เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

ตำรวจเตือน! อย่า “มโนโซเชียล” คดีเกาะเต่า นักสืบผีชี้ ภาพตัดต่อได้!!?


ตำรวจเตือน! อย่า “มโนโซเชียล” คดีเกาะเต่า นักสืบผีชี้ ภาพตัดต่อได้!!?

หยุด “มโนโซเชียล” กันได้แล้ว!! ผบ.ตร.ฝากถึงนักสืบผีคีย์บอร์ดตามเว็บและเพจต่างๆ ด้วยน้ำเสียงตึงเครียด ด้านนายกรัฐมนตรียืนยัน “ไม่มีจับแพะ” คดีนี้คดีใหญ่ ไม่มีใครกล้าทำแน่ๆ ขอให้เลิกจิกกัดแล้วปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ดูเหมือน “นักสืบไซเบอร์” จะไม่หยุดลงเพียงเท่านั้น นับวันหลักฐานและข้อสันนิษฐานจะยิ่งชวนสงสัยมากขึ้นทุกที!!




วอนสื่อหยุดวิจารณ์ ประชาชนหยุดมโน!
“การแสดงความคิดเห็นแบบ “มโนโซเชียล” ส่งผลต่อการทำงานของตำรวจ ก็อย่าทำ เรื่องการจับแพะก่อนหน้านี้ไม่รู้ แต่สมัยผมจะทำตามหลักการ ทำตามกฎหมายไม่มีจับแพะ ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของตำรวจ เราทำตามขั้นตอน หลักฐานและข้อเท็จจริง

ในโลกโซเชียลมีเดียท่านแสดงความคิดเห็นยังไงก็ได้ ท่านไม่มีตัวตน หรือท่านไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ท่านแสดงความคิดเห็นเนี่ย จะมีผลกระทบกับการทำงาน มีผลกระทบกับความรู้สึกของผู้ปฏิบัติ ท่านก็พูดของท่านไปเรื่อย ผีเจาะปาก เจาะนิ้ว นักสืบคีย์บอร์ดก็ว่ากันไปเรื่อยนะครับ แต่ท่านไม่เคยคิดว่าผลที่ออกมา 1.กระทบต่อผู้ปฏิบัติ ก็โอเค ไม่เป็นไร เราเป็นตำรวจ อดทนได้ 2.กระทบต่อสังคม คนในสังคมมีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ บางคนมีวุฒิภาวะไม่เท่ากัน บางคนปัญญาอ่อนก็เชื่อ อันนี้ต้องบอกตามตรงว่าถ้ามันไม่มีประโยชน์ก็เบาๆ บ้างครับ ถ้ามันไม่เกิดประโยชน์นะครับ”


(นักสืบคีย์บอร์ด ยังคง "มโนโซเชียล" หาหลักฐานกันอย่างไม่ลดละ)



พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์อย่างหนักตลอดช่วงที่ผ่านมา ในกรณีการจับผู้ต้องหา “คดีฆาตกรรมโหดนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ณ เกาะเต่า อ.พะงัน จ.สุราษฎร์ธานี” ที่เกิดขึ้น ระบุชัดเจนว่าตำรวจยินดีรับฟังข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ในการทำงาน แต่ขอให้วิจารณ์กันในขอบเขตที่เหมาะสม ทั้งยังขอบคุณประชาชนที่ตรวจสอบการทำงานของตำรวจอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกันนี้ ในฐานะที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธี “วันตำรวจไทยประจำปี 2557” จึงฝากทิ้งท้ายว่า ขอสัญญา จะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดเกี่ยวกับการคลี่คลายคดีต่างๆ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่เหลือนี้

สอดคล้องกับความคิดเห็นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ติดตามฟีดแบ็กเกี่ยวกับคดีนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะแรงกดดันจากประชาชนชาวไซเบอร์ที่ตั้งข้อสงสัยกันไปต่างๆ นานาเพราะเกรงว่าจะจับแพะ ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า คดีใหญ่ขนาดนี้ไม่มีใครกล้ายัดความเท็จใดๆ แน่นอน

“สิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้พวกเราช่วยกันสำนึกและอยากให้คนไทยทั้งประเทศช่วยกันคิดว่า กระบวนการและวิธีการของเจ้าหน้าที่มีขั้นตอนอยู่ ซึ่งผลที่ออกมาก็เป็นเรื่องดี สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ซึ่งถ้าเกิดมันไม่ใช่ เมื่อผลการสอบสวนออกมา เจ้าหน้าที่ก็จะมีความผิด แล้วใครเขาจะกล้าทำเพราะคดีนี้เป็นคดีใหญ่ คนทั่วโลกรับรู้และรับทราบ มีผลเสียต่อประเทศชาติ ผมเชื่อว่าไม่มีใครกล้าทำ และผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมดำเนินคดี เขาคงไม่ยอมถูกบังคับเพื่อให้ต้องรับผิดมากขนาดนั้น ทั้งนี้ ก็ต้องไปว่ากันในกระบวนการ ชั้นนี้เป็นเพียงแค่การจับกุมและสอบสวนและส่งฟ้องอัยการ ก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน


(ภาพล้อเลียนเล็กๆ น้อยๆ จากผีคีย์บอร์ด)



ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีการสร้างกระบวนการความเข้าใจโดยเชิญต่างประเทศที่ยังสงสัยมารับทราบข้อมูลข้อเท็จจริง ซึ่ง รมว.ต่างประเทศก็ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว วันนี้ขอให้เราเป็นกำลังใจให้กันและกัน ขอให้ใจเย็นๆ จะผิดหรือถูกให้ว่ากันไปตามขั้นตอน ทุกเรื่องจะต้องได้คำตอบ ไม่ใช่พอช้าก็บอกว่าจับไม่ได้ สงสัยเจ้าหน้าที่ไม่มีความสามารถ พอจับได้ก็มาบอกว่าทุจริต แล้วจะเอากันตรงไหน เรื่องเกาะเต่าพูดกันมาหลายอาทิตย์ ร้อนกันไปหมดแล้ว”

ทั้งยังย้ำชัดๆ อีกรอบว่าทุกฝ่ายที่รับผิดชอบกำลังติดตามดูทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น ไม่เว้นแม้แต่บนโลกออนไลน์ ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดูแลสอดส่องในเรื่องนี้โดยเฉพาะ “เมื่อจับกุมตัวผู้ต้องหามาแล้วก็ให้ดำเนินการต่อไป ส่วนจะฟ้องศาลหรือไม่ก็ว่ากันไป ถ้าคนนี้ไม่ใช่ ก็ไปจับคนใหม่ที่ใช่มา อย่างนี้จะดีกว่า ไม่เช่นนั้นเรื่องก็ไม่จบ เรื่องนี้ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ผิดถูกต้องไปว่ากันมาตามข้อเท็จจริง”




