มัดปากตัวเอง "สุภิญญา" ทวิตข้อความระบุกสทช.รับจดหมายร้องตรวจสอบช่อง 3 อะนาล็อกดำเนินงานสัมปทานจาก อสมท.โดยมิชอบ เหตุเป็นคนละบริษัท ดูท่าจะสลับซับซ้อนวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ เสียแล้วสำหรับการออกอากาศในระบบอะนาล็อกของสถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 หลังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. มีมติห้ามออกอากาศผ่านทีวีดาวเทียม/เคเบิ้ลโดยจะมีผล 15 วันหลังจากที่กสทช.ได้ยื่นหนังสือให้ช่อง 3 รับทราบ ที่ผ่านมาปัญหาวุ่นวายต่างๆ นั้นก็มาจากการที่ช่อง 3 เองตัดสินใจที่จะไม่ออกอากาศแบบ "คู่ขนาน" ไปกับการออกอากาศทีวีดิจิตอลเหมือนกับที่อดีตฟรีทีวีอย่างช่อง 5, ช่อง 7, โมเดิร์นไนน์ ทีวี, ช่อง 11 และช่องไทยพีบีเอสซึ่งจะทำให้สามารถออกอากาศผ่านทางทีวีดาวเทียม/เคเบิ้ลได้ตามปกติโดยอ้างว่าจะทำให้ตนเองมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รวมถึงเหตุผลทางข้อกฏหมายที่ว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากช่อง 3 ในระบบอนาล็อกนั้นเจ้าของคือบ.บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ในขณะที่ช่อง 3 ในระบบดิจิตอลทั้ง ช่อง 3 แฟมิลี่, ช่อง 3 SD และช่อง 3 HD นั้นเป็น บ.บีอีซี มัลติมีเดีย ที่ไปประมูลมา ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางกสทช.เองต่างก็พยายามหาทางออกให้กับเรื่องนี้มาโดยตลอด ล่าสุดก็ได้มีหนังสือเรียกให้ช่อง 3 เองแต่งตั้งผู้ที่มีอำนาจเข้ามาเจรจาหาทางออกกันในวันนี้(16) อย่างไรก็ตามดูเหมือนปัญหาวุ่นวายดูจะซับซ้อนมากยิ่งขึ้นไปอีก หลังหนึ่งในคณะกรรมการของกสทช. สุภิญญา กลางณรงค์ ได้โพสต์ทวิตเตอร์ส่วนตัว Supinya Klangnarong ว่าได้รับจดหมายเพื่อให้ขอมีการตรวจสอบการได้รับสัมปทานของช่อง 3 นั้นเป็นไปโดยมิชอบหรือไม่ โดยใจความในจดหมายนั้นสรุปได้ว่าการที่ช่อง 3 อ้างว่าไม่สามารถออกอากาศคู่ขนานกับทีวีดิจิตอลได้เพราะเป็นคนละบริษัทกัน ดังนั้นการที่ช่อง 3 ในระบบอะนาล็อกซึ่งทางบริษัทบางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ได้รับสัมปทานจากอสมท.แต่กลับให้บริษัทบีอีซีฯ ไปดำเนินการนั้นก็ไม่น่าจะถูกต้องด้วยเช่นกัน "เย็นนี้กำลังจะประชุมร่วมระหว่างบอร์ด กสท.กับตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากช่อง3 ก็มีจดหมายด่วนที่มีคนยื่นให้ตรวจสอบสัมปทานช่อง3เข้ามา" "จดหมายร้องเรียนฉบับนี้ขอให้ กสทช.