ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 ตุลาคม 2555
 

รู้จักพระเยซูผ่านพระธรรม 1 เปโตร


15 กรกฎาคม 2012

คริสตจักรยะลา

1 เปโตร 1:21-25

21เพราะพระคริสต์ท่านจึงวางใจในพระเจ้าผู้ทรงชุบพระคริสต์ให้ฟื้นจากความตาย และทรงประทานพระเกียรติแก่พระองค์เพื่อให้ความเชื่อและความหวังใจของท่านดำรงอยู่ในพระเจ้า 22ที่ท่านทั้งหลายได้ชำระจิตใจของท่านให้บริสุทธิ์แล้วด้วยการเชื่อฟังความจริง จนมีใจรักพวกพี่น้องอย่างจริงใจ ท่านทั้งหลายจงรักกันให้มากด้วยน้ำใสใจจริง 23ท่านทั้งหลายได้บังเกิดใหม่แล้วไม่ใช่จากพันธุ์มตะ แต่จากพันธุ์อมตะคือด้วยพระวจนะของพระเจ้าอันทรงชีวิตและดำรงอยู่ 24เพราะว่า บรรดาเนื้อหนังก็เป็นเสมือนต้นหญ้าและบรรดาศักดิ์ศรีของเขาก็เป็นเสมือนดอกหญ้า ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไปและดอกก็ร่วงโรยไป 25แต่พระวจนะของพระเจ้ายั่งยืนอยู่เป็นนิตย์พระวจนะนั้นคือข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศให้ท่านทั้งหลายทราบแล้ว

อธิษฐาน

สรรเสริญสาธุการพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ขอบพระคุณที่ทรงสำแดงพระกรุณาคุณต่อเราโดยการประทานพระบุตรองค์เดียวให้เสด็จเข้ามาในโลกเพื่อเราจะได้รับการไถ่จากความผิดบาปขอบพระคุณที่ทรงให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทับอยู่ด้วยกับเราทุกคนเพื่อทรงเป็นผู้ประกอบกิจภายในเรา และเป็นผู้เปิดเผยความจริงในพระวจนะให้แก่เราขอให้เราทุกคนยินดีที่จะเชื่อฟังและมอบถวายหมดทั้งชีวิตให้แก่พระองค์เพื่อให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จในเราทุกคน

อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ มหกรรมกีฬาโอลิมปิคก็จะเริ่มขึ้นแล้วปีนี้การแข่งขันจัดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีเวลาตามหลังประเทศไทยอยู่ 6 ชั่งโมง ดังนั้นการแข่งขันบางรายการก็ตรงกับช่วงดึกๆของบ้านเราหวังว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของพี่น้องจนเกิดความเสียหาย

มีเรื่องราวของพี่น้องคริสเตียนท่านหนึ่งในกีฬาโอลิมปิคที่ปารีสปี 1924 เป็นนักกรีฑาทีมชาติประเทศอังกฤษ ชื่อ เอริค ลิดเดิลเขาถูกวางตัวไว้เพื่อการคว้าเหรียญทองในการแข่งขันวิ่ง 100เมตร เนื่องจากเขาทำสถิติได้ดีแต่ปรากฏว่าตารางการแข่งขันซึ่งถูกประกาศล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือนนั้นการแข่งวิ่ง 100 เมตร จัดไว้ตรงกับวันอาทิตย์และเอริคก็ประกาศตัวว่า วันอาทิตย์เป็นวันสะบาโต เขาจะไปนมัสการพระเจ้าที่โบสถ์และจะไม่ร่วมการแข่งขัน ซึ่งก็ทำให้ผู้ดูแลนักกีฬาทีมชาติวิตกกังวลมากเพราะว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของเขาได้ในที่สุดผู้ดูแลนักกีฬาก็ต้องยอมเปลี่ยนตัว ให้เพื่อนของเขาซึ่งเป็นนักวิ่งในรายการ400 เมตร มาลงแข่งขันแทนและได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมเพราะเพื่อนของเขาสามารถชนะการแข่งขันได้เหรียญทองเอริคตั้งใจที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้าโดยการไม่ขาดการนมัสการวันอาทิตย์นั้นเขาไปร่วมนมัสการและเทศนาที่โบสถ์ แห่งหนึ่ง และพระเจ้าได้ทรงประทานเกียรติอันยิ่งใหญ่ให้กับเขาวันถัดมา เมื่อเอริคต้องลงแข่งขันในรายการ 400 เมตรก่อนการแข่งขันผู้ดูแลนักกีฬาได้นำกระดาษชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งมาให้เขาข้างในนั้นเป็นข้อความจาก 1 ซามูเอล 2:30 “เพราะว่าผู้ที่ให้เกียรติแก่เรา  เราจะให้เกียรติ”เขาชนะเป็นที่หนึ่งและได้รับเหรียญทองจากการแข่งขัน

