ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
8 มิถุนายน 2551
 

การจัดเตรียมของพระเจ้า (ตอนที่ 2)

8 มิถุนายน 2008
คริสตจักร ยะลา

ปฐมกาล 45:1-8
1โยเซฟอดกลั้นต่อหน้าบรรดาผู้ที่ยืนอยู่ต่อไปอีกมิได้ก็ร้องสั่งว่า "ให้ทุกคนออกไปเสียเถิด" จึงไม่มีผู้ใดยืนอยู่ด้วย เมื่อโยเซฟแจ้งให้พี่น้องรู้จักตัวท่าน 2แล้วโยเซฟร้องไห้เสียงดัง จนคนอียิปต์ทั้งหลายได้ยิน และคนในสำนักพระราชวังฟาโรห์ได้ยิน 3โยเซฟบอกพวกพี่น้องว่า "เราคือโยเซฟ บิดาเรายังมีชีวิตอยู่หรือ" ฝ่ายพวกพี่น้องไม่รู้ที่จะตอบประการใด เพราะตกใจกลัวที่เผชิญหน้ากับโยเซฟ 4โยเซฟจึงบอกพี่ชายว่า "เชิญเข้ามาใกล้เราเถิด" เขาก็เข้ามาใกล้ แล้วโยเซฟว่า "เราคือโยเซฟน้องที่พี่ขายมายังอียิปต์ 5แต่บัดนี้อย่าเสียใจไปเลย อย่าโกรธตัวเองที่ขายเรามาที่นี่ เพราะว่าพระเจ้าทรงใช้เราให้มาก่อนหน้าพี่ เพื่อจะได้ช่วยชีวิต 6เพราะมีการกันดารอาหารในแผ่นดินสองปีแล้ว ยังอีกห้าปีจะไถนาหรือเกี่ยวข้าวไม่ได้เลย 7พระเจ้าทรงใช้เรามาก่อนพี่ เพื่อสงวนคนที่เหลือส่วนหนึ่งบนแผ่นดินไว้ให้พี่ และช่วยชีวิตของพี่ไว้ด้วยการช่วยกู้อันใหญ่หลวง 8ฉะนั้นมิใช่พี่เป็นผู้ให้เรามาที่นี่ แต่พระเจ้าทรงให้มา พระองค์ทรงโปรดให้เราเป็นเหมือนตัวบิดาฟาโรห์ เป็นเจ้าในราชวังทั้งสิ้น และเป็นผู้ครอบครองประเทศอียิปต์ทั้งหมด


อธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่ง ข้าพระองค์ทั้งหลายได้เข้ามาต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ในวันนี้ เพื่อแสวงหาพระองค์ ขอพระองค์ทรงสำแดงพระเมตตาแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายหวังใจในพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอบพระคุณที่พระองค์ได้ทรงสำแดงให้เห็นในพระคัมภีร์แล้วว่าพระองค์ทรงจัดเตรียมสิ่งที่ดีไว้สำหรับประชากรของพระองค์ ขอพระองค์ทรงให้เราทั้งหลายมีความไว้วางใจในพระองค์ แม้ว่าเราจะมองไปข้างหน้าเห็นเพียงก้าวเดียว ก็ขอให้เรายินดีที่จะเดินตามพระองค์ ด้วยความไว้วางใจในการจัดเตรียมของพระองค์


เมื่อครั้งที่แล้ว ผมได้นำเรื่องของผู้เผยพระวจนะเอลียาห์มาเป็นตัวอย่าง ให้พี่น้องได้เห็นว่า พระเจ้าของเรานั้นทรงเฝ้าดูชีวิตของผู้รับใช้ของพระองค์ และทรงจัดเตรียมสิ่งสำคัญไว้สำหรับเขา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่หนุนใจเราทั้งหลายในเวลาปัจจุบันนี้ว่า พระเจ้าองค์เดียวกันนั้น ทรงกำลังเฝ้ามองดูและจัดเตรียมสิ่งสารพัดที่จำเป็นสำหรับชีวิตของเราทั้งหลายเช่นกัน

