IN PICs: สื่อนอกประโคมข่าว "น้ำมันรั่ว" ที่เสม็ด "ทหารเรือ" ช่วยทำความสะอาดชายหาด เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - สื่อนอก เป็นต้นว่า สำนักข่าวเอเอฟพี สำนักข่าวรอยเตอร์ พากันเสนอภาพทหารเรือไทยกระจายกำลังออกช่วยทำความสะอาดชายหาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งปกคลุมด้วยคราบน้ำมันที่เกิดจากท่อรับน้ำมันกลางอ่าวไทยของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ปล่อยน้ำมันดิบรั่วไหลลงสู่ทะเล        สื่อนอกเหล่านี้เสนอภาพของทหารเรือ เจ้าหน้าที่ของบริษัทพีทีที และอาสาสมัคร สวมชุดป้องกันสารพิษสีขาว พร้อมหน้ากากและถุงมือ พากันใช้ถังน้ำ สายยาง และพลั่ว ทำความสะอาดชายหาด รวมทั้งใช้กระดาษแบบพิเศษซับคราบน้ำมัน        น้ำมันน้ำมันปริมาตรราว 50,000 ลิตรที่รั่วไหลลงสู่อ่าวไทยครั้งนี้ มาจากท่อรับน้ำมันดิบของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 20 กิโลเมตร โดยคาดการณ์กันว่าอุบัติเหตุคราวนี้สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการประมงเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท //www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000093814   Create Date : 30 กรกฎาคม 2556     1 comment Last Update : 30 กรกฎาคม 2556 21:47:36 น.     Counter : 2798 Pageviews.   Share Tweet

“พีทีที โกลบอล” แถลงเก็บคราบน้ำมันดิบร้อยละ 70 แล้ว-เตรียมแยกน้ำออกนำกลับมาใช้ใหม่ ระยอง - “พีทีที โกลบอล” แถลง อ้างขจัดคราบน้ำมันดิบรั่วกลางทะเลระยองได้ร้อยละ 70 แล้ว โดยได้ดูดน้ำมันใส่ถัง เตรียมนำเข้ากระบวนการแยกน้ำออกเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ส่วนคราบน้ำมันตามชายหาด ได้ใช้พลั่วตักเก็บไปเรื่อยๆ พร้อมใช้ผ้าซับดูดขึ้นมา อ้างคราบจางลงมากแล้ว พร้อมระบุน้ำมันดิบเป็นสารธรรมชาติ แค่ใส่สารก็แตกสลายไปเอง ไม่น่าตกใจ        วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการจัดเก็บคราบน้ำมันบริเวณหาดอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด หมู่ 4 ต.เพ อ.เมืองระยอง ทางบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้แถลงการณ์ล่าสุด ว่า นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และคณะผู้บริหารของบริษัทฯ ได้เดินทางไปที่อ่าวพร้าว พร้อมส่งพนักงานดำเนินการเก็บคราบน้ำมัน ต่อมา กำลังทหารจากกองพันทหารราบที่ 7 ค่ายมหาสุรสิงหนาถ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ระยอง กว่า 300 คน ซึ่งทางผู้ว่าฯ ได้ขอกำลังทหารมาสนับสนุนเพิ่มอีก 200 นาย ระดมเก็บคราบน้ำมัน        นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดเรือ จำนวน 5 ลำ ร่วมกับเรือจากกองทัพเรือ กรมเจ้าท่า บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) อีก 5 ลำ ระดมฉีดน้ำยาสลายคราบน้ำมัน รวมทั้งเครื่องบิน c 130 ของบริษัท ออยล์ สปิลเรสปอนด์ จำกัด ได้พ่นน้ำยาสลายคราบน้ำมันรวม 32,000 ลิตร โดยได้รับการสนับสนุนน้ำยาจากบริษัท ไทยออยล์ สตาร์ปิโตรเลี่ยม รีไฟนิ่ง จำกัด และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน)        ส่วนมาตรการในขณะนี้คือ การวางบูมที่บริเวณหัว และท้ายของอ่าวพร้าว เพื่อป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันกระจายออกไปนอกอ่าวพร้าว พร้อมทั้งให้เรือฉีดน้ำยาสลายคราบน้ำมันเพิ่มเติมที่กลุ่มคราบน้ำมันกำลังลอยบริเวณหน้าอ่าวขาม และอ่าวน้อยหน่า ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้จัดส่งเครื่องดักจับคราบน้ำมัน และอุปกรณ์ต่างๆ ไปเพิ่มเติมให้แก่ทีมงานอย่างสุดความสามารถ และจะดำเนินการขจัดคราบน้ำมันให้หมดโดยเร็วที่สุด        นายพรเทพ บุตรนิพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ดูดคราบน้ำมันมาใส่ถัง และจะนำไปเข้าขบวนการแยกน้ำออกและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ส่วนคราบน้ำมันที่อยู่บริเวณชายหาดจะใช้พลั่วตักขึ้นมา และไล่เก็บไปเรื่อยๆ จะใช้ผ้าซับน้ำมันแล้วดูดน้ำมันขึ้นมา จะเห็นได้ว่าน้ำมันจะเริ่มจางลงเรื่อยๆ จากเมื่อเช้าที่ผ่านมามีสีดำเข้ม ส่วนน้ำมันดิบนั้นเป็นสารธรรมชาติเกิดจากสิ่งที่มีชีวิตหมักหมมเป็นเวลานานแรมปีทำให้โมเลกุลเกาะกันแน่นเกิดการเหนียว พอใส่สารเคมีลงไปจะเกิดการแตกตัวสลายโดยธรรมชาติได้ ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไร        เรื่องสิ่งแวดล้อมด้วยถ้าปล่อยทิ้งไว้ลักษณะแบบนี้จะค่อยๆ สลายโดยธรรมชาติแต่ต้องใช้เวลานาน และจะดูไม่สวยงาม ถ้าเรากำจัดโดยรวดเร็วหาดทรายจะกลับคืนสภาพปกติ ผลกระทบจะไม่มีเพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ ส่วนใหญ่คราบน้ำมันจะมารวมกันที่อ่าวพร้าวเพราะเป็นเวิ้ง ส่วนที่จะมีน้ำมันเล็ดลอดไปนั้นเป็นคราบฟิล์มบางๆ เราจะใช้เรือพ่นสารเคมีให้จมลงไปใต้ทะเลแต่น้อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่น้ำมันจะอยู่ที่บริเวณอ่าวพร้าว จะให้เจ้าหน้าที่นำบล็อกไม่ให้กลับคืนสู่กลางทะเล        ขณะนี้ได้รีบเร่งกำจัดคราบน้ำมันให้โดยเร็ววัน ซึ่งได้รับความร่วมมือมาจากทหารจากกองทัพเรือ 300-600 คน เข้าช่วยกำจัดคราบน้ำมัน จากวันแรกที่รั่วมาประมาณ 50 ตัน เราจัดเก็บไป 70 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้เรือพ่นสารเคมี และใช้เครื่องบินเพื่อให้ขจัดคราบน้ำมันให้หมดไปโดยเร็ววัน พอเรากำจัดคราบน้ำมันหมดแล้วจะเก็บตัวอย่างของน้ำ ทราย ไปวิเคราะห์ตรวจว่ามีผลกระทบต่อสัตว์น้ำอย่างไร แต่คาดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบเพราะน้ำมันเป็นสิ่งธรรมชาติสามารถย่อยสลายได้แต่ต้องใช้เวลานานเท่านั้นเอง //www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000093263   Create Date : 29 กรกฎาคม 2556     0 comment Last Update : 29 กรกฎาคม 2556 22:20:48 น.     Counter : 1690 Pageviews.   Share Tweet

ผบก.ปอท.เผย คลิปอัลกอิดะห์ขู่ฆ่า “ทักษิณ” ไม่ใช่ตัดต่อ! ผบก.ปอท.เผยกรณีคลิปจากอัลกออิดะห์ ขู่ฆ่า “ทักษิณ ชินวัตร” น่าไม่ใช่การตัดต่อ จึงเตรียมประสานไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อให้ช่วยตรวจสอบ        วันนี้ (28 ก.