เรื่องราวอันน่าประทับใจของนักกีฬาคริสเตียนท่านนั้นได้ถูกสร้างเป็นภาพยนต์เมื่อปี 1981 หรือ 30 กว่าปีก่อน ในชื่อเรื่อง Chariot of Fire เป็นภาพยนต์ที่ได้รับ4 รางวัลจากการประกวด Academy Award และ2 รางวัลจากการประกวดภาพยนต์เมือง Cann กีฬาโอลิมปิคปีนี้ ได้มีการคัดเลือกภาพยนต์เพื่อส่งเสริมกีฬาโอลิมปิคภาพยนต์เรื่อง Chariot of Fire ซึ่งเป็นเรื่องราวของเอริคซึ่งถูกสร้างตั้งแต่ 30 ปีก่อนได้ขนะการคัดเลือกให้มาเป็นภาพยนต์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจสำหรับกีฬาโอลิมปิค 2012 ที่ลอนดอน

เอริค ลิดเดิลเกิดในประเทศจีน ในขณะที่พ่อแม่ของเขาเป็นมิชชันนารีประกาศข่าวประเสริฐในประเทศจีนไม่กี่ปีหลังจากการแข่งขันที่พระเจ้าได้ประทานเกียรติยศให้นั้นเขาก็ได้เดินทางไปเป็นมิชชันนารี เพื่อประกาศเรื่องราวของพระเยซูในประเทศจีน จนกระทั่งเสียชีวิตที่ประเทศจีนในปี1945 หรือปลายสงครามโลกครั้งที่ 2

วันนี้การที่พี่น้องได้เข้ามานมัสการพระเจ้า เป็นการที่พี่น้องได้ให้เกียรติแด่พระเจ้าและพระเจ้าจะทรงประทานเกียรติแก่พี่น้องทุกท่าน พระวจนะของพระเจ้าเป็นความจริง


วันนี้เรายังคงติดตามค้นหา เพื่อจะเรียนรู้จักพระเยซูคริสต์ ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่มาจนถึงจดหมาย1 เปโตร ซึ่งเป็นจดหมายที่เขียนโดยอัครทูตเปโตรคาดว่าน่าจะเขียนเมื่อท่านอยู่ที่โรม แม้ว่าจะไม่ได้มีข้อความระบุอย่างตรงตัวแต่จากประโยคที่พูดถึงคริสตจักรที่เมืองบาบิโลนนั้น นักวิชาการพระคัมภีร์เชื่อว่าผู้เขียนกำลังใช้ชื่อเปรียบเทียบเนื่องจากในสมัยนั้นกรุงโรมเต็มไปด้วยรูปเคารพและความชั่วร้ายจึงมักใช้คำเปรียบว่าเป็นเหมือนเมืองบาบิโลน

จุดหมายของจดหมายนี้เพื่อการหนุนใจผู้เชื่อซึ่งกระจัดกระจายไปอยู่ในแคว้นต่างๆให้ยืนหยัดรักษาความเชื่อ แม้จะต้องพบกับการกดขี่ข่มเหงแต่ก็ให้ดำเนินชีวิตที่เป็นพลเมืองดี อยู่ภายใต้กฏหมายบ้านเมืองและสำแดงชีวิตที่เป็นพยานที่ดี เพื่อคนรอบข้างที่ได้พบเห็นจะสามารถเห็นพระเจ้าได้

