ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 กรกฏาคม 2553
 

เส้นทางชีวิตคริสเตียน (ตอนที่ 10)

4 กรกฎาคม 2010
คริสตจักร ยะลา

เอเฟซัส 6:10-18
10สุดท้ายนี้ขอท่านจงมีกำลังขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในฤทธิ์เดชอันมหันต์ของพระองค์ 11จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้ 12เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ 13เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้ 14เหตุฉะนั้นท่านจงมั่นคง เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก 15และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า 16และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย 17จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า 18จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน


อธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้าพระบิดา พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ได้ทรงเฝ้ามอง และรับฟังเราทั้งหลายเสมอ ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ได้ประทานการอธิษฐาน เป็นหนทางที่เราจะสามารถสื่อสารกับพระองค์ เราสามารถสรรเสริญพระองค์ด้วยคำอธิษฐานของเรา เราสามารถสารภาพความผิดบาปของเราด้วยการอธิษฐานต่อพระองค์ เราสามารถร้องทูลเรื่องราวต่างๆ ทั้งความยินดีและความทุกข์ใจ พระองค์ทรงรับฟังด้วยเอาพระทัยใส่เสมอ เวลานี้เราอยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระองค์เพื่อจะรับฟังสิ่งที่พระองค์จะตรัสกับเรา ขอให้เราได้สำแดงออกถึงความยำเกรงพระองค์โดยการรับฟังและเชื่อฟังพระดำรัสของพระองค์ และขอพระวิญญาณของพระองค์เองจะเป็นผู้เปิดเผยความจริงนี้ เพื่อเราจะเข้าใจ และรับพระวจนะของพระองค์ด้วยใจยินดี


ในที่สุดเราก็มาถึงตอนสุดท้ายของเรื่องยุทธภัณฑ์ทั้งชุด นับได้เป็นตอนที่สิบ ในหัวข้อ “เส้นทางชีวิตคริสเตียน” จริงๆแล้ว สิ่งที่เป็นยุทธภัณฑ์ตามที่พระธรรมเอเฟซัสกล่าวถึงนั้นก็ครบถ้วนไปตั้งแต่คราวที่แล้ว คือในเรื่องพระแสงของพระวิญญาณ แต่ยังมีข้อห้อยท้ายอีกข้อหนึ่ง ซึ่งแม้จะไม่อยู่ในยุทธภัณฑ์ แต่ผมเชื่อว่า เป็นสิ่งที่มีส่วนสำคัญไม่น้อยเลย คือการอธิษฐาน ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องมือสื่อสาร อย่างที่ผมได้เคยเกริ่นไปบ้างแล้วตั้งแต่เริ่มเรื่องยุทธภัณฑ์ชิ้นแรก

ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องปิดท้ายของยุทธภัณฑ์ที่จะกล่าวถึงในวันนี้ ผมจะขอทบทวนให้กับพี่น้องถึงสิ่งที่ได้กล่าวไปในตอนที่แล้ว เพื่อเตือนความจำ และเพื่อให้พี่น้องอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในที่ประชุมในครั้งนั้นได้รับรู้เรื่องราวด้วย

ความเดิมตอนที่แล้วเป็นเรื่องของ พระแสงของพระวิญญาณ คือพระวจนะของพระเจ้า

17 และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า

ในบรรดายุทธภัณฑ์ทั้ง 6 ชิ้น ก็เห็นจะมีพระแสงของพระวิญญาณนี่แหละที่ดูจะเป็นอาวุธสักหน่อย ในขณะที่ชิ้นอื่นๆ ดูจะเป็นเพียงเครื่องป้องกันเท่านั้น แต่กระนั้นก็ยังอาจทำให้หลายคนผิดหวัง เพราะพระแสงนั้น แปลว่า ดาบ แต่เครื่องอาวุธสมัยใหม่ที่เราเห็นในปัจจุบันก้าวไกลไปสุดกู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าสำหรับสมรภูมิฝ่ายวิญญาณ อาวุธชิ้นนี้ได้รับการยืนยันจากพระเจ้าว่า “ใช้การได้” และได้ทรงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “สามารถต่อสู้กับศัตรูได้”

