ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
10 สิงหาคม 2551
 

My Redeemer Lives

10 สิงหาคม 2008
คริสตจักร ยะลา

โยบ 19:25-27
25แต่ส่วนข้า ข้าทราบว่า พระผู้ไถ่ของข้าทรงพระชนม์อยู่ และในที่สุดพระองค์จะทรงปรากฏบนแผ่นดินโลก 26และหลังจากผิวหนังของข้าถูกทำลายไปอย่างนี้แล้ว ในเนื้อหนังของข้า ข้าจะเห็นพระเจ้า 27ผู้ซึ่งข้าจะได้เห็นเอง และนัยน์ตาของข้าจะได้เห็นไม่ใช่คนอื่น จิตใจในตัวข้าก็อ่อนโหย


อธิษฐาน
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความรักอันยิ่งใหญ่ที่ทรงสำแดงแก่เราทั้งหลาย พระองค์ทรงรับเราทั้งหลายให้อยู่ในฐานะบุตรของพระองค์ และเราสามารถเรียกพระองค์ว่าพระบิดา ขอบพระคุณที่ทรงสำแดงให้เรามั่นใจว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่และเป็นพระผู้ช่วยของเราในทุกเวลา ขอทรงให้เรามีความเชื่อ หากเราคนใดคนหนึ่งยังขาดความเชื่อ ขอพระองค์ทรงเพิ่มเติมความเชื่อให้กับเรา เพื่อเราจะดำเนินในแผ่นดินโลกนี้ด้วยมั่นใจว่าพระองค์ทรงรักเราและอยู่เคียงข้างเราเสมอ เมื่อเราเดินในหนทางของพระองค์เราไม่ต้องกังวลหรือหวาดกลัวต่อสิ่งใด


ในกลุ่มเยี่ยมเยียนเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้เล่าให้พี่น้องฟังเกี่ยวกับคลิปวิดีโอของพ่อลูกคู่หนึ่ง ซึ่งผู้เป็นลูกได้ชวนให้พ่อเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนด้วยกันกับเขา และพ่อก็ได้ตอบตกลง ทั้งคู่ได้เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนหลายสิบครั้ง รวมถึงการแข่งขันไตรกรีฑา ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันที่ต้องใช้ความแข่งแกร่งอย่างมาก โดยเริ่มจากการว่ายน้ำประมาณ 4 กิโลเมตร ต่อด้วยขี่จักรยานประมาณ 180 กิโลเมตร และจบลงที่การวิ่งอีกประมาณ 42 กิโลเมตร แต่พ่อลูกคู่นี้ก็ได้ร่วมการแข่งขันและไปถึงเส้นชัยได้ แม้จะไม่ใช่เป็นผู้ชนะที่หนึ่ง แต่ทั้งสองก็ชนะใจผู้ชมที่ได้พบเห็น ผู้เป็นพ่ออายุ 65 ปี ลูกชายอายุ 45 ปี สิ่งที่สร้างความประทับให้กับผู้พบเห็นก็คือ ความรักอันยิ่งใหญ่ที่พ่อลูกคู่นี้ได้สำแดงให้เห็น ผู้เป็นลูกนั้นเป็นโรคบางอย่างทำให้ร่างกายเป็นอัมพาต ไม่สามารถใช้มือหรือเท้าได้ เมื่อเข้าร่วมในการแข่งขันผู้เป็นพ่อจะต้องนำลูกชายคนนี้ติดตัวไปด้วย ในช่วงของการว่ายน้ำ ก็เอาใส่เรือยางแล้วเอาเชือกคล้องกับตัวพ่อให้ว่ายน้ำลากไป ในช่วงการขี่จักรยาน ก็ติดตั้งอุปกรณ์พิเศษให้ลูกชายนั่งบนตะกร้าหน้ารถและคุณพ่อก็ปั่นจักรยานไป ในช่วงของการวิ่งคุณพ่อก็จะวิ่งเข็นรถที่มีลูกชายนั่งอยู่ไปด้วยกัน ในตอนสุดท้ายของคลิปนี้ จบลงด้วยข้อความจากพระธรรมฟิลิปปี 4:13 “ข้าพเจ้าเผชิญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” เป็นเรื่องราวที่ให้ข้อคิดเป็นอย่างดีสำหรับเราทั้งหลายที่เป็นคริสเตียน เราเปรียบเหมือนกับลูกชายคนนั้นที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ และพระเจ้าทรงเป็นเหมือนกันพ่อคนนั้นที่เป็นผู้นำเราฝ่าฟันไปในเส้นทางชีวิตที่ยากลำบาก



