ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
21 มกราคม 2554
 

รู้จักพระเยซูผ่านพระธรรมมัทธิว

16 มกราคม 2011
คริสตจักร ยะลา

มัทธิว 9:9-13
9ครั้นพระเยซูเสด็จเลยตำบลนั้นไป ก็เห็นคนหนึ่งชื่อมัทธิวนั่งอยู่ที่ด่านภาษี จึงตรัสกับเขาว่า "จงตามเรามาเถิด" เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป 10เมื่อพระองค์ประทับเสวยพระกระยาหารอยู่ในเรือน มีคนเก็บภาษีและคนบาปอื่นๆหลายคน เข้ามาร่วมสำรับกับพระเยซู และกับพวกสาวกของพระองค์ 11เมื่อพวกฟาริสีเห็นแล้ว ก็กล่าวแก่สาวกของพระองค์ว่า "ทำไมอาจารย์ของท่านจึงรับประทานอาหารด้วยกันกับคนเก็บภาษีและคนนอกรีตเล่า" 12เมื่อพระเยซูทรงทราบดังนั้นแล้วก็ตรัสว่า "คนเจ็บต้องการหมอ แต่คนสบายไม่ต้องการ 13ท่านทั้งหลายจงไปเรียนคัมภีร์ข้อนี้ให้เข้าใจ ที่ว่า เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา ด้วยว่าเรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนที่เห็นว่าตัวชอบธรรม แต่มาเรียกคนที่พวกท่านว่านอกรีต"


อธิษฐาน
สาธุการแด่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เต็มด้วยพระคุณและความรัก ขอบพระคุณสำหรับพระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวที่ได้ทรงเสด็จเข้ามาในโลกตามพระประสงค์ของพระบิดา เพื่อเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์ ขอบพระคุณที่ทรงให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้บันทึกเรื่องราวต่างๆไว้เพื่อให้เราได้รู้จักกับพระผู้ช่วยของเรา ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงสถิตกับเราในเวลานี้ และเป็นผู้เปิดเผยความจริงจากพระวจนะเพื่อให้เรารู้จักกับพระเยซูคริสต์มากขึ้น และที่สำคัญคือให้เราได้มีสัมพันธ์สนิทและเติบโตขึ้นจนถึงความไพบูลย์ในพระคริสต์


เราเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความชื่นชมยินดี ขอบคุณพระเจ้าสำหรับงานที่เราได้เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันตลอดสัปดาห์ของคริสตมาส ผมเชื่อว่าพี่น้องทุกท่านจะไม่ขาดพระพรอันดีเลิศจากพระเจ้า ปีใหม่นี้ผมก็จะเริ่มต้นด้วยตอนแรกของซีรีย์ใหม่ ซึ่งผมคาดว่ากว่าจะจบซีรีย์นี้ อาจต้องใช้เวลาถึงกว่า 5 ปีด้วยกัน นั่นคือ เราจะมาทำความรู้จักกับพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา ผ่านทางพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ทีละเล่ม วันนี้จะเริ่มจากพระธรรมมัทธิว คราวต่อไปก็เป็นการทำความรู้จักกับพระเยซู ผ่านทางพระธรรมมาระโก และเรื่อยๆไปจนกว่าจะจบพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ซึ่งทั้งหมดมี 27 เล่ม ใช้เวลา 2 ปีกับ 3 เดือนจึงจะจบท่อนแรก แล้วถ้าพระเจ้าทรงโปรด หรือถ้าพระเยซูคริสต์ยังไม่เสด็จมาเสียก่อน เราจะได้เรียนรู้จักพระเจ้าของเราผ่านทางพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เริ่มจากปฐมกาล ครั้งละเล่ม ไปจนถึงมาลาคี รวมอีก 39 เล่ม ใช้เวลาอีก 3 ปีกับ 3 เดือนจึงจะจบท่อนที่สอง ซึ่งถ้าหากผมมีโอกาสได้แบ่งปันพระวจนะเดือนละ 1 ครั้ง ก็จะต้องใช้เวลาทั้งสิ้น 66 เดือน หรือ 5 ปีครึ่ง ขอพี่น้องที่จะอธิษฐานเผื่อซีรีย์ยาวพิเศษนี้ เพื่อว่าเราจะยังอยู่รับฟังกันจนกว่าจะจบทั้งหมด หรือผมจะยังคงอยู่จนสามารถแบ่งปันได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ถ้าพระเยซูเสด็จกลับมาก่อน ผมก็คงขออนุญาตจบซีรีย์ไว้เพียงวันที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา แล้วเราจะได้เข้าเฝ้าพระองค์ด้วยกันในแผ่นดินสวรรค์ ได้รู้จักพระองค์หน้าต่อหน้า ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาพูดให้ฟังอีกแล้ว

