เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย

ติดตามข้อมูลเว็บทาง Google+ กด
FaceBook สาว ๆ เซ็กซี่

หมดเขตกร่าง! หวอเถื่อนเกลื่อนเมืองต้องเข้าระบบ


หมดเขตกร่าง! หวอเถื่อนเกลื่อนเมืองต้องเข้าระบบ

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
หมดเขตกร่าง! หวอเถื่อนเกลื่อนเมืองต้องเข้าระบบ

หมดเขตกร่าง! หวอเถื่อนเกลื่อนเมืองต้องเข้าระบบ

เสียงหวีดหวอดังสนั่นชวนให้หวาดหวั่นถึงเหตุด่วนเหตุร้าย ทว่าในความเป็นจริงใครจะรู้ว่าที่อยู่บนรถโดยสารอาจเป็นใครบางคนที่ยิ้มเยอะสนุกสนานกับอำนาจที่ตัวเองได้รับมาใช้อย่างไม่ชอบธรรมอยู่

ความกร่างบนท้องถนนที่แผดมาในสรรพเสียงของไซเรน และฉายฉาดอยู่ในแสงสีของสัญญาณไฟวับวาบเป็นปัญหาหนึ่งของความไร้ระเบียบที่เกิดขึ้นอย่างบ่อยครั้ง ทั้งที่ความจริงแล้วแสงไฟสัญญาณเหล่านี้คือสิ่งจำเป็นและอาจหมายถึงการช่วยชีวิตคน แต่กลับถูกนำมาใช้อย่างผิดที่ผิดทาง จนถึงตอนนี้อาจถึงเวลากวาดล้างสิ่งเหล่านั้นให้หมดไปแล้ว

ไฟเถื่อนเกลื่อนเมือง

รถแล่นเร่งเร็วเปิดไฟสัญญาณวับวาบพร้อมเสียงไซเรนรุนแรงเร่งเร้าเป็นเหตุการณ์ไม่ปกตินักบนท้องถนน ท่ามกลางการจราจรอันแสนแออัดของกรุงเทพฯ รถหลายคันเบี่ยงทางหลบให้รถพร้อมสัญญาณไฟเร่งรุดนำหน้า หลายคนอาจเคยพบเจอกับรถเหล่านั้นมาบ้าง ทว่าในรถที่เร่งร้อนนำหน้าไปด้วยเหตุด่วนเหตุร้าย ในบางครั้งบางคราวก็เป็นแต่เพียงสัญญาณไฟที่ผิดกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับเหตุด่วนเหตุร้าย หากแค่เปิดไว้เพื่อเร่งไปทำธุระส่วนตัว

“ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมากถึงกรณีที่มีรถบรรเทาสาธารณภัยผิดกฎหมายมีการติดสัญญาณไซเรนโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีการขับขี่โดยประมาท ใช้ความเร็วสูงส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัครเป็นลูกข่ายของมูลนิธิต่างๆ ซึ่งตรงนี้อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลอื่นได้” พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น.) กล่าว

โดยปัญหาไฟสัญญาณเถื่อนนั้นมักจะมาในรูปแบบของรถสาธารณภัยหรือรถฉุกเฉินของมูลนิธิต่างที่ทำงานเกี่ยวกับการกู้ภัย ทั่วประเทศไทยนอกจากมูลนิธิใหญ่ๆที่เป็นที่รู้จักแล้ว ยังมีมูลนิธิลูกข่ายอีกมากมายที่ร่วมด้วยช่วยกันทำงานในลักษณะของการเป็นอาสาสมัคร

ทว่าด้วยความที่ไม่มีต้นทุนในการบริหารจัดการมากนัก พร้อมทั้งบุคลากรที่เข้ามาทำงานมีลักษณะเป็นอาสาสมัครหลายครั้งการจัดการจึงมีข้อจำกัดของความไม่เป็นมืออาชีพอยู่บ้าง ทั้งรถที่ใช้ในการทำงานกู้ภัย กระทั่งการทำงานที่บางครั้งมีการใช้สัญญาณไฟโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ยังมีกรณีเกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันระหว่างมูลนิธิอีกด้วย

