เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

คมนาคม เปิดทาง กทพ. ขึ้นค่าทางด่วน 5 บาท ก.ย.นี้




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Thai Traffic Police

รมช.คมนาคม เปิดทางบีอีซีแอล ขึ้นค่าผ่านทางตามสัญญาสัมปทาน หวั่นถูกเอกชนฟ้องร้อง โยนการทางพิเศษแบกภาษีมูลค่าเพิ่มต่อ - ด้าน กทพ. จ่อขึ้นค่าผ่านทาง 5 บาท มีผล 1 กันยายน ปีนี้

เมื่อวันที่ 13 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต รมช.คมนาคม เปิดเผยถึงการปรับขึ้นค่าผ่านทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) และทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) ตามสัญญาสัมปทานในเดือนกันยายน 2556 นี้ว่า ตนได้มอบหมายให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) พิจารณาตามขั้นตอนและให้เป็นไปตามสัญญาสัมปทานระหว่าง กทพ. กับบริษัททางด่วน–กรุงเทพ ที่มีเงื่อนไขให้ปรับทุก ๆ 5 ปี ตามอัตราเงินเฟ้อและดัชนีผู้บริโภค (CPI) ที่เพิ่มขึ้น โดยหากผลพิจารณาออกมาว่าต้องปรับขึ้น ก็คงไม่สามารถยับยั้งได้ เพราะต้องคำนึงถึงสัญญาสัมปทานกับเอกชนด้วย ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นกรณีที่ไม่ให้ปรับขึ้นค่าผ่านทางตามสัญญามาแล้ว ทั้งนี้ ทางผู้บริหารบีอีซีแอลได้มาพบตนแล้ว โดยแจ้งให้ทราบว่าในปีนี้ครบ 5 ปีที่จะต้องขอปรับขึ้นค่าผ่านทาง ตนให้ไปหารือในรายละเอียดสัญญากับ กทพ. และให้เสนอมาตามขั้นตอน

            สำหรับกรณีที่ กทพ. ต้องแบกรับภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat 7%) แทนผู้ใช้ทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 คิดเป็นเงินกว่า 800 ล้านบาทต่อปีสะสมมาตั้งแต่ปี 2535 เป็นเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านบาทนั้น พล.อ.พฤณฑ์ กล่าวว่า ต้องมีการหารือกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อนว่าจะเหมาะสมหรือไม่กับการผลักภาระภาษีมูลค่าเพิ่มให้ผู้ใช้ทางในขณะนี้ จะกลายเป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ใช้ทางมากเกินไปหรือไม่ เนื่องจากเป็นช่วงที่จะมีการปรับขึ้นค่าผ่านทางด้วย ซึ่งเห็นว่า กทพ. ยังพอรับภาระนี้ต่อไปได้ไม่เสียหายและก่อนหน้านี้เคยรับภาระมาตลอด

ทางด้าน นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการ กทพ. กล่าวว่า คาดว่าเบื้องต้นจะปรับขึ้นประมาณ 5 บาท ซึ่ง กทพ. จะเริ่มเจรจากับบีอีซีแอลในเดือนมีนาคมนี้ หลังจากนั้นต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กทพ. คณะรัฐมนตรี (ครม.) และต้องประกาศล่วงหน้า ซึ่งอัตราใหม่จะมีผลในวันที่ 1 กันยายน 2556 ส่งผลให้อัตราค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 1 และ 2 สำหรับรถยนต์ 4 ล้อ จาก 45 บาท เป็น 50 บาท รถยนต์ 6-10 ล้อ จาก 70 บาท เป็น 80 บาท และรถยนต์ 10 ล้อขึ้นไป จาก 100 บาท เป็น 115 บาท

            ส่วนสัญญาสัมปทานทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) และทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) ระหว่าง กทพ. กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพที่จะสิ้นสุดในอีก 9 ปี ขณะนี้ยังไม่ได้พิจารณาเพราะต้องขึ้นอยู่กับนโยบายว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร จะให้ กทพ. บริหารจัดการทางด่วนเอง หรือจะเจรจากับบริษัท ทางด่วน–กรุงเทพเพื่อต่อสัญญา ซึ่งในสัญญาระบุไว้ว่าเมื่อหมดสัญญาแล้ว กทพ. ต้องเจรจาต่อสัญญากับบีอี–ซีแอลก่อนวิธีการอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม การบริหารสัญญาเองจะมีข้อดีที่รัฐจะกำหนดหรือลดราคาค่าผ่านทางได้ง่าย โดยไม่ต้องเจรจากับเอกชนก่อน

  ทั้งนี้ ปริมาณจราจรบนทางด่วนล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2555 เฉลี่ย 1.7 ล้านคันต่อวัน โดยเคยสูงสุดถึง  1.8 ล้านคันต่อวัน ถือว่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีประมาณ 500,000 คันต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มเป็น 2 ล้านคันต่อวันภายในเดือนเมษายนนี้


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


cartoonthai




 

Create Date : 14 มกราคม 2556   
Last Update : 14 มกราคม 2556 22:29:38 น.   
Counter : 1708 Pageviews.  