ปกติแล้วพระคัมภีร์ หรือพระวจนะของพระเจ้านั้น ได้ถูกมองว่าเป็นอะไรหลายๆอย่าง เช่น

เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ
เป็นยา รักษาแผลใจ ที่สามารถเยียวยารักษาอาการป่วยทางใจ หรืออาการเหนื่อยล้าภายในได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าคุณจะอกหัก รักคุด ผิดหวังจากการงาน เพื่อนหักหลัง ถูกทำร้ายจิตใจ อย่าลืมเปิดฟัง FM 88.0 MHz ครับ พระวจนะของพระเจ้าจะเป็นยารักษาแผลใจของท่านได้
เป็นกระจก
เป็นโคมส่องเท้า
เป็นกรรมธรรม์
และอีกหลายประการ

คำว่า พระแสง แปลว่า ดาบ นอกจากพระธรรมเอเฟซัส 6:17 แล้ว ยังมีข้ออื่นๆที่กล่าวถึงบทบาทของพระวจนะของพระเจ้าในการเป็นดาบอีก ก่อนที่จะพูดถึงพระวจนะในมุมมองที่เป็นดาบที่เอาออกไปใช้ในสมรภูมิ ผมอยากให้เรามาพิจารณาดาบนี้ในอีกด้านหนึ่งก่อน

ฮีบรู 4:12
12เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆแทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย

2 ทิโมธี 3:16-17
16พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอนการตักเตือนว่ากล่าวการปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม 17เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง


พระธรรมฮีบรูได้พูดถึงพระวจนะของพระเจ้า ซึ่งต้องใช้กับบรรดาทหารของพระองค์ก่อน ในมุมนี้เราอาจมองว่า พระวจนะของพระเจ้าเป็นมีดผ่าตัด ที่ใช้สำหรับการรักษา ปรับเปลี่ยน แก้ไข ให้คนของพระเจ้านั้นมีสุขภาพในฝ่ายวิญญาณที่มีสภาพใช้การได้เสียก่อน การที่เราจะพรักพร้อมที่จะออกไปกระทำการดีนั้น เราต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข โดยพระวจนะเสียก่อน ชีวิตที่ได้รับการปรับปรุงแก้ไขโดยพระวจนะนั้น จะถูกแก้ไขจากส่วนลึกที่สุดภายในมนุษย์ พระคัมภีร์ได้ให้ภาพเปรียบเทียบว่า ลึกไปจนถึงข้อกระดูกและไขในกระดูก และลึกไปจนถึงความคิดและความมุ่งหมายในใจ

นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่พระเยซูทรงถูกมารทดลอง ซึ่งเป็นภาพที่ชัดเจนมากในการใช้พระวจนะของพระเจ้าเป็นอาวุธในการต่อสู้ ดังที่ปรากฏใน มัทธิว 4:1-11

อย่าลืมว่า ศัตรูในสมรภูมิเป็นใคร บางทีสิ่งนี้ก็เป็นปัญหา เพราะเราอาจหันมาฟาดฟันกันเองโดยพระวจนะของพระเจ้า เป็นสิ่งที่น่าเศร้าหากเกิดเรื่องอย่างนี้ในคริสตจักรของพระเจ้า พี่น้องคริสเตียนไม่ใช่ศัตรูของเรา พี่น้องคาทอลิกก็ไม่ใช่ศัตรูของเรา พี่น้องชาวยิวก็ไม่ใช่ศัตรูของเรา และแม้แต่มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ที่ไม่รู้จักพระเจ้า หรือต่อสู้กับพระเจ้า ก็ไม่ใช่ศัตรูของเรา