วันที่ 15 ธันวาคม 2557 ที่จะถึงนี้จึงเป็นวันชี้ชะตาที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเริ่มกวดขันรถที่ทำผิดกฎหมาย โดยรถฉุกเฉินที่ไม่ได้เข้าระบบทั้งหมดจะต้องหยุดวิ่ง โดยหากมีผู้กระทำผิดจะมีการดำเนินการจับกุมและยึดสัญญาณไฟทันที


“จะมีการประสานงานระหว่างรถฉุกเฉินและตำรวจจราจรในท้องที่ หากพบเห็นรถฉุกเฉินจะต้องเร่งอำนวยการจราจรให้ผ่านไปโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม รถฉุกเฉินหรือรถบรรเทาสาธารณภัยซึ่งขออนุญาตติดไซเรนจะติดได้เฉพาะไฟสีน้ำเงินเท่านั้นและมีขั้นตอนโดยยื่นขอกับทางศูนย์เอราวัณกทม. เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้น จากนั้นจึงขออนุญาตกับบก.จร. และหนังสืออนุญาตมีอายุ3ปี”

ในส่วนของการดำเนินการเชิงรุกที่จะต่อไปนั้น พีระพงษ์ สายเชื้อ รองปลัดกรุงเทพมหานครเผยว่า ทางศูนย์เอราวัณจะเร่งดำเนินการจัดทำสติกเกอร์รับรองโดยใช้สัญลักษณ์สตาร์ออฟไลต์เพื่อแสดงว่า รถดังกล่าวเป็นรถฉุกเฉินที่อยู่ในระบบของศูนย์เอราวัณ

“ปัจจุบันมีรถฉุกเฉินที่เข้าระบบอยู่ประมาณ160 คันและมีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการสอบปฐมพยาบาลเบื้องต้นประมาณ800 กว่าคน ก็อยากขอความร่วมมือกับอาสาสมัครในหลายๆ ที่ให้เข้ามาดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องก่อนออกไปวิ่งบนท้องถนน”

ในส่วนของรายละเอียดการบริหารจัดการรถฉุกเฉินที่ได้รับสติกเกอร์นั้น เขาเผยว่า ต้องมีการนำรถเข้ามาตรวจสอบขั้นพื้นฐานเพื่อดูรายละเอียดว่า รถที่เข้าสู่ระบบมีเครื่องมือเบื้องต้นสำหรับช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน และเจ้าหน้าที่ผ่านการฝึกอบรมการช่วยเหลือเบื้องต้น

“หลังจากผ่านการรับรองจากศูนย์เอราวัณแล้วจึงจะสามารถขอหนังสือใช้สัญญาณไฟจากบก.จร.ได้เพราะหากมีการขออนุญาตใช้ไซเรนแต่ยังไม่ผ่านการรับรองจากศูนย์เอราวัณจะถือว่าผิดพ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ศูนย์เอราวัณได้แบ่งเขตการทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนออกเป็น 9โซน และต่อไปก็จะมีการทำระบบคิวอาร์โค๊ดควบคู่ไปกับสติกเกอร์ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในปี 2558 อีกด้วย”

อยากเป็นฮีโร่ต้องทำอย่างถูกต้อง

อาสาสมัครกู้ภัยถือเป็นหน่วยงานที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยความรวดเร็วในการมาถึงที่เกิดเหตุ แต่หากมองในมุมของปัญหาที่เกิดขึ้น ผลประโยชน์ที่ทับซ้อนอย่างการแย้งกันทำงานทับพื้นที่ กินหัวคิวส่งโรงพยาบาล จนถึงการใช้สัญญาณไฟโดยไม่จำเป็น ขับรถแต่งซิ้งกร่างบนท้องถนนจนถึงขั้นต้องเร่งหามาตรการในการจัดระเบียบ

โดยตามกฎระเบียบที่มีอยู่แล้วนั้นระบุว่า รถฉุกเฉินที่จะติดสัญญาณไฟวับวาบต้องขออนุญาต จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ส่วนต่างจังหวัดต้องทำเรื่องขออนุญาตจากผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด โดยรถกู้ภัยอาสาสมัครต่างๆ จะต้องใช้สัญญาณไฟสีเหลืองเท่านั้น

