ถ้าพระเจ้าไม่มีจริง คุณได้หรือเสียอะไร? แต่ถ้าพระเจ้ามีจริง คุณได้หรือเสียอะไร?

<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
19 เมษายน 2552
 

สิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้

19 เมษายน 2009
คริสตจักร ยะลา

ยอห์น 17:7-9
7บัดนี้เขาทั้งหลายรู้ว่า ทุกสิ่งที่พระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์นั้นมาจากพระองค์
8เพราะว่าพระดำรัสที่พระองค์ตรัสประทานให้แก่ข้าพระองค์นั้น ข้าพระองค์ได้ให้เขาแล้ว และเขาได้รับไว้ และเขารู้แน่ว่าข้าพระองค์มาจากพระองค์ และเขาเชื่อแล้วว่าพระองค์ได้ทรงใช้ข้าพระองค์มา
9ข้าพระองค์อธิษฐานเพื่อเขา ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อโลก แต่เพื่อคนเหล่านั้นที่พระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ เพราะว่าเขาเป็นของพระองค์


อธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดา ขอบพระคุณสำหรับสิ่งสารพัดที่ทรงโปรดประทานให้กับเราทั้งหลายผู้เป็นบุตรของพระองค์ ขอบพระคุณที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงเป็นแบบอย่างให้กับเราในการยอมรับในทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้ และพระเยซูก็ทรงมีเกียรติในสารพัดที่พระบิดาทรงประทานให้ ขอให้เราได้เรียนรู้ที่จะกระทำตามอย่างที่พระเยซูได้ทรงกระทำ คือการยอมรับในสารพัดสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้และเรียนรู้ที่จะมีเกียรติในสิ่งที่พระองค์ได้ประทานให้ ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงกระทำการผ่านทางพระวจนะที่มาถึงเราในวันนี้ เพื่อเราจะเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงพอพระทัย และได้กระทำการงานที่พระองค์มอบหมายให้สำเร็จตามน้ำพระทัยของพระองค์


2 ครั้งที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสนำเสนอ พระธรรมยอห์นบทที่ 17 ซึ่งเป็นบันทึกคำอธิษฐานของพระเยซู ที่อัครสาวกยอห์นได้บันทึกไว้ จากเหตุการณ์ก่อนที่พระเยซูจะถูกจับไปตรึงที่ไม้กางเขน สิ่งที่ทำให้เราต้องสนใจในเนื้อหาของคำอธิษฐาน ก็เพราะพระเยซูได้ทรงบอกถึงเรื่องราวสำคัญหลายประการที่จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้เชื่อ เพื่อผู้เชื่อทุกคนจะมีความหวังใจ มีความเข้าใจ และมีกำลังที่จะรักษาความเชื่อและยืนหยัดในการปรนนิบัติพระเจ้าอย่างเข้มแข็ง

ผมจะขอทบทวนเพียงสั้นๆสำหรับสิ่งที่กล่าวไปเมื่อ 2 ครั้งที่ผ่านมา เพื่อเป็นการเตือนความจำก่อนที่เราจะดูเนื้อหาในข้อถัดไป

ในข้อหนึ่ง พระเยซูได้ทรงตรัสถึงการถวายเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา และเกียรตินั้นเป็นเกียรติที่พระเจ้าทรงประทานให้กับพระเยซู เป็นสิ่งที่เตือนสติเราว่า เกียรติที่ควรค่าแก่การที่เราจะมอบถวายให้กับพระเจ้านั้น มีเพียงสิ่งเดียวนั้นคือเกียรติที่พระองค์ได้ทรงมอบให้กับเรา

ในข้อที่สอง พระเยซูยังได้สำแดงให้เราเห็นว่า เกียรติที่พระเจ้าทรงประทานให้นั้น สมควรที่จะใช้เพื่อประโยชน์แก่พระราชกิจของพระเจ้า มิใช่เพื่อประโยชน์ หรือชื่อเสียงส่วนตน

และในข้อที่สาม พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างให้เห็นในการวางตัวอย่างถูกต้องเมื่อปรนนิบัติการงานของพระเจ้า งานเหล่านั้นต้องเป็นงานที่นำการสรรเสริญไปสู่พระเจ้า หรือเป็นงานที่พระเจ้าได้รับการสรรเสริญ เราทั้งหลายที่กำลังทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็สมควรที่จะวางตัวอย่างถูกต้อง พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างให้เห็นในการกระทำพระราชกิจทุกครั้งคือ ประชาชนที่เห็นพระราชกิจนั้นก็สรรเสริญพระเจ้า การกระทำที่เรียกว่าถวายเกียรติแด่พระเจ้าก็เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เพื่อตนเองได้รับการสรรเสริญ

