เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

ไล่-ล่า-ฉะ! 'OHO ปูนิ่ม' เศรษฐีสาวผู้ค้าความสวยที่แลกด้วยความตาย?


ไล่-ล่า-ฉะ! 'OHO ปูนิ่ม' เศรษฐีสาวผู้ค้าความสวยที่แลกด้วยความตาย?

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ไล่-ล่า-ฉะ! 'OHO ปูนิ่ม' เศรษฐีสาวผู้ค้าความสวยที่แลกด้วยความตาย?

ไล่-ล่า-ฉะ! 'OHO ปูนิ่ม' เศรษฐีสาวผู้ค้าความสวยที่แลกด้วยความตาย?

ไล่-ล่า-ฉะ! 'OHO ปูนิ่ม' เศรษฐีสาวผู้ค้าความสวยที่แลกด้วยความตาย?

ไล่-ล่า-ฉะ! 'OHO ปูนิ่ม' เศรษฐีสาวผู้ค้าความสวยที่แลกด้วยความตาย?

ไล่-ล่า-ฉะ! 'OHO ปูนิ่ม' เศรษฐีสาวผู้ค้าความสวยที่แลกด้วยความตาย?

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์เมื่อ “ปูนิ่ม - ศิรินทา เส็งสิน” หรือที่รู้จักกันในฉายา “OHO ปูนิ่ม” เจ้าของธุรกิจยาลดความอ้วนที่รวยกว่า 500 ล้าน ด้วยเวลาเพียง 3 ปีจากธุรกิจยาลดความอ้วนออนไลน์ ทว่าเธอกลับถูกทหารบุกค้นคลังสินค้า ทั้งยังตรวจพบสารต้องห้าม “ไซบูทรามิน” (sibutramine)

ยิ่งเป็นประเด็นร้อนขึ้นกับธุรกิจมูลค่าหลายล้านที่มีผู้เสียหายมากมาย กระทั่งตอนนี้เจ้าตัวยังคงโพสต์เฟซบุ๊กแต่ก็ถูกกระแสตอกกลับอย่างรุนแรง ความหรูหราของชีวิตเศรษฐีที่ร่ำรวยอยู่ความน่าสงสัย ในประเทศที่โฆษณาชวนเชื่อทำงานได้ผลกว่าข้อมูลความรู้ ปรากฏการณ์ไฮโซร้อยล้านจากสินค้าต้องสงสัยเกิดขึ้นได้อย่างไร

ไซบูทรามีน สารยอดฮิตในยาอยากสวย

อุตสาหกรรมอาหารเสริมลดความอ้วนถือเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่เฟื่องฟูขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กาแฟลดน้ำหนัก อาหารเสริมกระชับหุ่น ยาเสริมสวย ตัวยามากมายหลายสูตรถูกคิดค้นชื่อขึ้นมาเพื่อส่งเข้าสู่ตลาด ปั่นกระแสขายผ่านสื่อโฆษณากระแสรองอย่างทีวีเคเบิ้ล หลายยี่ห้อโด่งดังในการค้าขายระบบออนไลน์

กิเลสของการอยากสวย อยากดูดีย่อมมีอยู่ในทุกผู้คน เงินที่ต้องจับจ่ายเพื่อให้ได้มาเป็นกลไกหนึ่งที่ขับเคลื่อนมากับการโฆษณาชวนเชื่อแบบฮาร์ดเซลที่ไร้การควบคุม ไร้การตรวจสอบอย่างเข้มงวดพอ ท้ายที่สุด ปัญหาของการใช้เครื่องสำอาง การใช้อาหารเสริม กระทั่งยาเสริมสวยเหล่านี้แล้วเกิดผลข้างเคียงก็เป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยงและเกิดขึ้นอย่างบ่อยครั้ง

"ไซบูทรามีน" คือสารต้องห้ามตัวหนึ่งที่ถูกใช้ในผลิตภัณฑ์เหล่านั้น แม้จะช่วยให้เห็นที่ดีเยี่ยม หากแต่ในระยะยาวแล้วกลับส่งผลเสียอย่างร้ายกาจ โดยสารดังกล่าวถือเป็นสารต้องห้ามยอดนิยมของผลิตภัณฑ์แนวนี้ ในปี 2553 กระทรวงสาธารณสุขก็เคยตรวจสอบสารดังกล่าวจากอาหารเสริมและกาแฟ 3 รายการด้วยกัน นอกจากในปีที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ร่วมกับตำรวจผู้ผลิตอาหารเสริมที่มีสารดังกล่าวประกอบอยู่ โดยพบของกลางมูลค่ากว่า 10 ล้านบาทอีกด้วย

อย.ได้มีการประกาศถอนสารดังกล่าวออกจากประเทศทั้งยังยกเลิกทะเบียนตำรับยาตั้งแต่ปี 2553 แล้ว แต่ทว่ายังคงมีการนำสารตัวนี้มาใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์เสริมความงามและกาแฟลดน้ำหนักอยู่อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ สารดังกล่าวมีผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็ว นอกจากนี้ยังมีผลให้เกิดอาการปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และท้องผูก ยานี้ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด ผู้ป่วยที่ควบคุมความดันโลหิตไม่ดี ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ ผู้ป่วยโรคตับ ผู้ป่วยโรคไต ผู้ที่มีโรคต้อหิน รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เป็นต้น

โกยร้อยล้านปรับแสนเดียว!