วันนีเราจะมาเรียนรู้แง่มุมที่เปโตรได้กล่าวถึงพระเยซูคริสต์ในจดหมายฉบับนี้

1เปโตร 1:1-3

1เปโตร อัครทูตของพระเยซูคริสต์ เรียนพวกที่กระจัดกระจายไปอยู่ในแคว้นปอนทัส แคว้นกาลาเทีย แคว้นคัปปาโดเซียแคว้นเอเชีย และแคว้นบิธีเนีย 2ซึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าพระบิดาได้ทรงเลือกและทรงกำหนดไว้แล้วและพระวิญญาณได้ทรงชำระแล้ว เพื่อให้มีความนบนอบเชื่อฟังพระเยซูคริสต์และให้ได้รับการประพรมด้วยพระโลหิตของพระองค์ขอพระคุณและสันติสุขจงบังเกิดทวีคูณแก่ท่านทั้งหลายด้วยเถิด 3สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเราผู้ได้ทรงพระมหากรุณาแก่เรา ทรงโปรดให้เราบังเกิดใหม่เข้าสู่ความหวังใจอันมีชีวิตอยู่ โดยการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์

พระเยซูเป็นผู้ที่เราต้องนอบน้อมเชื่อฟัง การเชื่อและประพฤติตามนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควรที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของคริสเตียนทุกคนพี่น้องหลายท่านในที่นี้ได้ผ่านประสพการณ์การมีลูก และการเลี้ยงดูลูกมาแล้วท่านคงจะนึกภาพออกว่า หลายๆครั้งที่เราสั่งให้ลูกทำหรือไม่ทำบางสิ่งบางอย่างลูกมีอาการกระฟัดกระเฟียด แม้ว่าจะยอมกระทำตามคำสั่งก็ตามแต่ก็ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ การเชื่อและประพฤติตามในชีวิตฝ่ายวิญญาณของเรามีลักษณะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า

จากประสพการณ์ส่วนตัวเมื่อเราเองยังเป็นเด็กและออกอาการกระฟัดกระเฟียดแม้จะจบลงด้วยการยอมทำตามคำสั่ง แต่ก็มีบางครั้งที่เราต้องโดนดุหรือโดนทำโทษในข้อหากระด้างกระเดื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากว่าเป็นการกระด้างกระเดื่องต่อหัวหน้าหรือผู้บังคับบัญชาในที่ทำงานอาจจะต้องถูกลงโทษเพื่อไม่ให้ผู้อื่นทำตามอย่าง

สาเหตุของการออกอาการไม่พอใจต่อคำสั่งมักจะเป็นมาจากการมั่นใจว่าความคิดหรือการกระทำของตนถูกต้องบ่อยครั้งเป็นการยืนยันเพื่อรักษาศักดิ์ศรีหน้าตา หากว่าศักดิ์ศรีนั้นยิ่งใหญ่มากและเป็นคนที่ก้มหัวไม่ลง บางครั้งก็นำไปถึงการแตกหัก ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีใดๆ

การนบนอบเชื่อฟังเป็นการเชื่อฟังและกระทำตามคำสั่งโดยไม่ออกอาการไม่พอใจ แม้บางครั้งเราอาจจะคิดว่าคนที่ทำอย่างนั้นได้ต้องเป็นผู้ใหญ่ จึงจะมีความคิดอ่านในเรื่องนี้ได้แต่ในความเป็นจริงหลายๆครั้งเด็กกลับสามารถระงับอาการได้ดีกว่า

นักกีฬาคนใดที่ดื้อและไม่เชื่อฟังผู้ฝึกสอนโดยมีเหตุผลว่าผู้ฝึกสอนไม่อยู่ในสภาพที่จะมาแข่งขันกับตนได้ นักกีฬาผู้นั้นก็กำลังก้าวไปสู่ความพ่ายแพ้คริสเตียนที่ไม่เชื่อฟังพระเยซูคริสต์ เพราะคิดว่าตนมีเหตุผลที่ดีกว่าก็กำลังก้าวไปสู่ความพ่ายแพ้เช่นกัน