รถที่ฝ่าฝืนแอบติดเอง ถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 132 ขับรถในทางเดิน ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท นอกจากนี้หากมีการใช้สัญญาณเสียง
ไซเรน ก็จะมีความผิดกรณีการใช้เสียงไซเรน ก็มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาทด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้หากอาสาสมัครมูลนิธิต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้รถของหน่วยงานต้นสังกัด แต่ใช้รถส่วนตัวที่ติดตั้งสัญญาณไฟ หากยังไม่มีเหตุให้ใช้ก็ควรถอดไฟเก็บ หรือใช้ซองหุ้มไว้ หากเป็นแบบโป๊ะก็ต้องหุ้มด้วยซองให้มิดชิด และควรใช้แสงให้ถูกต้อง โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจใบอนุญาตใช้ไฟฉุกเฉินได้

ทั้งนี้ ไฟฉุกเฉินนั้นมีการระบุถึงสิทธิของรถฉุกเฉินไว้ในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ว่า

“มาตรา 75 ในขณะที่ผู้ขับขี่ขับรถฉุกเฉินไปปฏิบัติหน้าที่ ผู้ขับขี่มีสิทธิดังนี้ (1) ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ ใช้เสียงสัญญาณไซเรน หรือเสียงสัญญาณอย่างอื่นตามที่อธิบดีกำหนดไว้ (2) หยุดรถหรือจอดรถ ณ ที่ห้ามจอด (3) ขับรถเกินอัตราความเร็วที่กำหนดไว้ (4) ขับรถผ่านสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรใดๆ ที่ให้รถหยุด แต่ต้องลดความเร็วของรถให้ช้าลงตามสมควร (5) ไม่ต้องปฏิบัติตามบทแห่งพระราชบัญญัตินี้หรือข้อบังคับการจราจรเกี่ยวกับช่องเดินรถ ทิศทางของการขับรถหรือการเลี้ยวรถที่กำหนดไว้ในการปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังตามควรแก่กรณี

“มาตรา 76 เมื่อคนเดินเท้า ผู้ขับขี่ หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์เห็นรถฉุกเฉินในขณะปฏิบัติหน้าที่ใช้ไฟสัญญาณแสงวับวาบ หรือได้ยินเสียงสัญญาณไซเรน หรือเสียงสัญญาณอย่างอื่นตามที่อธิบดีกำหนดไว้ คนเดินเท้า ผู้ขับขี่หรือผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์ต้องให้รถฉุกเฉินผ่านไปก่อนโดยปฏิบัติดังต่อไปนี้(1) สำหรับคนเดินเท้าต้องหยุดและหลบให้ชิดขอบทาง หรือขึ้นไปบนทางเขตปลอดภัย หรือไหล่ทางที่ใกล้ที่สุด (2) สำหรับผู้ขับขี่ต้องหยุดรถหรือจอดรถให้อยู่ชิดขอบทางด้านซ้ายหรือในกรณีที่มีช่องเดินรถประจำทางอยู่ทางด้านซ้ายสุดของทางเดินรถต้องหยุดรถหรือจอดรถให้อยู่ชิดช่องเดินรถประจำทาง แต่ห้ามหยุดรถหรือจอดรถในทางร่วมทางแยก(3) สำหรับผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์ต้องบังคับสัตว์ให้หยุดชิดทาง แต่ห้ามหยุดในทางร่วมทางแยกในการปฏิบัติตาม (2) และ (3) ผู้ขับขี่และผู้ขี่หรือควบคุมสัตว์ต้องรีบกระทำโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้และต้องใช้ความระมัดระวังตามควรแก่กรณี”

กฎของการใช้สัญญาณไฟวับวาบถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องยึดถือ สมศักดิ์ นัคลาจารย์ ที่ปรึกษาระบบข้อมูลการจัดการข้อมูลเว็บไซต์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์และสวัสดิการสังคม มหาวิทยาลัยหัวเฉียว กล่าวถึงประเด็นการขับขี่ของหน่วยงานกู้ภัยที่สังคมมองว่า ขับเร็วและไม่มีมารยาทนั้น เป็นปัญหาที่เกิดจากความหลากหลายของบุคลากรที่เข้ามาทำงานอาสา