ค.) พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคลิปวิดีโอจากอัลเคดา (อัลกออิดะห์) เพื่อขู่ฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเหตุการณ์สังหารที่มัสยิดกรือเซะ อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อปี 2547 ว่า คลิปดังกล่าวน่าจะไม่มีการตัดต่อ โดยพบว่าเป็นคลิปที่สร้างมาจากทางตะวันออกกลาง อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มไหน ใครจะเป็นคนสร้างหรือทำ        ขณะนี้ได้ประสานไปยังหน่วยงานความมั่นคงของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีข้อมูลอยู่ ซึ่งสิ่งที่นำคลิปวิดีโอมาลงนั้นทำขึ้นเพื่อให้ผู้ถูกข่มขู่เสียประโยชน์ ทำให้จำกัดความเคลื่อนไหว ผลสรุปความชัดเจนน่าจะทราบในวันพรุ่งนี้ (29 ก.ค.) ที่จะมีการประชุมและรายงานในที่ประชุมทราบ ร่วมกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เวลา 16.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ //www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9560000092700   Create Date : 28 กรกฎาคม 2556     0 comment Last Update : 28 กรกฎาคม 2556 19:50:05 น.     Counter : 2039 Pageviews.   Share Tweet

ศิษย์ไอ้คำฟ้อง "ดีเอสไอ-ไทยรัฐ-มติชน" ลั่นฟ้องทุกสื่อที่บิดเบือน "สุขุม" ศิษย์สมีคำเข้าแจ้งความ สภ.บางใหญ่ ฟ้องดีเอสไอ ไทยรัฐ มติชน ข้อหาหมิ่นประมาท หลังให้สัมภาษณ์และเผยแพร่ข่าวที่ไม่เป็นความจริง ยันไม่เคยได้รับโทรศัพท์ให้พาน้องชาย พ่อ และแม่สมีคำไปตรวจดีเอ็นเอ จวกให้ข่าวเคยต้องหลายคดีทำให้เสียชื่อเสียง ลั่นจะฟ้องทุกสื่อที่ลงข้อความบิดเบือน        วันนี้ (27 ก.ค.) นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม และนายเริงศักดิ์ กำธร สองลูกศิษย์อดีตพระเณรคำ หรือนายวิรพล สุขผล เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.ประวีณ วงศ์ปัญญา พนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อให้ดำเนินคดีกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นสพ.ไทยรัฐ และนสพ.มติชน ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา        นายสุขุม กล่าวว่า ตนมาแจ้งความดำเนินคดีกับ นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 26 ก.ค. 2556 หลังใช้หัวข้อข่าว "เรียกพ่อ แม่ ตรวจดีเอ็นเอ" ซึ่งในรายละเอียดระบุว่า พ.ต.ท.วิชิต อุปะลา รองผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์ว่าได้โทรศัพท์ติดต่อกับตนแล้วให้พานายสุริ สุขผล น้องชายของนายวิรพล ที่อ้างว่าเป็นพ่อของเด็กที่เกิดกับ น.ส.เอ (นามสมมุติ) มาตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ในวันที่ 25 ก.ค. และมีบางข้อความระบุว่า ตนจะพานายสุริ พร้อมด้วยพ่อและแม่ของนายวิรพลมาตรวจดีเอ็นเอตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 31 ก.ค. ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่ได้มีการติดต่อหรือพูดคุยทางโทรศัพท์ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด โดยข้อความดังกล่าวทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมาก จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายกับนสพ.มติชน และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าว        นายสุขุม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนเองยังได้แจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมกับ นสพ.