จับผิดภาพวงจรปิด นักสืบผีคาดยังลอยนวล?
ในอีกฝั่งหนึ่ง แม้จะถูกว่ากล่าวด้วยถ้อยคำว่า “ผีเจาะปาก-เจาะนิ้ว” ให้มาพิมพ์ในคีย์บอร์ด หรือ “มโนโซเชียล” สร้างข้อสันนิษฐานกันบนโลกออนไลน์ไปวันๆ แต่พวกเขาก็ยังคงติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคดีนี้อย่างใกล้ชิด ซ้ำยังมีหลักฐานใหม่ๆ ปรากฏออกมาให้ชวนครุ่นคิดอยู่เรื่อยๆ

ล่าสุด มีผู้นำภาพหลักฐานซึ่งผู้ที่ชาวเน็ตต้องสงสัยว่าเป็นคนร้ายในคดีนี้ มานั่งจับผิดจุดน่าสงสัยและแจกแจงรายละเอียดกันอย่างแพร่หลายบนโลกออนไลน์ ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพนิ่งที่เจ้าตัวอ้างว่า Capture มาจากกล้องวงจรปิดของทาง ม.กรุงเทพฯ ในวันที่ 15 ก.ย.57 เพื่อยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในเกาะเต่าในคืนวันเกิดเหตุ (15 ก.ย.57) แต่อย่างใด และด้วยหลักฐานชิ้นนี้เองที่ทำให้ผู้อยู่ในภาพหลุดพ้นการเป็นผู้ต้องสงสัยไปโดยปริยาย ทั้งยังใช้เป็นแต้มต่อที่เจ้าตัวและทนายยืนยันว่าจะขอไม่ตรวจ DNA โดยอ้างเรื่อง “สิทธิ” ในข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง


(นักสืบไซเบอร์เอาภาพนิ่งจากวงจรปิดมาจับผิด)



แต่ถึงจะมีหลักฐานยืนยันเวลาและสถานที่ที่ชัดเจนเพียงพอให้หลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในสายตาตำรวจเพียงใด สำหรับเหล่านักสืบไซเบอร์แล้ว ยังถือว่าเป็นหลักฐานที่อ่อนมากๆ วิพากษ์วิจารณ์กันว่าถ้าผู้ที่ถูกรุมสงสัยอยู่ตอนนี้ห่วงภาพลักษณ์ของประเทศชาติมากกว่านี้เพียงสักนิด ก็ควรจะออกมาตรวจ DNA ให้จบๆ กันไป ในเมื่อไม่ใช่คนร้ายจะเกรงกลัวกระบวนการตรวจสอบไปทำไม ดีกว่าต้องถูกสงสัยให้คาราคาซังกันแบบนี้ ที่สำคัญ จะได้ช่วยลบข้อสงสัยในข่าวต่างๆ ทั้งสื่อไทยและเทศซึ่งมองว่ามีเรื่อง “อำนาจมืดและอิทธิพลท้องถิ่น” เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย


(เพจ CSI LA ยังคงตามจับผิดไม่ลดละ)


ที่ถล่มวิจารณ์กันว่าภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดดังกล่าวเป็นหลักฐานที่อ่อนเกินเชื่อถือได้ในสายตานักสืบคีย์บอร์ด เป็นเพราะยังไม่เคยมีใครได้เห็นภาพเคลื่อนไหวจากกล้องตัวนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว เกี่ยวกับเรื่องนี้แอดมินเพจดัง “CSI LA” ผู้อ้างว่าถนัดงานสืบสวนและออกโรงแฉทุกข้อสันนิษฐาน จนถูกขนานนามว่าเป็น “นักสืบไซเบอร์กิตติมศักดิ์” เกี่ยวกับคดีนี้ จึงกำลังพยายามกดดันให้ผู้ที่ถูกสงสัยเอาภาพเคลื่อนไหวออกมาให้ดูให้ได้ เพราะจับพิรุจได้ว่าคำให้การกับข้อมูลที่ตรวจสอบภายหลังไม่ตรงกัน และนี่คือโพสต์ที่ CSI LA บอกเล่ารายละเอียดเอาไว้

“นมสดต้องเข้าเรียนวิชา Accounting and Financial Management ทุกวันจันทร์ เวลา 8.40-11.00 เเละ 12.40-13.50 เเต่ทำไมนมสดเดินออกจากหอพักพลอมร วันจันทร์ เวลา 9.16.40 ทำไมไม่ไปเรียน? ไหนบอกว่ามีสอบไง”

“นมสดเเละทนาย โปรดนำภาพเคลื่อนไหวจาก CCTV ของหอพัก ร้านสะดวกซื้อ มหาลัยกรุงเทพ เเละผลการสอบในวันที่ 15 ก.ย. มาเป็นหลักฐาน ถ้าคุณไม่ทำตาม พวกเราจะเข้าไปใส่ข้อความตามเพจที่ให้คนเเสดงความคิดเห็น (เว็บและเพจเกี่ยวกับที่พักในแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งหนึ่งในนั้นมีกิจการครอบครัวผู้ที่ชาวเน็ตต้องสงสัยรวมอยู่ด้วย) เช่น Trip Advisor รวมทั้ง Facebook ด้วย”




ที่น่าสนใจคือ ไม่ใช่แค่เพจนักสืบไซเบอร์ดังกล่าวเท่านั้นที่ร่วมจับผิดภาพหลักฐานต้องสงสัยชิ้นดังกล่าว แต่ประชาชนชาวเน็ตและเพจอื่นๆ ก็ร่วมด้วยช่วยสงสัยโดยมิได้นัดหมาย ล่าสุด มีมือดีลองตัดต่อภาพ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” เข้าไปใส่แทนที่บุคคลในภาพเดิม แถมยังทำได้เนียนกว่าภาพต้นฉบับเสียอีก มีเงาของคนในภาพวางพาดอยู่ด้วย

(โพสต์การสืบยอดนิยมบนโลกออนไลน์ขณะนี้)



       นอกจากนี้ ยังจับผิดภาพต้นฉบับว่ามีจุดต้องสงสัยในเรื่อง “ตัวเลขสีขาว” ซึ่งระบุเวลาและวันที่ว่าไม่ควรเป็นสีนั้น แต่ควรเป็นสีดำเหมือนตัวเลขตัวอื่นๆ เสียมากกว่า หรือแม้แต่ตัวเลข “9” ที่วิจารณ์ว่าเป็นฟอนต์ตัวอักษรคนละตัวกัน จึงยิ่งสร้างความสงสัยให้เหล่านักสืบไซเบอร์มโนอย่างมีหลักการต่อไปเรื่อยๆ 





ไม่ได้อคติ แต่ไหนล่ะ? ความชัดเจน
ที่น่าเศร้ามากคือปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพลักษณ์การท่องเที่ยวประเทศไทยป่นปี้ไปไม่น้อย โดยเฉพาะสถานที่เกิดเหตุ ล่าสุด รัฐบาลอังกฤษได้ออกมาเผยแพร่คำแนะนำแก่พลเมืองในบ้านเมืองเขาเกี่ยวกับการเดินทางมาประเทศไทย โดยได้ปรับเนื้อหาคำแนะนำภายหลังเกิดคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษครั้งนี้ ให้มีเนื้อหาส่อไปในเชิงเตือนภัยหรือไม่สนับสนุนให้เดินทางมายังแผ่นดินสยามหากไม่อยากตกเป็นเหยื่อ