หลังจากมีการบุกค้าโกดักสินค้าพร้อมตรวจสอบ ล่าสุดก็มีการหมายออกจับคู่ “สามี - ภรรยา” เจ้าของผลิตภัณฑ์ OHO พร้อมสรรพากรรอลงดาบ แน่นอนว่า ผลกำไรที่มหาศาลถึงขั้นกลายเป็นเศรษฐีย่อมมากมายมหาศาล แต่หลายคนก็หวั่นใจ หากถูกจับและปรับเพียงไม่เท่าไหร่ ผู้กระทำผิดคงย่ามใจลงมือซ้ำเดิม

ทั้งนี้ ความนิยมระดับที่อาจเรียกได้ว่าบ้าคลั่งของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้น

"ผมไม่รู้นะครับ ที่ไปรษณีย์ศูนย์ใหญ่จังหวัดผมที่ผมส่งของประจำหากส่งตอนหลัง 16.00 น.(เปิดบ่ายโมงปิดสามทุ่ม)จะจอ OHO มาส่งของมาที 4-5 รถกระบะ เจ้าของไลน์ที่นี่จากเด็กไม่มีอะไร 4 ปีออกปอร์เช่คาเยนได้ รวยบรมรวย ผมอิจฉาเขานะ แต่ผมรู้แล้วว่าพวกนี้ไม่ดีแน่ๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตอนนี้ก็เห็นส่งได้ปกตินะ แล้วลองคิดดูเอาเองเหอะ ปรับแสนเดียวที่พวกโง่ซื้อไปกินทั้งๆ ที่เตือนโครมๆ มันโคตรคุ้มแค่ไหน ตาสว่างเหอะ" ความเห็นหนึ่งได้เผยถึงความนิยมของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

ต่อมา เฟซบุ๊กของ OHO ปูนิ่มก็ได้มีการโพสต์ข้อความชี้แจงเรื่องดังกล่าว โดยแจงว่าสิ่งที่ตนทำเป็นการสร้างรายได้ให้กับผู้คนนับแสน แน่นอนว่า ข้อความดังกล่าวถูกคอมเมนต์โต้กลับอย่างรุนแรง จนในเวลาต่อมาเธอต้องลบโพสต์ข้อความหลายต่อหลายโพสต์ที่มีคอมเมนท์แฉถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

โดยบรรดาผู้ที่เข้ามาคอมเมนต์แฉมีตั้งแต่ผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์เป็นผู้เสียหาย กระทั่งผู้ที่รับรู้เบื้องหลังว่า มีการให้ค่าคอมมิชชันที่สูงมากผิดปกติ จึงทำให้มีบางคอมเมนต์ที่ยังคงให้กำลังใจเธออยู่

"สู้ๆค่ะพี่ปูนิ่ม เบียร์เองก็มั่นใจในผลิตภัณฑ์ของพี่ค่ะไม่มีอาการอะไรเกิดขึ้นเลย แถวน้ำหนักลดลงเยอะอีกด้วยค่ะ นี่ก็พึ่งไปตรวจสุภาพมาแล้วทั้งสแกนสมอง วัดความดัน ไขมันในเลือด ปกติดีทุกอย่าง เบียร์เชื่อมั่นค่ะถ้าของไม่ดีจริงเบียร์คงตายไปนานแล้ว แล้วขอยืนยันค่ะว่าจะสั่งต่ออีกเรื่อยๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ พี่ปูนิ่ม" หนึ่งในคอมเมนต์ให้กำลังใจ

ขณะที่อีกหลายคอมเมนต์เป็นคอมเมนต์ในเชิงลบ

"สั่งเซตเทอร์โบมา กินไป 13วัน แต่ดีท็อกหมดไปกล่องเละ บอกเลยรู้สึกแย่ๆมากๆ ตอนขายแม่งบอกไม่มีสารต้องห้ามของเราดีใจสุดๆ พอมีเรื่อง แม่งปิดเฟซบุ๊กหนีเลย"

"สมงสมองไปกันหมดแล้ว (สงสัยกินยามาก) ของอันตราย ตายไม่ตายไม่สนใจ เผือกให้กำลังใจ คือ ใครตายก็ได้ก็ตายไป ไม่ใช่ญาติตัวเอง"

"เคยซื้อด้วยกระปุกละ 1,200 บาทแนะ มี 30 เม็ด ลองไป 1 เม็ด เกือบตาย ใจสั่นมาก หายใจไม่ทัน ปากแห้ง นอนไม่ได้เลยตัดสินใจ ไม่เก็บไว้ให้ใครลองทั้งสิ้น เทเงิน 1,200 บาท ลงชักโครกหมดเลย ค่าโง่"

"ตัวแทนบางราย ออกตัวแรง ได้ค่าคอมฯ เดือนเป็น ล้านๆ ขาย ดิบขายดี ได้วันละเปนร้อยๆชุด หายหัวไปไหนกันหมดค่ะ"

"มันจะไม่เลียได้ยังไงค่ะ ดูค่าคอมมิชชันมันสิค่ะ ได้กันเป็นแสนเป็นล้าน กรรมติดจรวจ นะค่ะ สมัยนี้"

ทั้งนี้ ในส่วนของเฟซบุ๊กส่วนตัว และหน้าเพจร้านของเธอก็ได้มีความพยายามที่จะลบคอมเมนต์ด้านลบออกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีคนเข้าไปโพสต์แฉอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การจับกุมอย่างเป็นกระแสถล่มทลายครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการกวาดล้างธุรกิจค้าความอยากสวยของประเทศไทยได้หรือไม่

ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2557 8:22:46 น.   
Counter : 2927 Pageviews.  