สุดสยิว! ญี่ปุ่นผุดธุรกิจแนวใหม่ นั่งดูเด็ก ม.ปลายโชว์ของลับ




เด็กญี่ปุ่น

เด็กญี่ปุ่น

เด็กญี่ปุ่น

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก en.rocketnews24.com


ตำรวจญี่ปุ่นเร่งปราบธุรกิจบริการดูสาว ม.ปลาย โชว์หวิว – ถ่างขา ลูบอวัยวะเพศ หลังจากธุรกิจนี้กำลังได้รับความนิยม และก่อนหน้านี้เว็บไซต์ร็อคเก็ตนิวส์ 24 รายงานว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2011 ตำรวจเมืองโยโกฮาม่า ประเทศญี่ปุ่น ได้จับกุมนายทาคามิตสุ ทาโนะ อายุ 37 ปี ในข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายแรงงาน ด้วยการให้ผู้เยาว์ ทำงานในสถานที่ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพหรือความเป็นอยู่ในสังคม

    ทั้งนี้ นายทาโนะ เป็นผู้จัดการร้านสำหรับผู้ใหญ่ที่เรียกว่า high school girl viewing clubs ซึ่งลูกค้าจะจ่ายเงินเพื่อนั่งตรงหลังกระจก ที่มองเห็นได้จากด้านเดียว เพื่อดูนักเรียนมัธยมปลายทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น อ่านหนังสือการ์ตูน เล่นโทรศัพท์มือถือ คุยกับเพื่อนว่าจะออกไปทานข้าวกันที่ไหน แต่ถ้าหากจ่ายเงินพิเศษแล้ว ลูกค้าสามารถเลือกเด็กสาวให้มานั่งตรงหน้าบูธ และถ่างขาออกกว้าง ๆ เพื่อให้เห็นกางเกงชั้นในกันแบบจะ ๆ

                 คลับดูสาว ม.ปลาย เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในเมืองคานากาวะ และโตเกียว นับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งในช่วงปลายปี 2010 แต่ธุรกิจนี้ก็เริ่มเสื่อมลง หลังจากที่นายทาโนะถูกจับ และตำรวจโตเกียว ก็เร่งปราบปรามธุรกิจประเภทนี้อย่างแข็งขัน ซึ่งเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ 2012 เดือนเดียว ตำรวจสามารถปิดคลับดูสาว ม.ปลายได้ถึง 4 แห่งด้วยกัน

                 ทั้งนี้ นักข่าวจาก นิคคัง สปา ได้ลองสืบสวนเรื่องนี้ โดยส่งสายเข้าไปในคลับแห่งหนึ่งที่เปิดเมื่อเดือนตุลาคม 2012 ในย่านโคมแดง ห่างจากสถานีรถไฟอะเคบุคารุเพียง 5 นาที โดยใกล้ ๆ กันนั้น มีห้องนวดที่พนักงานสาว ๆ เป็นเด็ก ม.ปลาย จนทำให้บริเวณนั้นดูเหมือนเป็นสถานที่พิเศษสำหรับพวกคลั่งไคล้สาว ม.ปลาย โดยเฉพาะ

                 หลังจากที่ผู้สื่อข่าวเข้าไปในคลับ ก็จะมีรีเซฟชั่นสวมชุดสาว ม. ปลาย ออกมาต้อนรับ และแนะนำที่ฝากโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งยังไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป จากนั้น ก็จะพาไปที่บูธนั่งส่วนตัว ที่กั้นไว้ด้วยผ้าม่าน ตรงหน้าจะเป็นกระจกที่มองทะลุได้ด้านเดียว อีกฝั่งของกระจก ก็จะมีสาว ๆ 4-5 คนที่ม้วนกระโปรงขึ้นไปจนสูง ติดเข็มกลัดไว้ที่หน้าอกเพื่อบอกชื่อและหมายเลข หากลูกค้าอยากดูคนไหนเป็นพิเศษ ลูกค้าก็จะบอกกับพนักงานและเด็กสาวก็จะมานั่งตรงหน้าบูธโดยตรง พร้อมกับโพสท่ายั่วยวนลูกค้า