สำหรับคนบาปทุกคนพระวจนะของพระเจ้า เป็นเหมือนยา เป็นเหมือนมัดผ่าตัด เป็นเหมือนน้ำฝนที่ให้ความชุ่มฉ่ำสำหรับชีวิตที่แห้งแล้งของเขา เราควรนำพระวจนะไปถึงเขาในลักษณะนี้ เพราะเรามีหน้าที่ไปช่วยผู้ประสพภัย ไม่ใช่ไปฆ่าเขาให้ตาย อย่าลืมว่า ก่อนที่เราจะมาอยู่ตรงนี้ ครั้งหนึ่งเราก็เคยอยู่ในสภาพแบบนั้น และเราได้รับพระวจนะของพระเจ้าเป็นการช่วยเหลือ ไม่ใช่ได้รับคมดาบที่ประหารให้ตาย


หากจะบอกว่า ศัตรูในสมรภูมิคือ ซาตาน ก็ไม่ผิด แต่เป้าหมายหลักของเราไม่ใช่การออกไปฟาดฟันเพื่อทำลายซาตาน เพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะศึกครั้งนี้ พระเจ้าได้ประกาศชัยชนะเหนือซาตานไปเรียบร้อยแล้ว ซาตานได้ถูกพิพากษาโทษไปแล้ว ดังนั้นพระแสงของพระวิญญาณ ที่ทรงประทานให้เราก็เพียงเพื่อให้เราสามารถปกป้องตัวเรา และเพื่อนร่วมงานให้พ้นจากการรุกรานของซาตาน เพื่อไล่มันไป

กระบี่ไร้เทียมทาน หากตกในมือของจอมยุทธ ก็เป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ถ้าตกในเมื่อของมือใหม่หัดขับ ก็น่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
แล้วเราจะเป็นจอมยุทธได้อย่างไร ก็โดยการให้เวลากับพระวจนะของพระเจ้า เหมือนกับพวกจอมยุทธที่ต้องจับกระบี่มาฝึกเพลงยุทธกระบวนท่าต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ นั่นคือการอ่านพระคัมภีร์ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องหักโหม อาจจะอ่านวันละ 1 ตอนก็ได้ แต่ขอให้อ่านแล้วได้นำมาคิดต่อในระหว่างวัน ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทำให้พระวจนะได้จารึกลงในใจของเรา และจะเกิดผลในเวลาอันสมควร
หากเราเองยังไม่ได้รับการปรับปรุงจากภายในโดยพระวจนะของพระเจ้า หรือเราเองยังไม่สะสมพระวจนะของพระเจ้าไว้ในใจ และไม่ได้มีโอกาสในการภาวนาพระวจนะของพระเจ้า จนกระทั่งพระวจนะของพระเจ้าฝั่งในใจของเราแล้ว เราก็คงจะยังเป็นมือใหม่หัดขับ ซึ่งยังไม่พร้อมที่จะออกสู่สมรภูมิ ขอพระเจ้าทรงช่วยเราที่จะเอาใจใส่กับการมีและฝึกการใช้ พระแสงของพระวิญญาณ คือพระวจนะของพระเจ้า

วันนี้เราจะมาพิจารณาเรื่องสำคัญส่งท้าย ดังปรากฏในข้อ 18

18จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน

หากพี่น้องยังจำได้ เมื่อผมได้แบ่งปันในหัวข้อยุทธภัณฑ์ชิ้นแรก ผมได้เล่าตัวอย่างให้ฟังถึงความสำคัญของระบบสื่อสารในระหว่างสงคราม เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน สมัยที่สหรัฐอเมริกาส่งกองทัพไปยังอ่าวเปอร์เซีย เพื่อทำสงครามขับไล่กองทัพอิรักออกจากประเทศคูเวต หลังจากที่นานาชาติได้ส่งกองกำลังจำนวนมากไปคุมเชิงอยู่ระยะหนึ่ง เช้ามืดของวันที่ไม่มีใครคาดคิด กองทัพสหรัฐก็ได้เริ่มปฏิบัติการ สิ่งแรกๆที่กองทัพสหรัฐทำก็คือ รบกวนและทำลายระบบสื่อสารของกองทัพอิรัก ทำให้ทหารที่อยู่แนวหน้ากับฝ่ายบัญชาการที่อยู่ที่ฐานทัพไม่สามารถติดต่อกันได้ จากนั้นเครื่องบินทิ้งระเบิด และอาวุธหนักต่างๆ ก็ถูกส่งเข้าโจมตี เป็นการเปิดศึกที่ทำให้กองทัพอิรักอยู่ในสภาพลำบาก เพราะไม่สามารถสั่งการใดๆไปยังแนวหน้าได้

