รู้จักพระเยซูผ่านพระธรรม ยากอบ
17 มิถุนายน 2012 คริสตจักรยะลา ยากอบ 5:7 7เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายจงอดทนจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจงดูชาวนารอคอยผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดินเพียรคอยจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดู อธิษฐาน ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ขอบพระคุณที่ทรงโปรดให้เรามีความหวังใจในพระเยซูคริสต์และความหวังใจในพระเยซูคริสต์ไม่ทำให้เราผิดหวังพระสัญญาที่จะทรงเสด็จกลับมารับเรานั้นเป็นความจริงพระองค์จะเสด็จมาในไม่ช้าขอทรงโปรดให้เราดำเนินชีวิตแต่ละวันด้วยเอาใจใส่ต่อพระวจนะของพระองค์ เพื่อเราจะพบพระองค์ด้วยความยินดีเมื่อพระองค์กลับมา ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่มีมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ได้แก่ฟุตบอลยุโรป ที่กำลังดำเนินอยู่แม้จะเป็นกีฬาที่แข่งขันกันเฉพาะประเทศในทวีปยุโรป แต่ก็ส่งอิทธิพลอย่างมากข้ามโลกมายังประเทศไทย หลายท่านคงจะนอนดึกกว่าปกติในช่วงนี้ และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะมีกีฬาโอลิมปิกซึ่งเป็นการแข่งขันกีฬาระดับโลกจริงๆเพราะเกือบทุกประเทศทั่วโลกส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน และแน่นอนว่าจะส่งอิทธิพลมาถึงประเทศไทยอีก กีฬาเป็นสิ่งที่ดีช่วยให้ผู้เล่นมีความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และทำให้ร่างกายแข็งแรงฝีกฝนการร่วมประสานงาน ฝึกฝนความอดทน และเรียนรู้การผิดพลาด ความพ่ายแพ้เพื่อให้ความคิดและอารมณ์ได้รับการขัดเกลา ผมเองก็ชอบกีฬาแต่มักจะไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเล่นกีฬา คุณพ่อมักจะแซวบ่อยๆว่า ชอบดูแต่ข่าวกีฬาแต่ไม่เห็นไปออกกำลังกายบ้าง ซึ่งก็ยอมรับว่ายังบกพร่องในเรื่องนี้และจะพยายามแก้ไขครับ พูดถึงคำว่า เล่นกีฬา ยุคสมัยนี้ความหมายเปลี่ยนแปลงไปสมัยก่อนหากบอกว่า ไปเล่นบอล เราก็จะเข้าใจได้ว่าไปออกกำลังกายเล่นเตะฟุตบอล แต่ปัจจุบันคำว่าไปเล่นบอล กลับกลายเป็นความหมายอย่างอื่นคือการเล่นพนันผลการแข่งขันฟุตบอลรูปแบบในการเล่นพนันสมัยนี้ก็ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ ไม่ใช่แค่ทายผลว่าทีมใดชนะแต่แบ่งย่อยออกไปอีกมากมาย ปรากฏการณ์ที่จะเป็นข่าวหลังจากช่วงนี้ก็คือ การปล้นการฉ้อโกง การยักยอก เพื่อไปใช้หนี้พนัน ตลอดจนการทำร้ายร่างกายเพื่อการทวงหนี้และการฆ่าล้างหนี้แม้จะไม่มีพี่น้องในคริสตจักรของเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันเหล่านี้แต่ก็อยากจะฝากคำเตือนสติไว้ว่า