ผมหวังว่าเราทุกคนในที่นี้คงทราบดีว่า หลักข้อเชื่อเกี่ยวกับพระคริสตธรรมคัมภีร์คือ “เราเชื่อว่าพระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า” และเรารับรู้ว่าบรรดาคนเหล่านั้นที่มีส่วนในการบันทึกหนังสือพระคัมภีร์นั้นก็ไม่ได้หอบหิ้วสมุด-ดินสอติดตัวไว้ตลอด และคอยนั่งจดเรื่องราวเหมือนจดไดอารี่ประจำวันว่าวันนี้พระเยซูตื่นกี่โมง ไปไหน ทำอะไร กินอะไร พูดอะไรอย่างละเอียด แต่เขาได้บันทึกเรื่องราวเหล่านั้นไว้จากความทรงจำที่เขาได้มีส่วนร่วมใช้ชีวิตกับพระเยซู หรือได้รับคำบอกเล่าจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ การดลใจจากพระเจ้านั้นคือการที่คนเหล่านั้น แม้ว่าผ่านไปนานหลายสิบปี และกระจัดกระจายไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกล กลับเขียนถึงเรื่องราวเดียวกัน โดยมีเนื้อหาหลักของเรื่องที่สอดคล้องกัน อันเป็นสิ่งที่เป็นหลักฐานยืนยันให้แก่ความจริงของเรื่องราวเหล่านั้น การเขียนบันทึกเรื่องราวนั้นก็เป็นไปตามสำนวนของแต่ละบุคคลแต่เนื้อหาทั้งหมดอยู่ในการดลใจของพระเจ้า แน่นอนว่าความทรงจำของมนุษย์นั้นมีจำกัด คงมีเรื่องราวอีกมากมายที่พระเยซูได้ทรงกระทำ และไม่ได้ถูกจดบันทึกไว้ แต่หากเราเชื่อในการดลใจของพระเจ้า เราควรเชื่อว่า พระองค์ทรงเห็นว่าเรื่องราวเหล่านี้ก็ “เพียงพอ” แล้วที่จะเปิดเผยความจริงของพระเจ้า ให้เห็นว่าแผนการการช่วยกู้ของพระเจ้าโดยผ่านทางพระเยซูคริสต์นั้นสำเร็จ ดังที่ได้ทรงเปิดเผยไว้ล่วงหน้าในพันธสัญญาเดิม

หนังสือคู่มือสำหรับศึกษาพระคัมภีร์หลายเล่มก็ให้ทัศนะเกี่ยวกับพระธรรมมัทธิวไว้อย่างน่าสนใจ ท่านผู้รู้บางท่านสรุปว่า พระธรรมมัทธิวให้มุมมองของพระเยซูในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์ ส่วนท่านผู้รู้ท่านอื่นก็บอกว่าพระธรรมมัทธิวให้มุมมองของพระเยซูในฐานะของพระอาจารย์ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักพระเยซูโดยผ่านทางเรื่องราวที่มัทธิวได้บันทึกไว้ โดยจะทำความรู้จักกับพระเยซูในฐานะพระมหากษัตริย์ และในฐานะพระอาจารย์