รถดิ่งพสุธา 7 ชั้น อุทาหรณ์โหดที่ผู้ขับขี่ต้องอ่าน!!

รถดิ่งพสุธา 7 ชั้น อุทาหรณ์โหดที่ผู้ขับขี่ต้องอ่าน!!
เก๋งคันงามพุ่งทะยานจากอาคารจอดรถชั้นที่ 7 ดิ่งสู่พื้นดินเสียงสนั่น จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต กรณีสะเทือนขวัญนี้ทำให้ผู้ใช้รถอกสั่นขวัญแขวนไปตามๆ กัน ซ้ำยังตั้งคำถามถึงสาเหตุที่รถเบรกไม่อยู่ รวมถึงประเด็นเรื่องความแข็งแรงของตัวอาคาร และนี่คืออุทาหรณ์ครั้งใหญ่ที่ผู้ขับขี่และโดยสารยวดยานพาหนะต้องอ่าน!!





นักขับมือใหม่ อ่อนด้อยประสบการณ์?

       ล่าสุดเกิดเหตุไม่คาดฝัน ขึ้นกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดบริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) และตัวแทนประกันชีวิต บ.กรุงเทพประกันชีวิต ระบุเป็นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิค พลัดตกจากอาคารจอดรถด้านหลังห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ โดยตกลงมาจากลานจอดรถชั้น 7 มายังพื้นถนนด้านล่างกระแทกพื้นอย่างรุนแรง รถอยู่ในสภาพพลิกคว่ำ ล้อชี้ฟ้า เป็นเหตุให้คนขับเสียชีวิตทันที

โดยญาติผู้ตายให้การว่า ก่อนหน้านี้สามีผู้ตายเพิ่งจะนำรถไปซ่อม จึงมีความเป็นไปได้ว่าระหว่างที่ผู้ตายขับอยู่ ระบบรถอาจเกิดข้อผิดพลาด คันเร่งค้างหรือเบรกมีปัญหา ทำให้ไม่สามารถหยุดรถคันดังกล่าวได้

       มีข้อสันนิษฐานว่าผู้ตายอาจจะเป็นมือใหม่หัดขับและที่น่าสนใจคือโศกนาฏกรรมในแบบเดียวกันนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ยังมีอุบัติเหตุคล้ายกันนี้เกิดมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว “ฉัตรมงคล ดวงฤทธิ์” บรรณาธิการฝ่ายเทคนิค นิตยสารรถยนต์ “4x4 สเปเชียล” บอกเอาไว้

“เนื้อข่าวยังไม่สรุปโดยเด่นชัดว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากอะไร แต่ลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งตอนรถเชฟโรเลต ครูช ตกมาจากตึก สำหรับเหตุการณ์นี้ต้องแบ่งประเด็นในส่วนของผู้ขับขี่คือ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ แสดงว่าตัวผู้ขับขี่ไม่มีประสบการณ์มากพอ

เหตุการณ์นี้เกิดจากการขับรถเฉี่ยวชนกับรถข้างบนก่อนที่จะเสียหลักตกลงมา แต่อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์ล้วนๆ ตัวคนขับอาจจะไม่มีประสบการณ์มากพอหรืออาจจะตกใจ แทนที่จะเหยียบเบรกก็กลับกลายไปเหยียบคันเร่งแทน พอเหยียบคันเร่งแทนที่รถจะเบรกกลับพุ่งชนกำแพงอย่างแรงแล้วจึงตกลงมา”




สภาพรถแย่ หรือเทคนิคขัดข้อง

       ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงได้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุใด อาจเป็นที่ตัวคนขับมีประสบการณ์ไม่มากพอหรือตามที่ญาติผู้เสียชีวิตกล่าวคือรถคันดังกล่าวเพิ่งเข้าศูนย์ซ่อมอาจเกิดข้อผิดพลาดของระบบรถยนต์ก็เป็นได้

       ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ อธิบายว่า “ในกรณีของตัวรถที่เพิ่งนำรถไปเข้าศูนย์ซ่อมก็อาจจะเกี่ยวข้องกับระบบคันเร่ง เพราะรถในสมัยก่อนจะเป็นระบบคันเร่งสายซึ่งเป็นระบบ Manual Analog ล้วนๆ ซึ่งจะเป็นตัวแป้นเหยียบคันเร่งแล้วมีสายคันเร่งดึงไปฝั่งที่ตัวเปิดปิดอีกที ทำให้โอกาสที่จะเกิดความเสียหายจะมีค่อนข้างน้อย

ส่วนในรถรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันจะเป็นระบบคันเร่งไฟฟ้า โดยจะทำงานผ่านเซ็นเซอร์ซึ่งเป็นตัวควบคุม ถ้าไม่เหยียบคันเร่ง เซ็นเซอร์จะไม่รับรู้ เครื่องยนต์ก็จะไม่เร่ง มีความเป็นไปได้ที่ตัวคันเร่งไฟฟ้าหรือตัวเซ็นเซอร์อาจจะมีการเสื่อมคุณภาพเลยทำงานผิดปกติ จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุนี้ในครั้งนี้ เพราะพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดมันมีอายุการใช้งานของมัน อาจจะเสื่อมไปตามการใช้งาน”

       หากไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ซ้ำรอยแนะนำให้เข้าเช็กระยะที่ศูนย์บริการ ที่กำหนดไว้คือ 10,000 กิโลเมตร เช็ก 1 ครั้งตามระยะ

“ถ้าจะพูดถึงเรื่องการป้องกันก็ต้องพูดกันตรงๆ ว่า ก็ควรจะนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการของรถยี่ห้อนั้นๆ ตามระยะที่กำหนดในคู่มือ โดยปกติแล้วทางศูนย์บริการไม่ว่าจะเป็นรถยี่ห้อไหนก็ตามเขาก็จะตรวจสอบเรื่องพวกนี้ให้อยู่แล้ว เป็นเรื่องของการตรวจสอบเบื้องต้นที่ต้องตรวจสอบในทุกระบบที่เกี่ยวข้องกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เขาจะตรวจสอบให้อยู่แล้วว่ามีอะไรผิดปกติบ้าง

ตรวจสอบโดยช่างผู้ชำนาญและตรวจสอบโดยเครื่องมือเฉพาะ เพราะว่าในระบบรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะมีตัวล็อกเกตเสียบกับตัวรถยนต์และอีกปลายด้านหนึ่งจะเสียบกับตัวโน้ตบุ๊ก ซึ่งพอเสียบเข้าไปแล้วถ้ามีเซ็นเซอร์ตรงไหนที่ผิดปกติ มันจะไปแจ้งโน้ตบุ๊กว่ามีโค้ดอะไรที่ผิดปกติบ้าง แล้วช่างก็จะทำการซ่อมตรงจุด

ในส่วนของการป้องกันที่ตัวคนขับอันนี้พูดยาก สาเหตุที่พูดยากเพราะตัวคนเรามันไม่เหมือนกัน เช่นในเรื่องของประสบการณ์การขับขี่ เรื่องของความพร้อมของร่างกายในการขับขี่แต่ละคนแตกต่างกัน บางคนมีประสบการณ์การขับขี่จริงแต่ถ้าในจังหวะนั้น ณ ตอนนั้นเกิดอาการนอนน้อย พักผ่อนน้อย มันก็สามารถเกิดขึ้นได้ หรืออาจจะเกิดขึ้นได้จากโรคประจำตัวด้วยเช่น โรคลมชัก โรคความดัน โรคเบาหวาน หรือโรคที่ทำให้เกิดอาการวูบขณะขับรถ ตัวผู้ขับขี่ต้องรู้ตัวเองดีอยู่แล้วต้องระวังป้องกันตัวเองในส่วนนี้ด้วย”






ขาดความรัดกุมเรื่องความปลอดภัย

       จะว่าไปแล้ว โดยส่วนใหญ่การเกิดอุบัติเหตุส่วนมากมักมาจากประสบการณ์ของการขับขี่ที่น้อย ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าสลดใจแบบนี้ตามมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าในหลายๆ ตึกออกแบบลานจอดรถได้ดีประมาณหนึ่ง ทำให้ผู้ใช้รู้สึกได้ถึงความปลอดภัย ทว่าหากมองย้อนกลับไปถ้าผู้เสียชีวิตไม่ได้ประมาท แล้วสาเหตุใดที่รถตกลงมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเพราะลานจอดรถไม่ได้มาตรฐานพอ

       บรรณาธิการ นิตยสารรถยนต์ มีความเห็นว่า “เรื่องของการขับรถขึ้น-ลงตึก คือการจำกัดความเร็วเรื่องการขึ้นลงอยู่แล้ว โค้กหักศอกที่ขึ้นลงแต่ละชั้นค่อนข้างแคบก็เท่ากับเป็นการจำกัดความเร็วการขึ้นลงของผู้ขับขี่อยู่แล้ว แต่สำหรับบางตึกที่ใหญ่โตหรืออาจจะเข้าข่ายการเกิดอันตราย บางที่มุมมองของการขึ้น-ลงอาจจะเป็นมุมอับหรือมุมบอดที่มองไม่เห็นอย่างนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง

ลักษณะที่ผนังกั้นหลุดออกมาทั้งแผง คือการชนต้องแรงมาก ถ้ารถไหลมาแล้วมาชนมันเป็นไปไม่ได้ที่ผนังจะหลุดออกทั้งแถบแบบนั้นมา จากที่ผมดูข่าวและสังเกตจากรูปผมว่าก่อนที่จะพุ่งชนจะต้องมาด้วยความเร็วที่ค่อนข้างพอประมาณเลยทีเดียว ถ้ามันไม่เร็วจะไม่มีทางที่ผนังจะหลุดออกมาแบบนั้นได้

ส่วนเรื่องของผนังบางหรือผนังหนา ขึ้นกับการออกแบบของโครงสร้าง ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขึ้นอยู่กับตัววิศวะกรผู้ออกแบบและเหล็ก ปูนที่ใช้ในการก่อสร้าง อันนี้ต้องลงลึกในรายละเอียดไปว่าโครงสร้างตัวนั้น วิศวกรออกแบบมาเพื่อรองรับอะไรมาได้มากขนาดไหน แล้วตัวปูนตัวเหล็กเส้น ตัวคานพวกนี้ตรงตามสเปกมั้ย ถ้าตรงตามสเปกสามารถรองรับได้ก็ไม่มีปัญหา”


       เมื่อลงลึกไปถึงการก่อสร้างอาคารไม่ได้มาตรฐาน ทางทีมข่าวจึงได้สอบถามไปยัง ดร.เอกสิทธิ์ ลิ้มสุวรรณ ปธ.มาตรฐาน สภาวิศวกรแห่งประเทศไทย อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวะกรรมโยธา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่าเป็นเพราะอาคารจอดรถไม่ได้ตรงตามมาตรฐาน

