คลัง ยัน ไม่ขึ้นภาษีเบียร์-ไวน์ ยังมีเงินพอใช้ประชานิยม สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล            คลัง ยัน มีเงินพอใช้โครงการประชานิยม ไม่จำเป็นต้องขึ้นภาษีเหล้า-ไวน์ เผยสรรพสามิตรุดถกปรับเพดานภาษี แต่ยังไม่สรุป เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.การคลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมภาษี คือ กรมสรรพสามิต สรรพากร และศุลกากร เปิดเผยว่า ยืนยันว่าการจัดเก็บรายได้รัฐบาลมีเพียงพอที่จะนำไปใช้จ่ายประจำ และนำไปใช้จ่ายในโครงการประชานิยมต่าง ๆ ของรัฐบาลอย่างไม่มีปัญหา โดยการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2556 ยังเกินเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่รัฐบาลปรับไปขึ้นภาษีสินค้าตัวใด เพื่อหาเงินมาใช้ในโครงการประชานิยม            อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลจำเป็นต้องเพิ่มขึ้นทุกปี เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ในฐานะที่กำกับดูแลภาษี ยังมอบนโยบายให้กรมภาษีไปพิจารณาว่าจะสามารถหารายได้เพิ่มเติมจากธุรกิจ หรือธุรกิจใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีการจัดเก็บภาษีได้อย่างไร โดยไม่ไปกระทบต่อประชาชน           "ก่อนหน้านี้ได้หารือถึงการจัดเก็บรายได้กับกรมสรรพสามิต กรมฯ มีข้อเสนอให้ปรับเพดานสูงสุดของเบียร์และไวน์เพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 400 บาท/ลิตร จากขณะนี้เต็มเพดานแล้วที่ 100 บาท/ลิตร ซึ่งผมยังไม่ได้ตัดสินใจ โดยมอบให้กรมฯ ไปศึกษาถึงข้อดี-ข้อเสียจากการปรับเพดานดังกล่าว ซึ่งผมคงต้องรอดูผลการศึกษาก่อนว่าเป็นอย่างไร และการปรับเพดานดังกล่าวยังไม่ใช่การปรับขึ้นภาษีทันที เพียงแต่ว่าให้แก้กฎหมายไว้ก่อน แล้วค่อยพิจารณาในเรื่องภาษีอีกครั้ง" นายทนุศักดิ์ กล่าว           ด้าน นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ในเดือนธันวาคม 2555 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.83 แสนล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 4.19 หมื่นล้านบาท หรือ 29.6% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีของ 3 กรมจัดเก็บภาษีสูงกว่าประมาณการ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก ประกอบกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ 3 จี สำหรับการเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2556 จัดเก็บได้ 5.04 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 6.69 หมื่นล้านบาท หรือ 15.3% อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก   Create Date : 19 มกราคม 2556     0 comment Last Update : 19 มกราคม 2556 21:59:06 น.     Counter : 1692 Pageviews.   Share Tweet

อย่าตกใจ! ข่าวนิโคลัส เคจ เสียชีวิต ที่แท้แค่ลวงโลก นิโคลัส เคจ เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม           หลังจากที่มีข่าวลือว่อนเน็ตว่า นิโคลัส เคจ นักแสดงชาวอเมริกันชื่อก้อง ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสโนว์บอร์ดหมาด ๆ ในวันที่ 17 มกราคม ทำให้หลาย ๆ คนแทบจะช็อกกับการจากไปครั้งนี้ แต่อย่าเพิ่งตกใจไปเลยจ้า เพราะจริง ๆ แล้วข่าวดังกล่าวเป็นข่าวที่เขียนขึ้นมาเพื่อความสนุกสนานของคนบางกลุ่มเท่านั้น โดยข่าวการเสียชีวิตของ นิโคลัส เคจ นั้น มีต้นตอมาจากเว็บไซต์ข่าวลวงเพื่อความสนุกสนานแห่งหนึ่ง ระบุเรื่องราวอย่างเป็นจริงเป็นจังว่า นิโคลัส เคจ นักแสดงชื่อดังชาวอเมริกัน ได้เสียชีวิตแล้วหลังจากที่เขาเล่นสโนว์บอร์ดกับครอบครัวและเพื่อน ๆ ในสวิตเซอร์แลนด์ โดยนิโคลัส เคจ ได้เสียการควบคุม ร่อนสโนว์บอร์ดชนต้นไม้ด้วยความเร็วสูง และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยเชื่อว่าเขาเสียชีวิตแล้วหลังจากเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว           อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว พบว่า เว็บไซต์แห่งนี้ได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจนด้านล่างว่า ข่าวหรือเรื่องราวที่นำเสนอนั้น เป็นเรื่องโกหก 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้อิงกับเรื่องจริงแม้แต่นิดเดียว เอ้า! งานนี้ แฟนหนังของเฮียนิโคลัส เคจ ก็สบายใจได้แล้วนะจ๊ะ   Create Date : 17 มกราคม 2556     0 comment Last Update : 17 มกราคม 2556 22:36:07 น.     Counter : 2164 Pageviews.   Share Tweet