(รัฐบาลอังกฤษออกโรงเตือนประชาชน ระวังการมาเที่ยวไทย)


“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษครั้งล่าสุดนี้ไม่ใช่ครั้งเเรก ที่ผ่านๆ มา คนอังกฤษเเละชาวตะวันตก ตกเป็นเหยื่อเเละโดนทำร้ายจากกลุ่มมาเฟียท้องถิ่น ในเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ยกตัวอย่างเช่น เดือน ม.ค.ปีที่เล้ว ชาวอังกฤษถูกยิงเสียชีวิตในขณะที่เข้าร่วมงาน Full Moon Party ที่หาดริน เกาะพะงัน เเละเดือน ก.ย.ปีนี้ ชาวอังกฤษก็ถูกฆ่าอีก 2 รายที่เกาะเต่า

การข่มขืนกระทำชำเราเเละปล้นทรัพย์เกิดขึ้นบ่อยมากกับนักท่องเที่ยวชายหญิงบนเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า รวมถึงในจังหวัดกระบี่ด้วย ในช่วยเทศกาล Full Moon Party โดยปาร์ตี้ส่วนใหญ่จะจัดขึ้นที่บาร์ นักท่องเที่ยวมักจะถูกปล้นตอนนำเเขกเข้าห้อง บางคนโดนวางยา ฉะนั้น โปรดระวังตัวเวลารับเครื่องดื่มจากคนเเปลกหน้า ในขณะที่เข้าร่วมปาร์ตี้หรืออยู่ที่บาร์ โดยเฉพาะที่เกาะสมุย พัทยา เเละ Full Moon Party ที่เกาะพะงัน ซึ่งมักเกิดการข่มขืนกระทำชำเราด้วยการมอมยา

นอกจากนี้ การก่อเหตุทำร้ายยังเกิดขึ้นในพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่งรวมถึง จ.เชียงใหม่ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ จ.กระบี่ พลเมืองชาวอังกฤษจึงควรมีความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลางคืน และหากผู้ใดประสบเหตุการณ์อาชญากรรมใดๆ ควรแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยก่อนจะเดินทางออกจากประเทศไทย”

ในขณะที่ทางตำรวจและรัฐบาลขอให้สื่อมวลชนภายในประเทศระมัดระวังการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับกรณีนี้เพราะเกรงว่าจะส่งผลต่อรูปคดี ภาพลักษณ์ และความมั่นคงของประเทศ แต่กับภาพลักษณ์ที่มีในสายตาของสื่อต่างชาติรวมถึงรัฐบาลตะวันตกกลับป่นปี้แทบจะกู่ไม่กลับ
แน่นอนว่าไม่มีใครหรือสื่อมวลชนรายไหนอยากนำเสนอข่าวเพื่อขายและทำให้ประเทศชาติเสียหาย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าผู้รับผิดชอบคดีมอบ “ความชัดเจน” ให้กับประชาชนและสื่อมวลชนได้มากน้อยเพียงใด แม้แต่ “จตุรงค์ สุขเอียด” นักข่าวภาคสนามจากช่องน้อยสีซึ่งติดตามทำสกู๊ปในคดีนี้อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ยังอดที่จะฝากอะไรบางอย่างเอาไว้ให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้คิดบ้างผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาเอง

“ระหว่างผมสัมภาษณ์ล่ามพม่าที่เกาะสมุยนั้น ก็มีชายคนหนึ่งมานั่งตีเนียน พอเริ่มถามก็ยกมือถือขึ้นถ่าย ผมสังเกตแล้วว่าชายคนนี้ไม่โจรก็ตำรวจ หลังจบการสัมภาษณ์ล่ามก็หันไปถามว่า พี่เป็นตำรวจหรือไม่ เขาเลิ่กลั่กก็รับว่าครับ ด้วยประสบการณ์จึงให้ช่างภาพหันกลับมาแล้วเอาไมค์ไปจ่อ ว่า ขอถามหน่อยพี่เป็นคนติดต่อล่ามคนนี้ไปหรือ เขาก็ว่าเปล่าๆ ถามว่าใครให้มา ผู้ใหญ่สั่งหรือก็ว่ามาเอง แล้วถามว่ารู้ได้ไงว่าจะมีการสัมภาษณ์เขา และผมมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่ตอบ ความจริงมีภาพระหว่างนี้ทั้งหมด แต่ดูแล้วสงสารลูกเมียเขา เพราะคงถูกสั่งมา จึงไม่นำออกไป

แล้วประเมินว่าครั้นจะไปที่อื่นต่อคงลำบาก จึงตัดสินใจกลับทันที แต่โชคไม่ดีหลังคืนฟูลมูนปาร์ตี้พอดี เที่ยวบินบางกอกแอร์เวย์สเต็มทุกเที่ยว จึงต้องรบกวนหลายคนให้หาตั๋วให้ ที่สุดต้องซื้อตั๋วสแตนบายนอนรอจนเขาเรียกไปเช็กอินแทนผู้โดยสารที่เลื่อนบิน
ก็กลับมา....การถูกตามถ่าย ตามรอยไม่ใช่เพิ่งเกิดกับผม เกิดมานับครั้งไม่ถ้วน ทางหนึ่งคือต้องหูไวตาไว หากเห็นว่าเป็นคนที่มีพฤติกรรมแปลกก็ให้หันไปหาเขาถ่ายภาพเก็บไว้ด้วย ที่เล่ามานี้เพื่อให้รู้ว่าแม้ตำรวจจะบอกว่า โปร่งใส แต่ตำรวจก็ไม่เคยให้ผู้ใต้ปกครองทำให้คนไว้ใจ นี่ต่างหากปัญหาที่สังคมไม่เชื่อท่านในคดีนี้”


(ความคิดเห็น นักข่าวภาคสนาม ผู้ติดตามทำสกู๊ปคดีนี้มาตลอด)




“ผมพยายามขอให้มีคนช่วยทำให้ความจริงคดีเกาะเต่าคลี่คลายโดยเร็วไม่ใช่เพื่อหาข่าว แต่ข่าวจะช่วยให้ภาพพจน์ดีขึ้นหากมีข้อมูลน่าเชื่อว่า ตำรวจจับถูกต้องแล้วเพราะอะไร และหากคลุมเครืออยู่ การให้นักสิทธิมนุษยชนหรือองค์กรอื่นมาร่วมด้วย จะลดความเสียหายของประเทศลงได้
ผมว่าหากการท่องเที่ยวเราเสียหาย เราก็เสียกันทั้งประเทศ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งก็ว่าเราต้องวิจารณ์แบบระวังชื่อเสียงของคนไทยด้วยกัน ตอนนี้เราไม่มีความขัดแย้งบนถนน แต่เรามีความขัดแย้ง และเราไม่มีเวทีปราศัยบนถนน แต่เราก็วิจารณ์กันทางสื่อออนไลน์ โดยที่ต่างชาติก็ไม่ต้องเดินทางมาก็เห็นว่าคนไทยก็ยังไม่ไว้ใจกันแค่ไหน ผมหวังว่าผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญจะขจัดความคลุมเครือนี้ลงโดยเร็วครับ”