ผมจะขอทบทวนสักเล็กน้อย เพื่อให้เราจะยังพอระลึกได้ถึงเรื่องราวการจัดเตรียมของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตของเอลียาห์

พระคัมภีร์ได้เริ่มต้นเรื่องของเอลียาห์ว่า เป็นผู้ที่พระเจ้าใช้ให้ไปกล่าวโทษต่อกษัตริย์อาหับเนื่องจาก กษัตริย์อาหับได้กระทำสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย คือแต่งงานกับนางเยเซเบลหญิงต่างชาติและหันไปกราบไหว้รูปเคารพของชาวต่างชาติ พระเจ้าจึงให้เกิดการแห้งแล้งกันดารเป็นเวลาถึง 3 ปี แต่ตลอดระยะเวลานั้น พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งจำเป็นไว้สำหรับเลี้ยงดูเอลียาห์ คือพระเจ้าได้ให้อีกาคาบเนื้อและขนมปังมาเลี้ยงเอลียาห์ แต่พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้เอลียาห์ต้องกระทำผิดต่อพระองค์

หลังจากนั้น ความแห้งแล้งกันดารรุนแรงมากขึ้น จนน้ำในลำธารแห้งไป พระเจ้าก็ทรงเลี้ยงดูเอลียาห์ด้วยการให้เขาไปอาศัยอยู่กับครอบครัวของหญิงหม้ายยากจนคนหนึ่ง และนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่คงจะเป็นคำถามว่า ทำไมพระเจ้าทรงกระทำการแปลกๆ การเลี้ยงดูคนของพระเจ้า สามารถผ่านมาทางผู้ที่เราไม่คาดคิดว่าเขาจะสามารถกระทำประโยชน์ใดๆได้ แต่กระนั้นพระเจ้าเองต่างหากที่จะทรงกระทำการผ่านผู้ที่พระองค์ทรงเลือกไว้ เมื่อใดก็ตามที่พระเจ้าทรงบัญชาให้ท่านมีส่วนในการเลี้ยงดูผู้รับใช้ของพระเจ้า จงชื่นชมยินดีเถิด พระพรของพระเจ้าจะมาถึงท่านด้วยอย่างแน่นอน

ช่วงเวลาการเลี้ยงดูของพระเจ้าที่มีต่อเอลียาห์ เป็นระยะเวลานานถึง 3 ปี และเป็น 3 ปีแห่งความเงียบเหงา เพราะพระเจ้าไม่ได้มีคำสั่งอะไรเป็นพิเศษมาถึงเอลียาห์อีกเลย มีแต่กินๆ นอนๆ รอคอย และรอคอย และบางครั้งชีวิตเราอาจกำลังอยู่ในช่วงเวลาแบบนี้เช่นกัน เงียบๆ เหงาๆ กินๆ นอนๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย แต่พระเจ้าทรงมีกำหนดเวลาของพระองค์

จากนั้น เอลียาห์ได้กระทำการใหญ่คือ สำแดงให้คนอิสราเอลเห็นว่าพระเจ้าของอิสราเอลเป็นพระเจ้าที่เที่ยงแท้และได้กำจัดคนของพระบาอัลเสียเป็นจำนวนมาก แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง เอลียาห์ได้พบกับการทดสอบความเชื่ออีกครั้ง เนื่องจากนางเยเซเบลโกรธที่คนของพระบาอัลถูกกวาดล้าง จึงประกาศที่จะเอาชีวิตของเอลียาห์ เอลียาห์กลัวมากจนต้องหนีเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร และเริ่มบ่นต่อพระเจ้า แต่พระเจ้าก็สำแดงการจัดเตรียมของพระองค์อีกครั้ง โดยให้ทูตสวรรค์นำขนมปังและน้ำมาเลี้ยงดูเอลียาห์ ก่อนที่จะต้องเดินทางไกลถึง 40 วัน 40 คืน การปรนนิบัติงานของพระเจ้า บางครั้งเราอาจมีความสงสัยหรือกังวลว่า งานที่ต้องทำมีมากมายก่ายกอง แต่เรามีกำลังเพียงเท่านี้จะเพียงอะไร จากเรื่องการเลี้ยงดูครั้งที่สามของพระเจ้าที่ประทานให้กับเอลียาห์นี้เราได้เห็นตัวอย่างว่า “พระเจ้าจัดเตรียมสิ่งจำเป็นไว้อย่างเพียงพอ”

