ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
มกราคม 2556
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
19 มกราคม 2556
 

เปลี่ยน พร ให้เป็น เพลิง ตอนที่ 2

20 มกราคม 2013

คริสตจักรยะลา

ยากอบ 3:10-12

10คำสรรเสริญและคำแช่งด่าก็ออกมาจากปากอันเดียวกันดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า ไม่ควรให้เป็นเช่นนั้น 11บ่อน้ำพุจะมีน้ำจืดและน้ำกร่อยพุ่งออกมาจากช่องเดียวกันได้หรือ 12พี่น้องทั้งหลายต้นมะเดื่อจะออกผลเป็นมะกอกเทศได้หรือหรือเถาองุ่นจะออกผลเป็นมะเดื่อได้หรือ บ่อน้ำพุเค็มก็ทำให้เกิดน้ำจืดอีกไม่ได้เลย

อธิษฐาน

พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายพระคุณของพระองค์ที่ทรงประทานให้กับข้าพระองค์ทั้งหลายมีมากมายจนไม่อาจจะนับได้พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ดีรอบคอบสติปัญญาของมนุษย์ไม่อาจชนะพระปัญญาของพระองค์ได้ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอวางใจพึ่งพิงในพระองค์ ขอทรงนำในทุกย่างเท้าเพื่อให้ข้าพระองค์ทั้งหลายผ่านพ้นการล่อลวงของโลกยุคนี้และขอทรงสอนข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยพระวจนะแห่งความจริงของพระองค์ ขอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จและให้ชีวิตของข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นที่พอพระทัยของพระองค์

เมื่อสองวันก่อน มีข่าวแผ่นดินไหวที่ประเทศญี่ปุ่น ความแรง7.3 ริกเตอร์ ไม่ไกลจากบริเวณเดิมที่เพิ่งมีสินามิไปเมื่อปีก่อนครั้งนี้มีการเตือนภัยสินามิด้วย แต่ในที่สุดก็มีเพียงคลื่นขนาดประมาณ 1เมตรเท่านั้น อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้น 3-4 ผมได้อ่านพบการแจ้งเตือนจากประเทศญี่ปุ่นว่าอาจจะมีแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงถึงขนาด10 ริกเตอร์ในอนาคต ทั้งนี้แผ่นดินไหวใหญ่ที่สุดที่เคยบันทึกไว้คือ 9.5 ริกเตอร์และหากเกิดในระดับ 10 ริกเตอร์จริงๆ ก็เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากๆ

ประกอบกับเดือนธันวาคมนี้ก็มีกำหนดการพิเศษที่คนจำนวนมากตั้งตารอคอย เพื่อจะพิสูจน์ว่าจะเป็นจริงหรือไม่นั่นคือ การสิ้นโลก ตามกำหนดในปฏิทินมายา วันที่ 21 ธันวาคมหลายๆประเทศประชาชนเริ่มตื่นตระหนกแล้ว ที่ฝรั่งเศส มีการไปจับจองพื้นที่บนยอดเขาแห่งหนึ่งซึ่งมีข่าวว่ามนุษย์ต่างดาวจะนำยานอวกาศมาจอดที่นั่นเพื่อดูการพินาศของโลกและเมื่อจะจากไป มนุษย์โลกส่วนหนึ่งอาจเป็นผู้โชคดี ได้ติดยานอวกาศไปด้วยค่าเช่าที่บ้านหลังหนึ่งขนาด 4 ห้องนอน ราคา 60,000 บาทต่อวันพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ราคา 15,000 บาท ใครสนใจก็เชิญไปจับจองที่ได้ที่ประเทศจีนประชาชนแห่ไปซื้อเทียนไขกับไม้ขีดไฟมากักตุนบางประเทศก็มีการจัดชุดอุปกรณ์ยังชีพเป็นถุงขาย

แล้วพี่น้องคริสตจักรยะลา เตรียมอะไรสำหรับ 21 ธันวาคม นี้คำตอบคือ วันที่ 22 ธันวาคม เราจะไปเปิดเวทีประกาศเรื่องพระเยซูที่บ้านปิยมิตร 4วันที่ 23 เราจะมีคริสตมาสสำหรับเด็กรวี และช่วงบ่ายจะไปเยี่ยมบ้านพักคนชรา วันที่24 เช้า เราจะไปประกาศเรื่องพระเยซูที่โรงเรียนลำพะยาประชานุเคราะห์และบ่ายที่โรงเรียนนิบงชนูปถัมป์ หัวค่ำเราจะไปร้องเพลงอวยพรตามบ้านสมาชิกและวันที่ 25 เราจะไปเปิดเวทีประกาศเรื่องพระเยซูที่แม่ลาน

