BlogGang.com : : ksk : เป็นคำประเสริฐ เป็นคำประหลาด

ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<

กันยายน 2551

>>

	1	2	3	4	5	6
7	8	9	10	11	12	13
14	15	16	17	18	19	20
21	22	23	24	25	26	27
28	29	30

29 กันยายน 2551

เป็นคำประเสริฐ เป็นคำประหลาด

เป็นคำประเสริฐ เป็นคำประหลาด

28 กันยายน 2008
คริสตจักร ยะลา

ยอห์น 6:67-71
67พระเยซูตรัสกับสิบสองคนนั้นว่า "ท่านทั้งหลายก็จะจากเราไปด้วยหรือ"
68ซีโมนเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาผู้ใดเล่า พระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์
69และข้าพระองค์ทั้งหลายก็เชื่อ และมาทราบแล้วว่า พระองค์ทรงเป็นองค์วิสุทธิ์ของพระเจ้า"
70พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เราเลือกพวกท่านสิบสองคนมิใช่หรือ และคนหนึ่งในพวกท่านเป็นมารร้าย"
71พระองค์ทรงหมายถึงยูดาสบุตรของซีโมน อิสคาริโอท เพราะว่าเขาเป็นผู้ที่จะอายัดพระองค์ไว้ คือคนหนึ่งในสาวกสิบสองคน

อธิษฐาน
พระบิดา พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ขอบพระคุณสำหรับพระเมตตาที่ทรงมีต่อเราทั้งหลายผู้เป็นคนผิดบาป ในขณะที่เราอยู่ความมืดมิด พระองค์ได้ทรงประทานแสงสว่างแห่งความหวังให้กับเรา โดยทางพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ที่ได้เสด็จเข้ามาในโลก เพื่อรับโทษแห่งความผิดบาปของเรา ขอบพระคุณสำหรับพระวจนะของพระเจ้าซึ่งเป็นพระคำซึ่งให้ชีวิต เป็นพระคำที่มีชีวิต ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงเปิดเผยข้อล้ำลึกจากพระวจนะคำของพระเจ้า เพื่อให้เราเข้าสนิทอยู่ในพระองค์ เพื่อน้ำพระทัยของพระองค์จะสำเร็จในชีวิตของเราทั้งหลายทุกคน

บทเพลงแห่งชีวิตคริสเตียนบทหนึ่งที่เราอาจไม่ค่อยคุ้นเคยนัก ได้กล่าวว่า คำตรัสของพระเยซูนั้น “เป็นคำประเสริฐ เป็นคำประหลาด เพราะช่วยให้รอดความตาย เป็นคำประเสริฐ เป็นคำประหลาด เพราะช่วยให้พ้นอบาย” ข้อความในเพลงบทนี้เองก็อาจสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่รับฟังอยู่ไม่น้อย และสำหรับบางท่านก็อาจมีประสบการณ์กับเพลงนี้ที่แตกต่างกันออกไป คุณพ่อของผมได้เล่าให้ฟังเมื่อระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เมื่อท่านเพิ่งรับเชื่อในพระเยซูคริสต์ใหม่ๆ ประมาณ 40 กว่าปีก่อน ท่านไปร่วมนมัสการพระเจ้าและได้ยินบทเพลงนี้ เนื้อความของบทเพลงนั้นทำให้ขนลุกทีเดียว ข้อความนั้นจับใจมาก ผมเองรู้จักเพลงนี้ประมาณ 25 ปีก่อน สมัยนั้น อ.ดนัย อีเรียล สอนกลุ่มร้องเพลงประสานเสียง และเพลงนี้ก็เป็นเพลงหนึ่งที่ซักซ้อมกันในเวลานั้น ความรู้สึกของผมเวลานั้นก็คือ เป็นเพลงประหลาดจริงๆ และเมื่อปีที่แล้วเมื่อกลับจากค่ายประจำปีของคริสตจักร ผมก็ได้แผ่น DVD มาแผ่นหนึ่ง ซึ่งก็มีบทเพลงบทนี้ด้วย ทำให้มีโอกาสได้ระลึกถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในบทเพลงนี้อีกครั้ง