เอลียาห์บ่นต่อพระเจ้าว่า มีเขาเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่ และทุกอย่างคงจะกำลังจะจบสิ้นแล้ว งานของพระเจ้ากำลังจะล้มเหลวหมดแล้ว แต่แท้ที่จริงพระเจ้าได้เปิดเผยให้เขารู้ว่าพระเจ้าได้เตรียมคนอื่นๆอีกกว่า 7 พันคนเพื่อการงานของพระองค์ บางครั้งเราอาจกำลังรู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อยในหน้าที่ที่พระเจ้ามอบหมายให้ และกำลังเริ่มบ่นต่อพระเจ้าแบบเดียวกับที่เอลียาห์กำลังทำอยู่ คือคิดว่าคงมีแค่เราคนเดียวที่ต้องแบกรับหน้าที่ต่างๆ และเรากำลังจะแย่แล้ว ดูสิทำไมคนนั้นคนนี้ไม่จริงจังกับพระเจ้าเลย ไม่ช่วยกันรับใช้พระเจ้าเลย ปล่อยให้เราทำอยู่คนเดียว เราลำบากเหนื่อยยากจะแย่แล้ว แต่เราอาจกำลังมองอะไรแคบๆ พระราชกิจของพระเจ้านั้นกำลังดำเนินอยู่ในสถานที่ที่นอกเหนือจากสายตาของเราด้วย และเราเป็นเพียงส่วนหนึ่งในแผนงานทั้งหมดของพระเจ้า ดังนั้นอย่าได้ท้อถอยและหมดเรี่ยวแรง แต่ “จงกระทำทุกอย่างตามที่พระองค์สั่งเจ้าเถิด” พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมแต่ละคนไว้สำหรับแต่ละงาน

วันนี้เราจะดูกันว่า การจัดเตรียมของพระเจ้าที่เกิดขึ้นในชีวิตของบุคคลอีกท่านหนึ่งในพระคัมภีร์เป็นอย่างไร เพื่อจะเป็นสิ่งที่ชูใจเราทั้งหลายหากว่าวันนี้เรากำลังรู้สึกกังวลใจและหวั่นไหวต่อสถานการณ์ที่รุมเร้าชีวิตของเรา พระเจ้าที่เราติดตามนั้นได้ทรงจัดเตรียมสิ่งสารพัดไว้สำหรับท่านแล้วเช่นกัน

จากพระธรรมปฐมกาล 45:1-8 ที่ได้อ่านไปในตอนต้นนั้น เป็นเรื่องราวของคนของพระเจ้าท่านหนึ่งที่ได้ดำเนินชีวิตไปตามการจัดเตรียมของพระเจ้า ด้วยความยำเกรงพระเจ้า ทำให้ในที่สุดแผนงานของพระเจ้าก็สำเร็จ ชีวิตของโยเซฟ ได้ถูกนำมากล่าวถึงอยู่บ่อยครั้งในคำเทศนา ทั้งนี้มีแง่มุมต่างๆที่จะให้ศึกษาอยู่หลายประการ วันนี้ผมอยากให้เราพิจารณาดูการจัดเตรียมของพระเจ้าที่เกิดขึ้นกับชีวิตของโยเซฟด้วยกัน