ในช่วงสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึงเราคงต้องมีการตระเตรียมงานกันพอสมควรจึงขอเชิญชวนพี่น้องที่จะมีส่วนร่วมทั้งการจัดห่อขวัญ การซักซ้อมการแสดงต่างๆ

ครั้งที่แล้ว ผมได้นำเสนอหัวข้อ “เปลี่ยนพร ให้เป็น เพลิง” ซึ่งก็ได้พูดถึงเรื่องของกระทำบางประการที่เป็นเหตุให้พรซึ่งพระเจ้าได้ประทานให้กับเราแล้วนั้นแปรเปลี่ยนกลายเป็นเพลงแห่งความพิโรธที่เผาผลาญ ในสัปดาห์ต่อๆมาผมก็สังเกตเห็นบางอย่างที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นผลกระทบจากสิ่งที่ผมได้แบ่งปันในครั้งนั้น คือ แทบไม่มีเสียง เอเมนตอบรับในการเทศนาในแต่สัปดาห์เลยซึ่งตรงนี้ในด้านหนึ่งผมขอบคุณพระเจ้าที่พี่น้องจดจำคำตักเตือนในเรื่องการโกหกระหว่างฟังเทศนาได้ทำให้ระมัดระวังการเอ่ย เอเมน อย่างมีความหมายจริงๆ

ส่วนในอีกด้านหนึ่งผมหวังว่าความเงียบนั้นจะไม่ได้เกิดขึ้นเนื่องจากความรู้สึกกดดันกลัวว่าจะมีใครมาจับผิด ผมขอชี้แจงว่าสิ่งที่ผมกล่าวไปนั้น เพื่อจะให้คำว่า เอเมนที่เราตอบสนองต่อคำเทศนานั้น เป็นคำที่เอ่ยออกมาอย่างมีความหมายออกมาจากภายในจิตใจจริงๆ ซึ่งไม่ผิดใดๆ เราสามารถเอ่ย เอเมน ได้แต่หากที่ผ่านมาเราเคยพลั้งเผลอเอ่ย เอเมน ออกมาโดยไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริงๆก็ขอให้เราพิจารณาและเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมเราไม่มีความจำเป็นจะต้องเป็นกังวลว่าใครจะจับตาเราขอให้เป็นความจริงที่เรารับผิดชอบต่อหน้าพระเจ้าอย่างจริงจังเท่านั้น

วันนี้ผมยังคงมีประเด็นในหัวข้อ “เปลี่ยน พร ให้เป็น เพลิง”มานำเสนอให้พี่น้องได้นำไปคิดพิจารณาเพื่อเราจะไม่ทำให้พระพรที่เรามีอยู่แล้ว กลับกลายไปเป็นเพลิงที่เผาผลาญซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

ยากอบ 3:10-12

10คำสรรเสริญและคำแช่งด่าก็ออกมาจากปากอันเดียวกันดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า ไม่ควรให้เป็นเช่นนั้น 11บ่อน้ำพุจะมีน้ำจืดและน้ำกร่อยพุ่งออกมาจากช่องเดียวกันได้หรือ 12พี่น้องทั้งหลายต้นมะเดื่อจะออกผลเป็นมะกอกเทศได้หรือหรือเถาองุ่นจะออกผลเป็นมะเดื่อได้หรือ บ่อน้ำพุเค็มก็ทำให้เกิดน้ำจืดอีกไม่ได้เลย

คำพูดสามารถเปลี่ยนชีวิตของคนให้ดีหรือเลวได้คำพูดสามารถทำลายความหวังหรือให้ความสุขได้ คำพูดนำมาซึ่งพระพรหรือคำแช่งสาปได้คำพูดจึงเป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวังมากเราอาจเปลี่ยนพรให้กลายเป็นเพลิงได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

จริงๆแล้วในเรื่องนี้ หากจะให้ความเป็นธรรม ก็คงต้องบอกว่าทั้งผู้พูด และผู้ฟัง ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยเพราะบางครั้งคำพูดดีๆ แต่ผู้ฟังตีความไปเป็นอย่างอื่น ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาได้อย่างที่ผู้พูดก็งงๆว่าเกิดอะไรขึ้น

ในเรื่องเกี่ยวกับคำพูดผมจึงต้องขอเสนอให้พิจารณาทั้งในด้านผู้พูดและผู้ฟังเพื่อเราจะไม่พลาดจากสิ่งดีหรือพระพรที่ควรเกิดขึ้นจากถ้อยคำเหล่านั้น