ในข้อที่สี่ และ ห้า พระเยซูได้ทรงพูดถึง “ความสำเร็จ” แต่ในสายตาของโลกนี้ ชีวิตของพระเยซูในเวลานั้นกำลังไปถึงจุดจบที่น่าสมเพช แต่กระนั้นในสายพระเนตรของพระเจ้า พระเยซูกำลังกระทำพระราชกิจของพระเจ้าให้สำเร็จ สำหรับเราที่เป็นคนของพระเจ้า จงรับรู้และเข้าใจว่า สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิตของเราขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ทุกวันนี้ ไม่ใช่การเสียเวลาทั้งชีวิตไปกับการแสวงหาความสำเร็จที่คนของโลกนี้นิยมมามอบให้กับพระเจ้า เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าในสายพระเนตรพระเจ้า แต่จงกระทำการทำงานของพระเจ้าให้สำเร็จ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ผู้ที่ปรารถนากระทำการงานของพระเจ้าให้สำเร็จ ไม่จำเป็นต้องรอจนกระทั่งร่ำรวยมีฐานะ หรือหน้าที่การงานสูง หรือเรียนจบสูง จึงจะทำงานของพระเจ้าได้ แต่สามารถทำได้ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอย่างไร ด้วยการถวายทั้งชีวิตให้กับพระเจ้า เพื่อพระองค์จะชำระเราให้เป็นพาชนะที่บริสุทธิ์และใช้การได้

ในข้อหก พระเยซูได้ทรงบอกถึงหัวใจของการงานของพระเจ้าที่เราทั้งหลายได้รับมอบหมาย เราไม่ได้ถูกมอบหมายให้กระทำทุกอย่างเหมือนที่พระเยซูกระทำ เช่นเราไม่ได้ถูกมอบหมายให้ตายบนกางเขนเพื่อรับโทษความบาปแทนคนอื่น นั่นเป็นหน้าที่ของพระบุตร เราไม่ได้รับมอบหมายให้ทำให้คนกลับใจใหม่ นั่นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า แต่สิ่งที่เราได้รับมอบหมายคือการสำแดงพระนามของพระเจ้าให้คนทั้งปวงได้เห็น สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะไม่ใช่เพียงการพูด ไม่ใช่การแสดง แต่เป็นการสำแดงความจริง สำแดงให้คนทั่วไปได้เห็นพระเจ้าที่ทรงปรากฏในชีวิตของเรา
เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน คณะนักร้องของเราได้ไปร่วมกระประชุมที่คริสตจักรสงขลา เราได้ฟังอาจารย์นิกรเทศนา ช่วงหนึ่งที่อาจารย์ได้บอกว่า การเป็นพยาน ไม่ได้หมายถึงการออกมาบอกเล่าเรื่องน่าตื่นเต้นต่อหน้าที่ประชุม แต่เป็นการสำแดงตัวของเราให้คนทั่วไปเห็นว่า คนของพระเยซูเป็นอย่างไร นั่นคือการสำแดงพระเจ้า อย่างที่พระเยซูได้ทรงตรัสไว้ในข้อที่หก

วันนี้เราจะมาดูข้อที่เจ็ด ถึง เก้า

7บัดนี้เขาทั้งหลายรู้ว่า ทุกสิ่งที่พระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์นั้นมาจากพระองค์

สิ่งที่พระเยซูได้ทรงบอกไว้ในข้อที่เจ็ดนี้ เป็นผลต่อเนื่องจากข้อที่หก ที่ว่าพระเยซูได้ทรงสำแดงพระนามของพระบิดาให้สาวกได้เห็น ก็เพื่อให้สาวกได้รู้ว่า ทั้งสิ้นนั้นมาจากพระเจ้า เราทั้งหลายที่กำลังทำหน้าที่ในการสำแดงพระนามของพระเจ้าให้กับคนทั้งปวงนั้น ก็ล้วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือเพื่อให้คนทั้งปวงได้รู้ว่า ทั้งสิ้นในเรานั้น เป็นมาจากพระเจ้า

