เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

'ซีทีเอช' ลุยฟ้องแอปเปิลละเมิดสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีก




'ซีทีเอช' หวังใช้อำนาจศาลป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ถ่ายภาพสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก หลังล่าสุดยืนฟ้องแอปเปิล 100 ล้านบาท เนื่องจากภายในร้านขายแอปพลิเคชัน ไอทูนส์สโตร์ มีแอปฯที่ละเมิดลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดอยู่และมีการเก็บเงินจากการใช้บริการด้วย

       นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่ทางซีทีเอช ต้องออกมาฟ้องร้องทางแอปเปิลในครั้งนี้ เนื่องมาจากแอปพลิเคชัน Sport Channel และอย่างน้อยอีก 5 แอปฯ ที่เปิดให้ดาวน์โหลดในไอทูนส์สโตร์ มีการลักลอบนำสัญญาณของซีทีเอช ไปใช้ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

       ซึ่งกรณีดังกล่าวจะคล้ายคลึงกับก่อนหน้านี้ที่ทางสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ได้ยื่นฟ้องไปยังแอปเปิลเพื่อให้เข้ามาจัดการแอปพลิเคชันซึ่งนำคอนเทนต์ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติและก่อให้เกิดความเสียหายกับกลุ่มสมาชิกในสมาคม

"ความแตกต่างระหว่างกรณีที่ซีทีเอชฟ้องกับทางสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ฟ้องคือ แอปพลิเคชันที่ลักลอบนำสัญญาณถ่ายทอดสดไปเป็นแอปพลิเคชันเสียเงินที่อยู่ติดอันดับแอปฯขายดี ทำให้เกิดความเสียหายกับทางซีทีเอชเป็นอย่างมาก"

       ซึ่งก่อนที่จะมีการฟ้องร้องทางซีทีเอชเคยแจ้งให้ทางแอปเปิลดำเนินการถอดแอปพลิเคชันนี้ออกจากไอทูนส์สโตร์แล้ว แต่ยังไม่มีการตอบรับกลับมาแต่อย่างใด ทำให้เกิดการตัดสินใจที่จะยื่นฟ้องต่อต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท ซึ่งศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2556 เวลา 9.00น.

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรัตน์ชัย มั่นศรีถาวร ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ ได้เข้ายื่นฟ้องทางบริษัท แอปเปิล อิงค์ จำกัด บริษัท แอปเปิล เซาท์ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด และนายจีนน์ แดเนียล เลวอฟฟ์ กรรมการของบริษัท แอปเปิล เซาท์ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้า และปลอมหรือเปลี่ยนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 27 เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2556 เวลา 11.00น.

       โดยทีมที่ปรึกษากฎหมายของซีทีเอช ระบุว่า จะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกรายในท้องตลาดที่กระทำการใดๆก็ตามอันเป็นการ 1.จัดทำโสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียงหรืองานแพร่เสียงแพร่ภาพอื่นใด ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน 2.แพร่เสียงแพร่ภาพซ้ำ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน และ 3. จัดให้ประชาชนฟังหรือชมงานแพร่เสียงแพร่ภาพโดยเรียกเก็บเงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นในทางการค้า ล้วนเป็นการกระทำอันผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ทั้งสิ้น ซึ่งซีทีเอชจะดำเนินการอย่างถึงที่สุดทั้งตามกฎหมายแพ่งและอาญา

       นอกจากกล่องและอุปกรณ์เถื่อนแล้ว ยังได้แจ้งว่าจะดำเนินคดีต่อบรรดาเจ้าของแอปพลิเคชันหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อื่นใดในกล่อง อุปกรณ์เถื่อน หรือในโทรศัพท์มือถือ ที่นำเอาลิงก์หรือช่องทางที่ทำให้รับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกหรือรายการเคเบิลอื่นๆอันเป็นลิขสิทธิ์ของซีทีเอช

       ซึ่งเหตุที่ซีทีเอชต้องดำเนินการปราบปรามอย่างเด็ดขาดเพราะปัจจุบันเริ่มมีการพยายามละเมิดลิขสิทธิ์ของซีทีเอชเป็นจำนวนมาก ขอให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่กระทำการละเมิดลิขสิทธิ์หยุดการละเมิดทันที รวมถึงขอให้ผู้บริโภคอุดหนุนสินค้าหรือบริการที่ถูกกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้บริโภค