เด็กญี่ปุ่น

                 ทั้งนี้ ลูกค้าคนหนึ่งทางด้านซ้ายของผู้สื่อข่าวคนนั้น ได้เรียกสาวคนหนึ่งให้มาโพสท่าพิเศษ ซึ่งเด็กสาวก็จะค่อย ๆ ปลดกระดุมออก เพื่อโชว์ชุดชั้นในของตัวเอง แล้วแนบหน้าอกลงไปกับกระจก  จากนั้น เธอก็จะดึงกระโปรงขึ้น และโพสท่ายั่วยวนลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเห็นกางเกงชั้นในจากด้านหลัง แต่มันไม่หยุดแค่นั้น เมื่อเธอเริ่มถ่างขาออก เพื่อให้ลูกค้าเห็นหว่างขาเธอได้ชัด ๆ และเริ่มถูไถอวัยวะเพศเหมือนกับว่า เธอกำลังช่วยตัวเอง ซึ่งในขณะนั้น ผู้สื่อข่าวคนนั้นก็ได้ยินลูกค้าคนดังกล่าว หายใจเข้าออกเสียงดังด้วยเช่นกัน

                 ก่อนที่จะออกไปจากร้าน ผู้สื่อข่าวคนนั้นได้ถามว่า เด็กทุกคนเป็นเด็ก ม. ปลายจริงเหรอ และพนักงานก็ตอบว่า บางคนก็อายุเกิน 18 ปี แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็ก ม.ปลาย มีเป็นส่วนน้อยที่ไม่ไปโรงเรียน

    ส่วนราคาค่าเข้าชมต่อชั่วโมงนั้น จะมีตั้งแต่ 3000 เยน (ประมาณ 1000 บาท) สำหรับดูเด็กสาว 30 นาที 5000 เยน (1700 บาท) และหากต้องการให้เด็กมานั่งตรงหน้าโชว์ของลับโดยเฉพาะ ก็ต้องเสียเงินเพิ่มอีก 2000 เยน (680 บาท) ด้านเด็กสาวจะได้รับเงิน 1000 เยน (340) บาท ต่อการทำงาน 1 ชั่วโมง และได้รับเพิ่มอีก 1000 เยน ทุกครั้งที่ลูกค้าเรียกให้ไปโชว์หน้าบูธ


cartoonthai




 

Create Date : 12 มกราคม 2556   
Last Update : 12 มกราคม 2556 23:32:34 น.   
Counter : 3406 Pageviews.  

อึ้ง! การบินไทย ติดโผ อันดับสายการบินที่ไม่ปลอดภัยที่สุดในโลก

สายการบิน

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

การบินไทย รั้งท้าย ติดอันดับ 53 สายการบินที่ปลอดภัยของโลก จาก 60 สายการบินทั่วโลก จากการจัดอันดับของศูนย์รวบรวมข้อมูลการประสบอุบัติเหตุทางอากาศทั่วโลก (JACDEC)

          เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ศูนย์รวบรวมข้อมูลการประสบอุบัติเหตุทางอากาศทั่วโลก “JACDEC” ได้เผยอันดับ สายการบินที่ปลอดภัยที่สุด ของปี 2012 โดยประเมินจากสถิติของผู้ที่เสียชีวิตระหว่างเดินทางโดยสายการบินนั้น พบว่า การบินไทย (Thai Airways International) ของประเทศไทย ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1960 ได้คะแนนด้านความปลอดภัยรั้งท้ายเป็นอันดับที่ 53 จากจำนวนสายการบิน 60 แห่งทั่วโลกเท่าที่มีการเก็บข้อมูล โดยได้คะแนนตามเกณฑ์การคำนวณของสถาบันดังกล่าวที่ระดับ 0.316 ซึ่งอยู่ในข่ายที่มีความไม่ปลอดภัยสูง นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า นับตั้งแต่มีการเก็บสถิติมาในปี 1983 ถึงปัจจุบัน มีผู้ที่เสียชีวิตบนสายการบินไทยถึง 309 รายจากอุบัติเหตุที่นำไปสู่การเสียชีวิต 5 กรณี ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ได้ส่งผลให้สายการบินไทย ติด 1 ในอันดับสายการบินที่มีสถิติด้านความปลอดภัยย่ำแย่ที่สุดในโลก

ขณะที่ ไชน่า แอร์ไลน์ ของไต้หวัน ติดอันอับสายการบินที่มีสถิติด้านความปลอดภัยเลวร้ายที่สุดในโลก ด้วยคะแนนระดับ 1.171 และยอดผู้เสียชีวิตถึง 722 ราย รั้งท้ายอยู่อันดับที่ 60 ของโลก กลายเป็นสายการบินที่อันตรายที่สุดในโลก รองลงมาคือ สายการบิน TAM ลินญัส อาเอเรอัส ของบราซิล ที่อยู่อันดับที่ 59 และสายการบิน แอร์ อินเดียของประเทศอินเดีย ซึ่งติดอันดับที่ 58