“เห็นชัดๆ มันไม่ได้มาตรฐานอยู่แล้วในแง่ของเรื่องที่จอดรถผนังกั้นไม่ใช่แค่บางเท่าที่ผมดูจากในรูปเกือบจะเรียกว่าเอาแปะไว้เฉยๆ เพื่อให้เห็นว่าเป็นผนังกั้น คือไม่มีความมั่นคงแข็งแรงในเรื่องของการรับแรงกระแทกเลย ดีไม่ดีคนไปพิงเฉยๆอาจจะล้มได้

สำหรับตัวที่ลดแรงกระแทกเวลาถอยหลังไม่ได้รับมาตรฐานในเรื่องความแข็งแรง เพราะถ้าตัวนั้นกันไว้ก่อนมันจะไม่ถึงขั้นที่จะต้องตกลงไป มันเป็น2สเตป คือ1.ตัวปั๊มเปอร์ไม่ทำงานกับ2.ตัวกันตกก็ไม่ทำงานด้วยเหมือนกัน

ที่สำคัญที่สุด ขาดการกำกับดูแลตามแบบและรายการให้เป็นไปตามคุณภาพเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายหรือความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น ทางขึ้นทางลงปัจจุบันก็มีหลายอาคารที่ไม่ปลอดภัย เช่น 1.กันชน บางที่ก็ไม่ได้มาตรฐาน 2.กันตก ปัจจุบันบางที่ก็ใช้การก่อสร้างเป็นแผ่นสำเร็จรูปซึ่งไม่สามารถสร้างความปลอดภัยได้

ส่วนการสร้างให้ได้มาตรฐานหรือไม่ได้มาตรฐานนั้นจะขึ้นอยู่ที่ผู้ออกแบบหรือเจ้าของงานเป็นหลัก ใครที่คุมตรงนี้ต้องลงลึกไปถึงขั้นตอนการออกแบบการควบคุมงาน ซึ่งทางสภาวิชาชีพก็น่าจะมีส่วนจะต้องไปกำกับดูแลได้ในระดับหนึ่ง

ส่วนการก่อสร้างในยุคปัจจุบันนั้นจะถือหลักรับเหมาเบ็ดเสร็จ คือทางเจ้าของงานหรือผู้ประกอบการมักจะจ้างให้ผู้รับเหมาเข้าไปทำ และรับผิดชอบในแต่ละรายการรวมไปถึงการก่อสร้างที่แล้วเสร็จ เพราะฉะนั้นจะขึ้นอยู่กับบริษัทที่มารับเหมาเหล่านี้เขาทำตามขั้นตอนกฎหมายแล้วหรือยังหากเกิดข้อผิดพลาด จะถือว่าไม่ได้ปฏิบัติตามที่ถูกที่ควร” ดร.เอกสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย






ไร้สติ=ตาย

       ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้น อย่าประมาทและต้องมีสติตลอดเวลาเพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์อันน่าหดหู่เช่นนี้อีก ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ จึงเสนอคำแนะนำให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนว่า

“ผู้ขับขี่ต้องมีสมาธิมีสติในทุกกรณีหรือสถานการณ์ ต้องจดจ่ออยู่ว่าเรากำลังขับไปไหนเช่น ขับทางตรงหรือทางอ้อมมันต้องอยู่ที่สติหรือสมาธิ ยกตัวอย่าง บางคนขับรถอยู่แต่มือก็เล่นโทรศัพท์ไปด้วย แทนที่สติกับสมาธิจะโฟกัสอยู่กับการขับรถ ก็กลับกลายเป็นว่าถูกแชร์ไปโฟกัสกับการเล่นโทรศัพท์แทน”

       เหตุการณ์ร้ายแรงที่ไม่อาจคาดฝันมักจะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะฉะนั้น จึงอยากจะให้ตัวคนขับ ขับรถให้อยู่ในความไม่ประมาทจดจ่อกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ตอนนั้น หากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้

“ผู้ขับขี่จะไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย เพราะในอาการที่ตกใจและขาดสติ ถ้ามีคนนั่งไปด้วยให้ดึงเบรกมือทันที เพื่อให้รถหยุดก่อน แต่ในกรณีนี้หากดึงเบรกมือหรือชะลอรถทันเหตุการณ์ก็อาจจจะไม่รุนแรงบานปลายไปขนาดนี้ แล้วก็อาจจะไม่ทะลุลงมา”




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2557 8:22:08 น.   
Counter : 1521 Pageviews.  

ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก "แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก" (ชุดที่ 1)

ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
ASTVผู้จัดการ - ชมกันชัดๆ กับภาพขุมทรัพย์มหาศาลกว่า 2 พันล้านจากเครือข่าย "พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์" และพวก พบ งาช้าง วัตถุโบราณ พระเครื่อง พระบูชาจำนวนมาก เงินสดทั้งไทยและต่างประเทศ ของเก่า สแตมป์ทองคำ เครื่องเพชร เครื่องเงิน เครื่องลายคราม ภาพวาดมูลค่ามหาศาล

       จากการแถลงข่าวช่วงเช้าวันนี้ (25 พ.ย.) ของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในคดีจับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพวก ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีการเปิดเผยถึงทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ที่ยึดได้จากเครือข่าย พร้อมภาพต่างๆ

       พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรักษาการผู้บัญชากาารตำรวจสอบสวนกลาง ชี้แจงรายละเอียดการตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ 11 จุด โดยที่ย่านปากเกร็ดตรวจยึดอายัดสิ่งของเป็นตู้เซฟฝังดินที่บ้านย่านปากเกร็ด ซึ่งดูเหมือนก่อสร้างยังไม่เสร็จ เป็นการพราง แต่ข้างในมีทรัพย์สินมหาศาล เช่น งาช้าง วัตถุโบราณ พระเครื่อง พระบูชาจำนวนมาก เงินสดทั้งไทยและต่างประเทศ ของเก่า สแตมป์ทองคำ เครื่องเพชร เครื่องเงิน เครื่องลายคราม ภาพวาดมูลค่ามหาศาล เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีการยึดรถยนต์ได้อีก 20 กว่าคัน

       ด้าน พ.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม ได้ชี้แจงถึงการตรวจค้นเซฟเฮาส์ของ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ 1 จุด และบ้านพักของ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ที่เพิ่งเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย อีก 3 จุด พบรถยนต์และรถจักรยานยนต์ราคาแพง ทองคำ เครื่องเพชร จำนวนมาก รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้จากขบวนการนี้แล้วทั้งหมดประมาณ 2 พันล้านบาท โดยในการแถลงข่าววันนี้ ได้มีการนำแผนผังของเครือข่ายทั้งหมด ที่มี พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นผู้สั่งการ มาแสดงด้วย

       ด้วยเหตุนี้ทีมข่าว ASTVผู้จัดการ จึงสรุปภาพทรัพย์สินเฉพาะที่นำมาแสดงระหว่างการแถลงวันนี้ให้ได้ชมกันชัดๆ

ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
ตู้เซฟใต้ดิน


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
ห้องนิรภัย


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
ระหว่างการเจาะกำแพงห้องนิรภัยที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
ตู้และห้องนิรภัย


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
พระพุทธรูปโบราณมูลค่ามหาศาล


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
พระพุทธรูปและงาช้าง


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
วัตถุโบราณ


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
พระพุทธรูปและของโบราณ


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
พระพุทธรูปและวัตถุโบราณ


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
พระพุทธรูปและวัตถุโบราณ


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
โต๊ะหมู่บูชา ฝังมุก


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
แสตมป์ทองคำ หายากซึ่งตรวจพบ 2 ชุด


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
เครื่องทองและเครื่องเพชร


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
ภาพวาด


ชมชัดๆ ภาพโคตรสมบัติ ของกลางที่ตรวจยึดจาก แก๊งพงศ์พัฒน์กับพวก (ชุดที่ 1)
ภาพวาดและของโบราณ




 

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2557 17:09:56 น.   
Counter : 2636 Pageviews.  

เปิดคำร้องฝากขังแฉพฤติการณ์ “พงศ์พัฒน์” ซื้อ-ขายตำแหน่ง รับส่วยค้าน้ำมันเถื่อน เปิดบ่อนแอบอ้างเบื้อง

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
เปิดคำร้องฝากขังแฉพฤติการณ์ “พงศ์พัฒน์” ซื้อ-ขายตำแหน่ง รับส่วยค้าน้ำมันเถื่อน เปิดบ่อนแอบอ้างเบื้องสูง
เจ้าหน้าที่นำตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ เข้าฝากขัง

เปิดคำร้องฝากขังแฉพฤติการณ์ “พงศ์พัฒน์” ซื้อ-ขายตำแหน่ง รับส่วยค้าน้ำมันเถื่อน เปิดบ่อนแอบอ้างเบื้องสูง

เปิดคำร้องฝากขังแฉพฤติการณ์ “พงศ์พัฒน์” ซื้อ-ขายตำแหน่ง รับส่วยค้าน้ำมันเถื่อน เปิดบ่อนแอบอ้างเบื้องสูง

เปิดคำร้องพนักงานสอบสวน ระบุพฤติการณ์ “พงศ์พัฒน์” และ พวก รับเงินซื้อตำแหน่ง 3 - 5 ล้าน รวมกว่า 50 ล้าน เรียกรับส่วยค้าน้ำมันเถื่อนอู้ฟู่ เดือนละ 1 - 2 ล้าน รวมแล้ว กว่า 150 ล้าน แถมเปิดบ่อนแอบอ้างเบื้่องสูง พร้อมคัดค้านประกันตัวเกรงผู้ต้องหาหลบหนี

       วันนี้ (24 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ควบคุมตัว พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีต ผกก.4 บก.ปคบ. ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา ผู้บังคับหมู่ บก.ปพ. ซึ่งเป็นคนขับรถของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือ จักรินทร์ เหล่าทอง ผู้บังคับหมู่ บบก.ปพ. ผู้ต้องข้อหา คดีเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ฯ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 149 และ 157 และ นางสวงค์ มุ่งเที่ยง ผู้ต้องหาคดีร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต

       ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มาตรา 19 และ 47 และ นายชอบ กับ นางปิยพรรณ ชินนะประภา สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในคดีเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ ซึ่งเพิ่งถูกควบคุมตัวเมื่อคืนวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา มาเพื่อจะยื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. - 5 ธ.ค. 57 เนื่องจากยังสอบปากคำพยานไม่แล้วเสร็จ รวมทั้งยังต้องรอผลตรวจประวัติผู้ต้องหา และอื่นๆ โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษร้ายแรง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี

       อย่างไรก็ดี เมื่อจะดำเนินการต่อศาล ปรากฏว่า ในส่วนของนายชอบ และ นางปิยพรรณ พนักงานสอบสวนยังทำสำนวนคำร้องไม่เป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวทั้งสองกลับไปควบคุมตามกฎหมาย ซึ่งสามารถควบคุมตัวได้เป็นเวลา 48 ชั่วโมงก่อน และจะนำตัวมายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกใหม่ในวันพรุ่งนี้ (25 พ.ย.)