“รถของมูลนิธิจะเป็นมาตรฐานไม่ได้ดัดแปลงอะไร แต่ถ้าเป็นอาสาสมัครในกลุ่มเครือข่ายมันก็เป็นเรื่องในกลุ่มคนที่รับผิดชอบตัวเอง ปกติเขาก็ต้องแจ้งกรมการขนส่งทางบกอยู่แล้วหากมีการปรับแต่งรถ ซึ่งรถสแตนดาร์ดก็เหยียบกันเร็วอยู่แล้ว

“มันเหมือนเท่ที่มีสิทธิพิเศษได้ขับแบบที่คนอื่นทำไม่ได้ ความเร็วขนาดนี้ พอติดไฟปุบทุกคนก็ต้องเอื้อให้ แต่ที่ทุกคนเอื้อก็เพราะต้องการเห็นความช่วยเหลือที่รวดเร็ว ช่วยชีวิตให้เร็วที่สุด ถ้าเปิดไฟฉุกเฉินเพราะต้องการจะไปกินก๋วยเตี๋ยวให้เร็ว มันก็ต้องถูกจับได้ ตรวจสอบได้ ถามว่ามีเกิดขึ้นมั้ย? ผมบอกได้ว่าต้องมี คึกคะนองบ้าง”

ในส่วนของนโยบายการจับกุมคุมเข้มที่จะออกมานั้น เขาเห็นว่าดีต่อหน่วยงานกู้ภัย เพราะเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็หน่วยกู้ภัยกระจายตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งเพียงพอต่อการช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว

“มันก็ดีที่หน่วยงานไหน องค์กรไหนที่ไม่ถูกต้อง ติดสัญญาณโดยไม่ถูกต้อง อย่างไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่ได้รับอนุญาตแต่ผิดเงื่อนไขอื่นๆ แล้วยังใช้ต่อไม่ตรงตามระเบียบก็จะได้หมดไป ปัญหาประพฤติไม่ถูกต้องจะได้น้อยลงด้วย คือมันคงไม่ถึงขั้นว่าประสบอุบัติเหตุแล้วประชาชนจะไม่มีคนเข้าช่วย มันก็มีหน่วยงานมากพอสมควรอยู่แล้ว”

ทั้งนี้ หน่วยงานด้านกู้ภัยที่อยู่นอกระบบก็ถือว่ามีอยู่มากพอสมควร โดยมักเป็นหน่วยงานที่ตั้งโดยชุมนุม วัด หรือศาลเจ้าต่างๆ แน่นอนว่ามีเจตนาที่ดี แต่อาจมีปัญหาจากคนทำงานที่มีความหลากหลายได้

“ผมก็ไม่ทราาบสาเหตุที่แท้จริงของการที่หน่วยงานเหล่านั้นไม่เข้าระบบ ซึ่งการเข้าระบบมันก็มีเรื่องของการจดทะเบียน การฝึกอบรมที่ต้องมีให้ครบทั้งจากกระทรวงสาธารณสุข หรือการต้องดูแลสมาชิกพอสมคาร ใครทำผิดก็ต้องถูกยกเลิกใบอนุญาตไป แต่ทั้งประเทศเราก็ยังไม่รู้ว่าหน่วยงานไหนถูกต้องไม่ถูกต้อง เพราะคนเข้าคนออกมันหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ”

ท้ายที่สุดเขาเผยว่า การทำงานของแต่ละมูลนิธินั้นมีการดูแลที่ต่างกัน ทว่าการทำให้ถูกต้องก็ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญอยู่

“เอาของไม่ดีออกไปบ้าง ถ้าเขามีเจตนาดีจริงๆ ก็เข้าสู่กระบวนการซะ ให้ถูกต้อง จัดการให้เรียบร้อย ได้รับการฝึกอบรมให้เรียบร้อยไป อย่างนี้จะได้สบายใจ ทั้งคนทำงานเอง ทั้งคนที่ได้รับความช่วยเหลือ และทำให้ไม่มีคนที่ไม่ดีเข้ามาในระบบด้วย”

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2557   
Last Update : 11 ธันวาคม 2557 8:33:47 น.   
Counter : 2198 Pageviews.  