ผมขอเริ่มต้นด้วยการทำความรู้จักกับตัวตนของมัทธิวกันก่อน มัทธิวนั้นเป็นชาวยิว มีอีกชื่อหนึ่งว่าเลวี มีอาชีพเป็นคนเก็บภาษี ซึ่งในสมัยนั้นถือว่าเป็นที่น่ารังเกียจของเพื่อนร่วมเชื้อชาติ เพราะเป็นการทำงานให้กับศัตรูที่มายึดครองพื้นที่อยู่ ดังนั้นโดยสภาพแล้วมัทธิวเป็นผู้มีฐานะดี มีอันจะกิน แต่ถูกชาวยิวด้วยกันรังเกียจ ถือว่าเป็นคนทรยศ เมื่อพระเยซูไปพบกับมัทธิวนั้น เขากำลังทำงานอยู่ที่สำนักงานของเขา ดังปรากฏในพระธรรมมัทธิว 9:9-13 ที่เราได้อ่านไปแล้วในตอนต้น

พระเยซูได้ทรงเรียกมัทธิวด้วยประโยคง่ายๆ อย่างเดียวกับที่ทรงเรียกพี่น้องชาวประมง คือ “จงตามเรามาเถิด” และมัทธิวก็ได้ละทิ้งหน้าที่การงานตามพระเยซูไป และสิ่งที่เกิดตามมาคือ พระเยซูกับสาวกคนอื่นๆได้ไปร่วมรับประทานอาหารที่บ้านของมัทธิว โดยที่มัทธิวได้เปิดบ้านและเชิญชวนเพื่อนๆของเขามาฟังพระเยซู คริสตมาสเมื่อปีก่อนโน้น ก็ได้มีโครงการประกาศข่าวประเสริฐในประเทศไทยโดยเลียนแบบอย่างของมัทธิว ในการที่เปิดบ้านและเชิญเพื่อนบ้านให้มารับประทานอาหารและฟังเรื่องราวของพระเยซู หวังว่าพี่น้องยังคงจดจำโครงการ “ยังมีหวัง” ได้

พวกฟารีสีได้เห็นพระเยซูและสาวกนั่งร่วมสำรับอยู่ท่ามกลางเหล่าคนที่เขารังเกียจ ก็กล่าวตำหนิพระเยซู แต่คำตอบของพระเยซูในเหตุการณ์นั้นเอง ก็ได้เป็นข้อความสำคัญที่คริสเตียนทุกคนพึงจดจำไว้คือ "คนเจ็บต้องการหมอ แต่คนสบายไม่ต้องการ ท่านทั้งหลายจงไปเรียนคัมภีร์ข้อนี้ให้เข้าใจ ที่ว่า เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา ด้วยว่าเรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนที่เห็นว่าตัวชอบธรรม แต่มาเรียกคนที่พวกท่านว่านอกรีต"

พี่น้องที่รัก หากว่าท่านเป็นผู้หนึ่งที่ถูกตั้งแง่รังเกียจ ไม่ว่าจะจากใครก็ตาม วันนี้เรื่องราวของมัทธิวได้บอกให้ท่านรู้ว่า พระเยซูคริสต์ไม่ได้ทรงรังเกียจท่านเลย แต่ทรงมาหาท่าน และทรงเชิญชวนท่านให้ติดตามพระองค์ไป เพราะพระองค์ทรงรู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว ชีวิตของท่านยังขาดสิ่งใด ไม่ใช่ทรัพย์สิน หรือเกียรติยศ แต่ท่านขาดผู้ที่ช่วยฉุดชีวิตของท่านออกมาจากสภาพที่เป็นอยู่ พระเยซูทรงมาพบท่านและเรียกท่านแล้วในวันนี้ เพื่อให้ท่านลุกขึ้นและติดตามพระองค์ไป

มัทธิว เป็นคนหนึ่งที่เหมือนกับคนทั่วไปในสังคมของเรา คือถูกรังเกียจ เนื่องจากหน้าที่การงาน หรือฐานะทางสังคม แต่เขาเป็นคนหนึ่งที่พระเยซูทรงให้ความสนใจ และทรงเรียกเขาให้มาติดตามพระองค์ แม้ว่าจะไม่ค่อยปรากฏชื่อของมัทธิวมากเท่าใดในเหตุการณ์ต่างๆที่ปรากฏในพระกิตติคุณทั้งสี่เล่ม