การอธิษฐานเป็นการสื่อสารกับพระเจ้า ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิบัติการในสมรภูมิ แม้ว่าจะไม่ใช่เครื่องอาวุธแต่หากการสื่อสารไม่สามารถใช้การได้ กองกำลังที่ถูกส่งออกไปก็ตกอยู่ในอันตราย ซาตานและสมุนของมันก็รู้ยุทธวิธีนี้ดี มันจึงพยายามในหลายๆทางที่จะทำให้คริสเตียนขาดการอธิษฐาน หรือทำให้คริสเตียนไม่เห็นความสำคัญของการอธิษฐาน

การอธิษฐานสำคัญอย่างไร

บ่อยครั้งที่เราได้ยินคำเปรียบเทียบว่า การอธิษฐานเป็นเหมือนกับการหายใจ ซึ่งก็ทำให้เราเข้าใจได้ดีขึ้นว่าการอธิษฐานสำคัญอย่างไร ผมเชื่อว่าพี่น้องคงเคยไปที่โรงพยาบาล และบางท่านอาจเคยเข้าไปเยี่ยมผู้ป่วยในห้องไอซียู เราอาจเคยเห็นผู้ป่วยอาการหนัก ที่หายใจด้วยตัวเองไม่ได้ จำเป็นต้องมีการเครื่องช่วยหายใจ และอาจเห็นผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่ยังพอหายใจได้ แต่ก็ต้องใส่หน้ากากออกซิเจน นั่นเป็นภาพเปรียบเทียบที่เตือนสติเราได้ดี ช่วยให้เราพิจารณาสุขภาพชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราได้ว่า เรามีสุขภาพดีหรือไม่

หากเราไม่สามารถอธิษฐานด้วยตัวเอง ได้แต่ฝากให้คนอื่นอธิษฐานเผื่อ เราอาจกำลังเหมือนผู้ป่วยในห้องไอซียู ที่ไม่สามารถหายใจด้วยตัวเอง และต้องการเครื่องช่วยหายใจ

หากเราหายใจเพียงวันละสามครั้ง(ก่อนอาหาร) ก็น่าจะมีสถานะไม่ต่างจากผู้ป่วย แม้จะหายใจเองได้บ้าง แต่ไม่ใช่จำนวนครั้งที่เป็นเหมือนร่างกายที่มีสุขภาพดี



หากเราไปวิ่งออกกำลังกายแล้วหอบแหก หายใจจนตัวโยน แม้จะบอกได้ว่าร่างกายไม่แข็งแกร่ง แต่ก็ยังมีสัญญาณที่ดีคือ ยังสามารถพยายามหายใจได้ แต่จะน่าห่วงหากว่า หายใจไม่ออก เหมือนกับชีวิตฝ่ายวิญญาณเมื่อไปประสบกับปัญหา ต้องต่อสู้ หากยังสามารถอธิษฐานได้ แม้จะด้วยความขัดเขินบ้าง แต่ก็ยังไม่น่าห่วงเท่า กรณีที่ไม่สามารถอธิษฐานได้ เมื่อประสบปัญหา เพราะอาจจุกอกและถึงแก่ความตายได้



หากเรามีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์ดี การหายใจจะสม่ำเสมอในสภาวะปกติ การหายใจจะเร็วขึ้นตามสมควรเมื่อต้องทำงานหรือเล่นกีฬา และการหายใจเป็นไปอย่างผ่อนคลายในยามพักผ่อน ในฝ่ายวิญญาณก็เช่นกัน หากเรามีการอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอในชีวิตประจำวัน และอธิษฐานหนักขึ้นเมื่อต้องรับภาระ และสามารถผ่อนคลายได้ในยามพักสงบ ก็น่าเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีสุขภาพฝ่ายวิญญาณที่ดี