หากผู้พูดพูดประสงค์ดี และผู้ฟังตีความว่าประสงค์ดี ผลที่เกิดขึ้นนั้น ดีแน่ๆ

หากผู้พูดพูดประสงค์ไม่ดี แต่ผู้ฟังตีความว่าประสงค์ดี ผลที่เกิดขึ้น ก็ยังจัดว่าดี

หากผู้พูด พูดประสงค์ดี แต่ผู้ฟังตีความว่าประสงค์ไม่ดีผลที่เกิดขึ้น น่าเป็นห่วง

หากผู้พูด พูดประสงค์ไม่ดี และผู้ฟังก็ตีความว่าประสงค์ไม่ดีผลที่เกิดขึ้นนั้น บรรลัยแน่ๆ

พระคัมภีร์ให้คำแนะนำในการพูดและการฟังไว้แล้วคิดว่าพี่น้องคงจะจำได้ (ยากอบ 1:19ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ)

การไวในการฟัง ไม่ได้หมายความว่าให้เราหูยาวสอดรู้สอดเห็นไปเสียทุกเรื่อง ทุกบ้าน ทุกเหตุการณ์นั่นเป็นพฤติกรรมที่ไม่ค่อยเป็นที่ต้อนรับ

ประการที่ 1การไวในการฟัง หมายความว่าให้เราสนใจเรื่องราวที่กำลังรับฟังอยู่ อย่างตั้งใจเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ผมได้ดูสารคดีเรื่องหนึ่ง พูดถึงบุคลิกของประธานาธิบดีโรนัลด์เรแกน ว่า ท่านเป็นผู้ที่สร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่มีโอกาสได้สนทนาด้วยหลายท่านอาจจะคิดว่า เป็นเพราะท่านเป็นพระเอกภาพยนตร์มาก่อนจึงรู้วิธีวางท่าให้เท่ห์และประทับใจ แต่จริงๆแล้วท่านประธานาธิบดี จะมองตาของผู้ที่พูดคุยด้วยและให้ความสนใจกับทุกถ้อยคำที่เขากำลังพูด ผมเองเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ได้พยายามปรับเปลี่ยนตัวเอง ทำตามแบบอย่างนั้นด้วยอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างนั้นในทุกที่ทุกเวลาส่วนจะได้ผลอย่างไรพี่น้องคงต้องช่วยเป็นผู้ตัดสิน

จะเป็นอย่างไร หากเรากำลังไปพูดเรื่องสำคัญกับใครสักคนแล้วเขาก็มองทางโน้นทางนี้ตลอดเวลา โดยไม่มองเราเลยเราคงรู้สึกว่าเรื่องของเราไม่สำคัญพอที่เขาจะสนใจ ทำนองเดียวกันเมื่อเรากำลังฟังใครสักคน การมองตาของผู้พูดจะเป็นการแสดงออกว่าเรามีความสนใจในการรับฟัง

เวลาที่เราพูดกับพระเจ้าเราต้องการให้พระองค์รับฟังเราอย่างไรครับ อย่างตั้งใจ หรืออย่างเลื่อนลอยผมเชื่อว่าเราทุกคนอยากให้พระเจ้ารับฟังเราอย่างตั้งใจแล้วเวลาที่พระเจ้าพูดกับเราเราได้แสดงออกว่าเรากำลังฟังพระองค์อย่างตั้งใจหรือไม่ ในการอ่านพระคัมภีร์เฝ้าเดี่ยวประจำวันเรากำลังฟังพระองค์ตรัสอย่างตั้งใจหรือไม่ ในการฟังคำเทศนาหรือในการเรียนพระคัมภีร์ พระเจ้ากำลังพูดกับเราเราได้แสดงออกถึงการฟังพระองค์อย่างตั้งใจหรือไม่บางทีพระองค์ประทานคำตอบให้แล้วแต่การไม่ตั้งใจฟังของเราทำให้เรายังต้องนอนไม่หลับไปอีกหลายวันอย่างน่าเสียดาย

ประการที่ 2การไวในการฟังนั้น มีอีกความหมายคือ การเปิดใจยอมรับฟังเราเห็นตัวอย่างได้จากปัญหาที่เกิดในสังคมบ้านเรา ที่ต้องมีการก่อม็อบประท้วงปิดถนน ทำให้เดือดร้อนกันนั้น ส่วนหนึ่งก็เกิดจากเหตุที่ผู้บริหารบ้านเมืองไม่ให้ความใส่ใจที่จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน บรรดาประชาชนจึงคิดว่าในเมื่อพูดกันตามช่องทางปกติไม่สนใจฟัง ก็ต้องทำให้เดือดร้อนก่อน จึงจะหันมาฟัง