มุมมองของมัทธิวต่อพระเยซูคริสต์ ในฐานะของพระมหากษัตริย์

มัทธิวได้เริ่มต้นแนะนำพระเยซูคริสต์โดยการลำดับวงศ์ตระกูลของพระเยซู และได้ชี้ให้เห็นว่าพระเยซูทรงสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิดและเผ่ายูดาห์ ตามที่ได้พยากรณ์ไว้ล่วงหน้าเป็นเวลาหลายร้อยปี ผมเองเคยถูกเพื่อนตั้งคำถามว่า “ทำไม ในพระคัมภีร์จึงใช้คำราชาศัพท์กับพระเยซู ก็ในเมื่อพระเยซูทรงเป็นเพียงสามัญชน ในขณะที่ศาสดาในศาสนาที่เขานับถือนั้นเป็นเชื้อพระวงศ์ จึงสมควรที่จะใช้คำราชาศัพท์” บางทีดูเหมือนว่าเป็นคำถามที่ไม่ค่อยมีสาระ แต่กลับเป็นคำถามที่ชักนำให้เรามาถึงคำตอบที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ ทำไมเราจึงใช้คำราชาศัพท์กับพระเยซูคริสต์ หากจะอ้างเพียงว่าพระองค์เกิดมาในเชื้อพระวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด ก็ดูจะห่างไกลอยู่มาก และคงต้องใช้ราชาศัพท์กับโยเซฟหรือนางมาเรียด้วย สาเหตุจริงๆแล้วคือ พระเยซูทรงเป็นกษัตริย์ที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ว่าจะทรงประทานมาเพื่อครอบครองอิสราเอลชนชาติของพระองค์

มัทธิว 2:1-6
1พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด ภายหลังมีพวกโหราจารย์จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม ถามว่า 2"กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฏขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน" 3ครั้นกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นแล้วก็วุ่นวายพระทัย ทั้งชาวกรุงเยรูซาเล็มก็พลอยวุ่นวายใจไปด้วย 4แล้วท่านให้ประชุมบรรดามหาปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์ของประชาชน ตรัสถามเขาว่า "ผู้เป็นพระคริสต์นั้นจะบังเกิดแห่งใด" 5เขาทูลว่า "ที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดีย เพราะว่าผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ดังนี้ว่า 6บ้านเบธเลเฮมในแผ่นดินยูเดีย จะเป็นบ้านเล็กน้อยที่สุดในสายตาของบรรดาผู้ครองแผ่นดินยูเดียก็หามิได้ เพราะว่าเจ้านายคนหนึ่งจะออกมาจากท่าน ผู้ซึ่งจะครอบครองอิสราเอล ชนชาติของเรา


เวลานั้นชนชาติยิวกำลังรอคอยพระมหากษัตริย์ ผู้ที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ว่า พวกเขารู้เพียงสถานที่ แต่ต้องเฝ้ารอคอยวันเวลา มีคำพยากรณ์กล่าวถึงกษัตริย์ผู้นี้ที่จะบังเกิดมา และระบุไว้ชัดเจนว่าจะทรงมาบังเกิดที่หมู่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดีย พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่หมู่บ้านเบธเลเฮม และการมาบังเกิดนั้นได้มีการแจ้งข่าวทั้งแก่คนเลี้ยงแกะ และโหราจารย์ซึ่งเป็นคนต่างชาติ

มัทธิว 8:28-29
28ครั้นพระองค์ทรงข้ามฟากไปถึงแดนกาดาราแล้ว มีคนสองคนออกมาจากอุโมงค์ฝังศพ มาพบพระองค์ เขาผีเข้าสิงดุร้ายนัก จนไม่มีผู้ใดอาจเดินทางนั้นได้ 29ดูเถิดเขาร้องตะโกนว่า "ท่านผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้า ท่านจะมายุ่งกับพวกเราทำไม จะมาทรมานพวกเราก่อนเวลาหรือ"