การอธิษฐาน เป็นข้อสังเกตสถานภาพในฝ่ายจิตวิญญาณของเราได้ ไม่ได้หมายความว่า อธิษฐานเยอะๆเข้าไว้แล้วจะมีสุขภาพฝ่ายวิญญาณที่ดี แต่สุขภาพฝ่ายวิญญาณที่ดีสังเกตได้จากการอธิษฐานของคนคนนั้น (โปรดอย่าลืมว่า เราควรสังเกตตัวเองก่อนที่จะพยายามไปสังเกตผู้อื่น)

จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง

เป็นคำสั่งที่อาจทำให้หลายๆคนรู้สึกอึดอัด ไม่ค่อยอยากจะทำตาม ไม่ค่อยอยากจะให้ความสำคัญ ทั้งนี้เพราะเป็นคำสั่งที่ดูเหมือนว่าทำให้เราเป็นคนอ่อนแอ ไร้ความสามารถ ทำอะไรก็ไม่เป็น เอะอะอะไรก็ต้องวิงวอน

ในประเทศไทยเรานี้ บ่อยครั้งที่เราได้ยินถ้อยคำดูแคลน แบบทำเหมือนไม่ตั้งใจ แต่ก็ซ่อนไว้ด้วยการเย้ยหยัน ที่บอกว่า “ศาสนาของฉัน ไม่ใช่ศาสนาแห่งการสวดอ้อนวอน” เมื่อเราได้ฟังประโยคนี้ อาจทำให้เรารู้สึกควันออกหู แอบโมโหอยู่ในใจ “แหม มาดูถูกดูแคลนกันได้อย่างไร ฮึ งั้นต่อไปนี้ผมจะแสดงให้คุณเห็นว่า ฉันจะไม่มัวแต่สวดอ้อนวอน” บางทีเรากำลังถูกซาตานใช้ยุทธวิธีหลอกล่อ และตกหลุมพรางที่มันขุดไว้ มันกำลังเย้ยเรา โดยกำำลังบอกว่า “ถ้าแกแน่จริง อย่าอธิษฐานสิวะ โธ่ ไอ้อ่อนปวกเปียก ไอ้กิ๊กก๊อก ไร้สติปัญญา ไร้ความสามารถ อะไรๆ ก็ไปสวดอ้อนวอน” พี่น้องเคยตกในสภาพอย่างนี้หรือไม่ครับ

การอธิษฐานวิงวอนที่คริสเตียนกระทำ ไม่ใช่การแสดงออกถึงความอ่อนแอ ไร้ความสามารถ ไร้สติปัญญา แต่เป็นการรู้ทันกลอุบายของซาตาน เพราะซาตานรู้ว่ามันพ่ายแพ้ต่อฤทธานุภาพของพระเจ้า และเมื่อคริสเตียนอธิษฐานเรากำลังใช้ฤทธานุภาพของพระเจ้าในการขับเคลื่อนกิจการงาน ทุกครั้งที่คริสเตียนคุกเข่าลงอธิษฐาน ซาตานก็ยืนตัวสั่น แต่มันก็ยังไม่วาย ส่งเสียงหลอกล่อ เพื่อว่าจะมีคริสเตียนคนใดที่หลงเล่ห์กลของมัน

ถ้ามีขโมยมายืนหน้าบ้าน แล้วตะโกนบอกพี่น้องว่า “เฮ้ยแน่จริง อย่าล็อคประตูบ้านซิวะ” พี่น้องจะทำอย่างไรครับ จะรับคำท้าโดยการไปเปิดกุญแจบ้านทิ้งไว้อย่างนั้นหรือ

จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา

การขอโดยพระวิญญาณ หมายความว่าอย่างไร มีพระสัญญาในพระคัมภีร์บอกว่า “จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน” เราก็ทำตามทันที “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อยากจะมีบ่อน้ำมันเป็นของตัวเอง จะได้มีเงินมากๆไว้ใช้สนับสนุนงานของพระองค์ให้กว้างไกลออกไปทั่วโลก มิชชันนารีทั้งหลายจะได้ไม่ต้องลำบาก มีรถขับทุกคน มีบ้านหลังใหญ่ทุกครอบครัว ศิษยาภิบาลจะได้มีเงินเดือนอย่างต่ำ 3 แสนบาท สวัสดิการดีเยี่ยมยิ่งกว่าทำงานองค์การนาซ่า” แหม เป็นคำอธิษฐานที่ฉลาดมากจริงๆ แต่ผ่านไปหลายปี ยังไม่ได้เป็นเจ้าของบ่อน้ำมันเสียที พาลให้สงสัยว่าพระเจ้ามีจริงหรือไม่ จึงเปลี่ยนคำอธิษฐานใหม่ “ข้าแต่พระเจ้า ถ้าพระองค์มีอยู่จริงละก็ จงบันดาลให้ข้าพระองค์ได้ครอบครองที่ดินสัก 2,000 ไร่ จะได้ทำสวนยาง และแบ่งให้สร้างโบสถ์สัก 100 ไร่” โห สร้างโบสถ์ตั้ง 100 ไร่ เยอะจัง แต่อีก 1,900 ไร่ล่ะ ฟาดไปนิ่มๆเลย
บางทีเราก็ลืมไปว่า มีพระคัมภีร์อีกข้อที่บอกว่า “ท่านขอแล้วไม่ได้ เพราะท่านขอผิด ขอไปเพื่อ สนองกิเลสตัญหา”

การขอโดยพระวิญญาณมีความหมายว่า การอธิษฐานนั้นเป็นไปโดยการทรงนำของพระวิญญาณ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เมื่อชีวิตของเราเป็นชีวิตที่ครอบครองโดยพระวิญญาณของพระเจ้า และหากพระวิญญาณครอบครองชีวิตของเราแล้ว การอธิษฐานของเราจะเป็นไปโดยพระวิญญาณ เราจะมีความคิดความปรารถนาที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า เราจะมองเรื่องราว ผู้คน ตลอดจนการงานต่างๆ ด้วยสายตาของพระเจ้า ไม่ใช่ด้วยสายตาอย่างคนของโลกนี้ เหมือนเราพูดภาษาเดียวกับพระเจ้า ไม่ใช่พูดด้วยภาษาของโลกนี้ ดังนั้นคำอธิษฐานของเราจะไม่เป็นไปอย่างแอบแฝง อยากได้ 1,900 ไร่ฟรี โดยเอา 100 ไร่มาหลอกให้สินบนพระเจ้า หรือเห็นว่าเงินตอบแทนเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนงานของพระเจ้าทำงานอย่างขยันขันแข็ง แต่เราจะอธิษฐานกับพระเจ้าว่า “พระองค์เจ้าข้า แม้ข้าพระองค์ไม่มีที่ดินจะมอบถวายสร้างโบสถ์ แต่ข้าพระองค์ยังพอมีเวลา โปรดใช้ข้าพระองค์ตามแต่พระองค์จะประสงค์เถิด”

คำว่า “ทุกเวลา” หมายความว่า “อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา” ก็ได้ หรือจะหมายความว่า “ทุกครั้งไป” ก็ได้ การสื่อสารกับกองบัญชาการ ทำให้เรารู้ว่า แนวทางในการรบครั้งนี้เป็นอย่างไร ยิ่งเราสื่อสารบ่อยครั้งเท่าไร เรายิ่งรับรู้การเคลื่อนไหวและติดตามคำสั่งต่างๆได้อย่างใกล้ชิด แต่หากเราสื่อสารแบบเว้นวรรค ก็อาจทำให้เข้าใจความหมายผิดได้ หรือสื่อสารโดยกันคนละภาษากับฐานบัญชาการ

จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง

การระวังตัว มีความหมายถึง “การตื่นตัวอยู่เสมอ” โดยที่พฤติกรรมที่ตรงกันข้ามก็คือ “การหลับไหล” การเป็นทหารที่หลับไหลในขณะปฏิบัติหน้าที่ ไม่เพียงแต่จะอันตรายต่อตัวเอง แต่จะนำอันตรายมาสู่เพื่อนๆอีกด้วย พระวจนะของพระเจ้าเตือนเราว่า