“บางท่านว่าคดีเกาะเต่าเป็นเรื่องในประเทศไทย ตอนนี้ไม่จริง มันเป็นเรื่องของภายนอกไปแล้ว ถ้าแนะนำได้ผมว่า ท่านต้องให้ผู้ต้องหาออกมาพูดกับสื่อให้นักข่าวได้ซักได้ถามเขา ท่านจะตั้งโต๊ะที่ไหนก็ได้ ให้ทั้งสื่อไทยและเทศร่วมซักถามเขา ทางเดียวที่จะทำให้ความเคลือบแคลงเบาลง... ทำเถิดครับ”

ข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพและข้อมูลบางส่วน: แฟนเพจ “CSI LA”




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2557   
Last Update : 15 ตุลาคม 2557 8:37:32 น.   
Counter : 1788 Pageviews.  

ยกระดับ-ตั้งโรงพักใหม่ อย่าประเคนเก้าอี้ให้ “เด็กเส้น”

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ยกระดับ-ตั้งโรงพักใหม่ อย่าประเคนเก้าอี้ให้ “เด็กเส้น”

การแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพันที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็มีกระแสข่าวลือว่าในระดับผกก. ซึ่งถือเป็นหัวหน้าหน่วย หัวหน้าโรงพัก ในแต่ละกองบัญชาการ มีเสียงร่ำลือว่าแต่ละตำแหน่งต้องถูกตีตราประทับจาก “บิ๊กอ๊อด”และ “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รักษาการ รองผบ.ตร.ก่อน

       น่าจะเป็นการวัดใจ “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แม่ทัพใหญ่กรมปทุมวันอีกครั้ง ในการแสดงภาวะผู้นำสีกากี ต่อการทำหน้าที่ผบ.ตร. ซึ่งได้ประกาศนโยบายเสียงดังฟังชัดว่าจะทำงานเพื่อองค์กรตำรวจ จริงๆแล้วเป็นแค่เพียงคำพูดสวยหรู หรือเป็นคำมั่นสัญญาจากใจจริงกันแน่

       การปรับระดับตำแหน่ง “หัวหน้าสถานี” และการจัดตั้ง “สถานีตำรวจ”ขึ้นใหม่ ที่สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการจัดทำประกาศเขตอำนาจการรับผิดชอบและเขตพื้นที่การปกครองของสถานีตำรวจ ซึ่งคาดว่าน่าจะประกาศใช้ได้ในเร็วๆนี้

ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์การทำหน้าที่ผบ.ตร.ของพล.ต.อ.สมยศครั้งนี้

       สำนักงานกำลังพล เตรียมปรับระดับตำแหน่งหัวหน้าสถานีตำรวจจาก สารวัตรใหญ่(สวญ.) เป็น ผู้กำกับการ(ผกก.) จำนวน 8 แห่ง และจาก สารวัตร(สว.) เป็น สวญ. จำนวน 1 แห่ง รวม 9 แห่ง และจัดตั้งสถานีตำรวจขึ้นใหม่อีก 22 แห่ง รวมทั้งสิ้น 31 แห่ง

       โดยระดับ สวญ. ปรับเป็น ผกก. 8 สถานี ก็จะมี สภ.เทนมีย์ จว.สุรินทร์ สภ.เขวาใหญ่ จว.มหาสารคราม สภ.แม่ยาว จว.เชียงราย สภ.ห้วยม้า จว.แพร่ สภ.ด่านแม่คำมัน จว.อุตรดิตถ์ สภ.ดงขุย จว.เพชรบูรณ์ สภ.หนองขาว จว.กาญจนบุรี และสภ.เขาวิเศษ จว.ตรัง ส่วนระดับ สว. ปรับเป็น สวญ. เป็นหัวหน้าสถานีตำรวจ มี 1 แห่ง คือ สภ.วังหงส์ จว.แพร่

       ขณะที่สถานีตำรวจตั้งขึ้นใหม่ 22 แห่ง ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค(บช.ภ.) 1สภ.รัตนาธิเบศร์ แยกจากสภ.เมืองนนทบุรี และสภ.คลองหนึ่ง แยกจากสภ.คลองหลวง จะไปขึ้นอยู่กับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(บก.ภ.จว.)ปทุมธานี บช.ภ.2 สภ.เกาะล้าน แยกจากสภ.เมืองพัทยา ขึ้นกับ บก.จว.ชลบุรี บช.ภ.3 สภ.แสลงโทน แยกจากสภ.ประโคนชัย ขึ้นกับ บก.ภ.จว.บุรีรัมย์

       บช.ภ.4 สภ.ท่าพระ แยกจากสภ.เมืองขอนแก่น สภ.บ้านเป็ต แยกจากสภ.เมืองขอนแก่น สภ.โคกสี แยกจากสภ.เมืองขอนแก่น สภ.เวฬุวัน แยกจาก สภ.เมืองขอนแก่น สภ.โนนทัน แยกจาก สภ.ชุมแพ ขึ้นกับ บก.ภ.จว.ขอนแก่น สภ.นาข่า แยกจากสภ.เมืองอุดรธานี สภ.โนนสูง แยกจากสภ.เมืองอุดรธานี ขึ้นกับ บก.ภ.จว.อุดรธานี สภ.สะอาดสมบูรณ์ แยกจาก สภ.เมืองร้อยเอ็ด สภ.เกาะแก้ว แยกจากสภ.เสลภูมิ ขึ้นกับ บก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด

       บช.ภ.5 สภ.ป่าแดง แยกจากสภ.เมืองแพร่ ขึ้นกับ บก.ภ.จว.แพร่ สภ.แม่กา แยกจากสภ.เมืองพะเยา ขึ้นกับ บก.ภ.จว.พะเยา สภ.นิคมอุตสาหกรรม แยกจากสภ.เมืองลำพูน ขึ้นกับ บก.ภ.จว.ลำพูน บช.ภ.6สภ.ท่าโพธิ์ แยกจากสภ.เมืองพิษณุโลก ขึ้นกับ บก.ภ.จว.พิษณุโลก สภ.ขากังราว แยกจากสภ.เมืองกำแพงเพชร ขึ้นกับ บก.ภ.จว.กำแพงเพชร

       บช.ภ.8 สภ.บางสวรรค์ แยกจากสภ.พระแสง ขึ้นกับ บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช สภ.เกาะพีพี แยกจากสภ.เมืองกระบี่ ขึ้นกับ บก.ภ.จว.กระบี่ และสภ.เกาะเต่า แยกจากสภ.เกาะพงัน ขึ้นกับ บก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี

       เหตุที่การยกระดับสถานีตำรวจครั้งนี้ จะเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจพล.ต.อ.สมยศ ต่อคนสีกากี ก็เพราะเมื่อมีการยกระดับโรงพัก หรือตั้งโรงพักใหม่ขึ้นมา นั่นก็หมายถึงจะมีตำแหน่งเพิ่ม อย่างโรงพักที่มี สวญ. เป็นหัวหน้าโรงพัก ก็จะได้ ผกก.เพิ่ม 1 ตำแหน่ง รวมทั้งมีรอง ผกก. และสว. เพิ่มเติม เช่นเดียวกับการตั้งโรงพักใหม่ ก็จะมีตำแหน่งเพิ่ม ตั้งแต่ ผกก.โรงพัก รองผกก. สว. รองสว. ชั้นประทวน ขึ้นมาใหม่ เพื่อรองรับการทำงานแต่ละโรงพัก

สิ่งพิสูจน์ความจริงใจ “บิ๊กอ๊อด”ก็คือ เมื่อตำแหน่งเพิ่มมากขึ้น หากนโยบายการแต่งตั้งเปิดโอกาสให้ตำรวจที่ทำงานได้เติบโตกันตามหน้าที่ ตามสายงาน ได้เจริญก้าวหน้ากันโดยไม่มีการแทรกแซง ก็เหมือนเป็นขวัญกำลังใจ และเป็นโอกาสเพิ่มขึ้นให้กับตำรวจอีกจำนวนหนึ่ง นอกเหนือจากตำแหน่งว่างเกษียณอายุราชการตามปกติ

       แต่ถ้าโรงพักที่ยกระดับหรือโรงพักที่เกิดใหม่ ตำแหน่งๆต่างๆถูกตีตราจองเอาไว้จากระดับผู้บริหาร ก็จะเป็นเครื่องบ่งชี้ชัดเจนว่านโยบายที่พล.ต.อ.สมยศประกาศเอาไว้จะพัฒนาองค์กรตำรวจ ให้คนดีมีฝีมือได้เจริญเติบโตในหน้าที่การงานไม่ใช่ออกมาจากความจริงใจ

ยิ่งภาพสะท้อนที่ออกมาจากการแต่งตั้งระดับ “นายพล” ที่แม้ “บิ๊กอ๊อด”จะไม่ได้ทำบัญชีแต่งตั้งอย่างเต็มตัว เพราะขณะนั้นเป็นเพียงแค่ ว่าที่ผบ.ตร. มี “บิ๊กกุ้ย”พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ทำหน้าที่รักษาการ ผบ.ตร.อยู่ แต่รายชื่อที่ออกมาเช็คประวัติเช็คสีเสื้อ ก็ไม่อาจจะเถียงได้ว่าเลือกจากคนดีมีฝีมือ จากคนทำงาน มากกว่าพวกพ้อง

       เหมือนการแบ่งงานระดับ รองผบ.ตร.-ผู้ช่วยผบ.ตร. ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันถึงความเหมาะสมในการจัดคนบางหน้างาน ที่นายตำรวจบางรายไม่เคยผ่านงานป้องกันปราบปราม แต่ได้ไปคุมงานป้องกันปราบปราม เพียงเพราะความสนิทชิดเชื้อกับผู้บริหาร

       หรือล่าสุดการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพันที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็มีกระแสข่าวลือว่าในระดับผกก. ซึ่งถือเป็นหัวหน้าหน่วย หัวหน้าโรงพัก ในแต่ละกองบัญชาการ มีเสียงร่ำลือว่าแต่ละตำแหน่งต้องถูกตีตราประทับจาก “บิ๊กอ๊อด”และ “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รักษาการ รองผบ.ตร.ก่อน

       ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร จะเป็นไปตามข่าวลือ หรือเป็นแค่ข่าวเมาธ์ ถือเป็นสิ่งที่พล.ต.อ.สมยศ ในฐานะผู้นำสีกากี จะต้องพิสูจน์จากการกระทำออกมาให้เห็นว่าจริงๆแล้ว การบริหารงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติของ “บิ๊กอ๊อด” ทำเพื่อตำรวจ 2 แสนกว่านายอย่างแท้จริง โดยคำนึงถึงความรู้ ความสามารถ คุณธรรม ผลงาน ไม่ใช่พวกพ้อง

การแต่งตั้งนี่แหละ..จะเป็นบทพิสูจน์ชั้นดี




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2557   
Last Update : 14 ตุลาคม 2557 8:04:25 น.   
Counter : 1900 Pageviews.  

Thailand Only! ล่าสินบนจราจร คนจ่ายถูกจับ ตำรวจรับทรัพย์ 1 หมื่น

Thailand Only! ล่าสินบนจราจร คนจ่ายถูกจับ ตำรวจรับทรัพย์ 1 หมื่น

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
Thailand Only! ล่าสินบนจราจร คนจ่ายถูกจับ ตำรวจรับทรัพย์ 1 หมื่น
พล.ต.ต. อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) มอบเงิน 1 หมื่น ให้แก่ ร.ต.ต.เสรี ไตรวงษ์ รอง สว.จร.สน.วัดพระยาไกร และ ด.ต. นรินทร์ ฟักบำรุง ผบ.หมู่จร.สน.วัดพระยาไกร (ชุดสายตรวจอินทรี) ตามโครงการจับในข้อหาให้สินบนเจ้าหน้าที่

ต่อไปนี้ ใครให้สินบนเรื่องใบสั่งแก่เจ้าพนักงานจะต้องถูกจับดำเนินคดีทันที เพราะมีนโยบายใครยัดเงินให้ตำรวจจะถูกบันทึกภาพเก็บไว้แบล็กเมล์ ส่วนตำรวจคนไหนจับได้ รับไปเลย 10,000 บาท กลายเป็นเรื่องฮือฮาท่ามกลางกระแสสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงภารกิจล่าสินบนจราจรว่าจะแก้ปัญหาได้จริง หรือก็แค่ไฟไหม้ฟาง...