       เพราะหากซีทีเอชตรวจพบผู้ประกอบการรายใดที่รับสัญญาณจากซีทีเอชแล้วนำไปใช้ในการค้าอันเป็นการละเมิดสิขสิทธิ์ ซีทีเอชมีสิทธิตามกฎหมายและตามสัญญาในการตัดสัญญาณทันทีโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า และหากผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการรายใดมีเบาะแสการละเมิดลิขสิทธิ์ใดๆของซีทีเอช สามารถแจ้งเบาะแสดังกล่าวได้ทันที

อย่างไรก็ดีในกรณีที่ทางสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ได้ยื่นฟ้องแอปเปิลเรื่องที่มีการนำคอนเทนต์ที่มีลิขสิทธิ์ไปใช้นั้น ทางนายกสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ หรือ SONP นายนิรันดร์ เยาวภาว์ ให้ข้อมูลว่า ทางแอปเปิลได้ติดต่อขอเจรจาจ่ายค่าเสียหายกับทางสมาคมแล้ว ซึ่งระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการจ่ายค่าเสียหาย

       นายไพบูลย์ กล่าวเสริมว่า หลังจากนี้ก็ต้องรอดูว่าทางแอปเปิลจะมีการตอบสนองอย่างไร ซึ่งถ้ายื่นขอเจรจามาเช่นเดียวกับสมาคมฯ ก็ต้องดูว่าทางกรรมการซีทีเอชจะทำอย่างไร เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทางซีทีเอชก็ได้ถูกร้องเรียนมาจากบริษัทที่ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลผ่านอุปกรณ์พกพาอย่างเอไอเอสด้วยเช่นเดียวกัน

       สำหรับการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกผ่านแอปพลิเคชันในประเทศไทย ทางซีทีเอช ได้ร่วมมือกับทางเอไอเอส ในการเผยแพร่ผ่านแอปพลิเคชัน AIS BPL แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น การเผยแพร่ผ่านแอปพลิเคชันอื่นถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของซีทีเอช

//www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9560000115090




 

Create Date : 12 กันยายน 2556   
Last Update : 12 กันยายน 2556 21:07:50 น.   
Counter : 1390 Pageviews.  

“น้องมะนาว” อดีตมิสทีนลงบันทึกประจำวันหลังมือดีโพสต์รูปคู่ป๋าเติ้ง

"น้องมะนาว" อดีตมิสทีนเดินทางมาลงบันทึกประจำวัน
“มะนาว ศรศิลป์” อดีตมีสทีนโร่ลงบันทึกประจำวันหลังโดนมือดีโพสต์ภาพคู่บรรหาร และมีข้อความในทำนองว่าเป็นเมียน้อย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

       วันนี้ (11 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น.ที่ สน.บางซื่อ น.ส.ศรศิลป์ มณีวรรณ์ อายุ 21 ปี นักแสดงชื่อดังสังกัดสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 และมิสทีนไทยแลนด์ปี 2008 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ช่อง 7 และผู้ดูแลจากการประกวดเวทีมิสทีนไทยแลนด์ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ทิวากร โปร่งเส็ง พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ หลังจากกรณีที่มีบุคคลโพสต์ข้อความในทำนองว่า น.ส.ศรศิลป์ เป็นภรรยาน้อยของนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ผ่านทางโปรแกรมไลน์ และมีรูปคู่ระหว่าง น.ส.ศรศิลป์ กับ นายบรรหาร เผยแพร่ทางโซเชียลเน็ตเวิร์กด้วย

       ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนแนะนำทาง น.ส.ศรศิลป์ ว่า ให้ลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานไว้ก่อน ซึ่งหลังจากนี้ให้เข้าแจ้งความกับทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เนื่องจากการโพสต์ภาพและข้อความดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี

       น.ส.ศรศิลป์ กล่าวว่า ตนเดินทางมา สน.บางซื่อ ในวันนี้ เพื่อมาลงบันทึกประจำวันเพียงเท่านั้น ซึ่งครั้งแรกที่ตนพบข้อความและรูปดังกล่าวนั้น ตนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และอยากที่จะทราบว่าใครเป็นคนโพสต์ และมีจุดประสงค์อะไรในการโพสต์ครั้งนี้ เพราะทำให้ตนเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงกับตนและครอบครัว รวมไปถึงทำให้นายบรรหารเสื่อมเสียชื่อเสียงอีกด้วย จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้