นอกจากนี้บทเพลงที่ใช้ประกอบในคลิปวิดีโอนี้ มีชื่อว่า My Redeemer Lives แปลว่า พระผู้ไถ่ของข้าทรงพระชนม์อยู่ เป็นบทเพลงที่อ้างอิงมาจากพระธรรมโยบ หลายตอน โดยเฉพาะตอนที่สำคัญคือ บทที่ 19 ข้อ 25-27 วันนี้ผมจึงขอนำพระวจนะของพระเจ้ามาถึงพี่น้องในหัวข้อนี้

เรื่องราวชีวิตของโยบที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ คงจะเป็นเรื่องราวที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี บางครั้งเราก็ชื่นชมในความจงรักภักดีของโยบที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง แต่ผมเชื่อว่าไม่มีมีใครที่อยากได้รับประสบการณ์อย่างเดียวกับโยบ เพราะเป็นช่วงชีวิตที่ทุกข์ลำเค็ญทั้งร่างกายและจิตใจ

เรื่องของโยบปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม โยบเป็นคนดีรอบคอบ, เที่ยงธรรม, เกรงกลัวพระเจ้า และหันจากความชั่วร้าย เขามีชีวิตที่พระเจ้าพอพระทัย มารซาตานจึงได้ขออนุญาตพระเจ้าที่จะทดลองดูความเชื่อของโยบ เพราะซาตานเชื่อว่าการที่โยบรักพระเจ้านั้นเป็นเพราะพระเจ้าได้อวยพรแก่โยบอย่างมากมาย ให้เขามีความมั่งคั่ง มีความเป็นอยู่สุขสบาย ซาตานได้ขอพิสูจน์โดยการทำให้โยบสูญเสียทุกสิ่งที่เขามีอยู่ ทั้งฝูงสัตว์ ทรัพย์สิน และชีวิตของลูกๆ แต่โยบก็ไม่ได้แช่งด่าพระเจ้า
ซาตานได้ขออนุญาตจากพระเจ้าอีกที่จะทดสอบโยบให้หนักยิ่งขึ้น โดยให้โยบเป็นฝีทั่วทั้งตัว นำความทุกข์ทรมาณอย่างสาหัสมาสู่ทั้งร่างกายและจิตใจของโยบ จนกระทั่งภรรยาของเขาถึงกับบอกให้โยบแช่งด่าพระเจ้าแล้วไปตายเสีย แต่โยบตอบภรรยาว่า เธอพูดอย่างคนโฉด

โยบมีเพื่อนรัก 3 คน ซึ่งเป็นผู้เชื่อในพระเจ้าเช่นกัน เมื่อได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเหตุร้ายที่เกิดกับชีวิตของโยบ ทั้งสามคนก็มาพบกับโยบ ด้วยความเห็นอกเห็นใจ และเพื่อนทั้งสามนั้น ด้วยความหวังดี ได้พยายามหาหนทางที่จะช่วยให้โยบหลุดออกจากความทุกข์ยากเหล่านั้น และด้วยประสบการณ์ของพวกเขานั้น ความทุกข์ยากที่จะเกิดขึ้นกับมนุษย์ล้วนแต่เกิดจากการที่คนนั้นทำผิดบาปต่อพระเจ้า ดังนั้นเพื่อนทั้งสามคนจึงได้พยายามที่จะชี้ชวนให้เห็นว่าโยบน่าจะทำผิดสิ่งหนึ่งสิ่งใดต่อพระเจ้า แต่โยบก็ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ของตน