เชื่อหรือไม่ ปัญหาในชีวิต ปัญหาในครอบครัวที่ทำให้พระพรของพระเจ้าหายไป เปลี่ยนแปลงกลายเป็นเพลิงที่เผาผลาญเป็นความเดือดร้อน ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ไม่ให้ความใส่ใจที่จะยอมรับฟังกันจึงต้องมีการประท้วงให้เดือดร้อนกันก่อน จึงจะหันมายอมฟัง

หลายๆครั้งเราอาจอยากจะก่อม็อบประท้วงพระเจ้าเพราะดูเหมือนว่าพระองค์ไม่ฟัง ไม่ตอบสนองการอธิษฐานของเราทำไมพระองค์ทำเป็นเหมือนไม่สนใจความทุกข์ร้อนของเรา บางทีเราอาจไม่รู้ว่าพระเจ้ากำลังประท้วงเราอยู่ และความทุกข์เดือดร้อนนั้นก็เพื่อให้เราหันมาฟังพระองค์บ้างหากเรายังไม่รู้ตัวพระองค์อาจต้องยกระดับการชุมนุม หรือกระชับพื้นที่ชีวิตของเราเพื่อทำให้เรารู้ตัวก็ได้

ประการที่ 3การไวในการฟังนั้น หมายถึง การรับรู้ได้อย่างรวดเร็ว นี่เป็นสิ่งสำคัญมากยุคสมัยของเรานี้เกิดเหตุแผ่นดินไหวบ่อยนักวิทยาศาสตร์ก็ได้พยายามอย่างยิ่งที่จะสามารถรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นซึ่งหมายความว่า จะต้องมีเครื่องมือตรวจวัดที่มีความไวสูงมากจะเกิดอะไรขึ้นหากเครื่องตรวจวัดไม่มีความไวในการรับรู้สัญญาณแผ่นดินไหวเลยคำตอบก็คือความหายนะนั่นเอง พระคัมภีร์ได้แนะนำให้เราไวในการฟังก็เพื่อจะสามารถหลีกเลี่ยง หรือเตรียมการรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ทันท่วงทีหรือหากเป็นได้จะระงับไม่ให้เกิดเหตุความเสียหายได้จะยิ่งดี

สุนัขมีหูที่ไวมาก มนุษย์มีหูที่รับฟังได้ด้อยกว่าแต่ก็ฉลาดพอที่จะใช้สุนัขในการเฝ้าระวังภัย ในคริสตจักรของเราก็เช่นกันเราอาจไม่เป็นผู้ที่ไวต่อการรับรู้เสียงเตือนของพระเจ้าแต่พี่น้องบางท่านอาจจะไวกว่าเรา หากเราฉลาดให้เราพึงพากันและกันเพื่อเราจะไม่ต้องประสพกับเพลิงที่เผาผลาญ

การช้าในการพูดไม่ได้มีความหมายว่าให้เราพูดยานคาง พูดเอื้อนยาวเป็นการขับเสภาแต่มีความหมายดังนี้

ประการที่ 1 การช้าในการพูดก็เพื่อให้เรารอบคอบในการเลือกใช้คำพูดการพูดผิดเพียงเล็กน้อยอาจสร้างปัญหาได้อย่างน่าตกใจเราเห็นได้ในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ระดับผู้นำประเทศเมื่อพูดอะไรผิดแม้เล็กน้อยก็สามารถกลายเป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงไปหลายเดือนปัญหาแบบนี้บางครั้งเกิดจากความประหม่า ความตื่นเต้น ซึ่งอาจจะแก้ไขได้โดยการฝึกฝนเราคงได้ยินคำว่า “พูดพล่อยๆ” เป็นคำพูดที่เปล่งออกไปโดยไม่ได้คำนึงถึงผลเสียหรือคุณค่าของถ้อยคำและการพูดพล่อยๆก็อาจจะทำให้ผู้พูดบาดเจ็บเอาได้ บางครั้งคำพูดพล่อยๆเกิดจากความคึกคะนอง บางครั้งเกิดจากความเขลา วิธีแก้ก็คือ ให้ช้าในการพูด

ในการนำเสนอเรื่องราวข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์นั้นบางครั้งอาจมีการพูดคุยในลักษณะโต้ตอบ ซักถาม การเลือกใช้คำพูดที่เหมาะสมจะไม่ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท บางครั้งประเด็นอาจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งได้ง่าย แต่การมีทักษะให้การเลือกใช้คำจะช่วยให้ไม่เกิดการทะเลาะทุ่มเถียง ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อทุกฝ่ายพรจากพระเจ้าที่เราอยากให้เขาได้รับ อาจกลับกลายเป็นเพลิงแห่งการทะเลาะวิวาทไปได้