ไทยรัฐ ที่ลงข้อความของพ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ ที่กล่าวหาตนว่าเคยถูกออกหมายจับในคดียักยอกทรัพย์ โดยผู้เสียหายได้แจ้งความไว้ที่ สน.ชนะสงคราม และต่อมาศาลได้ออกหมายจับตน รวมถึงกล่าวหาว่าตนเคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลมาแล้วหลายครั้ง และเคยถูกจับกุมในคดีชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่ สน.ดุสิต จากข้อความดังกล่าวทำให้ตนต้องเสียชื่อเสียงและเป็นคนไม่ดีในสายตาของผู้ที่ได้รับรู้เรื่องราวดังกล่าว ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล จึงจำเป็นต้องแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นจำเลยที่ 1 พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว จำเลยที่ 2 และบรรณาธิการ นสพ.ไทยรัฐ เป็นจำเลยที่ 3        "หลังจากนี้ผมและนายเริงศักดิ์จะเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับทุกสื่อที่ลงข้อความบิดเบือนความจริง ทุกโรงพักที่ปรากฎอยู่ในสื่อทุกแขนง" นายสุขุม กล่าว //www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000092461   Create Date : 27 กรกฎาคม 2556     0 comment Last Update : 27 กรกฎาคม 2556 22:42:33 น.     Counter : 1558 Pageviews.   Share Tweet

แฉอีก! ร.ร.เอกชนสอน ป.ตรี-โท ไม่ขออนุญาต ขณะที่ สกอ.แขวนชื่อมหา'ลัยเถื่อนบนเว็บเพจแล้ว รมช.ศึกษาฯ แฉ! พบเบาะแส ร.ร.เอกชนแห่งหนึ่งแอบอ้างเปิดสอน ป.ตรี-โท โดยไม่ขออนุญาต สั่ง สกอ.เร่งตรวจสอบเอาผิดตาม กม.พร้อมเผยแขวนชื่อมหา’ลัยเถื่อนบนเว็บเพจ “ศูนย์ปราบปรามวุฒิเถื่อน” ทั้งประเภทแอบอ้างร่วมกับสถาบันในต่างประเทศ เช่น ม.อดัมสัน หรือมหา’ลัยที่ไม่ได้รับรองจากต่างประเทศ และพิสูจน์ตัวตนไม่ได้ อย่าง ม.สันติภาพโลก หวังให้ ปชช.มาตรวจสอบข้อมูลได้ รวมทั้งเป็นช่องทางให้แจ้งเบาะแสด้วย        วันนี้ (25 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายและรับฟังปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของ สกอ.ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีหน้าที่หลักในการพัฒนาคนเพื่อไปพัฒนาประเทศ ในส่วนของมหาวิทยาลัยก็มีความสำคัญ แม้ว่าจะเป็นปลายทางในการผลิตบุคลากรออกไปรับใช้สังคม ดังนั้น จึงอยากให้ สกอ.ช่วยดูเรื่องการพัฒนามหาวิทยาลัยให้ติดอันดับมหาวิทยาลัยโลกมากขึ้น ไม่ใช่ติดเป็นแค่ 2-3 แห่งเท่านั้น ขณะเดียวกัน ตนพร้อมจะผลักดันการแปรญัญติเพิ่มงบประมาณให้มหาวิทยาลัยวิจัยทั้ง 9 แห่ง เป็น 1,000 ล้านบาท จากเดิมที่ได้เพียง 500 ล้าน นอกจากนี้อยากให้มีการสานต่อโครงการผลิตครู เพราะครูถือเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษา รวมถึงเร่งรัดการจัดการศึกษาระบบทางไกลให้มากขึ้น เนื่องจากจากขณะนี้ขอมูลข่าวสารไปไกลมาก ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต ส่วนเรื่องประเด็นร้อนของอุดมศึกษาในเวลานี้โดยเฉพาะการจัดการศึกษาไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของ ศธ.นั้น เป็นเรื่องจะต้องเร่งแก้ไขโดยที่ผ่านมาในส่วนของ สกอ.ได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามวุฒิการศึกษา หรือ วุฒิเถื่อน และมีผู้ส่งข้อมูลเข้ามาจำนวนมาก พร้อมกันนี้ สกอ.