การชมกีฬาอย่างสนุกสนาน ไม่จำเป็นต้องมีการพนันแม้พระคัมภีร์ไม่ได้มีถ้อยคำที่ระบุชัดเจนเกี่ยวกับคำว่าการพนันว่าเป็นความบาปแต่การเข้าในวงการเหล่านั้น ก็เป็นการเข้าไปดำเนินในทางของคนอธรรมร่วมยืนในที่ของคนบาป และนั่งอยู่ในที่ของคนที่ชอบเยาะเย้ยผลพวงของการเล่นพนันจะนำมาซึ่งความเดือดร้อนแก่ตนเอง และครอบครัวนอกจากนี้ยังสร้างความมัวหมองให้กับชุมชนของพระเจ้า วันนี้การสืบเสาะติดตามหาร่องรอยของพระเยซูในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ก็ได้มาถึงพระธรรมยากอบซึ่งเป็นจดหมายฝากอีกฉบับหนึ่งที่ถูกอ้างถึงบ่อยๆเพื่อการสอนการดำเนินชีวิตคริสเตียนที่สำแดงออกถึงความเชื่อ จดหมายฝากยากอบใช้ชื่อที่ระบุตัวของผู้เขียน แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆของผู้เขียนจากเนื้อหาของจดหมายทำให้ผู้เชี่ยวชาญพอจะระบุได้ว่า จดหมายถึงเขียนขึ้นประมาณปีคศ. 45 ซึ่งเป็นช่วงต้นๆของคริสตจักรและการที่ผู้เขียนใช้เพียงชื่อสั้นๆว่า ยากอบ โดยไม่ระบุรายละเอียดจึงน่าเชื่อได้ว่าจะต้องเป็นยากอบที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในช่วงเวลานั้นซึ่งก็ปรากฏว่า มียากอบที่เข้าข่ายอยู่ 2 คนคือยากอบพี่ชายของยอห์น กับยากอบ ซึ่งเป็นน้องชายของพระเยซูคริสต์ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า น่าจะเป็นยากอบน้องชายของพระเยซูมากกว่าเนื่องจากยากอบพี่ชายของยอห์น ถูกฆ่าตายตั้งแต่ยุคเริ่มแรกของคริสตจักรในขณะที่ยากอบน้องของพระเยซู เป็นผู้ที่มีบทบาทมากในคริสตจักรยุคแรก เนื้อหาของพระธรรมยากอบเป็นไปในลักษณะการตักเตือนในเรื่องของการดำเนินชีวิตที่ไม่เหมาะสมต่อการเป็นผู้เชื่อในพระเยซูทั้งนี้แม้ว่าความรอดจะเป็นมาโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ แต่การดำเนินชีวิตที่สำแดงออกอย่างสอดคล้องกับความเชื่อก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน เราพบคำว่าพระเยซูเพียง 2 ครั้ง คือในบทที่ 1 ข้อ 1และบทที่ 2 ข้อ 1แต่ก็มีข้อความอื่นๆที่สื่อถึงพระเยซูคริสต์ให้เราได้ติดตามสืบเสาะเพื่อทำความรู้จักกับพระเยซูในพระธรรมยากอบนี้ ยากอบ 2:1 1ดูก่อนพี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้าด้วยเหตุที่ท่านมีความเชื่อในองค์พระเยซูคริสตเจ้าของเราองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งพระสิรินั้น จงอย่าลำเอียง ผู้เขียนได้แสดงให้เห็นถึงความคาดหวังว่าผู้ที่เรียกตัวเองว่าผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์จะมีคุณสมบัติที่เหมาะสม