       อนึ่ง ก่อนหน้านี้มีผู้โพสต์ข้อความว่า “จะรู้ว่าคนที่เป็นถึง “คุณหญิง” มีทั้งเงิน มีทั้งชื่อเสียงในจังหวัดไม่มีใครไม่รู้จัก มาวันนี้คุณหญิงต้องหนีไปบนเขา เพื่อบวชหนีความอัปยศที่สามีเป็นเฒ่าตัณหากลับ มีลูกกับเด็กสาวในวัย 80 เธอจะเจ็บช้ำแค่ไหน แม่ชีคุณหญิงทราบดี เพราะอยู่ดูหน้าคนในจังหวัดไม่ได้ อับอายที่สามีไปมีลูกกับเด็กรุ่นหลาน บวชให้สบายใจนะคะ แม่ชีคุณหญิง “แจ่มใส ศิลปอาชา” ขอเป็นกำลังใจให้แม่ชีคุณหญิงบรรลุธรรมนะคะ ที่จะทำให้แม่ชีคุณหญิงมีความสุขที่แท้จริง เงินทองที่มีไม่ได้ช่วยให้แม่ชีคุณหญิงมีความสุขค่ะ บุญรักษานะคะ”















//www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000114669




 

Create Date : 11 กันยายน 2556   
Last Update : 11 กันยายน 2556 21:22:16 น.   
Counter : 3335 Pageviews.  

ย้อนรอยคดีงาบรถ-เรือดับเพลิง กทม.เหตุ “ประชา มาลีนนท์” ต้องโทษถึงคุก!




จากกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้ นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย และ พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.มีความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูล ปี 2542 กรณีจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ของกรุงเทพมหานคร มูลค่า 6.6 พันล้านบาท

   ย้อนรอยคดีนี้ต้องเริ่มกันตั้งแต่ปี 2547 เมื่อ นายสมัคร สุนทรเวช ในสมัยดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ได้เซ็นลงนามซื้อขายเรือและรถดับเพลิง เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2547 โดยการลงนามในสัญญาเกิดขึ้นในขณะนั้นนายสมัคร ซึ่งรักษาการผู้ว่าฯ กทม.ในช่วงรอเลือกตั้งหาผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ วันสุดท้ายของการรักษาการก่อนที่อีกสองวันต่อมา คือในวันที่ 29 ส.ค. 2547 จะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ส่งนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ลงสมัครชิงชัย จึงเห็นว่ามีความผิดปกติในการเร่งลงนามสัญญา

       ต่อมานายอภิรักษ์ได้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.จึงได้ตัดสินใจเปิดแอลซีตามที่ได้ลงนามสัญญาไว้กับบริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด และหลังจากเปิดแอลซีไปแล้วพบว่า สัญญาดังกล่าวเอกชนมีความได้เปรียบในหลายประการ จึงได้แก้แอลซีใหม่ โดยมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับ กทม.เพิ่มเติม เช่น การให้บริษัทจัดอบรมและศึกษาดูงานแก่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานดับเพลิงของ กทม.ทั้งในและต่างประเทศ แต่หลายฝ่ายก็มองว่าไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาสัญญาที่เสียเปรียบ

       นอกจากนี้ยังมีการร้องเรียนเพิ่มเติมว่า การจัดซื้อรถดับเพลิงครั้งนี้ มีราคาแพงผิดปกติ มีการเรียกรับสินบนของข้าราชการ กทม.เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นการดำเนินการในระดับประเทศ และกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคู่ค้า อีกทั้งมูลค่าโครงการนั้นมีจำนวนสูงมาก จึงทำให้เป็นที่สนใจของประชาชน รวมถึงการถูก ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ร้องเรียนเรื่องการล็อกสเปกเอื้อเอกชน โดยเริ่มเป็นการพยายามมุ่งเน้นให้เป็นประเด็นทางการเมือง