หุ้นแอปเปิลลดต่ำกว่า 500 ดอลลาร์ หลังข่าวลดกำลังผลิต iPhone 5 เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอบคุณภาพประกอบจาก businessinsider.com                หลังจากมีการรายงานข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า บริษัทแอปเปิลได้ลดการสั่งซื้อชิ้นส่วนที่จะมาผลิต iPhone 5 มากกว่าครึ่งหนึ่งจากยอดการประเมินของเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม ปี 2013 อันเนื่องมาจากความต้องการของผู้ซื้อลดลงเกินกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้นั้น              ความคืบหน้าต่อเนื่อง วันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ businessinsider.com รายงานว่า หุ้นของแอปเปิลกำลังดิ่งลงเรื่อย ๆ โดยลดลงต่ำว่า 500 ดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มจะลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งคาดว่าเป็นเพราะการที่แอปเปิลได้ลดการสั่งซื้อชิ้นส่วนก่อนหน้านี้ซึ่งแสดงถึงปริมาณความต้องการของตลาดที่ลดลง              รายงานระบุว่า หุ้นของแอปเปิลลดลงต่ำว่า  500 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในรอบปีตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2012 จากที่เคยสูงสุด ๆ ที่ 705.07 ดอลลาร์ เมื่อเดือนกันยายนปี 2012 โดยขณะนี้ลดลงเหลือ 485 ดอลลาร์สหรัฐ จากการปิดการซื้อขายเมื่อเวลา 11.30 น. เวลาฝั่งตะวันออก โดยลงลงเฉลี่ย 3 เปอร์เซ็นต์ จากวันก่อนหน้านี้ซึ่งอยู่ที่ 492 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ข้อสันนิษฐานที่ทำให้หุ้นของแอปเปิลยังดิ่งลงเรื่อย ๆ มาจากแอปเปิลได้ลดการสั่งซื้อชิ้นส่วนที่จะมาผลิต iPhone 5 มากกว่าครึ่ง เนื่องจากความต้องการทางตลาดลดลง             สำหรับเหตุผลที่แท้จริงที่บริษัทแอปเปิลได้ลดการสั่งซื้อชิ้นส่วนที่จะมาผลิต iPhone 5 น้ัน นักวิเคราะห์แห่ง Sterne Agee กล่าวว่า น่าจะเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของซัพพลายเออร์ ที่ลดลง 20 ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ต่อไตรมาส นอกจากนี้ อาจเป็นเพราะการชะลอการผลิตจะช่วยให้ซัพพลายเออร์ช่วยบริหารจัดการสินค้าคงคลังและเตรียมตัวในการผลิตเครื่องรุ่นใหม่ได้ดียิ่งขึ้น   Create Date : 16 มกราคม 2556     0 comment Last Update : 16 มกราคม 2556 20:34:11 น.     Counter : 1318 Pageviews.   Share Tweet

แก้ด้วน! กสทช. สั่ง AIS-DTAC คิดค่าโทรไม่เกินนาทีละ 99 สต. ภายใน 7 วัน เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม กสทช. ร่อนจดหมายถึงค่ายมือถือ ให้เร่งแก้ราคาค่าโทรศัพท์ ห้ามไม่ให้คิดเกิน 99 สตางค์ต่อนาที ภายใน 7 วัน เผย เอไอเอส คิดเกิน 66 รายการ และดีแทค คิดเกิน 33 รายการ วันนี้ (16 มกราคม) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า กสทช. ได้มีหนังสือคำสั่งด่วนที่สุด ส่งไปยัง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เพื่อให้ปฏิบัติตามคำสั่ง กสทช. ที่กำหนดให้เรียกเก็บค่าโทรศัพท์ไม่เกิน 99 สตางค์ต่อนาที หลังส่งทีมงานไปตรวจสอบแพคแกจค่าบริการแล้วพบ เอไอเอส คิดเกินอยู่ 66 รายการ และดีแทค คิดเกินอยู่ 33 รายการ ทั้งนี้ ค่ายมือถือทั้ง 2 ค่าย จะต้องปรับปรุงราคาค่าบริการและโปรโมชั่นให้ลดลงตามเงื่อนไข ภายใน 7 วัน และทำหนังสืออย่างเป็นทางการส่งกลับมายัง กสทช. เพื่อยืนยันการปรับราคา แต่หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง จะตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาค่าปรับ โดยคิดคำนวณจากรายได้ของค่ายมือถือ อีกทั้งในวันที่ 18 มกราคม นี้ยังถึงกำหนดที่ค่ายมือถือจะต้องยกเลิกการกำหนดวันหมดอายุมือถือประเภทเติมเงินด้วย อย่างไรก็ตาม กสทช. ได้มีการขยายเวลาในการรับเรื่องร้องเรียนผ่าน สายด่วน 1200 ถึงเวลา 22.00 น. เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนด้วย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก   Create Date : 16 มกราคม 2556     0 comment Last Update : 16 มกราคม 2556 20:33:35 น.     Counter : 1767 Pageviews.   Share Tweet

