ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 กรกฏาคม 2552
 

ชำระด้วยความจริง

12 กรกฎาคม 2009
คริสตจักร ยะลา

ยอห์น 17:17-19
17ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง
18พระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มาในโลกฉันใด ข้าพระองค์ก็ใช้เขาไปในโลกฉันนั้น
19ข้าพระองค์ชำระตัวถวายเพราะเห็นแก่เขา เพื่อให้เขารับการทรงชำระแต่งตั้งไว้โดยสัจจะด้วยเช่นกัน


อธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดา ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระวจนะของพระองค์ซึ่งเป็นสัจจะ เป็นความจริง เป็นพระวจนะที่ชำระเราทั้งหลายให้บริสุทธิ์ ขอทรงให้พระวิญญาณของพระองค์เคลื่อนไหวและสัมผัสใจของเราด้วยพระวจนะของพระองค์วันนี้ เพื่อเราจะได้รับการชำระโดยพระวจนะนั้น


เราได้ผ่านเรื่องราวของยอห์นบทที่ 17 มา 5 ตอนแล้ว ครั้งนี้เป็นตอนที่ 6 คงจะมีอีกสัก 2 ตอนก็จะจบเรื่องราวจากคำอธิษฐานของพระเยซู

ในครั้งก่อนผมได้พูดถึงข้อ 13 – 16 จะขอทบทวนให้ดังนี้

ในข้อที่ 13 พระเยซูทรงปรารถนาที่จะให้เราทั้งได้รับความชื่นชมยินดีของพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม และในความเป็นจริงพระองค์ได้ทรงมอบความชื่นชมยินดีนั้นให้แก่บรรดาผู้เชื่อแล้ว แต่เราก็พบเห็นได้ว่าผู้เชื่อในพระเยซูหลายๆคนดำเนินชีวิตอย่างไม่มีความชื่นชมยินดี มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับคนเหล่านั้นหรือ ผมได้ยกตัวอย่างให้ฟัง เกี่ยวกับเช็คช่วยชาติที่รัฐบาลได้แจกแก่ประชาชน สำหรับคนที่รู้มูลค่าของเช็ค ก็จะมีความยินดีในกระดาษใบนั้น แต่สำหรับคนป่าที่ไม่รู้คุณค่าหรือมูลค่าของเช็คนั้น ต่อให้ตัวเลขที่เขียนไว้จะเพิ่มจาก 2 พันบาท เป็น 20 ล้านบาท เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอะไรกับกระดาษใบนั้น อาจบ่นออกมาว่า “ให้กล้วยน้ำหว้าผมสักหวี ยังน่าดีใจกว่ากระดาษใบนี้”
ปัญหาของผู้ที่ไม่มีความชื่นชมยินดีของพระเยซู ไม่ใช่เป็นเพราะพระเยซูไม่ได้ประทานให้เขา แต่เพราะเขาไม่เห็นคุณค่า ไม่เข้าใจคุณค่าของความชื่นชมยินดีนั้น แต่กำลังถามหาสิ่งที่เขาเองมีความชื่นชม แม้ว่าสิ่งนั้นไม่ได้มีคุณค่าเทียบเท่ากับสิ่งที่พระเยซูประทานให้

ในข้อที่ 14 พระเยซูทรงทราบล่วงหน้าแล้วว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับบรรดาผู้ที่เชื่อในพระองค์ เพราะเมื่อเขาเหล่านั้นหันหลังจากโลกนี้มาติดตามพระองค์ เขาเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นของโลกนี้อีกต่อไป และโลกนี้จะไม่เป็นมิตรกับเขา แน่นอนว่า ความทุกข์ยากจะเกิดขึ้นแก่ผู้ติดตามพระเยซู แต่จงรู้ว่า ความทุกข์ยากนั้นจะสร้างเราให้เข้มแข็ง
ผมได้ยกตัวอย่างของดักแด้ที่กำลังลอกคราบ กับลูกไก่ที่กำลังออกจากไข่ ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้เรามองเห็นประโยชน์ของความทุกข์ยาก และเป็นปราการสำคัญที่ทุกชีวิตต้องเรียนรู้จากมัน อย่าให้ความสงสารหรือความปรารถนาดีอย่างผิดพลาด ทำให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณของพี่น้องจะต้องแคระเกร็นไป เมื่อเราเห็นว่าพี่น้องคริสเตียนต้องทนทุกข์ จงอธิษฐานเผื่อเขา และหนุนใจเขาให้เรียนรู้กับพระเจ้า บางครั้งความทุกข์นั้นจะต้องแลกด้วยการอธิษฐานวิงวอนด้วยน้ำตา หรือด้วยอธิษฐานอดอาหารเป็นเวลาหลายเดือน แต่เมื่อพระเจ้าทรงเหยียดพระหัตถุ์เพื่อเขาแล้ว เขาจะเข้มแข็งและเติบโตขึ้นอย่างใช้การได้