ทำอย่างไรเราจึงจะนบนอบเชื่อฟังได้

ประการแรก เด็กๆวัยอนุบาลเป็นตัวอย่างที่ดี ในวัยนั้น พ่อ แม่ หรือครู เป็นฮีโร่เป็นผู้ที่เขาเชื่อว่าสามารถทำได้ทุกอย่าง ตอบได้ทุกคำถาม ช่วยได้ทุกเรื่องและนั่นควรเป็นท่าทีของคริสเตียนที่มีต่อพระเยซูไม่ใช่หรือพระเยซูจึงแนะนำให้เรามีความเชื่ออย่างเช่นเด็กเล็กๆ ให้เราหวังใจในพระองค์และเชื่ออย่างสนิทใจว่า ในพระองค์ทุกสิ่งเป็นไปได้

ประการที่สอง เด็กแว๊นซ์ขี่รถมอเตอร์ไซค์ฉวัดเฉวียน น่าอันตราย กล้าตายอย่างที่ใครห้ามก็ไม่สนพ่อแม่จะขอร้องอย่างไรก็ไม่ฟังหากวันหนึ่งได้เห็นภาพอุบัติเหตุตายสยองของเพื่อนแว๊นซ์ด้วยกันอย่างชัดๆกับตาตัวเองหรือประสพเหตุบาดเจ็บพิการถาวร ก็อาจจะทำให้หยุดซ่า และหันมานบนอบเชื่อฟังคำเตือนได้บ้างเรื่องราวในพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้มากมายเกี่ยวกับคนเหล่านั้นที่ดื้อดึงและไม่ฟังเสียงเตือนของพระเจ้าน่าจะเป็นภาพที่ทำให้คริสเตียนแว๊นซ์ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บ้างอย่าให้ถึงกับต้องโดนกับตัวเอง

ประการที่สามเด็กนักเรียนมัธยม ความคิดยังไร้ทิศทาง ไม่รู้จะเรียนสาขาอะไรไม่รู้อยากทำอาชีพอะไร หากมีโอกาสได้ไปพบเห็นการทำงานของ สถาปนิก วิศวกร หมอทนายความ ช่างเครื่อง ช่างก่อสร้าง พนักงานสายการบิน โรงงานผลิตรถยนต์ ฯลฯบางทีอาจจะช่วยให้หันกลับมานบนอบเชื่อฟังคำแนะนำให้ตั้งใจเรียนได้ เรื่องราวในพระคัมภีร์ก็ได้บอกให้ทราบว่าผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้าได้รับการอวยพรอย่างไรให้มองดูแบบอย่างของคนที่ได้รับผลดีจากการเชื่อฟัง

เราจะใช้วิธีไหน เพื่อนำเราไปถึงการนบนอบเชื่อฟังพระเยซู

1 เปโตร 2:21-25

21เพราะพระเจ้าทรงใช้ท่านสำหรับเหตุการณ์เช่นนี้เพราะว่าพระคริสต์ก็ได้ทรงทนทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ให้เป็นแบบอย่างแก่ท่านเพื่อท่านจะได้ดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์ 22พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำบาปเลยและไม่ได้ตรัสคำเท็จเลย 23เมื่อเขากล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์พระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวตอบเขาด้วยคำหยาบคายเลย เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์พระองค์ไม่ได้ทรงมาดร้ายแต่ทรงมอบเรื่องของพระองค์ไว้แก่พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม 24พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ที่ต้นไม้นั้นเพื่อว่าเราทั้งหลายจะได้ตายจากบาปได้ และดำเนินชีวิตตามคลองธรรม ด้วยบาดแผลของพระองค์ท่านทั้งหลายจึงได้รับการรักษาให้หาย 25เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นเหมือนแกะที่พลัดฝูงไปแต่บัดนี้ได้กลับมาหาพระผู้เลี้ยงและผู้พิทักษ์วิญญาณจิตของท่านทั้งหลายแล้ว