พระเจ้าได้ทรงประทานอะไรให้กับพระเยซูบ้าง พระราชวังที่ใหญ่โตหรือ ข้าทาสบริวารที่คอยปรนนิบัติพัดวีหรือ ยศถาบรรดาศักดิ์ที่ไปไหนมาไหนก็มีคนก้มกราบหรือ บ้านเรือนไร่นาหรือ ฝูงวัวฝูงแกะมากมายหรือ เราคงจำได้ว่า พระเยซูไม่ได้ทรงครอบครองทรัพย์สมบัติใดๆเลย พระองค์ตรัสด้วยซ้ำไปว่า สุนัขจิ้งจอกยังมีโพรง นกในอากาศยังมีรัง แต่พระองค์ไม่มีที่จะวางศีรษะ ฟังแล้วอาจทำให้ไม่สบายใจ ว่าเราจะต้องเร่ร่อน และไม่มีที่วางศีรษะเหมือนกับพระเยซูหรือ

แล้วอะไรคือ “ทุกสิ่ง” ที่พระเจ้าได้ประทานให้พระเยซู คำตอบก็คือ “ทุกสิ่ง” แปลว่า ทั้งหมดในชีวิตของพระเยซูนั้น เป็นสิ่งที่มาจากพระเจ้า

ขอให้นี่เป็นความจริงที่ปรากฏในชีวิตของพวกเราที่นี่ด้วย ขอให้ “ทุกสิ่ง” ซึ่งแปลว่า ทั้งหมดในชีวิตของเรา เป็นสิ่งที่มาจากพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นความคิด คำพูด การกระทำ หากเรามีบ้านเรือน ก็ให้เป็นบ้านเรือนที่พระเจ้าได้ประทานให้ หากเรามีครอบครัว ก็ให้เป็นครอบครัวที่พระเจ้าประทานให้ หากเรามีหน้าที่การงาน ก็ให้เป็นหน้าที่การงานที่พระเจ้าทรงประทานให้ และนั่นคือ “ทุกสิ่ง” ในชีวิตของเราที่สำแดงให้คนทั้งปวงได้รู้จักพระนามของพระเจ้า

อีกประการหนึ่ง เราเคยได้อ่านพบว่าพระเยซูทรงรักษาคนเจ็บป่วยให้หายโรค ทรงเดินบนทะเล ทรงห้ามพายุ ทรงเรียกคนตายให้เป็นขึ้น ทรงเทศนาได้อย่างจับใจผู้คน ทรงเลี้ยงคนห้าพันคนด้วยขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว ทรงขับไล่ผี และอีกหลายประการ ที่เราอ่านแล้วก็เห็นได้ชัดว่านั่นคือการที่พระเยซูทรงสำแดงพระนามของพระเจ้าให้กับสาวกได้เห็น และเราก็ปรารถนาจะสำแดงพระนามของพระเจ้าอย่างที่พระเยซูได้ทรงกระทำ

แต่เราอาจลืมไปว่า พระเยซูทรงสำแดงพระนามของพระเจ้าให้สาวกได้เห็น ผ่านทางเหตุการณ์ที่พระองค์ต้องถูกการข่มเหงเช่นกัน พี่น้องของพระองค์ก็เคยไม่ยอมรับพระองค์ เมื่อพระองค์สอนและกล่าวความจริงของพระเจ้า พระองค์ก็ถูกปองร้าย และถูกต่อต้าน หลายครั้งที่คนเหล่านั้นจะเอาหินขว้างพระองค์ให้ตาย พระองค์ถูกคนหน้าซื่อใจคดดูหมิ่นพระองค์ว่าเป็นผู้ที่เกิดจากการล่วงประเวณี สาวกของพระองค์ก็ทรยศพระองค์ จนในที่สุดพระองค์กำลังจะไปถึงความตายอย่างทรมาณบนไม้กางเขน

การทนทุกข์เพื่อพระนามของพระเจ้า ก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่เราสามารถสำแดงพระนามของพระเจ้าให้คนทั้งปวงได้เห็น


8เพราะว่าพระดำรัสที่พระองค์ตรัสประทานให้แก่ข้าพระองค์นั้น ข้าพระองค์ได้ให้เขาแล้ว และเขาได้รับไว้ และเขารู้แน่ว่าข้าพระองค์มาจากพระองค์ และเขาเชื่อแล้วว่าพระองค์ได้ทรงใช้ข้าพระองค์มา