       อย่างไรก็ตาม หลังจากการออกมาแฉข้อมูลดังกล่าว ผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับรัฐบาล อย่างรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะระหว่างกระทรวงมหาดไทย (มท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแล กทม.และผู้บริหาร กทม.ที่เกี่ยวข้องกับสัญญาโดยตรง ต่างก็ออกมาสาดโคลนทางการเมืองใส่กันว่าใครกันแน่เป็นคนทำผิดหรือตั้งใจจะทุจริต โดยทาง กทม.ก็อ้างเหตุผลที่ว่า มท.ในฐานะกำกับดูแลไปทำสัญญาในระดับประเทศมาแล้ว จึงเร่งให้ กทม.ลงนามเปิดแอลซีเพื่อสัญญาซื้อขายมีผลสมบูรณ์ จะได้ไม่เป็นปัญหากับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคู่สัญญา ส่วน มท.ก็อ้างว่า ถ้า กทม.เห็นว่าสัญญาผิดก็ไม่ควรยอมรับด้วยการเปิดแอลซี และยกเลิกไป โครงการก็จะไม่เดินหน้า ก็เลยเป็นปัญหาจบไม่ได้คล้ายๆ ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน

       ทั้งนี้ ในการสอบสวนข้อมูลการทุจริตดังกล่าว ได้มีหน่วยงานตรวจสอบหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง โดย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ. 2548 ให้ ป.ป.ช.สืบสวนสอบสวนข้อมูลการทุจริตในโครงการดังกล่าว แต่ก็ต้องสะดุดลงเนื่องจากเกิดการรัฐประหารขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 จึงได้มีความพยายามนำเรื่องไปให้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นำไปพิจารณาต่อ แต่กรรมการตรวจสอบที่มี นายนาม ยิ้มแย้ม พิจารณาเรื่องนี้นานกว่า 1 ปีครึ่ง คดียังไม่จบ

       นอกจากนี้ ในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็มีการรับเรื่องดังกล่าวเข้าเป็นคดีพิเศษและมีการตรวจสอบ และในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีข้อสรุปในคดี หลังจากการสอบปากคำพยานกว่า 50 ปาก และรวบรวมพยานเอกสาร 1.5 หมื่นแผ่น พบความผิด อาทิ จัดซื้อเกินวงเงินที่ได้รับอนุมัติจาก ครม.เพราะราคาที่รวมภาษีอากรเป็นเงินถึง 8,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินที่เพิ่มขึ้นไม่มีการนำเสนอขออนุมัติจาก ครม.อีกทั้งการสอบสวนพบว่ามีการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงมูลค่า 6,687 ล้านบาท เป็นราคาที่แพงจนรัฐเกิดความเสียหาย เพราะราคาที่ซื้อขายกันจริงนั้นเพียง 3,000-3,500 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนมีมติให้ส่งสำนวนคดีชี้มูลความผิดผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 7 คนที่เกี่ยวพันโดยตรงกับการจัดซื้อจัดจ้าง พร้อมส่งสำนวนให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาต่อไป

       ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.รับเรื่องนี้มาดำเนินงานต่อ โดยมี นายวิชา มหาคุณ เป็นประธานคณะอนุกรรมการในการไต่สวนเรื่องนี้ จนกระทั่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ชี้มูล มีผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย 1.นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. 2.นายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กทม. 3.นายโภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 4.นายประชา มาลีนนท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 5.นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 6.พล.ต.ต.อธิรักษ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.และ 7.บริษัท สไตเออร์ฯ คู่สัญญา จากออสเตรีย

       โดยมีมติวินิจฉัยว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดในการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรณีสั่งเปิดแอลซี (L/C-Letter of Credit) กับธนาคารกรุงไทยเพื่อชำระเงินบริษัท สไตเออร์ฯ ของออสเตรีย ผู้ผลิตรถดับเพลิงและอุปกรณ์ดับเพลิง แต่ในปี 2552 นายสมัคร สุนทรเวช หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาในสมัยดำรงตำแหน่งรักษาการผู้ว่าฯ กทม.ได้เสียชีวิตลง จึงเหลือผู้ถูกกล่าวหาเพียง 6 รายเท่านั้น ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