ได้จัดทำเว็บเพจ “ศูนย์ปราบวุฒิเถื่อน” เพื่อนำรายละเอียดของมหาวิทยาลัยที่เข้าข่ายไม่ถูกกฎหมาย ประกาศบนเว็บไซต์ของ สกอ. //www.mua.go.th ให้ประชาชนได้ตรวจสอบ และแจ้งเบาะแส โดยจากข้อมูลสามารถจัดกลุ่มมหาวิทยาลัยที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย และ สกอ.จะไม่รับรองวุฒิ เป็น 2 กลุ่ม คือ 1.มหาวิทยาลัยที่อ้างว่าจัดการศึกษาร่วมกับต่างประเทศ คือ มหาวิทยาลัยอดัมสัน (Adamson University) สหรัฐอมริกา International Academy of Management and Economics (IAME) ประเทศฟิลิปปินส์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ยูอิน (California Yuin University) สหรัฐอเมริกา และ Victoria University สมาพันธรัฐสวิส โดยมหาวิทยาลัยกลุ่มนี้ทาง สกอ.จะตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เบื้องต้น สกอ.จะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) รับทราบว่า มหาวิทยาลัยทั้ง 4 แห่งนี้จัดการศึกษาไม่ถูกต้องตามกฎหมายไทยและเป็นวุฒิที่ สกอ.จะไม่รับรอง        นายเสริมศักดิ์ กล่าวต่อว่า กลุ่มที่ 2.มหาวิทยาลัยที่ไม่ได้รับการรับรองจากต่างประเทศ เป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่สามารถสืบค้นต้นสังกัด ไม่มีตัวตน เช่น มหาวิทยาลัยสันติภาพโลก มหาวิทยาลัยโรชวิลล์ (Rochville University) มหาวิทยาลัยลาครอส (Lacrosse University) สหรัฐอเมริกา วิทยาลัยสไปเซอร์ เมโมเรียล (Spicer Memorial College) สาธารณรัฐอินเดีย Islamic University of South Africa สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ Intercultural Open University ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ Dhammakaya Open University (DOU) สหรัฐอเมริกา Darul Uloom Nadwatul Ulama สาธารณรัฐอินเดีย Institut Francais de la Mode สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งจากการตรวจสอบของ สกอ.พบว่า มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ไม่ได้รับการรับรองวิทยฐานะจากหน่วยงานที่รับรองวิทยฐานะของประเทศต่างๆ หรือไม่ได้จดทะเบียนกับ ศธ. สำหรับมหาวิทยาลัยกลุ่มนี้อยู่ในข่ายที่ สกอ.จะไม่รับรองวุฒิ        “ผมยังได้ประสานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และตำรวจท้องที่ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับมหาวิทยาลัยที่มีรายชื่อทั้งหมดที่ สกอ.ไม่รับรองวุฒิ ให้ช่วยติดตามเรื่องนี้ด้วย นอกจากนี้ ยังได้รับแจ้งว่ามีโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งแอบอ้างว่าจัดการเรียนการสอนระดับปริญญาตรี และปริญญาโทได้ โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้สั่งการให้ สกอ.ดำเนินการหาข้อเท็จจริง รวบรวมข้อมูล หลักฐาน และพิจารณาดำเนินการทางคดีกับผู้ประกอบการดังกล่าวต่อไป” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว //www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000091480   Create Date : 25 กรกฎาคม 2556     0 comment Last Update : 25 กรกฎาคม 2556 20:52:37 น.     Counter : 1786 Pageviews.   Share Tweet