พระเยซูทรงตรัสถึง “พระดำรัสของพระเจ้า” ที่พระองค์ได้บอกกับเหล่าสาวก และเหล่าสาวกก็รับไว้ เราทั้งหลายที่มาถึงความรอดทุกวันนี้ก็เพราะเราได้ยินพระดำรัสของพระเจ้า

บางคนมาถึงความรอดเพราะได้ยินพระดำรัสที่ว่า “จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านหายเหนื่อยเป็นสุข”
บางคนมาถึงความรอด เพราะได้ยินพระดำรัสที่ว่า “เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ”
บางคนมาถึงความรอด เพราะได้ยินพระดำรัสที่ว่า “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา”

บางทีเราอาจบอกว่า โน้นแนะ คนโน้นน่ะ มาถึงความรอดเพราะความประทับใจในคริสเตียนคนนั้นคนนี้ จงระวังให้ดี มนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ วันนี้ประทับใจ แต่วันพรุ่งนี้ ใครจะบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหลักยึดของความเชื่อของคุณอยู่บนมนุษย์ จงระวังให้ดี แต่หากหลักยึดของความเชื่อของคุณอยู่บนพระวจนะของพระเจ้า จงขอบคุณพระเจ้า เพราะพระวจนะของพระเจ้านั้นไม่เปลี่ยนแปลง

บางทีเราอาจหวังดี และกลัวว่าการประกาศข่าวประเสริฐแบบเรียบๆ โดยใช้พระวจนะของพระเจ้า ไม่มีอะไรหวือหวาน่าตื่นเต้น ไม่มีกิจกรรมที่นำเข้าจากต่างประเทศ หรือไม่มีบุคคลตัวอย่างอันน่าประทับใจมาเป็นสิ่งล่อ แล้วจะทำให้การประกาศข่าวประเสริฐไม่เกิดผล มีคนกลับใจไม่มาก ผมอยากให้ลองกลับไปอ่านพระคัมภีร์ดูอีกครั้ง พระเยซูเองทรงประกาศเรื่องความรอด ทรงรักษาคนเจ็บป่วยให้หายต่อหน้าคนเป็นอันมาก ทุกคนที่ได้ยินได้เห็นกลับใจใหม่หรือ อัครสาวกที่ออกไปประกาศข่าวประเสริฐโดยเดชพระวิญญาณ ประชาชนทุกคนที่ได้ยินไม่มีใครต่อต้านหรือ ทุกคนกลับใจรับเชื่อกันหมดหรือ

พระเยซูได้ไว้ในพระธรรมยอห์นว่า “แกะของเราย่อมฟังเสียงของเรา” หน้าที่สำคัญประการหนึ่งของเราทั้งหลายที่เป็นผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ คือการประกาศข่าวประเสริฐ ซึ่งก็คือข่าวดีที่มาจากพระเจ้า เป็นพระดำรัสของพระเจ้า ที่ได้ตรัสเรียกออกไปยังประชาชาติทั้งหลาย เพื่อนำความรอดไปถึงเขา พระเยซูได้ทรงกระทำแบบอย่างที่สำคัญคือ ได้ทรงให้พระดำรัสของพระเจ้า ขอให้เราให้ความสำคัญกับหัวใจของการประกาศข่าวประเสริฐ โดยการใช้พระดำรัสของพระเจ้า ซึ่งจะเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่จะเข้าสู่จิตใจของคนที่ได้ยินได้ฟัง

9ข้าพระองค์อธิษฐานเพื่อเขา ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อโลก แต่เพื่อคนเหล่านั้นที่พระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์ เพราะว่าเขาเป็นของพระองค์

พระเยซูทรงสำแดงให้เห็นว่า สิ่งใดสำคัญในสายพระเนตรของพระองค์ แม้ว่าพระเยซูได้ทรงตรัสในยอห์นบทที่ 3:16 ว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียว” แต่ในคำอธิษฐานครั้งนี้พระเยซูทรงเน้นให้เรารับรู้ว่า พระองค์ทรงห่วงใยและเอาใจใส่เราทั้งหลายที่เป็นผู้เชื่อ นอกจากนี้ยังทรงกล่าวเป็นนัยแฝงให้เรารับรู้ว่า ที่เรามาเป็นผู้เชื่อในพระองค์นั้น ก็เพราะพระเจ้าได้ทรงประทานให้เราเป็นของพระเยซู ไม่ได้เกิดจากการที่เราเลือกพระองค์ แต่พระองค์ทรงเลือกเราไว้ให้มาถึงความรอด