       หลังจากนั้นคดีไปอยู่ในชั้นอัยการอยู่ประมาณ 2 ปี จนสุดท้าย ป.ป.ช.ตัดสินใจฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลได้ประทับรับฟ้อง คดีนี้ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองเป็นคดีแรกที่ ป.ป.ช.ตั้งทนายฟ้องเอง กระทั่งในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้รับฟ้องคดีไว้พิจารณา เพื่อมีคำพิพากษาพร้อมนัดพิจารณาคดีครั้งแรกในเดือน พ.ย. 2554 เป็นต้นมา จนกระทั่งวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนพยานนัดสุดท้าย คดีหมายเลขดำ อม.5/2554 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ และได้ให้คู่ความยื่นคำแถลงปิดคดีไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา

       ทั้งนี้หากจำเลยทั้ง 6 รายกระทำผิดจริงตามมาตรา 157 คือ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

       อย่างไรก็ตาม ผลการตัดสินของศาลที่ออกมาในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556 นี้จะออกมาอย่างไรจะส่งผลต่อ กทม.เพราะเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของ อนุญาโตตุลาการ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่ง กทม.ต้องการเลิกสัญญา โดยหากศาลตัดสินว่ามีการทุจริตจริง อาจจะทำให้สัญญาที่กระทำขึ้นนั้นผิดไปด้วย ซึ่งจะทำให้การฟ้องร้องเรื่องสัญญามิชอบนั้นได้เปรียบ เป็นประโยชน์ต่อการที่จะไม่ต้องยอมรับการซื้อขายรถดับเพลิง และอาจจะได้รับเงินที่จ่ายไปทั้ง 9 งวดคืน แต่หากไม่พบว่ามีการกระทำความผิดหรือทุจริต และสัญญาซื้อขายดังกล่าวนั้นเป็นไปอย่างถูกต้อง อาจจะส่งผลให้ กทม.ต้องยอมรับการซื้อขายและยอมรับรถและเรือดับเพลิงที่ถูกส่งมาให้ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งขณะนี้สภาพของรถดับเพลิงที่จอดทิ้งไว้ประมาณ 7 ปี เสื่อมสภาพจนไม่น่าจะใช้การได้ จะต้องเสียงบประมาณในการซ่อมแซมก่อนนำมาใช้ ก็จะกลายเป็นว่า กทม.และรัฐบาลเสียเงินไปฟรีๆ จำนวนมากมายมหาศาล

       ถือเป็นอีกคดีการทุจริตโครงการจัดซื้อของรัฐครั้งประวัติศาสตร์ ที่ต้องเสียเงินงบประมาณจำนวนมหาศาลไปโดยเปล่าประโยชน์ ตอกย้ำความประพฤติชั่วของนักการเมือง และข้าราชการขี้ฉ้อที่ร่วมกันนำเงินภาษีอากรประชาชนมาแสวงหาประโยชน์ใส่กลุ่มพวกพ้องและตนเอง


//www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000114118




 

Create Date : 10 กันยายน 2556   
Last Update : 10 กันยายน 2556 22:04:31 น.   
Counter : 1885 Pageviews.  

TG เผยผู้โดยสารบาดเจ็บออกจาก รพ.แล้ว 12 ยังเหลือ 2 - ยันทุกเที่ยวบินเปิดตามปกติ



การบินไทยแจ้งผ่าน LINE ผู้โดยสารบาดเจ็บจากเหตุเครื่องแอร์บัสเที่ยวบิน TG679 ไถลครูดรันเวย์สุวรรณภูมิ ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 12 ยังพักรักษาตัวอีก 2 คน และได้ลำเลียงสัมภาระออกจากตัวเครื่องแล้ว พร้อมส่งให้ผู้โดยสารตามที่อยู่ที่แจ้ง ยืนยันทุกเที่ยวบินยังเปิดบริการตามปกติ

       ความคืบหน้าเหตุการณ์เครื่องบินแอร์บัส เอ330-300 ของการบินไทย เที่ยวบิน TG-679 กว่างโจว-กรุงเทพฯ ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ขณะจะลงจอดที่สนามบินสุวรณภูมิ เมื่อกลางดึกวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อเวลา 18.32 น.วันนี้(9ก.ย.) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่ข้อความผ่านไลน์ Thai Airways ว่า ขณะนี้ ผู้โดยสารที่เข้าทำการรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลจำนวน 14 ท่าน ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วจำนวน 12 ท่าน เหลือที่ยังพักรักษาอาการอยู่ในโรงพยาบาล จำนวน 2 ท่าน