เรื่องราวในพระธรรมโยบหลายๆบท เป็นการถกเถียงกันระหว่างโยบกับเพื่อนทั้งสามของเขา ในบทที่ 19 โยบเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงว่าตนเป็นฝ่ายถูก แม้ว่าคนรอบข้างจะตัดสินเขาอย่างไม่ยุติธรรม แต่โยบมีความหวังใจในพระผู้ไถ่ซึ่งทรงพระชนม์อยู่ ซึ่งในที่สุดพระเจ้าก็ทรงประทานทุกสิ่งคืนให้กับโยบและมากยิ่งกว่าที่เคยมีอยู่ก่อน

เราทั้งหลายซึ่งเรียกตนเองว่าคริสเตียน ติดตามพระเจ้า เรามีความหวังใจในพระผู้ไถ่ของเราอย่างที่โยบมีหรือไม่ ความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับเรานั้น ทำให้เราหันไปหาสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้าหรือไม่ ความไม่สมหวังของเราทำให้เราไปแสวงหาความหวังใจกับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้าหรือไม่ การสูญเสียที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราทำให้เราแสวงหาสิ่งชดเชยจากสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้าหรือไม่ คำตอบที่ไม่ตรงกับใจของเราทำให้เราประชดประชันพระเจ้าด้วยการหันไปเสียจากพระองค์หรือไม่

วันนี้เราจะมาพิจารณาถึงความหวังใจในพระผู้ไถ่ผู้ซึ่งทรงพระชนม์อยู่ ว่าทำไมเราจึงสามารถมอบทั้งชีวิตไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์

ประการที่หนึ่ง พระผู้ไถ่ของเรา ไม่ใช่พระเจ้าที่มนุษย์อุปโลกน์ขึ้นเอง พระต่างๆจำนวนมากในโลกนี้เกิดจากจินตนาการของมนุษย์ มนุษย์ได้กำหนดให้พระเหล่านั้นมีคุณลักษณะต่างๆตามที่เขาต้องการ แต่พระผู้ไถ่ของเรานั้น เราไม่สามารถกำหนดพระองค์ให้เป็นอย่างที่เราต้องการ พระองค์เป็นอย่างไร พระองค์เป็นผู้เปิดเผยให้เรารับรู้

อิสยาห์ 43:10-13
10พระเจ้าตรัสว่า "เจ้าทั้งหลายเป็นพยานของเราและเป็นผู้รับใช้ของเราซึ่งเราได้เลือกไว้แล้ว เพื่อเจ้าจะรู้จักและเชื่อถือเรา และเข้าใจว่าเราเป็นผู้นั้นแหละ ก่อนหน้าเรา ไม่มีพระใดถูกปั้นขึ้น และภายหลังเราก็จะไม่มี 11เรา เราคือพระเจ้า และนอกจากเราไม่มีพระเจ้าผู้ช่วยให้รอด 12เราแจ้งให้ทราบและช่วยให้รอดและเล่าให้ฟังและก็ไม่มีพระเจ้าอื่นในหมู่พวกเจ้า และเจ้าทั้งหลายเป็นพยานของเรา"พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ 13"เราเป็นพระเจ้า มิหนำซ้ำตั้งแต่นี้ไปเราก็เป็นพระองค์นั้นอยู่ ไม่มีผู้ใดช่วยกู้จากมือของเราได้ เราประกอบกิจใดๆ ใครจะขัดขวางกิจการนั้นได้"


ประการที่สอง พระผู้ไถ่ของเรา ไม่ใช่เป็นเพียงกฎธรรมชาติที่ไม่มีชีวิต คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าหลายคนพยายามที่จะประนีประนอมในทำนองว่า แท้ที่จริงพระเจ้าก็คือธรรมชาติ เพียงแต่เรียกกันคนละภาษา แต่จริงๆแล้วนั่นไม่ใช่การประนีประนอม เป็นการปฏิเสธความจริงของพระเจ้า เขาคิดว่าตัวฉลาดและมีความรู้สูง แต่หากเขาจะฉุกคิดสักนิดว่า แม้แต่ความรู้ที่ทันสมัยที่สุดของวันนี้ ก็จะเป็นแค่ความรู้เก่าและความรู้ที่คิดว่าถูกต้องก็กลายเป็นความผิดพลาดเมื่อเพียงผ่านไปวันเดียว