ปฐมกาล 37:1-4
1ฝ่ายยาโคบมาอยู่ในดินแดนที่บิดาของท่านอาศัยนั้นคือ แคว้นคานาอัน 2ต่อไปนี้เป็นประวัติครอบครัวของยาโคบ เมื่อโยเซฟอายุได้สิบเจ็ดปีไปเลี้ยงสัตว์อยู่กับพวกพี่ชาย เขาเป็นเด็กหนุ่มอยู่กับบุตรของนางบิลฮาห์ และศิลปาห์ภรรยาบิดาของตน โยเซฟเอาความผิดของพี่ชายมาเล่าให้บิดาฟัง 3ฝ่ายอิสราเอลรักโยเซฟมากกว่าบุตรทั้งหมดของท่าน เพราะโยเซฟเกิดมาเมื่อบิดาแก่แล้ว บิดาทำเสื้อยาวมีแขนให้แก่โยเซฟ 4เมื่อพวกพี่ชายเห็นว่าบิดารักโยเซฟมากกว่าตน ก็ชังโยเซฟและพูดดีกับเขาไม่ได้


โยเซฟ เกิดในครอบครัวที่ถือว่าเป็นต้นตระกูลของชนอิสราเอล เพราะคำว่า “อิสราเอล” คือชื่อที่พระเจ้าทรงตั้งให้กับยาโคบพ่อของโยเซฟ โยเซฟมีพี่น้องต่างมารดาหลายคน เนื่องจากบิดามีภรรยา 4 คน แต่โยเซฟเป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาที่ยาโคบรักที่สุด ทำให้โยเซฟเป็นบุตรที่ยาโคบให้ความเอาใจใส่มากกว่าบุตรคนอื่นๆ จนเกิดเป็นปัญหาที่พี่ๆทั้งหลายไม่ชอบโยเซฟ จากที่ปรากฏในพระคัมภีร์ ก็เนื่องจากการที่เขาฟ้องความผิดของพี่ๆ หรืออาจพูดอีกอย่างว่าเพราะเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับการทำผิด
พระเจ้าทรงจัดเตรียมอะไรในชีวิตของโยเซฟในขั้นตอนนี้ การจัดเตรียมประการแรกคือชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้า ที่ทำให้เขาไม่เข้าร่วมในการกระทำผิด

ชีวิตของคริสเตียนบางครั้งก็อาจเข้าสู่สถานการณ์ที่คล้ายกับโยเซฟ นั่นคือการที่เราตัดสินใจไม่ร่วมในการกระทำผิด จึงทำให้เหมือนกับการฟ้องให้เห็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องของคนอื่น เพราะถ้าทุกคนก็ทำอย่างเดียวกันหมด บางทีอาจทำให้สิ่งที่ผิดดูเหมือนไม่ใช่สิ่งผิด เช่นการค้าขายกับหน่วยงานบางแห่ง ต้องมีการเสนอให้สินน้ำใจ จึงจะสามารถค้าขายกันได้ หากทุกร้านค้ายอมกระทำเหมือนกันหมด ก็อาจเป็นที่เข้าใจได้ว่า เป็นระเบียบที่วางไว้อย่างนั้นว่าใครๆก็จ่ายค่าสินน้ำใจ แล้วคริสเตียนล่ะ จะทำอย่างไร การที่คริสเตียนจำนวนหนึ่งไม่ยอมกระทำอย่างนั้น ก็เหมือนการกล่าวโทษคริสเตียนอื่นๆที่ยอมกระทำ นี่ก็เป็นเหตุให้เกิดความไม่พอใจขึ้นได้ แม้จะไม่ได้เอ่ยปากฟ้องใดๆ แต่ก็เป็นการฟ้องโดยการประพฤติ

เรื่องเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับโยเซฟ มีจุดเริ่มต้นจากการที่เขาฟ้องความผิดของพี่ชายต่อยาโคบ และการที่ชีวิตคริสเตียนของเราฟ้องความผิดของคนอื่นๆ ก็อาจนำให้เกิดความเดือดร้อนได้เช่นกัน แต่เราจะทำอย่างไรล่ะ เราควรยำเกรงพระเจ้า หรือเกรงกลัวมนุษย์ เห็นแก่ความไม่เดือดร้อนของตนเอง