หรือจะบอกว่ามีคุณสมบัติเหมือนกับพระเยซูก็คงไม่ผิด การที่เราไปสมัครเข้าเรียนพิเศษคณิตศาตร์กับครูอรุณก็เป็นเพราะเราอยากเก่งคณิตศาสตร์อย่างที่ครูอรุณเป็นหรือการที่เราไปสมัครเรียนพิเศษภาษาอังกฤษกับอาจารย์นันทณัฐก็เพราะอยากจะใช้ภาษาอังกฤษได้เก่งเหมือนอาจารย์นันทณัฐนักเรียนเหล่านั้นเมื่อได้รับการสอน การฝึกฝน ตามแนวทางของคุณครูแล้วก็จะมีลักษณะอย่างที่คุณครูเป็น และสามารถจะเรียกตัวเองอย่างเต็มปากว่าเป็นศิษย์ของครูท่านนั้น อาจจะเป็นไปได้บ้างว่าหากเราไปสัมภาษณ์นักเรียนเหล่านั้น ก็อาจจะพบบางคนที่บอกความจริงว่าไม่ได้ต้องการเก่งอย่างครูเลย แต่เพราะโดนบังคับให้มาเรียนหรือเพราะเห็นเพื่อนๆมาเรียนกัน ก็เลยมาเรียนด้วยซึ่งนักเรียนที่เป็นแบบนี้ส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรเท่าที่ควรจะเรียกตัวเองว่าเป็นศิษย์ของคุณครู หากว่าตัวเองไม่อายบางทีคุณครูอาจจะอายจนอยากจะเอาปี๊บคลุมหัว ในที่นี้มีใครโดนบังคับให้เชื่อในพระเยซูไหมครับ หวังว่าไม่มีใครที่อยู่ในสภาวะนั้นแม้ว่าในวัยเด็กเราอาจจะถูกพ่อแม่บังคับให้มาโบสถ์แต่ความเชื่อเป็นเรื่องที่บังคับไม่ได้คริสตจักรได้พยายามทำหน้าที่ในการสอนให้เด็กๆรู้จักกับพระเจ้า และหวังใจว่าพระวจนะแห่งความจริงนั้นจะฝังแน่นในชีวิตของเขาเพื่อเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะเปิดใจและรับพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าของเขาเอง ในเมื่อเราบอกว่าไม่มีใครบังคับเราให้เชื่อพระเยซู ก็แสดงว่าเราเองมีความประสงค์ที่จะเชื่อและติดตามพระองค์ ดังนั้น สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นกับเราคือการที่เราได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เหมือนกับพระเยซูมากขึ้นๆในแต่ละวันเพื่อเราจะสามารถพูดได้เต็มปากว่า เราเป็นศิษย์ หรือเป็นสาวกของพระเยซูและเป็นการพูดที่ไม่ทำให้พระเยซูต้องเอาปี๊บมาคลุมหน้า ในพระธรรมยากอบ บทที่ 2 ข้อ 1 นี้ ได้พูดถึงพระลักษณะของพระเยซูคือพระองค์ไม่ทรงลำเอียง หรือพูดอีกอย่างหนึ่งตามฉบับภาษาอังกฤษว่า ไม่ปฏิบัติต่อผู้คนอย่างแตกต่าง โดยการมองสิ่งที่ปรากฏภายนอก พี่น้องหลายท่านคงมีโอกาสได้ฟังคำพยานของนพ.ภากร ท่านได้เล่าให้ฟังว่า ความประทับใจแรกเมื่อท่านมาร่วมนมัสการพระเจ้านั้นไม่ใช่เพราะท่านได้รับการต้อนรับอย่างดี แต่เพราะเห็นว่าอีกคนหนึ่งที่มาโบสถ์ครั้งแรกพร้อมกับท่าน ซึ่งคนนั้นเป็นเพียงคนขายลูกชิ้นปิ้งแต่งตัวธรรมดา ในขณะที่ท่านแต่งตัวอย่างดีแต่คริสตจักรให้การต้อนรับทั้งสองอย่างเท่าเทียมกัน