วันนี้ผมจึงอยากให้เรามาพิจารณาถ้อยคำของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ว่าถ้อยคำของพระองค์นั้น เป็นคำประเสริฐ เป็นคำประหลาดอย่างไร จึงสามารถทำให้คนทั้งหลายรอดจากตายได้ ทำให้คนทั้งหลายพ้นจากอบายได้ ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นถ้อยคำแบบไหนกัน
เป็นถ้อยคำแห่งการหนุนน้ำใจหรือ
เป็นถ้อยคำแห่งการปลอบประโลมหรือ
เป็นถ้อยคำที่แช่มชื่นหรือ
เป็นถ้อยคำที่เป็นคำตอบที่จุใจหรือ
เป็นถ้อยคำที่ชี้หนทางสว่างหรือ
เป็นถ้อยคำที่ทำให้เป็นสุขหรือ
เป็นถ้อยคำที่ให้ปัญญาหรือ

คงมีคำถามมากมายไม่รู้จบ และคำตอบก็คือ ใช่ ถ้อยคำของพระเยซูคริสต์เป็นถ้อยคำแห่งการหนุนน้ำใจ เป็นถ้อยคำแห่งการปลอบประโลม เป็นถ้อยคำที่แช่มชื่น เป็นถ้อยคำที่เป็นคำตอบที่จุใจ เป็นถ้อยคำที่ชี้หนทางสว่าง เป็นถ้อยคำที่ทำให้เป็นสุข เป็นถ้อยคำที่ให้ปัญญา
แต่เราก็พบว่าคนจำนวนหนึ่ง ได้ยุติการติดตามพระเยซูคริสต์ไป ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นก็ได้ยิน หรือได้เคยอ่านคำตรัสของพระเยซูเหมือนกัน เกิดอะไรขึ้น!!!

พระธรรมยอห์นบทที่ 6 ที่เราได้อ่านไปนั้น เป็นเหตุการณ์ในขณะที่พระเยซูทรงดำเนินพระราชกิจในแผ่นดินโลก เวลานั้นผู้คนมากมายติดตามพระองค์ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง สาวกของพระเยซูจำนวนหนึ่งก็เลิก ไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป คนเหล่านั้นรู้สึกผิดหวังในพระเยซูหรืออย่างไร จึงทำให้เลิกติดตามพระองค์ อะไรคือสิ่งที่เขาตั้งความหวังไว้กับพระองค์

ไหนว่า ถ้อยคำของพระเยซูเป็นคำประเสริฐ เป็นคำประหลาด ที่ช่วยให้รอดความตาย ที่ช่วยให้พ้นอบายล่ะ ???

ครับถึงตรงนี้ ผมก็ยังยืนยันได้ว่าถ้อยคำของพระเยซูคริสต์นั้น ช่วยให้รอดความตาย ช่วยให้พ้นอบาย แต่ปัญหาคือ คนที่ติดตามพระเยซูจำนวนหนึ่งไม่ได้แสวงหาการรอดความตาย ไม่ได้แสวงหาการพ้นอบาย น่าเสียใจที่เขาแสวงหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขาสามารถขอให้อำนวยตามความต้องการของเขาเท่านั้น

พระเยซูทรงหันมาถามเหล่าสาวกจำนวนหนึ่งที่ยังเหลืออยู่ว่า “ท่านทั้งหลายก็จะจากเราไปด้วยหรือ” เวลานั้นเปโตรทูลพระเยซูว่า "พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาผู้ใดเล่า พระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์” หากเราทั้งหลายยืนยันที่จะติดตามพระเยซูคริสต์ต่อไป หวังว่าเรามีคำตอบเดียวกับเปโตรในเวลานั้น