โรม 1:19-22
19เหตุว่าเท่าที่จะรู้จักพระเจ้าได้ก็แจ้งอยู่กับใจเขาทั้งหลาย เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงโปรดสำแดงแก่เขาแล้ว 20 ตั้งแต่เริ่มสร้างโลกมาแล้ว สภาพที่ไม่ปรากฏของพระเจ้านั้น คือฤทธานุภาพอันถาวรและเทวสภาพของพระองค์ ก็ได้ปรากฏชัดในสรรพสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง ฉะนั้นเขาทั้งหลายจึงไม่มีข้อแก้ตัวเลย 21เพราะถึงแม้ว่าเขาทั้งหลายได้รู้จักพระเจ้าแล้ว เขาก็มิได้ถวายพระเกียรติแด่พระองค์ให้สมกับที่ทรงเป็นพระเจ้า หรือหาได้ขอบพระคุณไม่ แต่เขากลับคิดในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ และจิตใจโง่เขลาของเขาก็มืดมัวไป 22เขาอ้างตัวว่าเป็นคนมีปัญญา เขาจึงกลายเป็นคนโง่เขลาไป


ประการที่สาม พระผู้ไถ่ของเรา ไม่ใช่พระเจ้าที่หูหนวก ตาบอด พูดไม่ได้ แขนขาขยับไม่ได้ แต่เป็นพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ ไม่มีสิ่งใดที่ปิดบังจากพระองค์ได้ พระองค์ทรงมองเห็น รับฟัง ทรงตรัสกับเรา และยื่นพระหัตถ์เพื่อกระทำการช่วยกู้ด้วยพระทัยเมตตา และทรงลงพระอาชญาแก่ผู้กระทำความชั่ว พระองค์จะทรงพิพากษาเรื่องราวทั้งปวง

สดุดี 115:1-9
1มิใช่แก่เหล่าข้าพระองค์ มิใช่แก่เหล่าข้าพระองค์ พระเจ้าข้า แต่ขอถวายพระสิริแด่พระนามของพระองค์ เพราะเห็นแก่ความรักมั่นคงของพระองค์ และความสัตย์สุจริตของพระองค์ 2ทำไมบรรดาประชาชาติจะกล่าวว่า "พระเจ้าของเขาทั้งหลายอยู่ไหนเล่า" 3แต่พระเจ้าของเราทั้งหลายอยู่ในฟ้าสวรรค์ สิ่งใดที่พระองค์พอพระทัยพระองค์ก็ทรงกระทำ 4รูปเคารพของคนเหล่านั้นเป็นเงินและทองคำ เป็นหัตถกรรมของมนุษย์ 5รูปเหล่านั้นมีปาก แต่พูดไม่ได้ มีตา แต่ดูไม่ได้ 6มีหู แต่ฟังไม่ได้ยิน มีจมูก แต่ดมไม่ได้ 7มีมือ แต่คลำไม่ได้ มีเท้า แต่เดินไม่ได้ รูปเหล่านั้นทำเสียงในคอไม่ได้ 8ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น เออ บรรดาผู้ที่วางใจในรูปเหล่านั้นก็เช่นกัน 9อิสราเอลเอ๋ย จงวางใจในพระเจ้าเถิด พระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์และเป็นโล่ของเขาทั้งหลาย