โรม 13:11-13
11 นอกจากนี้ท่านควรจะรู้กาลสมัยว่า บัดนี้เป็นเวลาที่เราควรจะตื่นจากหลับแล้ว เพราะว่าเวลาที่เราจะรอดนั้นใกล้กว่าเวลาที่เราได้เริ่มเชื่อนั้น 12 กลางคืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามา เราจงเลิกการกระทำของความมืด และจงสวมเครื่องอาวุธของความสว่าง 13 เราจงประพฤติตัวให้เหมาะสมกับเวลากลางวัน มิใช่เลี้ยงเสพสุราเมามาย มิใช่หยาบโลนลามก มิใช่วิวาทริษยากัน 14 แต่ท่านจงประดับกายด้วยพระเยซูคริสตเจ้า และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้บำรุงบำเรอตัณหาของเนื้อหนัง


ด้วยความเพียร แสดงให้เห็นว่า “เป็นเรื่องไม่ง่าย” พระเจ้าทรงรู้ดีว่าการที่เราต้องตื่นตัวอยู่เสมอนั้นเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความอดทน ความเพียรพยายาม เราอาจต้องล้มลุกคลุกคลานบ้าง เราอาจต้องเหน็ดเหนื่อย และอ่อนใจ แต่อย่าลืมว่า “ข้าพเจ้าเผชิญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า”


จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน

ทำไมต้องอธิษฐานเผื่อธรรมิกชน ก็ไหนพระเจ้าทรงปกป้องธรรมิกชนของพระองค์อยู่แล้วมิใช่หรือ ก็อาจจะเป็นคำถามที่ค้างคาใจอยู่บ้าง

แน่นอนว่า พระเจ้าทรงคุ้มครองธรรมิกชนของพระองค์ แต่การอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกันในท่ามกลางผู้เชื่อก็เป็นการแสดงออกถึงการสถิตย์อยู่ด้วยของพระเจ้าในท่ามกลางผู้เชื่อนั้น

ทำไมเมื่อผู้ชายรักหญิงสาวคนหนึ่ง จึงต้องหาโอกาสไปพบ ไปพูดคุย ซื้อดอกไม้ไปให้ ชวนไปกินไอครีม หรือไปเดินเล่นด้วยกัน แหม แค่รักก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ แต่คำตอบก็คือ ก็เพราะมีความรัก จึงมีสิ่งเหล่านั้นปรากฏออกมา ทำนองเดียวกัน การอธิษฐานเผื่อธรรมิกชนของพระเจ้า ก็เป็นการแสดงออกว่ามีพระเจ้าสถิตย์อยู่ด้วย คริสตจักรใดๆที่ไม่มีการอธิษฐานเผื่อธรรมิกชนของพระเจ้า ก็เป็นที่น่าสงสัยว่ามีพระเจ้าอยู่ด้วยหรือไม่


ขอพระเจ้าทรงช่วยเราที่จะเป็นทหารที่พร้อมด้วยเครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์ และระบบสื่อสารที่ดี


Create Date : 05 กรกฎาคม 2553
Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 12:18:10 น. 18 comments
Counter : 1553 Pageviews.  
 
 
 
 
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระคำของพระองค์ที่ผ่านมาทางคำเทศนาในบทนี้ค่ะ

บังเอิญผ่านมาอ่านเจอ เป็นพระพรจริงๆค่ะ

ขอพระเจ้าอวยพระพรคุณ ksk และคริสตจักรยะลาด้วยนะคะ (",)
 
 

โดย: Pamela IP: 58.8.82.201 วันที่: 6 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:54:23 น.  

 
 
 
แวะมา HBD มีความสุขมากๆ นะคะ
 
 

โดย: อะตอมกลมๆ วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:40:14 น.  

 
 
 

สุขสันต์วันเกิด ขอให้พบกับสิ่งดีๆ ในชีวิตนะค่ะ


 
 

โดย: brackleyvee วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:2:22:29 น.  

 
 
 
สุขสันต์วันเกิดครับ ขอให้มีสุขภาพร่างกายที่เเข็งเเรง
คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนา ร่ำรวยเงินทอง
เเละมีความสุขยิ่งๆขึ้นไปทุกวันครับ
 
 

โดย: Don't try this at home. วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:3:41:14 น.  