ใช้ ฮ.โรยตัวช่วยนักเที่ยวต่างชาติติดหน้าผาเกาะล้าน

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ใช้ ฮ.โรยตัวช่วยนักเที่ยวต่างชาติติดหน้าผาเกาะล้าน
นักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังปีนหน้าผาเกาะล้าน พัทยา แล้วลงไม่ได้

ใช้ ฮ.โรยตัวช่วยนักเที่ยวต่างชาติติดหน้าผาเกาะล้าน
เมืองพัทยาประสานฐานทัพเรือสัตหีบใช้เฮลิคอปเตอร์ ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวติดหน้าผา

ศูนย์ข่าวศรีราชา-เมืองพัทยาประสานฐานทัพเรือสัตหีบใช้เฮลิคอปเตอร์ โรยตัวช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังปีนหน้าผาเกาะล้าน พัทยา แล้วลงไม่ได้

       วันนี้ (9 ธ.ค.) ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์สว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน เมืองพัทยา ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือหลังจากมีพลเมืองดีแจ้งว่ามีนักท่องเที่ยวติดอยู่ที่หน้าผาเกาะล้าน พัทยา จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำเรือเร็วรุดไปตรวจสอบ

       ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหาดแสม พบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นชายคล้ายชาวตะวันออกกลาง อายุประมาณ 30 ปี สวมกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ ไม่สวมเสื้อ รอความช่วยเหลืออยู่บนหน้าผาความสูงประมาณ 200 เมตร

       ทั้งนี้ เนื่องจากจุดเกิดเหตุมีความสูงมาก เมืองพัทยาจึงประสานไปยังฐานทัพเรือ สัตหีบ เพื่อสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ มาช่วยเหลือนักท่องเที่ยว จนสามารถช่วยเหลือชายคนดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย ก่อนนำตัวส่ง โรงพยาบาลสิริกิติ์ สัตหีบ เพื่อตรวจร่างกายตามกระบวนการแพทย์ต่อไป




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2557   
Last Update : 9 ธันวาคม 2557 21:09:40 น.   
Counter : 1475 Pageviews.  

ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ

ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ
ตร.ปทส.- ทหาร - กรมศิลปากร นำกำลังเข้าตรวจสอบ ร้านสวงค์ แหล่งเก็บวัตถุโบราณ ย่านนนทบุรี พร้อมสั่งอายัดของกลางนับพันชิ้นเครือข่าย “พงศ์พัฒน์” ตรวจสอบ พบของกลางบางชนิดยังอยู่ในสภาพที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี

       วันนี้ (8 ธ.ค.) พล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล ผบก.ปทส. พร้อมด้วย นายสหภูมิ ภุมิธฤติรัฐ ผอ.สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร และทหารจาก ร.1 พัน 2 รอ. ลงพื้นที่ตรวจสอบ ร้านสวงค์ เลขที่ 16/5 หมู่ 2 ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางพูด จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ได้อายัดของกลางในคดีของเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. จากตรวจสอบภายในร้านและโกดังเก็บของหลังร้าน พบศิลปวัตถุและโบราณวัตถุ จำพวกรูปปั้น ทับหลัง ของโบราณ งาช้าง เขาสัตว์ และไม้แปรรูปต่างๆ จำนวนมาก รวมกว่า 1,000 รายการ ซึ่งของกลางบางชนิดยังอยู่ในสภาพที่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี

       ด้าน นายสหภูมิ ผอ.สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบของกลางที่พบส่วนใหญ่จะเป็นพวกศิลปะวัตถุ โดยส่วนมากจะเป็นของใหม่ทำเลียนแบบ และ ประติมากรรมหินทรายในศิลปะลพบุรี ส่วนโบราณวัตถุมีอยู่ไม่กี่รายการ และจากการตรวจสอบร้านสวงค์ ก็ไม่ได้มีการขออนุญาตทำการค้าอย่างถูกต้อง ส่วนเรื่องการทำเทียมเลียนแบบนั้นสามารถทำได้ แต่ก็มีโบราณวัตถุบางชิ้นที่ไม่สามารถทำเทียมได้ จำนวน 9 รายการ ซึ่งก็ต้องตรวจสอบดูว่าทรัพย์สินดังกล่าวมีที่มาอย่างไร มีใครเป็นผู้ครอบครอง หรือมีส่วนเชื่อมโยงหรือไม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนมูลค่าของสิ่งของทั้งหมดยังไม่สามารถประเมินได้

ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ


ตร.-กรมศิลป์ อายัดวัตถุโบราณก๊วน “พงศ์พัฒน์” นับพันชิ้นสอบ




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2557   
Last Update : 8 ธันวาคม 2557 22:01:03 น.   
Counter : 1711 Pageviews.  