ประการที่สี่ พระผู้ไถ่ของเรา เป็นพระเจ้าที่รักเรา และใส่ใจในความรู้สึกของเรา หลายคนคงเคยนั่งลงในวันเหงาๆ และปล่อยความคิดล่องลอยไป อาจจะรู้สึกตัวว่าในโลกนี้มีผู้คนมากมายเหลือเกิน ตัวเราเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งในโลกอันกว้างใหญ่นี้ เหมือนกับปลวกตัวหนึ่งที่อยู่ในจอมปลวกขนาดใหญ่ มองไปก็เหมือนๆกันหมด ไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่มีอะไรพิเศษ จะมีปลวกตัวนั้นอยู่หรือไม่มี ก็ไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรต่อจอมปลวกนั้น เป็นเหมือนชีวิตที่ไม่มีใครใส่ใจ แต่พระผู้ไถ่ของเรานั้นทรงรักและเอาใจใส่เราแต่ละคน ลองนึกภาพของแม่คนหนึ่งที่ไปรับลูกที่โรงเรียน ท่ามกลางเด็กนักเรียนหลายร้อยหลายพันคน ที่ดูก็เหมือนๆกันไปหมด แต่สำหรับแม่คนนั้น มีคนพิเศษคนหนึ่งในท่ามกลางเด็กนับร้อยนับพัน เราทั้งหลายเช่นกัน ในท่ามกลางมนุษย์ทั่วโลกมากกว่า 6 พันล้านคน เราเป็นคนพิเศษของพระเจ้าซึ่งพระองค์รักและเอาใจใส่เสมอ

สดุดี 144:1-3
1พระศิลาของข้าพเจ้า ผู้ทรงฝึกมือของข้าพเจ้าให้ทำสงคราม และนิ้วมือของข้าพเจ้าให้ทำศึก 2ทรงเป็นความรักมั่นคง และป้อมปราการ เป็นที่กำบังเข้มแข็ง และเป็นผู้ช่วยกู้ของข้าพเจ้าเป็นโล่ของข้าพเจ้า และเป็นผู้ซึ่งข้าพเจ้าลี้ภัยในพระองค์ ผู้ทรงปราบชนชาติทั้งหลายไว้ใต้ข้าพเจ้า 3ข้าแต่พระเจ้า มนุษย์เป็นอะไรเล่าซึ่งพระองค์ทรงเอาพระทัยใส่เขา หรือบุตรของมนุษย์เป็นอะไรซึ่งพระองค์ทรงคิดถึงเขา



ประการที่ห้า พระผู้ไถ่ของเรา เป็นพระเจ้าที่รักษาสัญญา แม้ว่ามนุษย์จะคดโกงและผิดสัญญา แต่พระเจ้าได้สำแดงให้เห็นแล้วว่าทรงรักษาสัญญาที่ได้ทรงประทานให้ พระเจ้าไม่เคยผิดสัญญาต่อผู้ใดเลย และพระเจ้าองค์นี้ทรงสัญญาว่าจะช่วยกู้เราและอยู่กับเรา

เฉลยธรรมบัญญัติ 7:8-9
8แต่เพราะพระเจ้าทรงรักท่านทั้งหลาย และพระองค์ทรงรักษาคำปฏิญาณซึ่งพระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย พระเจ้าจึงทรงพาท่านทั้งหลายออกมาด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และทรงไถ่ท่านทั้งหลายให้พ้นจากแดนทาส จากหัตถ์ฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์ 9เหตุฉะนี้พึงทราบเถิดว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของพวกท่านเป็นพระเจ้า เป็นพระเจ้าสัตย์ซื่อผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคง ต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ถึงพันชั่วอายุคน


ประการที่หก พระผู้ไถ่ของเรา ทรงพระชนม์อยู่ และเป็นพระเจ้าที่ช่วยได้ จะมีประโยชน์อะไรถ้ามีรถเบนซ์สักคันแต่เครื่องยนต์เสีย หรือมีหมอเก่งๆสักคนแต่ตายไปแล้ว หรือมีโทรศัพท์มือถือแต่แบตเตอรี่หมดและไม่ได้เติมเงิน พระเจ้าที่เที่ยงแท้คือพระเจ้าที่สามารถช่วยได้ คือพระเจ้าที่ยังทรงเป็นอยู่