 
 
 
สุขสันต์วันเกิดนะคะ....


 
 

โดย: nootikky วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:3:54:43 น.  

 
 
 
Happy birthday ka
 
 

โดย: sascha วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:31:56 น.  

 
 
 
..บรรจงเขียน..ความรัก..ฝากลมหนาว
..ฝากดวงดาว..จากฟ้า..มาให้เห็น
..เอาความรัก..คิดถึง..ฝากเดือนเพ็ญ
..มามอบเป็น..ของขวัญ..วันเกิดเธอ

..ขอศรัทธา..ความดี..ที่มีมั่น
..จงช่วยสรรค์..สร้างชีวี..ให้สุขขี
..ช่วยแก้ไข..ปัญหา..นานามี
..ให้เธอนี้..มีสุข..ทุกข์อยู่ไกล

..ให้ร่างกาย..เข้มแข็ง..อย่าลาร้าง
..ในคืนวัน..อ้างว้าง..ให้หายเหงา
..ในวันที่..มีทุกข์..สุขบรรเทา
..ให้หายเศร้า..มีสุข..ทุกทุกคืน

..หากมีรัก..ขอให้..จงหนักแน่น
..ไม่คลอนแคลน..เพื่อนสนิท..มิตรสัตย์ซื่อ
..เกียรติยศ..ชื่อเสียง..โลกเลื่องลือ
..ทั้งหมดคือ..ความจริงใจ..มอบให้เธอ

..วันเกิดเธอ..คนดี..วันนี้แล้ว
..ขอให้แพร้ว..เพริศพริ้ง..กว่าปีก่อน
..ถ้ามีรัก..ขอให้รัก..นิรันดรณ์
..นี่คือพร..มอบให้..ด้วยใจจริง.

ขอให้มีความสุข..ในวันเกิดมากๆนะ
 
 

โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:43:09 น.  

 
 
 
 
 

โดย: Tree Rose วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:9:55:00 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากเลยก๊าบบบบบ
 
 

โดย: ksk วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:27:05 น.  

 
 
 
Photobucket

สุขสันต์วันเกิดค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆ มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ ทำสิ่งใดก็ขอให้ประสบความสำเร็จทุกประการค่ะ
 
 

โดย: แม่น้องแปงแปง วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:51:59 น.  

 
 
 
สุขสันต์วันเกิด...


สำหรับวันอันสุดพิเศษนี้ ขอให้ท่านมีความสุขและสดใส

สุขภาพแข็งแรงทั้งกายใจ ปรารถนาสิ่งใดได้ดั่งปอง
 
 

โดย: leqiang วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:20:26 น.  

 
 
 
 
 

โดย: จีนี่ในกระจกแก้ว วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:57:20 น.  

 
 
 


ป้าเชิญนางฟ้า...มาอวยพรวันเกิดค่ะ
ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ คนที่ดีมีจิตใจดี
และเหตุการณ์ดีๆรวมทั้ง...
ความรักที่ดีที่สุดในชีวิตนะคะ
หวังว่าคงจะไม่ช้าไปนะคะ
*********
*******
*****
***
*



 
 

โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:05:52 น.  

 
 
 
Photobucket
 
 

โดย: pinkyrose วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:01:08 น.  

 
 
 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
 
 

โดย: Hug(^_^)-/ (rin@bokie ) วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:58:14 น.  

 
 
 
ผ่านมา ดีใจที่ได้รู้จักลูกพระเจ้าอีกคน HBD ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
 
 

โดย: kittyk IP: 117.47.124.57 วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:58:46 น.  

 
 
 
ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านมากครับ
ขอพระเจ้าทรงอำนวยพรพรอย่างอุดมแก่ทุกท่าน
 
 

โดย: ksk วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:05:21 น.  

 
 
 
เพิ่งเคยอ่านบล็อคคุณ ยังอยู่ไหมคะ ตอบด้วย
 
 

โดย: sam IP: 110.164.68.66 วันที่: 27 พฤษภาคม 2558 เวลา:10:28:09 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com