ด่วน ! ชั้นวางสินค้าในห้างโฮมเวิร์กที่ภูเก็ตล้มทับลูกค้าเจ็บ

ด่วน ! ชั้นวางสินค้าในห้างโฮมเวิร์กที่ภูเก็ตล้มทับลูกค้าเจ็บ (ชมคลิป)
ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ด่วน !ชั้นวางของ ภายในห้างเซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ตอีสต์ หรือ โฮมเวิร์ก ล้มทับลูกค้าได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 คน

ด่วน ! ชั้นวางสินค้าในห้างโฮมเวิร์กที่ภูเก็ตล้มทับลูกค้าเจ็บ (ชมคลิป)
       เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันนี้ ( 7 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต รับแจ้งเกิดเหตุชั้นวางสินค้าบริเวณแผนกขายสีของ ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ตอีสต์ หรือโฮม เวิร์ก บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตรงข้างห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล สาขาภูเก็ต ล้มลงมาทับลูกค้า ที่มาใช้บริการ หลังรับแจ้ง ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบและช่วยเหลือ

ด่วน ! ชั้นวางสินค้าในห้างโฮมเวิร์กที่ภูเก็ตล้มทับลูกค้าเจ็บ (ชมคลิป)
จากการตรวจสอบพบว่าบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ชั้น 2 ของตัวอาคาร ซึ่งเป็นแผนกขายอุปกรณ์ต่าง จำนวนมากที่วางไว้บนชั้นดังกล่าวได้ล้มลงมากองอยู่กับพื้นและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน หนึ่งเนื่องจากถูกชั้นและถังสีหล่นลงมาทับจนได้รับบาดเจ็บ ในเบื้องต้นพบว่ามีผู้ได้รับบาดได้รับบาดเจ็บ 3 คน เป็นพ่อแม่ ลูก ที่มาซื้อสินค้าภายในห้างดังกล่าว โดยในส่วนของลูกนั้นเป็นเด็กหญิงวัย 11 ปี มีบาดแผลที่ใบหน้า และไหล่ด้านขวา ส่วนแม่นั้นขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจอาการของแพทย์ ขณะที่พ่อได้รับบาดเจ็บเป็นแผลถลอกตามร่างกาย ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตแล้ว

ด่วน ! ชั้นวางสินค้าในห้างโฮมเวิร์กที่ภูเก็ตล้มทับลูกค้าเจ็บ (ชมคลิป)
       ส่วนสาเหตุของชั้นวางสิ้นค้าล้มลงมานั้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากสาเหตุได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมี ร.ต.อ.หญิงณัฐชยา สุพรรณพงศ์ เป็นพนักงานสอบ จะตรวจสอบหาสาเหตุต่อไป สำหรับชั้นวางของที่ล้มลงนั้นเป็นชั้นวางของสูงประมาณ 3 เมตร ล้มลงมาจำนวน 8 แถว และจากการสอบถามพนักงานในเบื้องต้น ทราบว่า ได้ยินเสียงดังมาจากชั้นที่วางพัดล้มจากนั้นชั้นวางพัดล้มก็ล้มลงและดึงเอาชั้นวางสีและอุปกรณ์ต่างๆล้มตามลงมาด้วย ทำให้ล้มลงมาทับกับผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คน ที่กำลังเดินดูสีอยู่

ด่วน ! ชั้นวางสินค้าในห้างโฮมเวิร์กที่ภูเก็ตล้มทับลูกค้าเจ็บ (ชมคลิป)
       ขณะที่นางสาวศุภาวดี ตันมณีประเสริฐ ซึ่งเห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุขายของอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงดังมาก และเห็นชั้นวางของล้มลงมาเป็นแนว ทำให้คนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุพยายามที่จะวิ่งหนีออกมา ซึ่งจุดนั้นเป็นจุดที่มีลูกค้าเดินอยู่จำนวนมาก เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดจึงมีคนมาใช้บริการจำนวนมาก




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2557   
Last Update : 7 ธันวาคม 2557 19:37:00 น.   
Counter : 1980 Pageviews.  