ผมเชื่อว่าพวกเราส่วนใหญ่มีความเข้าใจดีอยู่แล้วว่า คำว่า “รอดจากความตาย” หรือ “มีชีวิตนิรันดร์” นั้น ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีอายุยืนนานเป็นอมตะ คำว่าตายซึ่งปรากฏตั้งแต่พระธรรมปฐมกาลเมื่ออาดัมและเอวาละเมิดคำสั่งของพระเจ้า มีความหมายถึงการถูกแยกออกจากพระเจ้า เพราะเมื่อเดิมนั้นมนุษย์กับพระเจ้ามีสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน แต่เมื่อมนุษย์ทำบาป บาปได้ทำให้มนุษย์ถูกแยกออกจากพระเจ้า และนั่นคือรากศัพท์ของคำว่าตาย ในความหมายของพระคัมภีร์

พระคัมภีร์ยังได้บอกไว้ว่า โทษของความบาปในนรกเป็นความตายครั้งที่สอง ซึ่งเป็นการตายนิรันดร์ แต่การที่พระเจ้าทรงให้พระเยซูเสด็จเข้ามาในโลกเพื่อสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนนั้น ก็เพื่อให้คนบาปที่สำนึกในความผิดบาปได้รับการยกโทษบาป เพราะพระเยซูทรงรับโทษนั้นแทน ก็มีความหมายว่าเป็นการช่วยให้รอดจากความตาย และกลับมามีส่วนร่วมกับพระเจ้าอีกครั้ง การกลับมามีส่วนร่วมกับพระเจ้าคือการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง และชีวิตนั้นคือชีวิตนิรันดร์ร่วมกับพระเจ้า

คำประเสริฐ คำประหลาด ที่ช่วยให้รอดความตาย

ยอห์น 6:47
47เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่วางใจในเราก็มีชีวิตนิรันดร์

การวางใจในพระเยซู ช่วยให้รอดจากความตาย มีชีวิตนิรันดร์ ช่างเป็นคำพูดที่น่าประหลาดจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อยังไม่รู้จักพระองค์ว่าเป็นใคร จะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสเป็นเรื่องจริง พระคัมภีร์ได้บันทึกเรื่องราวให้เห็นว่า พระเยซูไม่ได้ทรงตรัสคำนี้อย่างเลื่อนลอย แต่พระองค์ได้ทรงสำแดงหมายสำคัญหลายประการเพื่อเป็นการยืนยันว่าพระองค์ไม่ใช่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา

การวางใจในพระเยซู สามารถแสดงออกได้โดยการเชื่อฟังในพระสัญญาของพระองค์ หรือสามารถแสดงออกได้โดยการดำเนินชีวิตตามที่พระวจนะของพระเจ้า

ชีวิตนิรันดร์ที่ได้มาโดยการไว้วางใจในพระเยซู เป็นคำประเสริฐจริงๆ เพราะการไว้วางใจในพระเยซูนั้นจะบอกว่าฟรีหรือไม่ต้องจ่ายอะไรเลยก็ได้ ขณะเดียวกันก็มีมูลค่าสูงจนทรัพย์สินใดๆทั้งโลกก็ไม่สามารถนำมาแลกเอาได้

ลูกา 19:10
10เพราะว่าบุตรมนุษย์ได้มาเพื่อจะเที่ยวหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด"

คำว่าบุตรมนุษย์ หมายถึงพระเยซูคริสต์นั่นเอง พระคัมภีร์ข้อนี้จึงเป็นคำประหลาดจริงๆที่บุตรของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ มาติดตามหามนุษย์ที่ไร้ค่า เพื่อจะช่วยให้รอด แต่ก็เป็นคำประเสริฐจริงๆ เพราะสำแดงให้เห็นความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์แต่ละคน และเป็นความรักที่สำแดงออก ไม่ใช่ความรักเพียงแค่คำพูด