       ขณะที่ศาลได้พิจารณาคำร้องฝากขัง พ.ต.อ.วุฒิชาติ, ด.ต.สุรศักดิ์, ด.ต.ฉัตรินทร์ และ นางสวงค์ ผู้ต้องหาทั้งสี่แล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมาเวลา 16.30 น. ญาติของนางสวงค์ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ มูลค่า 1 แสนบาท ขอปล่อยชั่วคราว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล และระหว่างรอการพิจารณา ศาลอออกหมายขังส่งตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

       ภายหลัง พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.อคฝ. กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้รับมอบหมายให้นำตัวผู้ต้องหามาฝากขังเพียง 4 คน ส่วนที่เหลือได้รับแจ้งจากสำนักงานตำรวจชาติว่าไม่ประสงค์จะนำตัวผู้ต้องหามาฝากขังต่อศาล เข้าใจว่าคงได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวนแล้ว

       ต่อมาเวลา 17.45 น. พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้นำตัวพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ, เจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ฯ, เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 149 และ 157 และ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน ผู้บังคับการตำรวจน้ำ ผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 โดยใช้รถตู้สีขาวสามคัน มีรถวิทยุ 191 นำหน้าและปิดท้ายขบวน ขณะที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ซึ่งสวมชุดลำลองเสื้อคอกลมสีขาว มีสีหน้าเคร่งเครียด เดินลงจากรถตู้มาคนแรก และถูกคุมตัวเข้าห้องพิจารณาฝากขังทันที

       โดยคำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2553 – 11 พ.ย. 2557 ขณะที่ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสอบสวนกลาง มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ได้สมรู้ร่วมคิดกับพล.ต.ต.บุญสืบ พ.ต.อ.อัครวุฒิ หลิ่มรัตน์ อดีต ผกก.1 ป. และ พ.ต.อ.วุฒิชาติ เรียกรับเงินจากข้าราชการตำรวจที่ประสงค์จะไปดำรงตำแหน่งสำคัญๆ รายละ 3 - 5 ล้านบาท เพื่อที่จะไปรับตำแหน่ง โดยจะมีการส่งเงินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาเป็นรายเดือน รวมแล้วเป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท ส่วนพล.ต.ต.บุญสืบ พนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 2554 - 18 ก.ค. 2557 ขณะที่ผู้ต้องหาดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจน้ำ ได้มีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อนทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแอบอ้างเรียกเก็บเงินค่าส่วยน้ำมันเดือนละ 1 - 2 ล้านบาท ส่งเงินให้กับ พล.ต.ต.โกวิทย์ จำนวน 35 ล้านบาท และส่งเงินให้กับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เป็นเงินจำนวน 118 ล้านบาท

       ขณะที่ พล.ต.ต.โกวิทย์ พนักงานสอบสวนระบุว่า มีพฤติการณ์เปิดบ่อนการพนัน (ถั่วครอบ) ย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนยังจะต้องสอบปากคำพยานกว่า 50 ปาก รอผลการตรวจประวัติผู้ต้องหา จึงขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. - 5 ธ.ค. 2557 โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสอนได้คัดค้านการประกัน เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี และเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพนักงานสอบสวน

       ล่าสุด เมื่อเวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่ราขทัณฑ์ได้นำตัว พล.ต.ต.โกวิทย์ และ พล.ต.ต.บุญสืบ และผู้ต้องหาชายที่ไม่ได้ประกันรวม 5 คน ไปควบคุมตัวต่อที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

       ส่วน พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ผู้ต้องหาอีกราย เจ้าหน้าที่จะนำตัวไปสอบสวนต่อที่สถานีตำรวจนครบาล โดยไม่ระบุพื้นที่ว่าจะนำไปสน.ใด และหลังจากสอบสวนเสร็จแล้วจะส่งตัวเข้าไปควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป ขณะที่นางสวงศ์ ผู้ต้องหาหญิงนั้นจะนำไปควบคุมตัวที่ทัณทสถานหญิงกลาง




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2557 21:47:02 น.   
Counter : 1705 Pageviews.  

จัดเต็ม! หนุ่มลำปางจัดงานแต่งยิ่งกว่าคอนเสิร์ต แจก iPhone 6 Plus ตั้งเครื่องรูดบัตรสำหรับแขกลืมซอง

จัดเต็ม! หนุ่มลำปางจัดงานแต่งยิ่งกว่าคอนเสิร์ต แจก iPhone 6 Plus ตั้งเครื่องรูดบัตรสำหรับแขกลืมซอง
ลำปาง - หนุ่มนักธุรกิจสื่อโฆษณาเมืองรถม้าจัดเต็มงานแต่งแหวกแนวยิ่งกว่าคอนเสิร์ตการกุศล ระดมนักร้อง-พิธีกรดังขึ้นเวทีไม่พอ ยังให้แขกร่วมเล่นเกมโยนห่วง น้ำเต้าปูปลา แจก iPhone 6 Plus แถมตั้งเครื่องรูดบัตรเครดิตบริการแขกลืมซองพร้อมสรรพ