จราจรวิกฤตหนัก! เผย 10 ถนนเมืองกรุงที่รถวิ่งช้าที่สุด เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ถือเป็นปัญหาระดับชาติที่ทางรัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขโดยด่วนเลยทีเดียว... สำหรับปัญหารถติดที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน แถมโครงการรถคันแรก...ก็ยังเป็นการตอกย้ำให้กรุงเทพฯ รถติดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ เรียกได้ว่าถนนบางเส้นทาง ในช่วงเวลาเร่งด่วน เป็นอัมพาตไปหลายสาย             ทั้งนี้ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เผยว่า ภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาลในปี 2556 คือการแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลที่วิกฤตเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากปีที่ผ่านมา รวมถึงปีนี้มีรถจดทะเบียนให้เพิ่มมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โครงการดังกล่าวก็ไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้กรุงเทพฯ รถติดหนักเช่นนี้เสียทีเดียว เพราะมีปัจจัยอื่นมาผสมโรงมากมาย นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับปัจจัยนอกเหนือจากโครงการรถคันแรกนั้นก็คือ การสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่, การปรับผิวจราจร และการปิดถนนเพื่อก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่กระจายไปตามถนนหลัก 8 สายด้วยกัน ประกอบด้วย             1.ถนนพระรามที่ 4 มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงแยกหัวลำโพง-แยกมหานคร)             2.ถนนตากสิน มีก่อสร้างอุโมงค์ลอดทางแยกมไหสวรรย์             3.ถนนเพชรเกษม มีก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงท่าพระ-บางแค)             4.ถนนราชพฤกษ์ มีก่อสร้างรถไฟฟ้าบีทีเอส(วงเวียนใหญ่-บางหว้า)             5.ถนนจรัญสนิทวงศ์ มีก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-ท่าพระ) อุโมงค์ทางลอดแยกบรมราชชนนี และสามแยกไฟฉาย             6.ถนนประชาชื่น ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงสะพานสูง-แยกประชาชื่น)             7.ถนนบรมราชชนนี มีขยายผิวจราจรช่วงวงแหวนรอบนอก-พุทธมณฑลสาย 2             8.ถนนรัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน มีสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงแคราย-สะพานพระนั่งเกล้า)   โดยโครงการทั้งหมดอยู่ในระหว่างก่อสร้าง และใช้เวลาอย่างน้อย 3-5 ปี กว่าจะคืนพื้นที่จราจรให้กลับมาเป็นปกติได้ นอกจากนี้ ยังมีรถไฟฟ้าสายใหม่ที่จะเริ่มสร้างบนถนนสายหลักอีก ซึ่งใช้เวลาสร้างอีก 4 ปี และจะทำให้การจราจรของกรุงเทพฯ ต่อจากนี้วิกฤตมากขึ้น             อย่างไรก็ดี นายชัชชาติ กล่าวเผยถึงแนวทางที่แก้ปัญหา และทำได้ทันทีนั้นก็คือ การปรับปรุงการจราจรโดยรวมให้บรรเทาลง เพราะส่วนหนึ่งของปัญหารถติดนั้น เป็นเพราะการจอดรถไม่เป็นระเบียบ ในปีนี้จึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย พร้อมเพิ่มความเข้มงวดในการปรับจับผู้ที่ทำผิดกฎจราจร สำหรับการแก้ปัญหาระยะกลางคือ ส่งเสริมให้คนหันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะมากขึ้น เช่น รถเมล์, รถไฟฟ้า รวมจำกัดปริมาณการจราจรในถนนสายหลัก เช่น การควบคุมที่จอดรถ การเก็บธรรมเนียมรถยนต์เข้าเขตเมืองชั้นใน เป็นต้น             นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังได้ระบุถึงผลสถิติการจราจร ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)  ที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับถนนที่วิ่งช้าที่สุดในกรุงเทพฯ ในรอบปี 2555 โดยมีถนน 10 สาย ดังนี้ ถนนกรุงธนบุรี-สุรศักดิ์ ถนนตก-สุรวงศ์ รามคำแหง พระราม 9 อโศก นานา บางกะปิ ลาดพร้าว สามย่าน อนุสาวรีย์ชัย ส่วนสถิติของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ระบุว่า ล่าสุดปริมาณรถจดทะเบียนสะสม ณ เดือน พฤศจิกายน 2555 มีทั้งสิ้น 7,461,487 คัน เพิ่มขึ้น 612,274 คัน เมื่อรวมกับเดือนธันวาคม และคาดว่าจะมีรถจดทะเบียนอีก 50,000 คัน จำนวนนี้เป็นโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก ณ วันที่ 16 ธันวาคม 2555 มีผู้ขอใช้สิทธิ์ 142,580 คัน จากทั่วประเทศ จำนวน 941,995 คัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก   Create Date : 15 มกราคม 2556     0 comment Last Update : 15 มกราคม 2556 22:35:21 น.     Counter : 1810 Pageviews.   Share Tweet