ส่วนสายการบินที่ปลอดภัยที่สุดในโลกนั้นก็คือ สายการบิน ฟินน์แอร์ ของประเทศฟินแลนด์ที่ได้คะแนน 0.005 และไม่พบจำนวนผู้เสียชีวิตแม้แต่รายเดียว ตามมาด้วยอันดับที่ 2 คือ สายการบิน แอร์ นิวซีแลนด์ ของประเทศนิวซีแลนด์ ที่ได้คะแนน 0.007 และไม่จำจำนวนผู้เสียชีวิตเช่นกัน ขณะที่อันดันสายการบินที่ปลอดภัยที่สุดในโลก 10 อันดับแรก ได้แก่

1. สายการบิน ฟินน์แอร์ จากฟินแลนด์ (Finnair - Finnland)

2. สายการบิน แอร์ นิวซีแลนด์ จากนิวซีแลนด์ (Air New Zealand - Neuseeland)

3. คาเธย์ แปซิฟิก จากฮ่องกง (Cathay Pacific - Hongkong)

4. สายการบิน เอมิเรตส์ จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) (Emirates Ver. - Arab. Emirate) 

5. สายการบิน เอติฮัด จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) (Etihad Airways Ver. - Arab. Emirate)

6. สายการบิน EVA จากไต้หวัน (EVA Air - Taiwan)

7. สายการบิน TAP จากโปรตุเกส (TAP Portugal - Portugal)

8. ไห่หนาน แอร์ไลน์ จากจีน (Hainan Airlines - China)

9. สายการบินเวอร์จิน จากออสเตรเลีย (Virgin Australia - Australien)

10. บริติช แอร์เวย์ส ของสหราชอาณาจักร และลุฟต์ฮันซาของเยอรมนี (British Airways - Großbritannien)


cartoonthai




 

Create Date : 11 มกราคม 2556   
Last Update : 11 มกราคม 2556 22:01:17 น.   
Counter : 3056 Pageviews.  

เฮ! ศธ. ปรับระเบียบทรงผมนักเรียน เลิกบังคับตัดผมเกรียน-บ๊อบติ่งหู

ทรงผมนักเรียน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ศธ. ชี้ กฎกระทรวงยอมให้เด็กชายไว้ผมรองทรงได้อยู่แล้ว ส่วนผู้หญิงก็ให้ไว้ผมยาวได้ แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของโรงเรียน ด้าน ผบ.นรด. ยัน ไม่ปรับเปลี่ยนกฎ รด. ย้ำ ยังต้องตัดผมสั้น

เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับแบบทรงผมของนักเรียน นักศึกษา ว่า ได้มอบให้สำนักงานปลัด ศธ. ไปดูกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพบว่ามีกฎกระทรวงอยู่ 2 ฉบับ ซึ่งออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 ลงวันที่ 22 เมษายน 2515  โดยฉบับที่ 1 พ.ศ. 2515 ระบุข้อความ ดังนี้

1. ห้ามไม่ให้นักเรียนชายไว้ผมข้างหน้าและกลางศีรษะยาวเกิน 5 ซม. และชายผมรอบศีรษะต้องตัดเกรียนชิดผิวหนัง

2. นักเรียนหญิงตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกินกว่านั้นก็ให้รวบให้เรียบร้อย

ต่อมามีการแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าวเพิ่มเติมจนเป็นกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2518 ระบุว่า

1. นักเรียนชายให้ตัดผมหรือไว้ผมยาวจนด้านข้าง และด้านหลังยาวเลยตีนผม

2. นักเรียนหญิงให้ตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกินก็ให้รวบให้เรียบร้อย

นายพงศ์เทพ ยังกล่าวอีกว่า ถ้าตีความตามกฎกระทรวง พ.ศ. 2515 นักเรียนชายจะต้องไว้ผมด้านข้างและด้านหลังเกรียน แต่กฎกระทรวง พ.ศ. 2518 เปลี่ยนแปลงให้นักเรียนชายไว้ผมรองทรงได้ ไม่ต้องตัดผมด้านข้างหรือด้านหลังจนเกรียน แต่ในทางปฏิบัติโรงเรียนยังคงยึดติดกับทรงผมเกรียนตามกฎกระทรวง พ.ศ. 2515 ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะกฎกระทรวงฉบับใหม่ เปิดโอกาสให้เด็กรองทรงได้