และขอบคุณพระเจ้าทุกวันนี้เราได้เห็นว่าท่านเป็นคนที่พระเจ้าใช้อย่างมากมายเนื่องจากท่านได้เห็นและเข้าใจความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์อย่างเท่าเทียม บางทีเราอาจเป็นกังวลว่าหากเราไม่ต้อนรับคนที่ดูมีฐานะดีให้พิเศษกว่าปกติแล้วจะไม่สามารถทำให้เขาประทับใจได้มากพอ และจะเป็นเหตุให้เขาไม่มารับเชื่อผมไม่อยากเถียงด้วย แต่ผมเชื่อว่า คำแนะนำจากพระวจนะของพระเจ้าน่าเชื่อถือว่าความคิดตื้นๆของมนุษย์ คำว่า ลำเอียง นั้น ก็ไม่ได้หมายความเพียงแค่การเห็นคนรวยสำคัญกว่าคนจน หากเราเห็นคนจนสำคัญกว่าคนรวย ก็เข้าข่ายการลำเอียงด้วย อพยบ 23:1-3 1"อย่านำเรื่องเท็จไปเล่าต่อๆกันอย่าร่วมใจเป็นพยานใจร้ายกับคนชั่ว 2อย่าทำชั่วตามอย่างคนจำนวนมากที่เขาทำกันนั้นเลยอย่าอ้างพยานลำเอียงเข้าข้างคนหมู่มาก จะทำให้ขาดความยุติธรรมไป 3อย่าลำเอียงเข้าข้างคนจนในคดีของเขา การไม่เข้าข้างคนรวย ไม่ได้หมายความว่า ใครที่เป็นคนดีจะต้องเป็นศัตรูกับคนรวยส่วนการไม่เข้าข้างคนจน ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นการกระทำที่ไม่ยุติธรรมพระเจ้าต้องการให้เรากระทำสิ่งต่างๆอย่างถูกต้อง เป็นธรรม ผิดว่าไปตามผิดถูกว่าไปตามถูก ไม่ถือพรรคถือพวก ไม่ถือข้างใดข้างหนึ่งซึ่งจะทำให้ความยุติธรรมเสียไป 1 ทิโมธี 5:21 21ข้าพเจ้ากำชับท่านต่อพระพักตร์พระเจ้าพระเยซูคริสต์ และเหล่าทูตสวรรค์ที่ทรงเลือกไว้แล้วนั้นให้ท่านรักษาระเบียบเหล่านี้ไว้โดยไม่เห็นแก่หน้าผู้ใดและไม่กระทำการใดๆด้วยใจลำเอียง คำว่า ไม่เห็นแก่หน้าผู้ใดเลย อาจจะดูเป็นแง่ลบไปสักหน่อยหากจะเข้าใจไปว่าเป็นการที่ต้องพยายามทำให้เสียหน้า แต่จริงๆแล้วคำนี้ในพระวจนะไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นการที่เราอ้างว่าเราต้องยอมละเมิดระเบียบบางอย่างเพื่อเห็นแก่หน้าหรือเพื่อเอาใจคนหนึ่งเป็นพิเศษ เราอาจลืมไปว่า อาจเป็นการทำร้ายคนอีกคนหนึ่งอยู่ด้วยปัญหาการเลือกปฏิบัติ หรือการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมได้เคยเกิดขึ้นในสมัยแรกเริ่มของคริสตจักร จนกระทั่งเกิดเป็นข้อร้องเรียนขึ้นดังปรากฏในพระธรรมกิจการ กิจการ 6:1 1ในคราวนั้นเมื่อศิษย์กำลังทวีมากขึ้นพวกนิยมกรีกบ่นติเตียนพวกฮีบรูว่า ในการแจกทานทุกๆวันนั้นเขาเว้นไม่ได้แจกให้พวกแม่ม่ายชาวกรีก ช่วงเวลานั้นการประกาศกำลังเกิดผลมาก มีคนรับเชื่อหลายพันคน มีการร่วมแรงร่วมใจแบ่งปันความช่วยเหลือ มีการแจกข้าวของเพื่อช่วยแม่ม่ายผู้ทุกข์ยากซึ่งเป็นการดีที่พวกเขากำลังกระทำ แต่ก็เกิดความลำเอียง หรือการเลือกปฏิบัติทำให้พวกแม่ม้ายชาวกรีกไม่ได้รับการแบ่งปันตามที่ควรจึงเป็นเหตุให้ต้องมีการตั้งคณะมัคนายกขึ้น