สมัยที่ผมทำงานในมหาวิทยาลัย ครั้งหนึ่งผมได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนของภาควิชาฯไปติดต่องานกับเจ้าหน้าที่ที่ตึกอำนวยการ ปรากฏว่า ได้รับการตอบสนองที่ไม่ดีเอาเลย เมื่อนำเรื่องกลับมาบอกกับหัวหน้า หัวหน้าของผมได้บอกกับผมว่า หัวหน้าจะตอบโต้กับเจ้าหน้าที่คนนั้นเอง เพราะเขาทำไม่ดีกับผมซึ่งเป็นคนของหัวหน้า วันนั้นหัวหน้าใช้คำเรียกว่า “คนของผม” ทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจมากว่า หัวหน้าให้ความสำคัญ และรับรองเราอยู่ในความดูแลของหัวหน้า ทำให้เราทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพราะรู้ว่าหัวหน้าให้การสนับสนุนและรับรองเรา และเราไปทำงานในนามของหัวหน้า

ยิ่งกว่านั้นครับ พระวจนะของพระเจ้าในข้อนี้ได้บอกให้เรารู้แน่ว่าเราเป็น “คนของพระเยซู และเป็น “คนของพระเจ้า” ด้วย เราน่าจะยิ่งภาคภูมิใจสักเท่าใด ทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงมอบหมายให้เรากระทำนั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในการรับรอง อยู่การคุ้มครองของพระเจ้าผู้เป็นจอมเจ้านายของเรา หากเราได้รับการตอบสนองที่ไม่ดี จงรู้เถิดว่า เจ้านายของเราจะเป็นผู้กระทำการตอบสนองแทนเรา ขอให้เราทำงานอย่างเข้มแข็ง และไม่ต้องเป็นกังวลต่อสิ่งใด การงานที่พระองค์มอบหมายให้เราทำ พระองค์ไม่ได้ให้เราไปมือเปล่า แต่ทรงให้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์กับเราด้วย

แต่สิ่งที่สำคัญคือ เราสัตย์ซื่อต่อหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สมกับที่พระเจ้าได้ให้เกียรติเราในการทำงานในนามของพระเจ้าหรือไม่


Create Date : 19 เมษายน 2552
Last Update : 19 เมษายน 2552 19:05:39 น. 0 comments
Counter : 935 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ksk
 
Location :
ยะลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ผมเป็นคริสเตียนครับ
เป็นชาวยะลา เกิดปัตตานี ลูกจีนไหหลำ
จบวิศวกรรมไฟฟ้า(ระบบควบคุม) จากพระจอมเกล้าพระนครเหนือ EL รุ่น 24 รหัส 31 (เคยเรียน ป.วส. IE ห้องอิเล็ก ที่ วทอ. 2 ปี รหัส 29 ห้องเดียวกับ ศิริ แว่น สมชาย สุกิตติ จั๊บ ไพบูลย์ จ่าบุญเลิศ ก่อนย้อนไปเริ่มต้นป.ตรี ปี 1 ใหม่กับรุ่นน้องในคณะวิศวฯ พูดง่ายๆว่า ซิ่ว 2 ปี)
ป.โท วิศวกรรมการบิน(Avionique) จาก SUPAERO
Toulouse FRANCE ปี 1994
เคยรับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวฯที่พระนครเหนือ 8 ปี ผลงานก็ไม่มีอะไรมาก KMITNB Robot Camp เป็นสิ่งที่ยังพอให้ภาคภูมิใจเมื่อมองกลับไปที่เทคโนฯ ด้วยความคิดถึง 14 ปี อันแสนหวานกับชีวิตในพระนครเหนือ(มิย.ปี 29 - มิย.ปี 43)
ตอนนี้ลาออกจากราชการ มาหากินด้วยลำแข้ง(ไม่ใช่เป็นนักมวยไทยนะ)
ที่จังหวัดยะลาบ้านเกิด ตั้งแต่มิถุนายน ปี Y2K
กำลังจะรุ่งเรืองแล้วเชียว 4 มกราคม 2547
สถานการณ์ไฟใต้ก็เริ่มขึ้น
สิ่งที่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเกิด มันก็เกิด
และยาวมาจนถึงตอนนี้
ผมยังนึกไม่ออกมันจะจบลงแบบไหน free counter

free counter

New Comments
[Add ksk's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com