            ส่วนทรงผมของนักเรียนหญิงนั้น ทั้ง 2 ฉบับ กำหนดให้นักเรียนหญิงไว้ผมสั้นหรือยาวได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของโรงเรียน ซึ่งตนก็เห็นว่าเป็นเรื่องไม่มีเหตุผลเช่นกัน ที่จะให้ทรงผมนักเรียนหญิงของแต่ละโรงเรียนมีความแตกต่างกันไป ตนจะให้ทาง ศธ. ทำข้อแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการไว้ผมยาวของนักเรียนหญิง เช่น ถ้าไว้ผมยาวต้องรวบผมให้เรียบร้อย และทุกโรงเรียนจะต้องปฏิบัติให้เหมือนกัน อนุญาตให้นักเรียนหญิงไว้ผมสั้นหรือยาวเลยต้นคอได้ แต่ต้องรวบให้เรียบร้อย

นายพงศ์เทพ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องทรงผมนักเรียน ขณะนี้ตนได้มอบให้เจ้าหน้าที่ไปจัดทำหนังสือเวียนเพื่อแจ้งไปยังสถานศึกษาในกำกับของ ศธ. ทุกแห่ง เรื่องทรงผมนักเรียนนั้นต้องยึดกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 ให้นักเรียนชายไว้ทรงยาวแบบรองทรงได้ และให้นักเรียนหญิงเลือกไว้ผมสั้นหรือยาวได้

          อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเรียนวิชาทหารรักษาดินแดนนั้น ทาง พล.ท.วิชิต ศรีประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) กล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อวันที่ 10 มกราคม ว่า ทางหน่วยจะไม่ปรับกฎระเบียบอนุญาตให้ไว้ผมรองทรงได้ตามกฎระเบียบกระทรวงศึกษาธิการแต่อย่างใด เพราะกฎระเบียบของหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนจะฝึกระเบียบวินัยให้กับนักศึกษา ซึ่งผู้ที่สมัครเข้าเรียนต้องอยู่ในกฎระเบียบข้อนี้ และทุกประเทศก็ไม่เคยอนุญาตให้ทหารไว้ผมยาวได้อยู่แล้ว


สำหรับกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ มีใจความดังต่อไปนี้

กฎกระทรวงฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2515)

         ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132
         ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2515

          อาศัยอำนาจตามความในข้อ 3 และข้อ 11 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2515 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 การแต่งกาย และความประพฤติดังต่อไปนี้ถือว่าไม่เหมาะสมแก่สภาพของนักเรียน ตามความในข้อ 4 แห่งประกาศของคณะปฏิบัติ ฉบับที่ 132

(1) นักเรียนชายไว้ผมยาว โดยไว้ผมข้างหน้าและกลางศีรษะยาวเกิน 5 เซนติเมตร และชายผมรอบศีรษะไม่ตัดเกรียนชิดผิวหนัง หรือไว้หนวดหรือเครา นักเรียนหญิงตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกินกว่านั้นก็ให้รวบให้เรียบร้อย นักเรียนใช้เครื่องสำอาง หรือสิ่งปลอมเพื่อการเสริมสวย

(2) เที่ยวเร่ร่อนอยู่ในที่สาธารณะสถาน หรือทำลายสมบัติของโรงเรียนหรือสถานศึกษา หรือสาธารณสมบัติ

(3) แสดงกิริยา วาจา หรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่ไม่สุภาพ

(4) มั่วสุมและก่อความเดือดร้อนรำคาญอย่างหนึ่งอย่างใด

(5) เล่นการพนันซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายการพนัน

(6) เที่ยวเตร่เวลากลางคืนระหว่าง 22.00 นาฬิกา ถึง 04.00 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น เว้นไว้แต่ไปกับบิดามารดาหรือผู้ปกครอง หรือได้รับอนุญาตจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา

(7) สูบบุหรี่ สูบกัญชา หรือเสพสุรา ยาเสพติด หรือของมึนเมาอย่างอื่น

(8) เข้าไปในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ หรือสถานอื่นใดซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน โรงรับจำนำ หรือสถานการณ์พนันในระหว่างเวลาที่มีการเล่นการพนัน เว้นแต่จะเป็นผู้อาศัยอยู่หรือเยี่ยมญาติสถานที่นั้น

(9) เข้าไปในงานหรืองานร่วมสังสรรค์ และงานนั้นมีการเต้นรำหรือการแสดงซึ่งไม่สมควรแก่สภาพของนักเรียน เว้นแต่ไปกับบิดามารดาหรือผู้ปกครอง หรืองานนั้นบิดามารดาผู้ปกครอง หรือสถานศึกษาของนักเรียนคนหนึ่งคนใดเป็นผู้จัด

