับคนไทยอีกแล้ว นอกจากผมชอบรำไทยแล้วยังชอบร้องเพลงลูกทุ่ง และคว้ารางวัลถ้วยพระราชทาน เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์

“ผมผูกพันและชอบเรียนวิชานาฏศิลปะไทยเพราะครูนาฏศิลป์เป็นคนใจดีและใจเย็นมาก ทำให้เรามีแรงบันดาลใจอยากจะไปเป็นครูบ้าง และไม่ว่าจะมีการเรียนการสอนวิชานาฏศิลป์เป็นวิชาพื้นฐานในระดับร.ร.สังกัดสพฐ. หรือไม่ก็ตาม ผมและเพื่อนจะรำกันต่อไปจนกว่าเราจะตาย เพราะการรำนาฏศิลป์ไทยสื่อให้เห็นความอ่อนช้อยของความเป็นไทย แม้ใครจะว่านาฏศิลป์เป็นเรื่องเชยหรือเก่าคร่ำครึ หากแต่มันก็คือรากเหง้าของคนๆไทยทุกคนพึงต้องเรียนรู้”


พสชนันทร์ พันธรรม “
ปิดท้ายด้วย "แพม" นางสาวพสชนันทร์ พันธรรม นิสิตชั้นปีที่ 2 วิชาเอกศิลปะการแสดง นาฏศิลป์ไทย ยิ้มและมีความสุขที่ได้พูดถึงวิชานาฏศิลป์ว่า หนูดีใจมากที่เป็นหนึ่งในเยาวชนไทยที่มีโอกาสไปแสดงโขนสมเด็จพระนางเจ้าฯ ซึ่งต้องซ้อมหนักมาก ส่วนใหญ่จะเป็นเยาวชนจากวิทยาลัยนาฏศิลป์จากหลายจังหวัดที่จะมีโอกาสได้ร่วมแสดง โขนสมเด็จ แต่หนูผ่านการคัดเลือกมาได้จึงภูมิใจที่เป็นส่วนสำคัญในการร่วมกันอนุรักษ์มรดกไทย แต่เมื่อทราบข่าวว่า ร่างหลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน ไม่มีวิชานาฏศิลป์ ทำให้รู้สึกสะเทือนใจมาก การที่เราจะก้าวเข้าสู่ความเป็นอาเซียน เราต้องชัดเจนในความเป็นไทย ต้องส่งเสริมงานด้านศิลปวัฒนธรรมชาติ ซึ่งแต่ละประเทศมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน ขณะเดียวกันหากกลุ่มประเทศในอาเซียนโดดเด่นด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่คล้ายๆ กัน แต่เอกลักษณ์ความเป็นไทยไม่มีทางเหมือนประเทศอื่นๆ

“อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการร่างหลักสูตรการศึกษาพื้นฐานชาติไทย ให้ความสำคัญในเรื่องเอกลักษณ์ชาติ ความจริงแล้วควรเขียนให้ชัดๆ ไม่ใช่ไปแปะไว้ในกลุ่มสาระใดสาระหนึ่ง หากไม่มีการเรียนการสอนเพราะไม่มีการเขียนให้ชัด จะทำให้หลายโรงเรียนไม่ให้ความสำคัญ และสุดท้ายไม่มีการเรียนการสอนวิชานาฏศิลป์ในชั้นเรียน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดความเปลี่ยนแปลงด้านมรดกวัฒนธรรมชองชาติไทยครั้งยิ่งใหญ่”

ได้ฟังน้องๆ สะท้อนเรื่องวิชานาฏศิลป์ไทย สำคัญอย่างไร คงทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ตระหนักรู้ในความเป็นมรดกทางวัฒนธรรม หากวันนี้ไม่มีนาฏศิลป์ไทย เราคงไม่ตาย แต่ความเป็นชาติไทยที่จะบอกเล่าความเป็นไทยผ่านนาฏศิลป์ คงจะเลือนหายไปจากแผ่นดินไทยอย่างแน่นอน


//www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9560000132443



Create Date : 23 ตุลาคม 2556
Last Update : 23 ตุลาคม 2556 17:39:52 น. 0 comments
Counter : 3259 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]