ยอห์น 11:25-26
25พระเยซูตรัสกับเธอว่า "เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก
26และทุกคนที่มีชีวิตและวางใจในเราจะไม่ตายเลย เจ้าเชื่ออย่างนี้ไหม"

“ผู้ที่วางใจในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังมีชีวิตอีก” นี่ก็เป็นอีกคำประหลาดที่พระเยซูตรัส แต่ก็เป็นหนึ่งในคำสัญญาของพระองค์ที่เราสามารถวางใจได้ เพราะพระเยซูได้ทรงเรียกคนตายให้เป็นขึ้นอย่างน้อย 3 ครั้งที่มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ และพระองค์เองก็ทรงชนะความตายด้วย

หากว่าผู้ที่บอกว่าจะให้เรามีชีวิตนิรันดร์ ไม่สามารถชนะความตายได้ จะเชื่อถือได้อย่างไร พระเยซูได้ทรงพิสูจน์ให้เห็นว่า พระองค์ชนะความตายได้ ดังนั้นการที่พระองค์สัญญาจะประทานชีวิตนิรันดร์จึงไม่ใช่เรื่องเกินเลย

ยอห์น 8:7-11
7และเมื่อพวกเขายังทูลถามอยู่เรื่อยๆ พระองค์ก็ทรงลุกขึ้นตรัสตอบเขาว่า "ผู้ใดในพวกท่านที่ไม่มีผิด ก็ให้ผู้นั้นเอาหินขว้างเขาก่อน"
8แล้วพระองค์ก็ทรงน้อมพระกายลงเอานิ้วพระหัตถ์เขียนที่ดินอีก
9แต่เมื่อเขาทั้งหลายได้ยินดังนั้น เขาทั้งหลายจึงออกไปทีละคนๆ เริ่มจากคนเฒ่าคนแก่ เหลือแต่พระเยซูตามลำพัง กับหญิงคนนั้นที่อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
10พระเยซูทรงเงยพระพักตร์ขึ้นตรัสกับนางว่า "หญิงเอ๋ย พวกเขาไปไหนหมด ไม่มีใครเอาโทษเจ้าหรือ"
11นางนั้นทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ไม่มีผู้ใดเลย" และพระเยซูตรัสว่า "เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเหมือนกัน จงไปเถิดและอย่าทำผิดอีก"]

หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าล่วงประเวณี และตามบทบัญญัติต้องถูกขว้างด้วยหินให้ตาย ได้รอดจากความตาย เป็นคำประหลาดที่พระเยซูทรงตรัสว่า “เราก็ไม่เอาโทษเจ้าเหมือนกัน” ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่าพระองค์ก็มีความผิด แต่เพราะพระองค์เสด็จเข้ามาเพื่อช่วยให้รอด ยังไม่ใช่เวลาของการพิพากษา คำประเสริฐสำหรับหญิงคนนั้นคือ “จงไปเถิดและอย่าทำผิดอีก” พระเยซูทรงเปิดโอกาสให้กับมนุษย์ที่จะหันกลับจากความผิดบาป เพื่อรับการยกโทษจากพระองค์

Create Date : 29 กันยายน 2551

Last Update : 29 กันยายน 2551 16:30:47 น.

2 comments

Counter : 946 Pageviews.

ขอให้ยึดมั่นในคำสอนต่อไป
และทำดีเพื่อตนเองและสังคม
ทุกศาสนาล้วนแต่สอนให้คนเป็นคนดี
แต่ทุกวันนี้คนไม่ดีเพราะการกระทำ
ที่อยู่นอกเหนือจากคำสอนและศีลธรรม
โลกจึงได้วุ่นวายครับ

โดย: อัสติสะ

วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:8:26:15 น.


i love yr blog so much. it reminds me i have Him in my heart. thanks for yr sharing it./wie

โดย: ชาแนลวี

วันที่: 24 ตุลาคม 2551 เวลา:16:59:00 น.

ksk

Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์

Smember

ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]

ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน

free counter

free counter

New Comments

[Add ksk's blog to your web]

Bloggang.com