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างที่เราดำเนินตาม ในกลุ่มอธิษฐานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าด้วยกันในเพลงชีวิตคริสเตียนบทที่22 ซึ่งมีเนื้อเพลงตอนหนึ่งว่า “พระองค์สอนถึงสิ่งใหญ่ที่ได้ทรงกระทำ” เราพบเห็นเรื่องราวในพระกิตติคุณทั้ง4 เล่มว่า พระเยซูคริสต์ได้ทรงกระทำอย่างที่พระองค์ได้ทรงสอนเมื่อพระองค์ทรงสอนให้อธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหง บนไม้กางเขนพระองค์ได้อธิษฐานว่า"โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขาเพราะว่า เขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร"พระเยซูสอนว่า “อย่าทำชั่วตอบแทนการชั่ว” เราเห็นได้ว่าพระองค์ไม่ได้ทรงตอบโต้คนยิวเหล่านั้นที่พยายามจะเอาหินขว้างพระองค์พระองค์ทรงสอนว่า “อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติในโลกนี้” และเราก็พบว่า พระองค์ไม่ทรงมีทรัพย์สินใดๆเลย

เราทั้งหลายที่เรียกตัวเองว่าเป็นศิษย์หรือเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ ต้องมีวิถีชีวิตที่เดินตามอย่างพระองค์ผมไม่ได้หมายความว่า เราจะต้องไปตายที่ไม้กางเขนเหมือนพระองค์ นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเราหรือเราต้องไปหักขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2ตัวแจกประชาชน แต่จงมีวิถีชีวิตที่เชื่อฟังพระเจ้าและมีชีวิตเพื่อให้พระประสงค์ของพระเจ้าสำเร็จในเรา

การมีชีวิตที่สอดคล้องกับคำสอนของพระเยซูหมายความว่า พระเยซูทรงสอนอย่างไร ให้เราสอนและปฏิบัติอย่างนั้น การผูกมัดตัวเองให้เป็นไปตามคำพูดของตนโดยขาดความยั้งคิด ก็นำไปสู่ความขายหน้า เช่นนางเยเซเบล

ในการดำเนินชีวิตตามอย่างพระเยซูนั้นผมเชื่อว่า ทุกคนคงรู้สึกลำบากใจ ในการดำเนินชีวิตอย่างไร้ซึ่งทรัพย์สินอย่างที่พระองค์ทรงกระทำ ผมไม่คิดว่าพระองค์ต้องการให้เราเป็นคนพเนจรแต่พระองค์ไม่ต้องการให้เรายึดอยู่กับโลกนี้เพราะบ้านนิรันดร์ของเรานั้นอยู่ที่แผ่นดินสวรรค์ ไม่ใช่โลกนี้ทั้งนี้เพื่อเราจะได้ไม่เสียเวลาไปทุ่มเทเพื่อสิ่งอนิจจังของโลกเราควรมีเพียงเพื่อการดำรงชีวิตและเพื่ออำนวยความสะดวกกับการทำงานของพระเจ้า

1 เปโตร 4:12-16

12ดูก่อนท่านที่รัก อย่าประหลาดใจที่ท่านต้องได้รับความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสเป็นการลองใจเหมือนหนึ่งว่าเหตุการณ์อันประหลาดได้เกิดขึ้นกับท่าน 13แต่ว่าท่านทั้งหลายจงชื่นชมยินดีในการที่ท่านได้มีส่วนร่วมในความทุกข์ยากของพระคริสต์ เพื่อว่าเมื่อพระสิริของพระเจ้าปรากฏขึ้นท่านทั้งหลายก็จะได้ชื่นชมยินดีเป็นอันมากด้วย 14ถ้าท่านถูกด่าว่าเพราะพระนามของพระคริสต์ท่านก็เป็นสุข ด้วยว่าพระวิญญาณแห่งพระสิริและของพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับท่าน 15แต่ว่าอย่าให้มีผู้ใดในพวกท่านได้รับโทษฐานเป็นผู้ฆ่าคนหรือเป็นขโมย หรือเป็นคนทำร้าย หรือเป็นคนที่เที่ยวยุ่งกับธุระของคนอื่น 16แต่ถ้าผู้ใดถูกการร้ายเพราะมีชื่อว่าเป็นคริสตชนก็อย่าให้ผู้นั้นมีความละอายเลย แต่ให้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเพราะชื่อนั้น

พระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งเรายินดีที่จะทุกข์ลำบากเพราะพระนามของพระองค์ สมัยเด็กๆเชื่อว่าทุกคนคงเคยโดนล้อชื่อพ่อ ชื่อแม่และก็อาจจะได้ทะเลาะชกต่อยกับเพื่อนเพราะการล้อเลียนเหล่านั้นโดยที่เราเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า อะไรคือสาเหตุที่ต้องล้อหรืออะไรคือสาเหตุที่ต้องอาย หรือไม่พอใจกับการที่เพื่อนเรียกชื่อพ่อแม่เราเมื่อโตมาถึงตอนนี้ ใครมาล้อชื่อพ่อแม่ เราคงรู้สึกเฉยๆ

ตั้งแต่สมัยยุคแรกของคริสตจักรพระนามของพระเยซูก็ได้ถูกนำไปล้อเลียน และที่เราถูกเรียกว่า “คริสเตียน” นั้น ก็เป็นคำล้อเลียนเช่นกันแต่การกระทำของผู้ที่เยาะเย้ยพระนามของพระเยซูอาจจะไม่หยุดอยู่ที่คำพูดหลายครั้งที่จะลงเอยด้วยการทำร้ายร่างกาย และอาจถึงแก่ชีวิตไม่ใช่ด้วยเหตุผลว่าเป็นผู้มีความประพฤติที่ชั่วร้าย หรือก่ออาชญากรรมแต่เพียงเพราะพระนามของพระเยซูเท่านั้น

เปโตรได้หนุนใจให้คริสเตียนอดทนต่อการข่มเหงที่เกิดขึ้นในชีวิตซึ่งถือว่าเป็นการเข้าร่วมในศักดิ์ศรีกับพระเยซูคริสต์จงไม่ละอายที่จะรับการข่มเหงและความทุกข์ยากเพราะไม่ใช่การรับโทษจากการทำสิ่งชั่วร้าย และจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตเพื่อไม่ให้ต้องรับโทษเนื่องจากการกระทำที่ผิดซึ่งจะเป็นการทนทุกข์ที่ไม่ได้รับเกียรติใดๆ

คริสตจักรส่วนใหญ่เชื่อว่าเรากำลังอยู่ในยุคสุดท้ายซึ่งการข่มเหงครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น ขอให้เราเตรียมจิตใจให้พร้อมให้รากแห่งความเชื่อหยั่งลึกลงอีก เพื่อจะสามารถอดทนได้หากเรารู้สึกไม่แน่ใจว่าจะอดทนได้ ขอให้เราเข้าใกล้พระเจ้ามากขึ้นทุกวันโดยการอธิษฐานสม่ำเสมอ อ่านพระวจนะของพระเจ้า และร่วมการสามัคคีธรรมเพื่อความเชื่อของเราจะถูกสร้างบนศิลา และเมื่อลมพายุพัดมา เราจะยืนหยัดอยู่ได้

แต่หากเราห่างไกลจากพระเจ้าขาดการอธิษฐาน ไม่อ่านพระวจนะของพระเจ้า และขาดการร่วมสามัคคีธรรมความเชื่อของเราจะเหมือนกับบ้านที่สร้างบนทราย ภายนอกอาจดูสวยงามดี เหมือนๆกับบ้านอื่นภายในก็อาจเต็มด้วยสิ่งมีค่า ไม่ต่างกับบ้านอื่นๆ แต่ไม่มีรากฐานที่มั่นคงเมื่อลมพายุพัดมา ก็พังลงอย่างง่ายดาย และทุกอย่างที่มีอยู่ก็กระจัดกระจายพินาศไป

พระเยซูคริสต์ใน 1 เปโตร

– ทรงเป็นผู้ที่เราต้องนบนอบเชื่อฟังเราจะเลือกวิธีไหนที่จะไปถึงจุดนั้น

– พระเยซูเป็นแบบอย่างให้เราดำเนินตามจงมีชีวิตที่เชื่อฟังและให้น้ำพระทัยพระเจ้าสำเร็จในตัวเรา

– พระนามของพระเยซูเป็นพระนามที่เรายินดีแบกรับความทุกข์ยากเพราะพระนามนั้นขอให้เราเตรียมพร้อมกับการข่มเหงอย่างรุนแรงที่จะมาถึงในยุคสุดท้าย




Create Date : 27 ตุลาคม 2555
Last Update : 27 ตุลาคม 2555 19:17:24 น. 0 comments
Counter : 969 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com