เพื่อดูแลการงานเหล่านี้และให้พวกอัครทูตได้ใช้เวลาไปกับการเทศนาสั่งสอนพระวจนะ เราเห็นได้ว่า การลำเอียงก่อให้เกิดปัญหาในชุมชนของพระเจ้าได้ พระเยซูคริสต์ไม่ทรงลำเอียง บางคนอาจคิดว่าไม่จริง พระองค์ลำเอียงแน่ เพราะมีสาวกธรรมดา กับสาวกที่พระองค์ใกล้ชิดเป็นพิเศษจริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่เรียกว่าเป็นการลำเอียง เราจะเห็นว่า เปโตรซึ่งเป็นหนึ่งในสาวกที่ใกล้ชิดพระเยซูมากเป็นพิเศษ ก็ยังโดนตำหนิว่า อ้ายซาตาน จงถอยออกไป เมื่อเปโตรกระทำให้สิ่งที่ขัดขวางพระราชกิจของพระเยซูเขาก็ไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ แต่ก็โดนตำหนิอย่างตรงไปตรงมาด้วยยากอบพี่ชายของยอห์น ซึ่งเป็นสาวกใกล้ชิดอีกคนหนึ่ง ก็ไม่ได้อะไรพิเศษกว่าคนอื่นเพราะต้องถูกฆ่าตายเพราะข่าวประเสริฐเช่นกัน ส่วนยอห์นแม้จะตายเพราะชราภาพแต่ก็ต้องถูกเนรเทศและถูกขังคุกในเกาะปัทมอสเนื่องจากการประกาศข่าวประเสริฐเช่นกัน การที่พระเยซูทรงมีสาวกที่ใกล้ชิดเป็นพิเศษนั้นกล่าวได้ว่า พระองค์มีพระประสงค์พิเศษ หรือมีความรับผิดชอบพิเศษที่จะมอบให้ด้วยหากเราจำเรื่องของเงินตะลันต์ได้ เราจะบอกว่า การที่คนหนึ่งได้ 5 ตะลันต์ อีกคนได้ 2 ตะลันต์ อีกคนได้ 1 ตะลันต์ เป็นการลำเอียงหรือไม่ หากพิจารณาให้ถี่ถ้วยเราพบว่าทุกคนได้รับหน้าที่รับผิดชอบอย่างเหมาะสมกับตน คนที่ได้รับมากก็จะทรงเรียกเอาจากเขามาก คนที่ไดรับน้อยก็จะทรงเรียกเอาจากเขาน้อย อย่างนี้เราคงไม่เรียกว่าลำเอียงแน่ๆ ยากอบ 4:10 10ท่านทั้งหลายจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระองค์จะทรงยกชูท่านขึ้น อย่างที่เราทราบกันแล้วคำว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นอีกคำหนึ่งที่ใช้เรียกพระเยซูคริสต์ในข้อนี้เราจะเห็นว่า พระเยซูจะทรงยกชูเราทั้งหลายขึ้นแต่หนทางที่จะไปถึงจุดนั้นคือ เราจะต้องเรียนรู้การถ่อมใจลงต่อพระองค์ คำว่าถ่อมมีความหมายว่าอย่างไร บางทีผู้ใหญ่จะมองดูว่าผู้น้อยคนไหนที่ว่าง่าย ไม่แข็งขืนพูดอะไรไม่โต้เถียงสักคำ ช่างประจบประแจง เหมาะครับนายได้ครับพี่ ดีครับท่าน แต่นั่นเป็นทัศนะที่บิดเบี้ยวแน่นอนการถ่อมนั้น ประกอบไปด้วยการให้การยอมรับ ให้การเคารพยำเกรงที่ผู้น้อยมีต่อผู้ใหญ่ แต่ความถ่อมที่แท้จริง สามารถเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ด้วยโดยที่สามารถจะยอมรับ ฟังความคิดเห็นที่แตกต่างและให้ความเคารพต่อสิทธิของผู้น้อยด้วย การถ่อมที่แท้จริงจะไม่ถือตัวหรือเรียกร้องให้ผู้อื่นมาแสดงความอ่อนน้อมถ่อมลง เพื่อตนเองจะสูงกว่าการถ่อมที่แท้จริงจะไม่ต้องมีเงื่อนไข เช่นผมไม่เคยยืมเงินคุณทำไมผมจะต้องถ่อมยอมฟังคุณ การถ่อมที่แท้จริงจะไม่เกิดจากการบีบบังคับเช่นผมเคยไปขอเมียให้คุณ คุณจึงต้องถ่อมยอมฟังผม การถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าคือการที่เรายินดียอมรับพระองค์ในฐานะเจ้าชีวิตยินดีเดินตามพระองค์ด้วยความเชื่อฟัง ยินดีทุกข์ลำบากร่วมกับพระองค์และเราก็ได้เห็นว่าพระองค์ได้ทรงถ่อมพระทัยลงสำหรับเราเช่นกันนอกจากที่ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเราแล้ว ยังทรงรับฟังคำร้องทูลของเราและเดินกับเราทุกเวลา ยากอบ 5:7 7เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายจงอดทนจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจงดูชาวนารอคอยผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดินเพียรคอยจนกระทั่งมีฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดู อีกครั้งที่พระคัมภีร์ได้บอกเราถึงการเสด็จมาของพระเยซูซึ่งจะเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับผู้ที่ทรงไถ่ไว้สิ่งที่เราทั้งหลายต้องมีคือการรอคอยด้วยความอดทนเหมือนที่ชาวนารอคอยฝนที่จะมาเพื่อให้พืชที่เพาะปลูกไว้เจริญงอกงามพวกชาวนาไม่ได้รอคอยอย่างไร้ความหวัง แต่เป็นการรอคอยที่รู้ว่า จะมีฝนมาแน่ๆพระเยซูก็เช่นกัน เราไม่ได้รอคอยพระองค์อย่างไร้ความหวังแต่พระองค์จะทรงเสด็จมาแน่ๆ การปลูกมะม่วงหรือผลไม้ต่างๆ เราสามารถเห็นการแตกออก การติดผล และการเจริญเติบโตของผลได้แต่บางครั้งสำหรับชีวิตฝ่ายวิญญาณ เราอาจมองไม่เห็นชัดเจนอย่างนั้น หลายปีก่อนผมได้มีโอกาสชมภาพยนต์คริสเตียนเรื่องFaith Like Potato ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า ความเชื่อที่เหมือนหัวมันฝรั่ง เพราะหัวมันฝรั่งนั้นโตใต้ดิน ไม่สามารถมองเห็นพัฒนาการใดๆได้ จะไปขุดดูก็เป็นการทำให้เสียหายคนปลูกมีหน้าที่ต้องรดน้ำ ใส่ปุ๋ยตามกำหนด แม้ไม่เห็นอะไรนอกจากต้นและใบแต่เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว ก็จะพบกับหัวมันฝรั่งที่โตเต็มที่นำความชื่นชมยินดีแก่ทุกคน การอดทนรอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูก็เป็นเช่นนั้นแต่ละวันเราต้องรดน้ำ ใส่ปุ๋ย ให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณแม้ว่าจะมองไม่เห็นแผ่นดินของพระเจ้า แต่จงมีความเชื่อและรอคอยความชื่นชมยินดีเมื่อวันที่พระเยซูทรงเสด็จกลับมารับเราเพราะพระองค์จะเสด็จกลับมาแน่นอน เหมือนฝนที่จะมาตามฤดูกาล
Create Date : 27 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 27 ตุลาคม 2555 19:15:52 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1246 Pageviews. |
|
|
|