(10) เข้าไปในสถานค้าประเวณี เว้นแต่จะเป็นผู้อาศัยอยู่ในที่นั้นหรือเข้าไปเยี่ยมญาติ ซึ่งอาศัยอยู่ในสถานที่นั้น

(11) คบค้าสมาคมกับหญิงที่ประพฤติตนเพื่อการค้าประเวณี เว้นแต่จะเป็นญาติใกล้ชิดกับหญิงนั้น

(12) ประพฤติตนในทำนองชู้สาว

(13) มีวัตถุระเบิดก็ดี หรือมีอาวุธติดตัวหรือซ่อนเร้นไว้เพื่อใช้ในการประทุษร้ายก็ดี

(14) หลบหนีโรงเรียน

ข้อ 2 การแต่งกายและความประพฤติดังต่อไปนี้ถือว่าไม่เหมาะสมแก่สภาพของนักศึกษา ตามความในข้อ 4 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132

(1) นักศึกษาชายตัดผมหรือไว้ผมยาวจนด้านข้างและด้านหลังยาวเลยตีนผมหรือไว้หนวด ไว้เครา นักศึกษาหญิงนุ่งประโปรงสั้นจนชายกระโปรงสูงกว่ากึ่งกลางสะบ้าหัวเขาเกิน 5 เซนติเมตร ขอบกระโปรงต่ำกว่าระดับสะดือ คาดเข็มขัดหลวมต่ำกว่าระดับขอบกระโปรงหรือแต่งกายไม่เหมาะสมกับสภาพกุลสตรีไทย นักศึกษาใช้เครื่องสำอาง หรือสิ่งปลอมเพื่อการเสริมสวย

(2) สูบกัญชา หรือเสพสุรา ยาเสพติด หรือของมึนเมาอย่างอื่น

(3) กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่ออำนาจบริหารของโรงเรียน หรือสถานศึกษาหรือบังคับขู่เข็ญ ยุยง ส่งเสริม หรือสนับสนุนให้นักเรียนหรือนักศึกษากระทำการเช่นว่านั้น

และ (4) ความประพฤติตามข้อ 1 (2) (3) (4) (5) (8) (10) (11) (12) (13)

          ให้ไว้ ณ วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2515

          บุญถิ่น อัตถากร
          (นายบุญถิ่น อัตถากร)
          ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

          ผู้ใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

กฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2518)

         ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132
         ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2515

         อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 และข้อ 11 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2515 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้

ให้ยกเลิกความในข้อ (1) ของข้อ 1 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2515) ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 132 ลงวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2515 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

"(1) นักเรียนชายตัดผมหรือไว้ผมยาวจนด้านข้าง และด้านหลังยาวเลยตีนผม หรือไว้หนวด ไว้เครา นักเรียนหญิงตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกินกว่านั้นก็ให้รวบให้เรียบร้อย นักเรียนใช้เครื่องสำอาง หรือสิ่งปลอมเพื่อการเสริมสวย"

          ให้ไว้ ณ วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2518


          เกรียง กีรติกร
          (นายเกรียง กีรติกร)
          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
, กระทรวงศึกษาธิการ


cartoonthai




 

Create Date : 10 มกราคม 2556   
Last Update : 10 มกราคม 2556 21:51:35 น.   
Counter : 2121 Pageviews.  

ชาวเน็ตรวมตัวประท้วงช่อง 3 นัดใส่เสื้อขาว-สวมหน้ากาก 13 ม.ค.นี้

เหนือเมฆ 2

เหนือเมฆ 2

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊กละครไทยทีวีสีช่อง 3 (Ch3's Drama), Instagram mint_chalida, jadaliyya.com

ชาวเน็ตรวมตัว! ใส่เสื้อขาว-สวมหน้ากาก ประท้วงช่อง 3 อาทิตย์ที่ 13 ม.ค. นี้ ขณะที่ประชาสัมพันธ์ช่อง 3 แจง เนื้อหารุนแรงเกินไป จึงจำเป็นต้องแบน ย้ำไม่มีการเมืองเอี่ยว ยืนยันไม่อัพลงยูทูบหรือทำวีซีดีขายแน่

     วันนี้ (8 มกราคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสังคมออนไลน์มีการชักชวนให้ประชาชนมารวมตัวกันประท้วงสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 หน้าอาคารมาลีนนท์ ถนนพระราม 4 ด้วยการสวมเสื้อสีขาว และใส่หน้ากากแบบภาพยนตร์เรื่อง V For Vendetta (เพชฌฆาตหน้ากากพญายม) ในวันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป

             ทั้งนี้ แกนนำการรวมพลังมวลชนในครั้งนี้ ใช้ชื่อว่า "กลุ่มพลังส่งเสริมคนดี" โดยแกนนำใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า ใบชา, ปีเตอร์, ธนูปักเข่าไอ้เขี้ยวเงิน และแคนไท ซึ่งมีชาวออนไลน์สนใจในการร่วมชุมนุมครั้งนี้เป็นจำนวนมาก


หน้ากากแบบภาพยนตร์เรื่อง V For Vendetta

สำหรับข้อความประกาศเชิญชวนมีดังนี้...