ปฐมกาล 37:5-11
5คราวหนึ่งโยเซฟฝัน แล้วเล่าให้พวกพี่ชายฟัง พวกพี่ชายยิ่งชังโยเซฟมากขึ้น 6โยเซฟเล่าว่า "ฟังความฝันซึ่งฉันฝันเห็นซิ 7พวกเรากำลังมัดฟ่อนข้าวอยู่ในนา ทันใดนั้น ฟ่อนข้าวของฉันตั้งขึ้นยืนตรง แต่ฟ่อนข้าวของพวกพี่ๆ มาแวดล้อมกราบไหว้ฟ่อนข้าวของฉัน" 8พวกพี่ชายจึงถามโยเซฟว่า "เจ้าจะปกครองเรากระนั้นหรือ เจ้าจะมีอำนาจครอบครองเราหรือ" พวกพี่ชายก็ยิ่งชังโยเซฟมากขึ้นอีกเพราะความฝัน และเพราะคำของเขา 9ต่อมาโยเซฟก็ฝันอีก จึงเล่าให้พี่ชายฟังว่า "ฉันฝันอีกครั้งหนึ่ง เห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวสิบเอ็ดดวงกำลังกราบไหว้ฉัน" 10เมื่อเล่าให้บิดาและพวกพี่ชายกับน้องฟัง บิดาก็เตือนโยเซฟว่า "ความฝันที่เจ้าได้ฝันเห็นนั้นหมายความว่าอะไร เรากับมารดาและพี่น้องของเจ้าจะมาซบหน้าลงถึงดินกราบไหว้เจ้ากระนั้นหรือ" 11พวกพี่ชายอิจฉาโยเซฟ บิดาก็นิ่งตรองเรื่องนี้อยู่แต่ในใจ


เรื่องที่เกิดขึ้นประการต่อมา ยิ่งสุมไฟแห่งความเกลียดชังและไม่พอใจให้เกิดขึ้น เพราะโยเซฟได้เล่าให้ฟังถึงความฝัน ซึ่งในที่สุดแล้วเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความฝัน แต่เป็นนิมิตที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงให้โยเซฟเห็นว่าจะทรงให้โยเซฟเป็นอย่างไร เพียงแต่เรื่องนี้ได้ถูกมองว่าเป็นการเพ้อฝัน และทะเยอทะยานของเด็กที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยทำงานหนักมาอย่างยากลำบาก เพราะโยเซฟอยู่ในฐานะของลูกคนโปรด

พระเจ้าทรงจัดเตรียมอะไรสำหรับโยเซฟในขั้นตอนนี้ การจัดเตรียมประการที่ 2 คือนิมิต ซึ่งพระเจ้าได้ทรงสำแดงให้โยเซฟได้เห็น แม้จะยังไม่เข้าใจในนิมิตนั้น แต่เขาก็กล่าวถึงนิมิตนั้น

ปัญหาคล้ายๆกับที่เกิดแก่โยเซฟเนื่องด้วยนิมิตนี้ก็อาจเกิดขึ้นกับชีวิตของคริสเตียน เพราะความไม่เข้าใจต่อนิมิตที่พระเจ้าทรงประทานให้ ทำให้ผู้ที่กล่าวถึงนิมิตนั้นถูกดูหมิ่นจากผู้คนรอบข้าง คงไม่แปลกนักหากคนที่ไม่เป็นคริสเตียนจะเยาะเย้ยเรื่องนิมิตนั้น แต่หากผู้ที่เยาะเย้ยนิมิตเป็นคริสเตียนเสียเอง คงต้องมาทบทวนดูแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

นิมิตที่พระเจ้าประทานให้กับโยเซฟในครั้งนี้ โยเซฟไม่ได้ดิ้นรนทำโน่นทำนี่เพื่อให้นิมิตสำเร็จ แต่พระเจ้าเองเป็นผู้นำโยเซฟไป และทรงกระทำให้นิมิตนั้นสำเร็จ บางทีเราควรต้องเรียนรู้ว่า เป็นพระเจ้าเองที่จะทรงกระทำให้นิมิตนั้นสำเร็จ มิใช่ตัวเรา