อิสยาห์ 43:1-7
1บัดนี้ พระเจ้าผู้ได้สร้างท่านยาโคบ พระองค์ผู้ได้ทรงปั้นท่าน อิสราเอลตรัสดังนี้ว่า "อย่ากลัวเลย เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว เราได้เรียกเจ้าตามชื่อ เจ้าเป็นของเรา 2เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า เมื่อข้ามแม่น้ำ น้ำจะไม่ท่วมเจ้า เมื่อเจ้าลุยไฟ เจ้าจะไม่ไหม้ และเปลวเพลิงจะไม่เผาผลาญเจ้า 3เพราะเราเป็นพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลผู้ช่วยให้รอดของเจ้า เราให้อียิปต์เป็นค่าไถ่ของเจ้า ให้เอธิโอเปียและเสบาเพื่อแลกกับเจ้า 4เพราะว่าเจ้าประเสริฐในสายตาของเรา และได้รับเกียรติและเรารักเจ้า เราจึงให้คนเพื่อแลกกับเจ้า ให้ชนชาติทั้งหลายเพื่อแลกกับชีวิตของเจ้า 5อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า เราจะนำเผ่าพันธุ์ของเจ้ามาจากตะวันออก และเราจะรวบรวมเจ้ามาจากตะวันตก 6เราจะพูดกับทิศเหนือว่า ปล่อยเถิด และกับทิศใต้ว่า อย่ายึดไว้ จงนำบรรดาบุตรชายของเรามาแต่ไกล และเหล่าธิดาของเราจากปลายแผ่นดินโลก 7คือทุกคนที่เขาเรียกตามชื่อของเรา คือผู้ที่เราได้สร้างเพื่อพระสิริของเรา ผู้ที่เราได้ปั้นและได้กระทำไว้"



เมื่อเราได้รู้จักพระผู้ไถ่ดังนี้แล้ว หากเรามีความทุกข์ยากเกิดขึ้น เราจะหันไปหาสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้าหรือไม่ หากเรารู้สึกไม่สมหวัง เราจะไปแสวงหาความหวังใจกับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้าหรือไม่ หากเราต้องสูญเสียบางอย่างในชีวิตของเรา เราจะไปแสวงหาสิ่งชดเชยจากสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้าหรือไม่ หากว่าคำตอบที่พระเจ้าประทานให้นั้นไม่ตรงกับสิ่งที่ใจเราปรารถนา เราจะประชดประชันด้วยการหันไปจากพระองค์หรือไม่

สำหรับโยบ โยบบอกว่า
25แต่ส่วนข้า ข้าทราบว่า พระผู้ไถ่ของข้าทรงพระชนม์อยู่ และในที่สุดพระองค์จะทรงปรากฏบนแผ่นดินโลก 26และหลังจากผิวหนังของข้าถูกทำลายไปอย่างนี้แล้ว ในเนื้อหนังของข้า ข้าจะเห็นพระเจ้า 27ผู้ซึ่งข้าจะได้เห็นเอง และนัยน์ตาของข้าจะได้เห็นไม่ใช่คนอื่น จิตใจในตัวข้าก็อ่อนโหย

และโยบได้รู้ว่าสิ่งสำคัญคือ การที่เขาสามารถมอบความหวังใจไว้ที่พระผู้ไถ่ได้ และเขาจะได้เห็นพระผู้ไถ่ด้วยตาของเขาเอง ไม่ใช่เพียงแค่ฟังเรื่องเล่าจากผู้อื่น และนี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราทั้งหลายที่บอกกับคนทั้งหลายว่าเป็นผู้ที่ติดตามพระเจ้า



Create Date : 10 สิงหาคม 2551
Last Update : 10 สิงหาคม 2551 23:36:41 น. 1 comments
Counter : 1221 Pageviews.  
 
 
 
 
ขอบคุณพระเจ้า
สำหรับสิ่งดีดี ที่พระองค์ทรงประทานแก่เรา


ติดตามมาตลอดครับ
 
 

โดย: pun IP: 118.174.217.120 วันที่: 28 สิงหาคม 2551 เวลา:7:02:31 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com