ตรวจสอบสัมปทานช่อง3 ที่บริษัทบางกอกฯได้รับสัมปทานจาก อสมท. แต่ไม่ได้ประกอบการเอง เพราะให้ BEC ดำเนินการ" "ทั้งบริษัทบางกอกฯที่ได้รับสัมปทานช่อง3อนาล็อกหรือบริษัทบีอีซีมัลติมีเดียที่ประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิตอล ต่างมีผู้ถือหุ้นเดียวกันคือบีอีซีเวิลด์" "โจทย์ที่มีคนยื่นร้องเรียนช่อง3วันนี้ ทำให้ช่อง3อนาล็อกยุ่งยากขึ้น เพราะถ้ายังยืนยันตนเองว่าคนละนิติบุคคลเพื่อไม่ออกคู่ขนาน ก็จะมัดตัวเองได้" "ปัญหาอาจบานปลายลุกลาม ไปจนถึงขึ้นการทบทวนdkiตรวจสอบสัญญาสัมปทานย้อนหลังของช่อง3อีกครั้ง ซึ่ง กสทช.มีอำนาจเต็มในการตรวจสอบนั้น" "จริงๆประเด็นคนละนิติบุคคลของช่อง3อนาล็อกและ3ดิจิตอล คนที่หยิบยกมาพูดก็คือตัวช่อง3 เอง ทั้งนี้จริงๆ เรารับรู้ว่าคือกลุ่มคนเดียวกัน" "เมื่อช่อง3อนาล็อกอ้างว่าออกคู่ขนานไม่ได้ เพราะคนละนิติบุคคล วันนี้เลยมีคนมาร้องเรียนว่าช่อง3อนาล็อกที่รับสัมปทานก็คนละนิติบุคคลกับผู้ถือหุ้น" "จดหมายร้องเรียนให้ตรวจสัมปทานช่อง3ในวันนี้ ท่านเลขาธิการ @TakornNBTC ก็จะนำเข้าบอร์ดใหญ่ กสทช.ด้วย เรื่องที่ซับซ้อนอยู่แล้วจึงซับซ้อนมากขึ้น" "ปมปัญหาของช่อง3เรื่องทีวีดิจิตอลตอนนี้ อาจกลายเป็นเหตุให้ กสทช.ต้องกลับไปสืบสาวปมของสัญญาสัมปทานเดิม ซึ่งอาจมีจุดสำคัญทางกฏหมายอีกด้วย" "อาทิ ถ้าทางช่อง3อนาล็อกยืนยันว่าตนเองคนละนิติบุคคล จึงออกดิจิตอลไม่ได้ ดังนั้นช่อง3อนาล็อกในระบบสัมปทานตอนนี้ก็อาจขัดกฏหมายด้วยใช่หรือไม่?" "อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องมีการสืบสวนสอบสวนปมเรื่องสัมปทานกรณีนี้ ก็ไม่เกี่ยวกับมติ กสท.ที่บังคับเรื่องระงับ15วัน ที่ต้องเดินไปตามนั้นเช่นเดิม" "สรุปคือ 3A กับ 3C ต่างมีผู้ถือหุ้นเดียวกันคือ 3B" อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตามที่หนึ่งในคณะกรรมการของกสทช.โพสต์ในครั้งนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นทางลงให้กับช่อง 3 ด้วยเช่นกัน เพราะหากมองว่าทั้งช่อง 3 อะนาล็อก ช่อง 3 ดิจิตอล ทั้งหมดมีผู้ถือหุ้นคนเดียวกันก็จะเท่ากับว่าช่อง 3 อะนาล็อกเองสามารถยกรายการทั้งหมดไปที่ดิจิตอลได้ทันทีและทำให้ปัญหาที่คาราคาซังจบลง แต่นั่นก็เท่ากับว่าช่อง 3 ต้องกลืนน้ำลายตัวเองและอาจจะมีผลต่อรูปคดีที่มีการฟ้องร้องกันอยู่รวมถึงปัญหาที่เกี่ยวกับข้อกฏหมายบางส่วนที่จะตามมาด้วย ซึ่งก็ต้องรอดูว่าเรื่องทั้งหมดจะลงเอยเช่นไร ... |