นิมิตเป็นการเปิดเผยจากพระเจ้าว่า พระเจ้าประสงค์จะให้เกิดอย่างนี้ขึ้น และจะเป็นพระองค์เองที่นำหน้าเราในการดำเนินไปจนนิมิตนั้นสำเร็จ และเราจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
นิมิตไม่ใช่เป็นความใฝ่ฝันของเราที่อยากให้เกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ขึ้น และพยายามดิ้นรนเพื่อไปให้ถึง อย่างนั้นเรียกว่าความใฝ่ฝันหรือแรงบันดาลใจก็คงไม่ผิดนัก และก็อาจกระทำให้สำเร็จได้ด้วย แต่ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่านิมิต


ปฐมกาล 37:26-28
26ยูดาห์จึงพูดกับน้องว่า "หากเราฆ่าน้องและซ่อนโลหิตไว้จะมีประโยชน์อันใดเล่า 27มาเถิด ให้เราขายน้องแก่พวกอิชมาเอลโดยไม่แตะต้องเขา เพราะเขาก็เป็นน้องและเป็นเลือดเนื้อของเราเหมือนกัน" พี่น้องทั้งปวงก็เชื่อ 28ขณะนั้นพวกพ่อค้าชาวมีเดียนกำลังผ่านมา เขาก็ฉุดโยเซฟขึ้นจากบ่อ ขายให้แก่คนอิชมาเอลเป็นเงินยี่สิบเชเขล คนอิชมาเอลก็พาโยเซฟไปยังอียิปต์


เรื่องที่เกิดขึ้นต่อมาคือ โยเซฟถูกพี่ชายขายไปยังอียิปต์ เพื่อเป็นการกำจัดโยเซฟไปให้พ้นทาง ก่อนหน้านี้เขาคิดที่จะฆ่าโยเซฟเสียด้วยซ้ำไป เหตุการณ์ที่เกิดแก่โยเซฟหากจะบอกว่าเป็นเรื่องเลวร้ายก็คงไม่ผิด เพราะทำให้ชีวิตของโยเซฟตกระกำลำบาก แต่ทั้งสิ้นนี้ก็อยู่ภายใต้การดูแลของพระเจ้า

พระเจ้าทรงจัดเตรียมอะไรสำหรับโยเซฟในขั้นตอนนี้ การจัดเตรียมประการที่ 3 คือถูกแยกออก พระเจ้าได้แยกโยเซฟออกจากบรรดาพี่น้องของเขา ออกจากชนชาติ ออกจากอาชีพ ออกจากความรักความอบอุ่นในครอบครัว ไปคนต่างชาติต่างภาษา ไปสู่ฐานะอันต่ำต้อย ไปสู่ที่ๆมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างเขา

การถูกแยกออกเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมาก และถ้าเลือกได้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่พระเจ้าทรงแยกคริสเตียนออกจากสังคม ออกจากชนชาติแห่งความพินาศ ออกจากอาชีพที่ทุจริต ออกจากการเอาอกเอาใจที่ซาตานปรนเปรอให้ ไปสู่การทนทุกข์ร่วมกับพระคริสต์ ไปสู่ชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ ไปสู่การดำเนินชีวิตโดยมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่อยู่เคียงข้าง เรายินดีหรือไม่ที่จะถูกแยกออก เพื่อจะไปกับพระองค์