ในข้อที่ 15 และ 16 พระเยซูทรงสำแดงให้เห็นว่า การเป็นคนบริสุทธิ์ของพระเจ้านั้น ไม่ได้หมายความว่า เป็นคนที่ถูกเอาออกไปจากโลกใบนี้ เรายังคงต้องอาศัยอยู่ในโลกใบนี้ต่อไป แต่ชีวิตของเราไม่มีส่วนร่วมในกิจการอันชั่วร้ายของโลกอีกต่อไป โดยการที่เราเป็นของพระเยซู เราไม่ใช่เป็นของโลกนี้ เพราะพระเยซูไม่ได้เป็นของโลกนี้
การที่พระเยซูบอกว่า “ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก” หมายความว่า บรรดาผู้เชื่อที่ติดตามพระเยซูนั้น ไม่ได้ถูกแยกตัวออกไปจากสังคม ไปอาศัยรวมเป็นกลุ่มก้อน ตัดขาดและไม่ติดต่อกับสังคมใดๆ นั่นไม่ใช่สิ่งที่พระเยซูต้องการ เพราะพระเยซูได้สั่งไว้ในพระมหาบัญชาให้เราทั้งหลายออกไปทั่วโลกเพื่อประกาศข่าวประเสริฐ เพราะคนบาปจำนวนมากในสังคมโลกยังรอคอยความหวังจากพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอด เป็นเหตุให้เรายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคม

วันนี้เราจะมาเรียนรู้กันต่อในข้อที่ 17-19

17ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง

พระเยซูได้สำแดงให้เราเกี่ยวกับความจริงในเรื่องการชำระคนบาปให้เป็นผู้บริสุทธิ์ คำว่า “ชำระ” มักจะทำให้เรานึกภาพของการ “ล้าง” เช่นเราไปตลาดซื้อผักมาทำกับข้าว เราก็ต้องนำผักนั้นมาล้าง เพื่อให้ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมี หรือปุ๋ยธรรมชาติที่อาจติดมานั้น หลุดออกไป หรือเราไปขับรถท่องเที่ยวทางไกล รถยนต์ก็สกปรกไปด้วยเศษดินหรือฝุ่น กลับมาที่บ้านเราก็มักจะล้างทำความสะอาด

แต่การชำระให้บริสุทธิ์บางวิธีไม่ได้เกิดขึ้นโดยการล้าง เช่นการชำระให้ทองคำบริสุทธิ์นั้น ใช้ไฟที่ร้อนแรงและเผาผลาญ การทำให้น้ำมันบริสุทธิ์ ทำด้วยการกรองหรือการกลั่น เป็นต้น

การชำระที่พระเยซูพูดถึงในข้อนี้ เป็นความหมายถึงการชำระชีวิตในฝ่ายวิญญาณ พระเยซูไม่ได้หมายความว่าให้ผู้เชื่ออาบน้ำ ล้างมือ ชำระร่างกาย เพราะนั่นใช้เพียงน้ำก็สามารถล้างชำระความสกปรกได้ แต่การชำระในฝ่ายวิญญาณนั้น ต้องกระทำโดยใช้ความจริง

ก่อนหน้าที่เราจะเข้ามาในร่มพระคุณของพระเยซูคริสต์นั้น เราทุกคนเคยตกอยู่ภายใต้การครอบครองของมารร้าย พระคัมภีร์บอกเราว่า มารนั้นเป็นพ่อแห่งการมุสา ชีวิตของเราก่อนมาถึงพระคุณของพระเจ้า เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความหลอกลวง เราอาจมีท่าทีภายนอกดูเป็นคนดี เป็นคนเรียบร้อย แต่ในใจของแต่ละคนนั้นรู้ดีว่า เรามีความคิดสกปรกอย่างไร และเราได้พยายามซ่อนตัวจริงไว้ เมื่อเข้าสู่สังคมก็ต้องใส่หน้ากากเข้าหากันตลอดเวลา