ผีมารซาตาน เป็นศัตรูกับพระเจ้า และแน่นอนว่ามันรู้จักพระเยซู ดังนั้น คำพูดของผีที่เข้าสิงชายคนนี้จึงมีข้อสังเกตที่น่าสนใจ พระเยซูถูกเรียกว่า “พระบุตรของพระเจ้า” เป็นการแสดงให้เห็นสถานะของพระเยซูและฤทธิ์อำนาจของพระองค์จากปากคำของศัตรู และปกติคำราชาศัพท์จะใช้กับเชื้อพระวงศ์ ดังนั้น การใช้คำราชาศัพท์กับพระบุตรของพระเจ้าสูงสุดก็เป็นการสมควรแล้ว

มัทธิว 27:11
11เมื่อพระเยซูทรงยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าเมือง เจ้าเมืองจึงถามว่า "ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ" พระเยซูตรัสตอบว่า "ก็ท่านว่าแล้วนี่" {หรือ "ท่านว่า ถูกแล้ว"}

การที่จะยกย่องใครสักคนให้อยู่ในตำแหน่งใดๆก็ตาม หากว่าเจ้าตัวไม่ได้เอ่ยปากยืนยันความจริง การยกย่องนั้นก็คงมีค่าเพียงแค่การอุปโลกที่ไร้น้ำหนัก มัทธิวได้บันทึกหลักฐานไว้ว่า พระเยซูทรงยอมรับฐานะของพระองค์ว่าเป็นกษัตริย์ แม้ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน และเผชิญหน้ากับอันตราย

มัทธิว 27:37
37และเขาได้เอาถ้อยคำข้อหา ที่ลงโทษพระองค์ไปติดไว้เหนือพระเศียร ซึ่งอ่านว่า "ผู้นี้คือเยซูกษัตริย์ของชนชาติยิว"


แม้ว่าจะเป็นคำเยาะเย้ยจากศัตรู แต่ถือเป็นการประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ว่า ผู้ที่ถูกตรึงนี้เป็นกษัตริย์ของชนชาติยิว

มัทธิว 24:29-31
29"แต่พอสิ้นความทุกข์ลำบากแห่งวันเหล่านั้นแล้ว ดวงอาทิตย์จะมืดไป และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสงดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน 30เมื่อนั้นนิมิตแห่งบุตรมนุษย์ จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะตีอกร้องไห้ บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า ทรงฤทธานุภาพและพระสิริเป็นอันมาก 31พระองค์ทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว ทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น


พระเยซูคริสต์จะทรงเสด็จกลับมาอีกครั้ง บนเมฆในท้องฟ้า ในฐานะกษัตริย์ผู้ทรงพระสิริ มนุษย์ทุกชาติจะได้เห็นพระองค์ คนในโลกนี้ส่วนหนึ่งจะตีอกร้องไห้เพราะเขาได้ปฏิเสธพระองค์ แต่เราทั้งหลายจะได้ร่วมปรีดีในการเป็นประชากรของพระองค์
จากบางตอนในพระธรรมมัทธิวที่ผมได้ยกมาเป็นตัวอย่าง ก็น่าจะทำให้เรามองเห็นความจริงของพระเยซูคริสต์ ว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ราชอาณาจักรของพระองค์ไม่ใช่โลกนี้ พระองค์ทรงให้สัญญาไว้กับผู้ที่เชื่อวางใจในพระองค์ว่า วันหนึ่งพระองค์จะเสด็จกลับมา รับคนของพระองค์ไปอยู่กับพระองค์

มุมมองของมัทธิวต่อพระเยซูคริสต์ ในฐานะของพระอาจารย์

มัทธิวได้ให้มุมมองต่อพระเยซูคริสต์ ในฐานะของพระอาจารย์ผู้ทรงไว้ซึ่งสิทธิอำนาจในการแปลความหมายที่แท้จริงของธรรมบัญญัติ และสั่งสอนเรื่องราวของแผ่นดินของพระเจ้า การสั่งสอนของพระเยซูที่ปรากฏในพระธรรมมัทธิวนี้สามารถรวบรวมไว้ได้เป็น 5 หัวเรื่องใหญ่ๆคือ