     "ขออนุญาตฝากข่าวค่ะ ในวันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2556 เวลา 10.00 น. - 11.00 น. หน้าอาคารมาลีนนท์ ช่อง 3 ถนนพระราม 4 ใกล้ BIG C (บิ๊กซี) พระราม 4 ร่วมกันใส่ "เสื้อสีขาว&หน้ากากสีขาว (ถ้ามี)" เพื่อแสดงถึง "ศรัทธา..พลังแห่งความดี" โดยถือป้ายกำลังใจทีมงาน "เหนือเมฆ 2" พร้อมร่วมกันอธิษฐานแบบบทละครให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคนดีและเรียกร้องให้นำกลับมาออกอากาศอีกครั้ง

              [***แอดมินจะขอพิจารณาจำนวนผู้เข้าร่วมถึงเย็นวันพฤหัสที่ 10 มกราคม 2556 เวลา 23.59 น. หากจำนวนผู้เข้าร่วมแบบ "ไปร่วมแน่นอน" มีจำนวนไม่เกิน 500 คน ทางเพจฯ จะยุติการจัดกิจกรรมนี้***]


หมายเหตุ :

             - กรณีหน้ากากสีขาว ไม่มี ไม่เป็นไร แค่เสื้อขาวก็พอ

             - ส่วนผู้ที่อยู่ในวงการสื่อ หรือวงการบันเทิง ที่อยากร่วมกิจกรรมนี้ แต่กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานในวงการ ควรเตรียมนำ "หน้ากากสีขาว" มาสวม ซึ่งจะช่วยในการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ จากเพจรณรงค์แบนช่อง 3 กรณีถอดละคร "เหนือเฆม 2 " สนองคำสั่งนักโกงเมืองเพื่อแสดงถึง "ศรัทธา..พลังแห่งความดี" วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม 2556 เวลา 10.00 น. - 11.00 น. หน้าอาคารมาลีนนท์ ช่อง 3 ถนนพระราม 4 "



ช่อง 3 แจงแล้ว! แบนเหนือเมฆ เพราะบทแรง ปัดการเมืองสั่ง

นายบริสุทธิ์ บูรณะสัมฤทธิ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ไทยทีวีสีช่อง 3 กล่าวถึงสาเหตุการแบนละครเหนือเมฆเป็นครั้งแรกว่า เหตุผลที่ต้องงดออกอากาศนั้นเป็นเพราะเนื้อหาในละครมีบทที่รุนแรงเกินไป ซึ่งตนขอยืนยันว่า ทางช่องมีการกลั่นกรองเนื้อหาทุกรายการ และการแบนละครเรื่องนี้ก็ไม่มีฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

             นอกจากนี้ นายบริสุทธิ์ ยังแจงอีกว่า ทางช่อง 3 พร้อมชี้แจงต่อ กสทช. และขอยืนยันว่าจะไม่มีการนำละครเรื่องเหนือเมฆ 2 มาโพสต์ลงยูทูบ หรือขายเป็นซีดีอย่างแน่นอน


ร้อง กสทช. เอาผิดช่อง 3 ชี้บทไม่ขัดมาตรา 37

   นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ กสทช. เพื่อให้ กสทช. ดำเนิการกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กรณีที่ยุติการออกอากาศละครเรื่องเหนือเมฆ โดยทาง สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พิจารณาแล้วว่า ละครดังกล่าวไม่มีเนื้อหาใดที่ผิดหรือขัดต่อ พ.ร.บ. การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 มาตราที่ 37  และการแบนละครเหนือเมฆกะทันหันนั้นเป็นการลิดรอนสิทธิ์ประชาชน จึงเสนอข้อเรียกร้องให้ กสทช. ในฐานะองค์กรกำกับดูแลดำเนินการ ให้ช่อง 3 นำละครเหนือเมฆ มาฉายตามเดิม โดยไม่มีการตัดทอนใด ๆ ทั้งสิ้น และให้ทาง กสทช. สอบสวนพิจารณาการกระทำของช่อง 3 ในฐานะผู้รับใบอนุญาตกิจการโทรทัศน์ด้วย โดยให้ กสทช. เร่งดำเนินภายใน 7 วัน

             ส่วนทางด้าน พ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ กสท. ซึ่งเป็นผู้รับเรื่องดังกล่าวเผยว่า จะพิจารณาเรื่องทั้งหมดตามขั้นตอนและข้อเท็จจริง โดยอยู่ระหว่างให้อนุคณะกรรมการด้านเนื้อหา และผังรายการ หารายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อนำเสนอให้ กสท. พิจารณาต่อไป


สื่อนอกตีข่าว คนไทยโวยเหนือเมฆ 2 โดนถอด - รบ. อ้างไม่เกี่ยว


เอพี ตีข่าวประเด็นถอดละคร เหนือเมฆ 2 จากช่อง 3 ของไทย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ประชาชน เชื่อรัฐบาลกดดันอยู่เบื้องหลัง ชี้การตัดจบละครเป็นเรื่องหายากในไทย

          เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2556 สำนักข่าวเอพี รายงานว่า สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ของประเทศไทย ตัดสินใจถอดละครทีวีเรื่องเหนือเมฆ 2 ที่ฉายในช่วงไพรม์ไทม์ 3 วัน ออกจากผังรายการโดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน สร้างความไม่พอใจในหมู่ผู้ชมและผู้วิจารณ์ที่ต้องการให้ละครเรื่องนี้ฉายจนจบ บางกลุ่มถึงขั้นเรียกร้องให้คว่ำบาตรช่อง 3 เลยทีเดียว

  สำหรับละครเรื่องเหนือเมฆ 2 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักการเมืองคอร์รัปชั่นและมนต์ดำ โดยออกอากาศนับตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2555 จนกระทั่งวันศุกร์ที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ช่อง 3 ประกาศหยุดการออกอากาศละครเรื่องดังกล่าวทันที โดยอ้างว่าละครมีเนื้อหาไม่เหมาะสมและอาจเป็นการละเมิดกฎหมายก็เป็นได้โดยที่ไม่มีการอธิบายนอกเหนือจากนี้

 โดยประเด็นการระงับออกอากาศละคร เหนือเมฆ 2 ทางช่อง 3 นำมาซึ่งการแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยของบรรดาผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวไทยมากมายที่เชื่อว่า เรื่องนี้เกิดจากการแทรกแซงกดดันของรัฐบาล แม้ทางรัฐบาลจะออกมาปฏิเสธแล้วก็ตาม โดยจากคำให้สัมภาษณ์ของ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้พยายามแทรกแซงการแพร่ภาพของช่อง 3 และโดยส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าละครเรื่อง เหนือเมฆ 2 มีปัญหาอะไร โดยเฉพาะกับเนื้อหาที่ว่าด้วยเรื่องการเมืองและไสยศาสตร์มนต์ดำ ซึ่งในฐานะนักการเมืองคนหนึ่งเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่พอใจแต่อย่างใด

          อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวยังให้ข้อมูลถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทยที่เกิดความขัดแย้งและความรุนแรงขึ้น หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งในการรัฐประหาร เมื่อปี 2549 แต่หลายฝ่ายก็ยังเชื่อว่า อดีตนายกรัฐมนตรีผู้เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อหลบหนีโทษจำคุกจากข้อหาคอร์รัปชั่น ยังคงมีอิทธิพลอย่างเบ็ดเสร็จ ในการปกครองประเทศของพรรคเพื่อไทย


  สำหรับในขณะนี้ ชาวเน็ตไทยบางส่วนได้ตั้งเฟซบุ๊กแฟนเพจ เพื่อเรียกร้องให้ละครเรื่อง เหนือเมฆ 2 ที่ยังเหลือตอนซึ่งไม่ได้ออกอากาศอยู่อย่างน้อย 3 ตอน กลับมาออกอากาศทางจอโทรทัศน์จนจบอีกครั้ง โดยแฟนเพจนี้มีผู้ใช้กดไลค์มากกว่า 40,000 รายแล้ว ขณะที่บางกลุ่มขู่แบนช่อง 3 เช่นกัน เพื่อแสดงจุดยืนความไม่พอใจในกรณีระงับฉายเรื่องดังกล่าว

          ทั้งนี้ ประเทศไทยเข้มงวดเรื่องการเซ็นเซอร์สื่อโทรทัศน์มาก โดยเฉพาะการเบลอภาพของสุราและบุหรี่ แต่สำหรับกรณีการระงับออกอากาศละครที่ยังฉายไม่จบนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


cartoonthai




 

Create Date : 08 มกราคม 2556   
Last Update : 8 มกราคม 2556 21:50:38 น.   
Counter : 2488 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]