เอาจริง! ปฏิบัติการล่าสินบนจราจร

เป็นที่ฮือฮาเมื่อปรากฏพาดหัวข่าวใหญ่โตพร้อมภาพแถลงขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์หลายฉบับ กรณีแจก 1 หมื่นให้ตำรวจที่ไม่รับสินบนเรื่องใบสั่งตามโครงการ พร้อมประกาศล่าสินบนจราจร ต่อไปนี้ใครให้เงินตำรวจเจอข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ทันที เชือดไก่ให้ลิงดูแล้วเป็นรายแรกตามโครงการล่าสินบนจราจร เป็นช่างจิวเวลรี่ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ ลงจากสะพานกรุงเทพ ฝั่งขาเข้า แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยเจริญกรุง 80 ในจุดห้ามเลี้ยว ซึ่งมีป้ายบังคับอย่างชัดเจน

ทันทีที่ตำรวจจราจรพบเห็น จึงเรียกตรวจ และดำเนินการออกใบสั่งตามหน้าที่ แต่ผู้ขับขี่ได้ยื่นเงินให้ 100 บาท เพื่อขอไม่ให้ออกใบสั่ง เจ้าหน้าที่จึงถ่ายรูปเป็นหลักฐานและส่งตัวดำเนินคดี สำหรับรายนี้ เบื้องต้นมีรายงานว่า ผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกไปในวงเงิน 70,000 บาทแล้ว

กลายเป็นที่มาของข่าวใหญ่โตตามสื่อต่างๆ กับภาพ พล.ต.ต. อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) แจก 1 หมื่น ให้แก่ ร.ต.ต.เสรี ไตรวงษ์ รอง สว.จร.สน.วัดพระยาไกร และ ด.ต. นรินทร์ ฟักบำรุง ผบ.หมู่จร.สน.วัดพระยาไกร (ชุดสายตรวจอินทรี) ตามโครงการจับในข้อหาให้สินบนเจ้าหน้าที่

ตามมาติดๆ เป็นรายที่ 2 คนขับปิกอัพรายหนึ่ง ฝ่าฝืนเครื่องหมายห้ามกลับรถที่แยกผังเมือง กีดขวางการจราจรรถติดขัดเป็นอย่างมาก งานนี้ ร.ต.ต.ราชันต์ ชมสุวรรณ รองสารวัตรจราจร สน.มักกะสัน 6011 นายตำรวจนักปลูกต้นไม้ให้สังคม ซึ่งจัดการจราจรที่แยกผังเมือง จึงได้เดินเข้าไปจับกุม แต่ผู้ขับขี่คนดังกล่าวกลับยื่นเงินให้ 50 บาท พร้อมทั้งขอให้ช่วยกันหน่อย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการถ่ายภาพและจับกุมดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนเครื่องหมายห้ามกลับรถ และให้สินบนเจ้าพนักงาน ขณะปฏิบัติงานตามหน้าที่ นำตัวส่งเข้าห้องขัง และส่งฟ้องศาลต่อไป

สำหรับคดีการให้สินบนเจ้าพนักงาน พล.ต.ต.อดุลย์ ให้ความรู้ว่า มีความผิดอาญาตามมาตรา 144 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และจะต้องนำตัวส่งศาลเพื่อสืบพยานหลักฐานต่อไป ซึ่งคดีดังกล่าวไม่สามารถยอมความกันได้ ดังนั้นจึงอยากเตือนประชาชนว่าอย่าพยายามให้เงินแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หากถูกดำเนินการจับกุมก็ควรจะเสียค่าปรับตามโทษที่กระทำความผิด

หากเป็นกรณีที่ตำรวจเรียกเก็บค่าปรับกับประชาชนโดยไม่มีการออกใบสั่งนั้น หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวสามารถโทร.ร้องเรียนได้ที่หมายเลข 1997 จากนั้นผู้บังคับบัญชาจะมีการสอบสวนและดำเนินการตามระเบียบของตำรวจซึ่งหากพบว่ากระทำความผิดจริงจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 149 ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาทหรือประหารชีวิต

ส่วนเงินสำหรับเงินรางวัลที่ บช.น. มอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรนั้น ตามข่าวระบุว่า เป็นเงินจากกองทุนสวัสดิการตำรวจจราจร ที่ตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2556 เป็นเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก ซึ่งเงินในกองทุนจะใช้สำหรับส่งเสริมกิจการกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานจราจรเพื่อดำเนินการในด้านต่างๆ ทั้งบุคลากร และอุปกรณ์เพื่อใช้ในงานจราจรของบช.น.

ชาวเน็ต วิพากษ์โครงการล่าสินบนจราจร

ทันทีที่ข่าวแพร่สะพัดออกไป โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ หลังจากมีการแชร์ข่าวนี้ตามเพจเฟซบุ๊กต่างๆ มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมาจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เห็นว่า เป็นการแก้ปัญหาที่หลายเหตุ

"แก้ปัญหาไม่ได้หรอกครับท่าน ถึงได้ก็แค่เสี้ยวติ่ง มันต้องแก้ที่จิตสำนึกของคน ประชาชนไม่โง่ครับ ถ้าถูกถามให้จ่ายสินบนประชาชนก็แค่อัดคลิปแล้วก็ไม่จ่ายก็จบ สุดท้ายคลิปก็ประจานตำรวจที่ไถอยู่ดี" Attapon Sopa


"สามัญสำนึกของตำรวจสร้างเองไม่ได้ ต้องใช้เงินจ้าง แล้วที่ ปชช.ถ่ายคลิป ตร.เรียกรับเงินเป็นร้อยๆ คลิป ไม่อายเหรอ ปชช.เขาก็ไม่ได้ขอรางวัลด้วย แค่อยากให้พวกชั่วๆ หมดไป" Pom Hatyai

"แค่ทำตามหน้าที่ไม่เห็นสมควรต้องได้รางวัลอะไร เพราะทุกเดือนก็ได้รับเงินเดือนจากภาษีประชาชนอยู่แล้ว" สุทธา ศรีคุ้มวงษ์

อย่างไรก็ดี ยังมีบางความเห็นที่เห็นด้วย เพราะช่วยส่งเสริมตำรวจในด้านดี

"ถ้าจะส่งเสริมตำรวจ ขอให้ลงข่าวแบบนี้มากๆ ครับ ที่สังคมเป็นแบบนี้เพราะมีคนทำผิดแล้วคิดว่า ใช้เงินซื้อความถูกต้องได้ แล้วถ้าตำรวจไม่รับ และให้คนที่ทำผิดทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย สังคมไทยจะได้มีมาตรฐานทางสังคมที่สูงขึ้น" คนธรรมดา

แต่นโยบายนี้ หลายคนมองมุมกลับว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกสินบนเสียเอง จะมีเงินรางวัลให้ประชาชนเท่าไร แถมมีบางความเห็นมองไปถึงประเด็นตำรวจรังแกประชาชน ในขณะที่บางคนยังบอกอีกว่า การนำเงินมาล่อในลักษณะแบบนี้ ไม่ได้ปลูกฝังค่านิยมที่ดีงามอะไรเลย

"ผมสงสัยครับ ถ้าตำรวจเรียกเองล่ะ จะมีรางวัลให้ประชาชนเท่าไรเหรอครับ" ขยันไม่มีจน

"แล้วถ้าประชาชนจับได้ว่าตำรวจขอรับเงินสดมีรางวัลให้ประชาชนบ้างไหมครับ จะได้เท่าเทียมกัน" Kchai Charachit

"เคยทำอะไรใสสะอาดให้ประชาชนไว้ใจบ้างไหมครับ ยัดข้อหาก็มี ข้อหาหมั่นไส้ก็ยังมี" Sumet Seesuk