อย่างไรก็ตาม เราควรแยกแยะให้ได้ว่าการใช้ชั้นเชิงอันชาญฉลาดในการพูดกับการพูดที่ประกอบด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณนั้นแตกต่างกัน (โคโลสี 4:6จงให้วาจาของท่านประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้จักตอบให้จุใจแก่ทุกคน)

ประการที่ 2 การช้าในการพูดก็เพื่อให้คำพูดของเรามีคุณค่า หลายคนพูดมาก พูดเยอะแต่หาสาระหรือความน่าเชื่อถือไม่ได้ แต่บางคนแทบไม่พูดอะไร แต่ทุกคำที่เขาพูดเป็นสิ่งทรงคุณค่าที่ผู้คนให้ความเชื่อถือ บางคนนานๆพูดที่ แต่พูดแล้ววงแตกนอกจากไม่ได้ก่อประโยชน์แล้ว ยังสร้างหายนะอีกด้วย

เราได้รับหน้าที่ในการเป็นผู้นำข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ไปยังคนรอบข้างข่าวประเสริฐเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงมากหากเราทำตัวให้เป็นคนที่พูดจาไม่น่าเชื่อถือ พูดจาไม่เข้าหูคน พูดจาขวางโลกพูดจาแต่ละคำใครๆก็หงายหลัง เราจะไม่สามารถเป็นผู้นำพรได้แต่ขณะเดียวกันพระคัมภีร์ก็ไม่ได้แนะนำให้เราเป็นคนตอหลดตอแหล ช่างประจบประแจงพูดน้ำไหลไฟดับ ฟังแล้วต้องหารด้วยร้อย ลบด้วย 3 หมื่น ต่อหน้าพูดอย่างลับหลังพูดอีกอย่าง ลักษณะแบบนี้ หากจะนำเสนอข่าวประเสริฐของพระเยซูก็เหมือนกับการเสิร์ฟเนื้อสเต็กอย่างดี โดยใส่ไปในชามข้าวสุนัข หรือในกระโถน

จงช้าในการพูดและรักษาคุณค่าของทุกๆคำพูดของเรา มิฉะนั้นแทนที่คนรอบข้างจะได้รับพรผ่านปากของเรา แค่อ้าปาก เขาก็หนีแล้ว

ประการที่3 การช้าในการพูด ก็เพื่อให้เราหาโอกาสเหมาะๆที่จะพูด บางครั้งเราอาจคิดว่าการรีบชิงโอกาสในการพูดจะทำให้เกิดความได้เปรียบซึ่งก็อาจจะจริงอยู่บ้างในบางครั้ง แต่พระคัมภีร์ก็แนะนำเราว่า (สุภาษิต 15:23 ที่จะตอบให้เหมาะสมก็เป็นความชื่นบานแก่คนคำเดียวที่ถูกกาละก็ดีจริงๆ)

เรื่องของการมองหาจังหวะและโอกาสเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเซลล์แมนหลายคนประสพความสำเร็จโดยไม่ต้องพูดมาก เพราะเขารู้ว่าเขาควรพูดอะไรเมื่อไร

เราควรอย่างยิ่งที่จะอธิษฐานขอพระเจ้าเป็นผู้ตรัสผ่านปากของเราแม้ว่าเสียงนั้นจะเป็นเสียงที่เกิดจากลำคอของเราเองก็ตามแต่เมื่อเรามอบให้พระเจ้าเป็นผู้ตรัส คำพูดที่ออกไปนั้นก็จะเกิดผลตามน้ำพระทัยของพระเจ้าในช่วงเวลาที่สุกงอมพอดี

หากเราใจร้อนเกินไปและรีบพูดโดยที่โอกาสยังไม่เหมาะ ก็อาจเหมือนกับการพยายามปอกทุเรียนดิบนอกจากจะต้องออกแรงมาก และอาจได้รับบาดเจ็บแล้ว เนื้อยังกินไม่ได้อีกด้วยแทนที่จะเป็นพรอันหอมหวาน กลับจะกลายเป็นเพลิงที่ทำให้บาดเจ็บกันไป

ยังมีเรื่องของการช้าในการโกรธ ซึ่งจะขอนำเสนอในคราวหน้า




Create Date : 19 มกราคม 2556
Last Update : 19 มกราคม 2556 20:31:49 น. 0 comments
Counter : 6320 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com