คำเทศนาบนภูเขา เป็นการสำแดงถึงคุณลักษณะ หน้าที่ สิทธิพิเศษ และความเป็นไปของคนที่เป็นประชากรแห่งแผ่นดินของพระเจ้า (ปรากฏในบทที่ 5-7) เมื่อเอ่ยถึงคำเทศนาบนภูเขา ข้อที่เรามักจะนึกถึงคือ “ผู้เป็นสุข” เราจะเห็นได้ว่า คำเทศนาบนภูเขานั้นก็พลิกความเข้าใจตามมาตรฐานของมนุษย์ เพราะมาตรฐานของพระเจ้านั้นก็สูงกว่ามาตรฐานของมนุษย์ และพระเจ้าทรงดูที่ภายใน ไม่ใช่ที่การกระทำภายนอก เช่น

มัทธิว 5:27-28
27"ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา 28ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองผู้หญิงเพื่อให้เกิดใจกำหนัดในหญิงนั้น ผู้นั้นได้ล่วงประเวณีในใจกับหญิงนั้นแล้ว

มัทธิว 6:1
1"จงระวัง อย่ากระทำศาสนกิจเพื่ออวดคนอื่น ถ้าทำอย่างนั้นท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์


คำแนะนำสำหรับสาวกทั้งสิบสองคน ในการออกไปปฏิบัติหน้าที่ (ปรากฏในบทที่ 10) นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นทั้งสำหรับสาวกในเวลานั้น และสำหรับสาวกในทุกยุคสมัย พระอาจารย์ได้ทรงเปิดเผยให้เห็นว่า คนที่ตัดสินใจติดตามพระองค์นั้น ก็ไม่ได้เป็นของโลกนี้อีกต่อไป แต่เป็นศัตรูกับโลกนี้ ซึ่งจะต้องเผชิญกับการข่มเหง แต่ไม่ต้องหวาดกลัว เพราะพระเจ้าทรงเห็นว่าเราประเสริฐ

มัทธิว 10:26-31
26"เหตุฉะนั้นอย่ากลัวเขาเพราะว่าไม่มีสิ่งใดปิดบังไว้ที่จะไม่ต้องเปิดเผย หรือการลับ ที่จะไม่เผยให้ประจักษ์ 27ซึ่งเรากล่าวแก่พวกท่านในที่มืด ท่านจงกล่าวในที่แจ้ง และซึ่งท่านได้ยินกระซิบที่หู จงตะโกนจากดาดฟ้าหลังคาบ้าน 28อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ ที่จะให้ทั้งจิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้ 29นกกระจาบสองตัวเขาขายบาทหนึ่งมิใช่หรือ แต่ถ้าพระบิดาของท่านไม่ทรงเห็นชอบ นกนั้นแม้สักตัวเดียวจะตกลงถึงดินก็ไม่ได้ 30ถึงผมของท่านทั้งหลาย ก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น 31เหตุฉะนั้นอย่ากลัวเลย ท่านทั้งหลายก็ประเสริฐกว่านกกระจาบหลายตัว


คำอุปมาเกี่ยวกับแผ่นดินของพระเจ้า (ปรากฏในบทที่ 13)
แผ่นดินของพระเจ้านั้นก็มีคุณค่ามากกว่าสิ่งใดๆ และไม่อาจที่จะเปรียบกับสิ่งใดๆในโลก พระอาจารย์ได้ให้คำอุปมาเพื่อให้เราได้เห็นคุณค่าว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้นทรงคุณค่ามากเพียงใด แม้ว่าจะยังไม่สามารถเห็นด้วยตาในเวลานี้ แต่นี่คือความล้ำค่าของแผ่นดินของพระเจ้าที่ต้องยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อแลกมาเป็นของตน

มัทธิว 13:44-46
44"แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ซ่อนไว้ในทุ่งนา เมื่อมีผู้ได้พบแล้วก็กลับซ่อนเสียอีก และเพราะความปรีดีจึงไปขายสรรพสิ่งซึ่งเขามีอยู่แล้วไปซื้อนานั้น 45"อีกประการหนึ่ง แผ่นดินสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อค้าที่ไปหาไข่มุกอย่างดี 46และเมื่อได้พบไข่มุกเม็ดหนึ่งมีค่ามาก ก็ไปขายสิ่งสารพัดซึ่งเขามีอยู่ ไปซื้อไข่มุกนั้น