"งดรับสินบนเล็กน้อย ไปรับสิ่งคลายสินบนที่ใหญ่กว่า เห็นด้วยกับการไม่ให้มีการรับสินบน (ผมเองก็ไม่เคยให้สินบน พนง.เช่นกัน) แต่ไม่ควรนำเงินมาล่อ ไม่ได้ปลูกฝังค่านิยมที่ดี หรือพัฒนาจิตใจใด ๆ เลย" ZAd Thiti

ล่าสินบนจราจร แก้ปัญหาได้จริงหรือ

เมื่อถามความเห็นไปยัง รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต นักวิชาการท่านนี้มองว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ได้ผลแค่ระยะสั้น และที่สำคัญ การให้สินบนเจ้าพนักงานมีความผิดอยู่แล้ว และเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดำเนินคดี ไม่จำเป็นต้องได้รับผลประโยชน์อะไรตอบแทน ส่วนเงินรางวัลที่ให้ตำรวจ ต้องตอบสังคมให้ชัดว่าดึง หรือเอาเงินส่วนไหนมาให้

"การให้รางวัลกับตำรวจที่ไม่รับสินบน มันสะท้อนปัญหาของระบบตำรวจว่ามันเต็มไปด้วยการรับสินบน ส่วนตัวคิดว่า โครงการแบบนี้มันยิ่งทำให้สินบนมีราคาแพงขึ้น เอาเงินไปให้ทหารที่ไปรบดีกว่า เพราะตามหน้าที่แล้ว คุณมีหน้าที่เอาผิดคนให้สินบนเจ้าพนักงานอยู่แล้ว เหมือนกับอาจารย์ถ้าบอกว่า สอนหนังสือเป็นประจำแล้วได้รางวัล ถามหน่อยครับว่า จะได้รางวัลไปทำไม ในเมื่อคุณมีหน้าที่สอนหนังสือ ถ้าคุณไม่สอนหนังสือนี่สิ เป็นปัญหา

เช่นเดียวกับตำรวจ คุณถูกจ้างมาให้รักษากฎหมาย หรือบังคับใช้กฎหมาย คุณก็ไม่จำเป็นต้องได้รับรางวัลอะไร แต่ในกรณีที่ตำรวจทุจริตเสียเองแล้วประชาชนมีหลักฐาน ประชาชนเขาควรจะได้รับรางวัลมากกว่า เพราะเขาพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่รักษากฎหมาย และทำการฉ้อฉลเสียเอง"

ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ รศ.ดร.สังศิต บอกว่า ความเละเทะของโลกตำรวจยังคงจะมีอยู่ต่อไป ถ้ายังไม่มีการปฏิรูปโครงสร้างตำรวจไทยอย่างจริงจัง และไม่มีการกระจายอำนาจของตำรวจออกไปเพื่อทำให้เกิดการตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

"คือระบบตำรวจบ้านเรามันใหญ่โตมากเลย จนกระทั่งระบบการตรวจสอบมันไม่สามารถทำงานได้ แต่สำหรับตำรวจในต่างประเทศ เราจะพบว่าทำไมพวกเขาไม่ขี้โกง ก็เพราะว่าหลายประเทศมีระบบการตรวจสอบที่ดี องค์กรมีขนาดเล็ก เขาจึงไม่ต้องมานั่งแก้ปัญหาด้วยวิธีแบบนี้ เพราะองค์กรตำรวจในต่างประเทศมันเป็นระบบท้องถิ่น ขนาดขององค์กรจึงเล็ก การตรวจสอบจึงทำได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ตำรวจไทยจะต้องเป็นตำรวจของท้องถิ่นนะครับ เพียงแต่บอกว่าองค์กรขนาดเล็ก มันทำให้การตรวจสอบทำงานได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

ยกตัวอย่าง ใครอยู่ๆ ไปซื้อรถราคาแพงๆ เขาก็ตรวจสอบแล้วว่า คุณไปเอาเงินที่ไหนมา ถ้าคุณอธิบายไม่ได้ก็มีปัญหา หรืออยู่ๆ ไปปลูกบ้านราคาสิบล้าน ยี่สิบล้านทั้งที่มีเงินเดือนแค่ 5-6 หมื่น ก็จะถูกถามแล้วว่า ไปเอาเงินจากไหนมาปลูกบ้าน ส่วนประเทศเรา มีองค์กรเดียวคุมทั้งประเทศ มันไม่มีทางตรวจสอบได้หรอกครับ" นักวิชาการคนเดียวกันขยายความถึงสาเหตุปัญหาของเรื่อง

ดังนั้น ในความเห็นของนักวิชาการท่านนี้ เขาย้ำทิ้งท้ายว่า "โครงการนี้ เป็นโครงการที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย วันหนึ่งมันก็จะหายไป คนก็จะรู้สึกว่าเป็นเรื่องขำขัน ถ้าหากว่าเป็นข่าวไปถึงต่างประเทศ ส่วนตัวคิดว่า คนที่อยู่ในประเทศที่เจริญแล้วคงจะอมยิ้มกัน"

ส่วนในมุมของ ผศ.ดร.ศรีสมบัติ โชคประจักษ์ชัด ประธานหลักสูตรปริญญาเอก สาขาวิชาอาชญาวิทยาการบริหารงานยุติธรรมและสังคม คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มองว่าเป็นโครงการที่ช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในสังคมได้ ถ้าทำอย่างจริงจัง

"การทุจริตคอร์รัปชันในเรื่องการให้สินบนจราจร เป็นเรื่องที่พูดกันมานาน แก้ไม่ได้สักที เพราะระหว่างผู้ให้กับผู้รับเขามีการตกลง และแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน แล้วถ้าพูดถึงกฎหมาย ต้องบอกว่าเป็นกฎหมายที่แปลก ลงโทษผู้ให้น้อยกว่าโทษผู้รับ คือผู้รับถ้ารับสินบน ต้องระวางโทษตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต แต่ถ้าผู้ให้ จะโดนลงโทษเต็มที่ก็แค่จำคุกไม่กี่ปี

แต่พอวันนี้มาเบี่ยงประเด็นแทรกกลางว่า โอเค ผู้รับก็คือตำรวจไม่รับ แล้วให้ผู้รับเป็นคนแจ้งเบาะแสเสียเอง ซึ่งก็เหมือนกับเป็นการลงโทษผู้ให้ไปในตัว วันนี้ใครติดนิสัยให้สินบนก็คงต้องระวังแล้วล่ะว่า ถ้าให้ไปจะต้องถูกลงโทษหนักแล้วนะ เพราะวันนี้ตำรวจได้เปรียบกว่า เห็นปุ๊บจับปั๊บได้เงิน 10,000 บาททันที ดังนั้นต่อไปก็ต้องขับรถอย่างระวัง อย่าให้ผิดกฎจราจร เพราะถ้าทำผิดก็จะถูกจับและปรับ สินบนก็ให้ไม่ได้แล้วด้วย