       วันนี้ (23 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณห้องประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 พ.ย.) เต็มไปด้วยแขกเหรื่อที่แต่งกายสดใส ตามคอนเซ็ปต์ของเจ้าภาพที่กำหนดให้แต่งกายไม่จำกัดสี มาร่วมงานแต่งงานของ น.ส.รชยา หรือเฟื่อง ชมภูทิพย์ และนายวสันต์ หรือโจ คำบุญทา เจ้าของธุรกิจด้านสื่อโฆษณาใน จ.ลำปาง วัย 30 ต้นๆ

       ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นงานแต่งที่พิสดารบันลือโลก และถือว่าแปลกแหวกแนวไปจากงานแต่งงานของคนทั่วไป หากไม่ทราบว่าเป็นงานแต่งงานก็คงคิดว่าเป็นการจัดคอนเสิร์ตการกุศล เนื่องจากมีการขนนักร้องที่มีชื่อระดับประเทศมาร่วมให้ความสุขแก่แขกที่มาร่วมงานอย่างเต็มพิกัด เช่น ปิง-ชมพู ฟรุ๊ตตี้ บุ๋ม-จุฑามาศ ซึ่งห่างหายจากการร้องเพลงไปนานกว่า 25 ปี แหม่ม พัชริดา ต้อม เรนโบว์ และยังมีไก่ สมพล อ้น ศรีพรรณ พิธีกรฝีปากกล้า มาเป็นพิธีกรบนเวที ทำให้ในงานยิ่งมีสีสันครื้นเครงสนุกสนานมันฮาเป็นอย่างมาก

       นอกจากนี้ งานแต่งของทั้งคู่ยังมีจุดที่น่าสนใจตั้งแต่เริ่มก้าวเท้าเข้างาน เมื่อแขกลงทะเบียนเขียนคำอวยพร และมอบซองของขวัญเสร็จ ก็จะได้รับคูปองสำหรับเล่นเกมเพื่อรับของรางวัลหน้างาน เช่น เกมโยนห่วง น้ำเต้าปูปลา เกมตักมัจฉา ทั้งยังจะได้รับบัตรชิงโชค 1 ใบ ให้ผู้ร่วมงานเขียนชื่อและหย่อนลงในกล่องเพื่อจับรางวัลใหญ่ คือ โทรศัพท์มือถือ iPhone 6 Plus จำนวน 1 เครื่อง ส่วนผู้ที่ไม่ได้นำซองการ์ดเชิญมา เจ้าภาพก็ได้จัดเตรียมเครื่องรูดบัตรเครดิตไว้บริการหน้างานอีกด้วย

       นายวสันต์กล่าวถึงที่มาของการจัดงานแต่งงานพิสดารไม่เหมือนกับชาวบ้านว่า ตนเคยไปร่วมงานแต่งงานของคนรู้จักมาหลายครั้ง พบว่าส่วนใหญ่แขกที่ไปร่วมงานก็มักจะไปนั่งโต๊ะ ฟังแค่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวพูดบนเวที รับประทานเสร็จก็กลับบ้าน แต่งานของตนอยากเห็นแขก คนที่รู้จัก และทุกคนที่มาร่วมงานได้มีความสุขไปกับตนด้วย

       ดังนั้นตนจึงได้คิดว่าควรจะจัดอะไรก็ได้ที่ผู้มาร่วมงานมีความสุข และมีของติดไม้ติดมือกลับบ้าน นอกจากของชำร่วย ซึ่งก็คือ ซีดีเพลงที่ตนสะสมไว้จำนวนมาก จึงได้จัดงานแบบมหกรรมงานเลี้ยง โดยแขกจะมีความสุขตั้งแต่เข้างาน คือมีการเล่นเกมรับของรางวัล รับบัตรชิงโชค และได้สนุกสนานกับนักร้องที่ตนเองชื่นชอบ เป็นต้น

จัดเต็ม! หนุ่มลำปางจัดงานแต่งยิ่งกว่าคอนเสิร์ต แจก iPhone 6 Plus ตั้งเครื่องรูดบัตรสำหรับแขกลืมซอง


จัดเต็ม! หนุ่มลำปางจัดงานแต่งยิ่งกว่าคอนเสิร์ต แจก iPhone 6 Plus ตั้งเครื่องรูดบัตรสำหรับแขกลืมซอง


จัดเต็ม! หนุ่มลำปางจัดงานแต่งยิ่งกว่าคอนเสิร์ต แจก iPhone 6 Plus ตั้งเครื่องรูดบัตรสำหรับแขกลืมซอง


จัดเต็ม! หนุ่มลำปางจัดงานแต่งยิ่งกว่าคอนเสิร์ต แจก iPhone 6 Plus ตั้งเครื่องรูดบัตรสำหรับแขกลืมซอง


จัดเต็ม! หนุ่มลำปางจัดงานแต่งยิ่งกว่าคอนเสิร์ต แจก iPhone 6 Plus ตั้งเครื่องรูดบัตรสำหรับแขกลืมซอง


จัดเต็ม! หนุ่มลำปางจัดงานแต่งยิ่งกว่าคอนเสิร์ต แจก iPhone 6 Plus ตั้งเครื่องรูดบัตรสำหรับแขกลืมซอง




 

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2557   
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2557 11:32:59 น.   
Counter : 2091 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]