ศาลพระโขนง-ศาลทหาร อนุมัติหมายจับ 3 แก๊งอุ้มรีดหนี้เครือข่าย “พงศ์พัฒน์”

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ศาลพระโขนง-ศาลทหาร อนุมัติหมายจับ 3 แก๊งอุ้มรีดหนี้เครือข่าย “พงศ์พัฒน์”
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (แฟ้มภาพ)

สน.วัดพระยาไกร ขอศาลพระโขนงอนุมัติหมายจับเครือข่าย “พงศ์พัฒน์” ทั้งเจ้าหนี้-แก๊งอุ้ม 2 คน ศาลทหารอีก 1 คน เจอข้อหาหมิ่นสถาบันด้วยทั้ง 3 ราย

       จากกรณีเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ได้อุ้มนายวิทยา ปัญญาทวีกูล โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่เพื่อไปเจรจาชำระหนี้ที่ติดค้างกับนายปรีชา ดาราไตร กระทั่งมีการแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.พระโขนง จนสามารถจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุแล้ว 5 คน นำตัวฝากขังศาลจังหวัดพระโขนงเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา และมีรายงานว่าพนักงานสอบสวน สน.พระโขนงได้ยื่นขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 คนซึ่งเป็นคนจ้างวานกับคนร่วมขบวนก่อเหตุ ที่ศาลจังหวัดพระโขนง เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.

       วันนี้ (4 ธ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ศาลจังหวัดพระโขนงได้อนุมัติหมายจับเลขที่ ส.622/2557 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2557 นายปรีชา ดาราไตร อายุ 44 ปี นักธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายรถยนต์มือสอง ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, จ้างวานใช้ให้ผู้อื่นกระทำการร่วมกันทำร้ายผู้อื่นร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือยอมต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ซึ่งพฤติกรรมของนายปรีชานั้นเป็นบุคคลจ้างวานกลุ่มบุคคลที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้

       นอกจากนี้ ศาลจังหวัดพระโขนงยังได้อนุมัติหมายจับเลขที่ 623/2557 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2557 นายไพเชษฐ์ เมธิสริยพงศ์ อายุ 45 ปี เป็นผู้ร่วมก่อเหตุ โดยเป็นผู้ที่พานายปรีชาไปติดต่อจ้างวานกลุ่มผู้ต้องหา 5 คนที่ถูกจับกุมไปแล้ว และเป็นผู้ให้ที่พักอาศัยในการอุ้มผู้เสียหายไปเจรจา ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือยอมต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนมาดำเนินคดี

       อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบการลงมือก่อเหตุของกลุ่มผู้ต้องหาในที่อื่น พบข้อมูลว่ามีผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยก่อเหตุทวงหนี้ในลักษณะเดียวกับพื้นที่ สน.พระโขนง และ สน.วัดพระยาไกร ทั้งยังมีรายงานข่าวว่า หลังศาลจังหวัดพระโขนงได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองแล้วนายปรีชาได้ติดต่อประสานมายัง สน.พระโขนง เพื่อขอเข้ามอบตัว แต่ยังไม่ระบุวันเวลาหรือสถานที่

       นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวอีกว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ธ.ค. ทางพนักงานสอบสวน สน.วัดพระยาไกร ได้เดินทางไปศาลทหารเพื่อขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 1 ราย หมายจับศาลทหาร เลขที่ ก.139/2557 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557 จากภาพสเกตช์คนร้ายเป็นชายไทยไม่ทราบชื่อ (ชื่อเล่นเจี๊ยบ) ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใด หรือยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพชื่อเสียง หรือทรัพย์ของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือยอมต่อสิ่งนั้นโดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป

       ทั้งนี้ เนื่องจากทางตำรวจได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาที่ถูกจับมาก่อนหน้าว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ชักจูงให้ทางนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ต้องหามารู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหา แล้วมีการว่าจ้างเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ตำรวจจะเร่งรัดสำนวนเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




 

Create Date : 04 ธันวาคม 2557   
Last Update : 4 ธันวาคม 2557 21:38:05 น.   
Counter : 1468 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  

karnoi
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]




เลขเด็ด เลขดัง กาน้อย






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add karnoi's blog to your web]