เมื่อเป็นแบบนี้ มันก็ดีค่ะ ปรับพฤติกรรมคนได้เหมือนกัน ถ้าคนรับไม่รับซะอย่าง คนให้ไม่ให้มันก็จบอ่ะค่ะ ถามว่าจะแก้ปัญหาได้ระยะยาวไหม ถ้าทำอย่างจริงจังได้ตลอดมันก็ดีค่ะ เพราะช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมติดสินบน ถ้าไม่มีผู้ให้ ผู้รับก็รับไม่ได้ ถูกไหมค่ะ"

ส่วนประเด็นที่ใครหลายคนบอกว่า ถ้าจับได้ว่าตำรวจเรียกสินบนเสียเอง ควรจะมีเงินรางวัลให้ประชาชนบ้างไหม ตรงนี้ ผศ.ดร.ศรีสมบัติ บอกว่า เอาเข้าคุกไปเลยไม่ดีกว่าหรือ

"โครงการนี้ช่วยระงับยับยั้งคนไม่ให้กระทำความผิดค่ะ เพราะคนทำความผิดก็เริ่มรู้แล้วว่าตัวเองถูกจับจ้อง และไม่มีการเอื้อกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เนื่องจากถ้าให้ฉัน ฉันไม่รับ แถมยังได้เงินอีกด้วย ผิดกับเมื่อก่อนที่คนให้ก็ให้กันไป คนรับก็รับ ไม่มีการเปิดโปงกันและกัน แต่ตอนนี้คนรับซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่คงต้องเปิดโปง เพราะได้เงินรางวัล ซึ่งโครงการนี้กำลังจะสอนว่า เลิกนิสัยติดสินบนได้แล้ว เพราะถ้าให้อาจนำภัยมาสู่ตัวเอง" ศ.ดร.ศรีสมบัติให้ทัศนะ ก่อนจะฝากทิ้งท้ายถึงตำรวจไทย (บางคน) ว่า "ควรทำตัวให้ดีจริงๆ ไม่ใช่วันนี้ไม่มีคนให้สินบนแล้วมาหาเรื่องประชาชนนะ"

จริงๆ แล้วเรื่องนี้แบบนี้ถ้าฝ่ายหนึ่งไม่ให้ แล้วอีกฝ่ายก็ไม่สนอง ก็คงไม่ต้องมีโครงการแบบนี้ แต่ในเมื่อมันมีขึ้นมาแล้ว คงก็ต้องตามดูกันต่อไปว่าปฏิบัติการล่าสินบนจราจรจะสามารถเปลี่ยนนิสัยคนไทยได้หรือไม่...

สกู๊ปข่าวโดย ASTVผู้จัดการ Live




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2557   
Last Update : 10 ตุลาคม 2557 7:54:08 น.   
Counter : 1470 Pageviews.  

เชียงใหม่ยังได้เห็น “จันทรุปราคา” สุดท้ายของปี

เชียงใหม่ยังได้เห็น “จันทรุปราคา” สุดท้ายของปี
เชียงใหม่ยังได้เห็น “จันทรุปราคา” สุดท้ายของปี สดร.เผยภาพปรากฏการณ์ช่วงท้ายก่อนคราสหมด

       สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เผยภาพจันทรุปราคาบางส่วน เสี้ยวแรกที่โผล่พ้นม่านเมฆเหนือเมืองเชียงใหม่ ช่วงหัวค่ำวันของวันที่ 8 ต.ค.57 ซึ่งตรงกับวันออกพรรษา โดย สดร.จัดสังเกตการณ์ ตั้งกล้องกว่าสิบตัวพร้อมถ่ายทอดสดผ่านจอภาพขนาดใหญ่ มีประชาชนให้ความสนใจเฝ้าชมเนืองแน่น

       อย่างไรก็ดี ช่วงหัวค่ำสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยในการสังเกตการณ์เช่นเดียวกับหลายพื้นที่ มีเมฆมากบริเวณขอบฟ้า บดบังดวงจันทร์ จนพลาดเห็นจันทร์สีแดงอิฐ จนกระทั่งเวลาประมาณ 18:33 น. ดวงจันทร์เริ่มโผล่ให้เห็น ซึ่งเข้าสู่ช่วงจันทรุปราคาบางส่วน เห็นเป็นจันทร์เสี้ยวสีแดง สิ้นสุดการรอคอยพร้อมเสียงเฮ

เชียงใหม่ยังได้เห็น “จันทรุปราคา” สุดท้ายของปี


เชียงใหม่ยังได้เห็น “จันทรุปราคา” สุดท้ายของปี


เชียงใหม่ยังได้เห็น “จันทรุปราคา” สุดท้ายของปี


เชียงใหม่ยังได้เห็น “จันทรุปราคา” สุดท้ายของปี




 

Create Date : 08 ตุลาคม 2557   
Last Update : 8 ตุลาคม 2557 21:53:38 น.   
Counter : 1586 Pageviews.  

ยันพบตัว“กัปตันชัชวาล”2 ผู้โดยสารแล้ว -เบื้องต้น ฮ.เสียหาย

ยันพบตัว“กัปตันชัชวาล”2 ผู้โดยสารแล้ว -เบื้องต้น ฮ.เสียหาย
เชียงใหม่ - ยืนยันชัดพบแล้ว “กัปตันชัชวาล” พร้อมผู้โดยสารอีก 2 คนปลอดภัยดี เบื้องต้นพบ ฮ.ยกตัวขึ้นไม่ได้

       วันนี้(7 ต.ค.)นายกิตติศักดิ์ เทพปินตา ฝ่ายปฎิบัติการบิน บริษัทแอ็ดวานซ์ เอวิเอชั่น จำกัด สาขาเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 16.00 น.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากบริษัทแม่ว่า ทีมค้นหาได้ค้นพบกัปตันชัชวาล แท่นทอง นักบินเฮลิคอปเตอร์ พร้อมกับผู้โดยสารอีก 2 คน ที่สูญหายระหว่างขนเสบียงอาหาร ไปส่งให้กับทีมค้นหานักไต่เขา บนแคมป์ที่พัก ในหุบเขาสูงทางตอนเหนือของประเทศพม่า แล้วขาดการติดต่อไปหลังขึ้นบินจากสนามบินพุเตาได้ประมาณ 20 นาที ตั้งแต่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว

       ล่าสุดได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ เพื่อนำตัวทั้ง 3 คน เช็คสภาพร่างกาย เบื้องต้นพบว่า ทั้ง 3 คนปลอดภัย แต่เฮลิคอปเตอร์ได้รับความเสียหาย และไม่สามารถยกตัวขึ้นบินได้

ยันพบตัว“กัปตันชัชวาล”2 ผู้โดยสารแล้ว -เบื้องต้น ฮ.เสียหาย


ยันพบตัว“กัปตันชัชวาล”2 ผู้โดยสารแล้ว -เบื้องต้น ฮ.เสียหาย




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2557   
Last Update : 7 ตุลาคม 2557 21:03:15 น.   
Counter : 2353 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]