เมื่อเรารับเชื่อในพระเยซูนั้น เราได้รับการไถ่ถอนออกจากโทษแห่งความบาป เพราะพระเยซูทรงเป็นพระผู้ไถ่เรา เราได้รับความรอดแล้ว และสิ่งที่พระเยซูปรารถนาให้เกิดในชีวิตของเรา คือการชำระให้บริสุทธิ์

สิ่งที่พระเยซูทรงบอกแก่เราทั้งหลายก็คือ เราจะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ได้ โดยความจริง หมายความว่า ในชีวิตของเราซึ่งก่อนนั้นอัดแน่นไปด้วยความหลอกลวง ให้สิ่งเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วยความจริง ความจริงเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการมุสา อย่าให้มีความหลอกลวงแอบแฝงอยู่ในชีวิตของเราอีกต่อไป เพราะนั่นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าชีวิตของเราไม่บริสุทธิ์

แล้วความจริงคืออะไร ข้อเดียวกันก็ได้บอกเราว่า พระวจนะของพระเจ้าเป็นความจริง ดังนั้นในความเข้าใจอย่างง่ายๆ การที่เราอ่านและใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าประจำวัน เป็นกระบวนการหนึ่งในการที่พระเจ้ากำลังชำระเราให้บริสุทธิ์ แต่ถ้าจะพูดถึงความหมายในเชิงปฏิบัติก็คือ การที่เราไม่เพียงแต่อ่านพระวจนะ แต่เราจดจำและดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้านั้น

การดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้า จะชำระเราให้บริสุทธิ์ได้อย่างไร แท้จริงแล้วการดำเนินชีวิตตามพระวจนะเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการมีชีวิตที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ทั้งนี้พระวจนะจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเราทั้งหมด เราไม่สามารถปิดบังอะไรจากพระเจ้าได้ เราอาจปิดบังเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ แต่พระวจนะนั้นจะแทงใจดำของเรา ชี้ให้เราเห็นชัดเจนว่า ความคิดและการกระทำใดของเราที่ไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งหากเราเชื่อฟัง โดยการยุติความคิดและการกระทำนั้น สิ่งหลอกลวงก็จะถูกนำออกไปจากชีวิตของเรา จนกระทั่ง ไม่มีความหลอกลวงหลงเหลืออยู่อีก มีแต่ความจริงพระเจ้า ซึ่งนั่นคือสิ่งที่พระเยซูทรงปรารถนาให้เกิดขึ้นในผู้เชื่อทุกคน

แต่ปัญหาก็คือ ความดื้อดึง ที่ทำให้เราปฏิเสธเสียงเตือนจากพระวจนะของพระเจ้า ยิ่งเราปฏิเสธการชำระ ยิ่งเหมือนเป็นการเชิญชวนให้เพิ่มความร้อนแรงของไฟที่พระองค์จะต้องใช้ เพื่อชำระเราให้เป็นเหมือนทองคำที่บริสุทธิ์

ในวัยเด็ก ผมเป็นเด็กที่ดื้อมาก บ่อยครั้งที่ถูกคุณพ่อตี แต่ผมก็ยังคงเฉยและไม่มีทีท่าจะยอมแพ้ ทำให้ต้องโดนตีหนักขึ้น ในขณะที่น้องชายของผม จะเป็นอีกแบบคือ รีบยอมแพ้ จึงไม่ต้องโดนตีหลายครั้ง คำถามสำหรับทุกคนในวันนี้ “ท่านกำลังดื้อกับพระเจ้าอยู่หรือเปล่า”

18พระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มาในโลกฉันใด ข้าพระองค์ก็ใช้เขาไปในโลกฉันนั้น

ข้อที่ 18 พระเยซูได้บอกให้เรารู้ถึงหน้าที่ที่ผู้เชื่อทั้งหลายได้รับมอบหมาย คือให้ “ไปในโลก” ทั้งนี้พระเจ้าได้ทรงใช้ให้พระเยซูเข้ามาในโลก เพื่อสำแดงความจริงของพระเจ้า เราทั้งหลายได้รับมอบหมายหน้าที่อย่างนั้นเช่นกัน

พระเยซูทรงเสด็จเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อหาความสุขสำราญบนโลกนี้ เพราะอาณาจักรของพระองค์ไม่ใช่อาณาจักรแห่งโลกนี้ เราทั้งหลายก็เช่นกัน เมื่อเราได้เข้าส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า อาณาจักรของเราก็ไม่ใช่อาณาจักรของโลกนี้ เราจึงถูกใช้ไปในโลก ไม่ใช่เพื่อไปหาความสำราญแห่งโลกนี้ เรามีหน้าที่ในการนำข่าวดีเรื่องความรอดไปถึงคนทั้งปวง