       บริษัทฯ ได้ลำเลียงสัมภาระออกจากเครื่องบินแล้ว และกำลังนำส่งให้ท่านผู้โดยสารตามที่อยู่ที่ได้แจ้งไว้กับบริษัทฯ ทั้งนี้ ท่านสามารถตรวจสอบสถานะของสัมภาระและติดตามสัมภาระได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ (02) 134-5466 ถึง 68

       บริษัทฯ ยังให้บริการเที่ยวบินตามปกติทุกเที่ยวบิน ทั้งนี้ ท่านผู้โดยสารสามารถตรวจสอบตารางการบินได้ที่ //www.thaiairways.com หรือ THAI Contact Center โทร. (02) 356-1111





//www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000113635




 

Create Date : 09 กันยายน 2556   
Last Update : 9 กันยายน 2556 22:09:27 น.   
Counter : 1526 Pageviews.  

ประจวบฯ เครียด! ตร.ยิงแก๊สน้ำตาสลายม็อบสวนยาง

ตำรวจเข้าสลายม็อบสวนยางที่บางสะพาน ใช้โล่-กระบองเข้าดันผู้ชุมนุมออกจาก ถ.เพชรเกษม พร้อมมีเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง คาดเป็นระเบิดแก๊สน้ำตา ล่าสุดสถานการณ์คลี่คลาย แต่ จนท.ยังตั้งแถวประจันหน้าผู้ชุมนุม

       สถานการณ์การชุมนุมของเกษตรกรชาวสวนยางพาราที่ อ.บางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลังจากที่กลุ่มเกษตรกรไม่พอใจมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลที่ไม่ยอมเข้าแทรกแซงราคาที่กิโลกรัมละ 100 บาท โดยเพียงช่วยเหลือค่าปัจจัยการผลิตไร่ละ 1,260 บาท รายละไม่เกิน 25 ไร่ จึงได้เคลื่อนมวลชนมาปิดเส้นทางจราจรบริเวณถนนเพชรเกษม หลักกิโลเมตรที่ 412-413 อ.บางสะพาน ทั้งขาขึ้น และขาล่อง

       ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้กระบองและโล่ห์เข้าไปดันผู้ชุมนุมให้ออกไปจากผิวถนน ทำให้เกิดความชุลมุนขึ้น และมีเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้ง ซึ่งคาดว่าเป็นระเบิดแก๊สน้ำตาที่ตำรวจนำมาใช้สลายการชุมนุม ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมขยับออกมาอยู่ริมถนน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปอยู่บนถนนแทน พร้อมกับตั้งแถวเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุมในระยะห่างเพียง 5 เมตร และมีรายงานตำรวจได้จับแกนนำผู้ชุมนุมไป 10 คน

       ล่าสุดมีรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้มารวมตัวกันมากขึ้น โดยขยับออกมาจากจุดชุมนุมเดิมเล็กน้อย

       ขณะที่ นายประมวล พงศวราเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการ new hour ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีผู้จัดการ ว่า มีการประทะกันระหว่างกลุ่มผุ้ชุมนุมกับจนท.ตร.ซึ่งก็ยังตรึงเครียดอยู่ ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมก็ยังรวมตัวกันมาเพิ่มเรื่อยๆ ขณะที่นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ชี้แจงในที่ประชุมว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงในการสลายม็อบ ตนอยากถามว่า สิ่งที่นายณัฐวุฒิ พูดเชื่อถือได้หรือไม่ เพราะขณะนี้สถานการณ์กำลังเผชิญไม่ได้เป็นไปอย่างที่นายณัฐวุฒิชี้แจงเลย ส่วนการใช้แก๊สตาหรือไม่ตนได้สอบถามชาวบ้านบอกว่าได้ยินเสียงดังตูมๆหลายครั้ง ทั้งนี้จนท.ตำรวจ ได้จับกุมตัวแกนนำไปด้วยแต่ไม่ทราบว่าได้จับไปไว้ที่ไหน

ภาพจากเฟซบุ๊ก Voy Pornpisit






//www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000111941




 

Create Date : 05 กันยายน 2556   
Last Update : 5 กันยายน 2556 22:17:57 น.   
Counter : 1776 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]