ปฐมกาล 39:1-5
1โยเซฟถูกพาไปยังอียิปต์ แล้วโปทิฟาร์ข้าราชสำนักของฟาโรห์ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ เป็นคนอียิปต์ ซื้อโยเซฟไว้จากมือคนอิชมาเอลผู้พาเขามาที่นั่น 2พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ โยเซฟจึงเจริญรวดเร็ว เขาอยู่ในบ้านคนอียิปต์นายของเขา 3นายก็เห็นว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ และพระเจ้าทรงโปรดให้การงานทุกอย่างที่กระทำเจริญขึ้นมากในมือของโยเซฟ 4โยเซฟรับใช้ถูกใจนาย นายก็ตั้งให้เป็นผู้ดูแลการงานในบ้าน และมอบทรัพย์สิ่งของทั้งปวงไว้ในความดูแลของโยเซฟทั้งสิ้น 5ตั้งแต่โปทิฟาร์ตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ดูแลการงานในบ้าน และทรัพย์สิ่งของทั้งปวงของท่านแล้ว พระเจ้าก็ได้ทรงอำนวยพระพรให้แก่ครอบครัวของคนอียิปต์นั้นเพราะเห็นแก่โยเซฟ ทั้งทรงอวยพรให้สิ่งของทั้งปวงซึ่งเขามีอยู่ในบ้าน และในนาให้เจริญขึ้น


โยเซฟเมื่อถูกขายมายังอียิปต์ ก็ถูกขายต่อไปเป็นทาสของโปทิฟาร์ คำว่าทาส ในความนึกคิดของทุกคนคงจะเห็นภาพของคนที่ต้องทำงานอย่างทุกข์ทรมาน ถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุนโหดร้าย แต่เรื่องราวได้แสดงให้เราเห็นว่า โยเซฟได้จำเริญขึ้นในการงานของเขา แม้ว่าจะเป็นทาสแต่เมื่อพระเจ้าทรงอยู่ด้วยกับเขา พระเจ้าได้ให้เขาจำเริญขึ้น กิจการต่างๆที่อยู่ในความดูแลของเขาก็ได้รับการอวยพรจากพระเจ้า

พระเจ้าทรงจัดเตรียมอะไรสำหรับโยเซฟในขั้นตอนนี้ การจัดเตรียมประการที่ 4 คือเรียนรู้การทำงานร่วมกับพระเจ้า พระคัมภีร์บอกไว้ชัดเจนว่า พระเจ้าทรงสถิตกับโยเซฟ ดังนั้นการงานต่างๆของโยเซฟจึงดำเนินไปโดยพระเจ้า

สิ่งสำคัญที่คริสเตียนต้องไม่ลืมคือ การที่เราจะดำเนินชีวิตโดยมีพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย การงานของเราจึงจะดำเนินไปโดยพระเจ้า แต่หากว่าเรากำลังคิดว่า การงานที่ดำเนินไปโดยพระเจ้านั้นหมายถึงการเจริญรุ่งเรืองในด้านทรัพย์สินและชื่อเสียง เราก็มองด้วยสายตาที่สั้นไปสักหน่อย แน่นอนว่าในช่วงนี้ของโยเซฟเป็นไปอย่างนั้น คือมีทรัพย์และชื่อเสียง แต่เรื่องราวต่อไปของโยเซฟคือ