คำสอนเกี่ยวกับการเป็นสาวก (ปรากฏในบทที่ 18)
พระอาจารย์ได้เปิดเผยให้รู้ว่า สิ่งสำคัญในการเป็นสาวก ก็คือถ่อมจิตใจลง การหลีกเลี่ยงจากการทำบาป รู้ซึ้งถึงความรักของพระเจ้า รู้และเข้าใจสิทธิอำนาจที่ได้ทรงมอบให้ รับรู้ถึงการสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้า และการยกโทษให้แก่กัน

มัทธิว 18:21-22
21ขณะนั้นเปโตรมาทูลพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า หากพี่น้องของข้าพระองค์จะกระทำผิดต่อข้าพระองค์เรื่อยไป ข้าพระองค์ควรจะยกความผิดของเขาสักกี่ครั้ง ถึงเจ็ดครั้งหรือ" 22พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เรามิได้ว่าเพียงเจ็ดครั้งเท่านั้น แต่เจ็ดครั้งคูณด้วยเจ็ดสิบ


คำสอนเกี่ยวกับการสิ้นยุค และการมาของแผ่นดินของพระเจ้า (ปรากฏในบทที่ 24-25)
พระอาจารย์ได้ทรงเปิดเผยให้รู้ ถึงความหวังสำหรับผู้เชื่อและวางใจในพระบุตรของพระเจ้า แผ่นดินสวรรค์จะเป็นมรดกของเขา ส่วนคนเหล่านั้นที่ปฏิเสธพระองค์ ก็จะได้รับสิ่งที่สมควรแก่ความบาปผิดของเขา

มัทธิว 25:34, 41
34ขณะนั้น พระมหากษัตริย์จะตรัสแก่บรรดาผู้ที่อยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ว่า "ท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาราชอาณาจักร ซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรับท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลก

41พระองค์จะตรัสกับบรรดาผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายพระหัตถ์ของพระองค์ว่า "ท่านทั้งหลายผู้ต้องแช่งสาปจงถอยไปจากเรา เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและสมุนของมันนั้น


สำหรับมัทธิวแล้ว พระเยซูคริสต์เจ้า ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงสมควรแก่การยกย่อง ได้ทรงเสด็จเข้ามาในโลกและกระทำพระราชกิจสำเร็จบนไม้กางเขน ทรงเสด็จกลับไปยังแผ่นดินสวรรค์ และจะทรงกลับมาด้วยพระสิริเพื่อรับประชากรของพระองค์ นอกจากนี้ยังทรงเป็นพระอาจารย์ ผู้ทรงไว้ซึ่งสิทธิอำนาจในการแปลความหมายของธรรมบัญญัติให้เราได้เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า และมุมมองของพระเจ้า เพื่อเราจะดำเนินอย่างถูกต้องต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้า มีความเข้าใจ และมีความหวังในพระองค์เสมอ

แล้วสำหรับเรา พระเยซูทรงเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ???


Create Date : 21 มกราคม 2554
Last Update : 21 มกราคม 2554 15:39:56 น. 2 comments
Counter : 1909 Pageviews.  
 
 
 
 
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปัน ได้เข้ามาเยี่ยมหลายครั้งแล้วค่ะ ฝาก หัวเรื่อง diy รวีวารศึกษาให้กับคุณครูรวีอนุบาลเผื่อทำกิจกรรมในห้องรวีของอนุบาล บางครั้งกิจกรรมก็ไม่ใช่งานระบายสีของหัวข้อเรื่องแต่เป็นงานศิลปะเพราะช่วงนี้อนุบาลจะเล็กมากๆค่ะ เลยเอาศิลปะมาช่วยพัฒนาแต่เนื้องหาพระคัมภีร์ที่โบสถ์จะเรียนแน่นค่ะ
ขอพระเจ้าอวยพระพรค่ะ
 
 

โดย: jewelmoda วันที่: 21 มกราคม 2554 เวลา:19:36:55 น.  

 
 
 
Thank you so much for word of GOD

Blessing
 
 

โดย: narisa doungsuwan moros IP: 187.173.140.97 วันที่: 23 ตุลาคม 2555 เวลา:11:42:29 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com