แต่การที่บอกว่า เราไม่ได้ถูกใช้ไปในโลกเพื่อหาความสำราญนั้น ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมีชีวิตบนโลกนี้อย่างอมทุกข์ ห้ามยิ้ม ห้ามมีความสุข ห้ามหัวเราะ แต่หมายความว่า เป้าหมายของเราไม่ใช่การเสียเวลาไปกับการตั้งอาณาจักรของเราในโลกนี้ แต่เราควรให้เวลากับการปฏิบัติหน้าที่ที่พระเยซูทรงมอบหมายให้อย่างสัตย์ซื่อ และเต็มกำลัง

เหมือนกับบริษัทได้ส่งพนักงานไปทำงานในตำบลหนึ่ง พนักงานก็เดินทางไปถึง แล้วพบว่า ตำบลนี้มีทุเรียนเยอะมาก จึงสนุกสนานไปกับการเก็บทุเรียน กินทุเรียนทั้งวัน โดยไม่สนใจงานที่ได้รับมอบหมายมา ทั้งนี้การใส่ใจกับงานที่ได้รับมอบหมายก็ไม่ได้หมายความว่า การมาทำงานที่ตำบลนี้ ห้ามไปเก็บทุเรียน จะเก็บทุเรียนก็เก็บได้ กินได้ แต่การงานที่ได้รับมอบหมายต้องให้ความสำคัญก่อน

19ข้าพระองค์ชำระตัวถวายเพราะเห็นแก่เขา เพื่อให้เขารับการทรงชำระแต่งตั้งไว้โดยสัจจะด้วยเช่นกัน


ข้อที่ 19 นี้ เราอาจรู้สึกแปลกใจที่พระเยซูทรงตรัสว่า “ข้าพระองค์ชำระตัวถวาย” หมายความว่า มีความไม่บริสุทธิ์ในพระองค์หรืออย่างไร พระองค์จึงต้องชำระตัวด้วย เราพบความจริงจากพระคัมภีร์ในข้ออื่นๆที่ยืนยันว่า พระเยซูไม่ทรงมีบาปเลย พระองค์ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ของพระเจ้า แล้วทำไมพระองค์จึงต้องชำระตัว

คำตอบก็คือ คำตรัสที่ว่า “เพราะเห็นแก่เขา” พระเยซูทรงรับการทนทุกข์ ทรงอดทนต่อการเหยียดหยาม ถูกทรยศ ถูกทอดทิ้ง ทรงถูกตบพระพักตร์ และถูกทรมาณหลายประการ จนกระทั่งการนำไปตรึงที่ไม้กางเขน แต่เราจะสังเกตุได้ว่า ในการทนทุกข์ทั้งหมดนั้น พระองค์กระทำตามพระวจนะของพระเจ้าทั้งสิ้น และจากที่เราได้เรียนรู้ไปในข้อ 17 ที่ว่า การดำเนินชีวิตตามพระวจนะนั้น เป็นผลที่สำแดงให้เห็นถึงการมีชีวิตที่บริสุทธิ์

ข้อที่ 19 นี้จึงเป็นการที่พระเยซูทรงสำแดงให้เห็นว่า พระองค์ได้ทรงผ่านกระบวนการพิสูจน์ เพื่อให้เห็นว่าพระองค์ทรงบริสุทธิ์ และชอบธรรมที่จะไถ่โทษบาปทั้งปวงได้ มารซาตานไม่อาจที่จะโต้แย้งใดๆอีก

ดังนั้นโดยพระเยซูผู้บริสุทธิ์ และเป็นความจริงนั้น เราทั้งหลายจะสามารถได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ได้ ซึ่งจะสำแดงออกมาเป็นการดำเนินชีวิตตามพระวจนะของพระเจ้า




Create Date : 12 กรกฎาคม 2552
Last Update : 12 กรกฎาคม 2552 19:55:47 น. 2 comments
Counter : 772 Pageviews.  
 
 
 
 




Happy Birthday.
May all your wishes come true!.
สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะคะ
ขอให้สุขภาพแข็งแรง
ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
และภยันตรายทั้งปวง
สมใจในทุกสิ่งที่ปรารถนา
ประสบแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง
มั่งมีศรีสุขตลอดไปนะคะ
 
 

โดย: ป้าตุ้ย (amornsri ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:02:48 น.  

 
 
 
ขอบคุณ คุณป้าตุ้ยคร้าบบบบ
 
 

โดย: ksk วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:31:39 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com