ปฐมกาล 39:6-20
6นายมอบของทุกอย่างของเขาไว้ในความดูแลของโยเซฟ เมื่อมีโยเซฟแล้ว เขาก็มิได้เอาใจใส่สิ่งใดเลย เว้นแต่อาหารที่ท่านรับประทาน 7โยเซฟนั้นเป็นคนสวยหน้าตาคมคาย อยู่มาภายหลังภรรยาของนายมองดูโยเซฟด้วยความปฏิพัทธ์ และชวนว่า "มานอนกับฉันเถิด" 8แต่โยเซฟไม่ยอม จึงตอบแก่ภรรยาของนายว่า "คิดดูเถิด เมื่อมีข้าพเจ้า นายก็มิได้ห่วงสิ่งใดซึ่งอยู่ในบ้านเรือน ได้มอบของทุกอย่างที่มีอยู่ไว้ในมือข้าพเจ้า 9ในบ้านนี้นายก็ไม่ใหญ่กว่าข้าพเจ้า นายมิได้หวงสิ่งใดจากข้าพเจ้า ยกเสียแต่ตัวท่านเพราะเป็นภรรยาของนาย ข้าพเจ้าจะทำความผิดใหญ่หลวงนี้อันเป็นบาปต่อพระเจ้าอย่างไรได้" 10แม้นางชวนโยเซฟวันแล้ววันเล่า โยเซฟก็ไม่ยอมนอนกับนางหรืออยู่ด้วยกัน 11วันหนึ่งโยเซฟเข้าไปในบ้านเพื่อทำธุระการงานของเขา ไม่มีชายประจำบ้านคนใดอยู่ในนั้น 12นางก็คว้าเสื้อผ้าโยเซฟเหนี่ยวรั้งไว้ แล้วพูดว่า "มานอนอยู่กับฉันเถิด" แต่โยเซฟทิ้งเสื้อผ้าไว้ในมือนางหนีไปข้างนอก 13เมื่อนางเห็นว่าโยเซฟทิ้งเสื้อผ้าไว้ในมือของนาง หนีไปข้างนอกแล้ว 14นางก็ร้องเรียกชายประจำบ้านของตนมาบอกว่า "ดูซิ นายเอาคนชาติฮีบรูมาไว้ทำความหยาบคายแก่เรา มันเข้ามาหาจะนอนกับฉันแต่ฉันร้องเสียงดัง 15เมื่อมันได้ยินฉันร้องขึ้น มันก็ทิ้งเสื้อผ้าไว้กับฉันหนีไปข้างนอก" 16แล้วนางก็เก็บเสื้อผ้าไว้ใกล้ตัวจนนายกลับมาบ้าน17แล้วนางก็บอกกับนายดังนี้ว่า "อ้ายบ่าวชาติฮีบรูที่ท่านนำมาไว้นั้นเข้ามาหาจะทำหยาบคายแก่ฉัน 18เมื่อฉันร้องขึ้น มันก็ทิ้งเสื้อผ้าไว้กับฉันหนีไปข้างนอก" 19ครั้นนายได้ฟังคำภรรยาบอกว่า "บ่าวของท่านทำกับฉันดังนั้น" ก็โกรธนัก 20จึงเอาโยเซฟไปจำไว้ในคุกที่ที่ขังนักโทษหลวง โยเซฟก็ต้องจำอยู่ที่นั่น


โยเซฟถูกจับไปขังไว้ในคุก พระเจ้าหายไปไหนหรือ? พระเจ้าไม่ได้สถิตกับโยเซฟแล้วหรือ? เรารู้ดีว่าไม่ใช่ พระเจ้ายังทรงอยู่กับโยเซฟ และแม้ว่าสถานะในเวลานี้เปลี่ยนแปลงไป จากทรัพย์สินและขื่อเสียงที่มีมากมาย กลายเป็นคนที่ต้องถูกกักขังในคุก ไม่ใช่ด้วยการที่เขาทำความชั่ว แต่ด้วยการที่เขายำเกรงพระเจ้าและหันจากความชั่วร้าย แม้ว่าจะนำไปสู่ความยากลำบาก แต่พระเจ้ายังสถิตกับโยเซฟ เพราะเขายำเกรงพระองค์ และหันจากความชั่วร้าย

พี่น้องที่รัก หากท่านกำลังสงสัยว่าพระเจ้าหายหน้าไปไหน ทำไมท่านจึงทุกข์ยากลำบากเพราะติดตามพระองค์และหันจากความชั่วร้าย ขอให้ตัวอย่างของโยเซฟในตอนนี้ทำให้ท่านได้รับความชูใจ เมื่อพระเจ้าสถิตอยู่กับท่านความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องน่ากล้วแต่พระองค์จะนำท่านให้ผ่านไป และนำให้ไปถึงความสำเร็จดังนิมิตที่ทรงเปิดเผยไว้นั้น

เรื่องของโยเซฟยังไม่จบ แต่คงต้องเอาไว้ต่อในคราวหน้า ขอให้พี่น้องมั่นใจว่า พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งสารพัดไว้สำหรับเรา ขอให้เราดำเนินกับพระองค์อย่างมั่นคง




Create Date : 08 มิถุนายน 2551
Last Update : 8 มิถุนายน 2551 15:12:34 น. 0 comments
Counter : 1172 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com