Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2564
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 ธันวาคม 2564
 
All Blogs
 
บันทึกถึงคุณตา



25 พฤศจิกายน 2564

พี่สาวที่พัทลุงโทร.มาว่าคุณพ่อของเธอ หรือคุณตาของหลานๆ หรือหมอพันที่ชาวบ้านเรียกกัน ท่านไม่กินข้าวกินน้ำจะ 5 วันเข้าแล้ว

ผมรีบเก็บกระเป๋าเตรียมไปนอนบ้านตาที่พัทลุง อ้อ...ไปกับแม่บ้าน(ลูกสาวคุณตาพัน)

ศุกร์ 26 พ.ย. 2564 เราเดินทางโดยรถไฟ ตู้นอน รถไฟออกจากหัวลำโพง 14.30 น. ถึงพัทลุง 06.30 น.เช้าอีกวัน ผมนึกถึงการเดินทางเมื่อ 30 กว่าปีก่อน ด้วยเวลาเดิมๆ
การรถไฟช่างอนุรักษ์เวลาเดินรถได้ดีเหลือเกิน แต่ไม่อนุรักษ์วัยของผมสักนิดเดียว

คุณตาพันเกิดก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันปี พ.ศ.2477
พออายุได้ 13 ปี เด็กชายพันได้หายตัวไปในบริเวณชายทุ่ง บ้างก็ว่าเป็นป่าช้าเก่า
ราวกับหายตัวไปอยู่ในที่เร็นลับ

ถ้าเป็นสมัยนี้ เขาเรียกว่าพวกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไป

ญาติๆตามหาอย่างไรก็ไม่เจอ ไม่พบร่องรอย หลายวันผ่านไป ท่านก็กลับมาด้วยร่างกายที่ผอมโซ
คุณตาเล่าว่า ท่านมีความรู้แค่ ป.4 โชคดีได้ไปเรียนการรักษาโรคต่างๆจากก้อนหินที่มีอักษรจาลึกไว้ เรียนทั้งวันทั้งคืน ท่านจำตำรายาเหล่านั้นได้ทั้งหมด และมีความเชี่ยวชาญภาษาขอมพ่วงมาด้วย

ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าท่านหายไปนานเท่าใด บ้างก็ว่าเดือนเศษ บ้างก็ว่านานจนคิดว่าท่านจะไม่กลับมา

ด้วยวัยเพียง 13 ปี ท่านเริ่มรักษาคนป่วยทั่วไป คนไข้แต่ละคนก็มีวิธีรักษาต่างกันไป อาการป่วยที่ต้องกินยาก็เขียนส่วนประกอบของยาให้ไปซื้อจากร้านขายยาเอง ท่านเคยรักษาคนบ้าที่วิ่งแก้ผ้ารอบตลาดให้หายเป็นปกติ

การเป็นหมอจากวิทยาลัยต่างมิตินั้น ผมคิดว่าเป็นการมอบหมายจากบรรพบุรุษที่เป็นเทพในตระกูลของท่าน ท่านใช้นามสกุล ณ พัทลุง

ที่จริงพ่อของหมอพันชื่อภู่ ก็เป็นหมอแผนโบราณโดยใช้ยาสมุนไพรเช่นกัน แต่หมอพันซึ่งเป็นลูกชายมิได้สือบทอดจากพ่อ หมอพันไม่ได้อยู่กับพ่อตั้งแต่เล็กๆ

หมอพันได้รับการสืบทอดวิชาแพทย์แผนไทยที่เหลือเชื่อ นั่นคือเทพที่มาเข้าทรงตอนอายุ 9 ขวบ เป็นผู้มอบหมายความรู้ให้ มิใช่มนุษย์เดินดินทั่วไป

ท่านน่าจะเริ่มเป็นหมอทางนี้ในปี พ.ศ. 2491 ต่อเนื่องไปอีก 30 กว่าปี เป็นการรักษาฟรี หรือใครจะให้ค่าครูก็ไม่เกิน 12 บาท สมัยนั้นถือว่าเป็นหมอยาแผนโบราณที่มีชื่อมาก ลูกๆท่านยังชีพด้วยเงินค่าหมออันน้อยนิดนี้

ลูกสาวหมอพันคนหนึ่งเล่าว่า เธอมีหน้าที่จดสูตรยาไทยแผนโบราณให้คนป่วย ผมถามว่าได้เก็บสูตรเหล่านั้นไว้บ้างไหม เธอบอกว่าไม่เคยจดไว้ แต่ละโรค ส่วนผสมของยาจะไม่เหมือนกัน แค่เขียนชื่อสมุนไพรให้ถูกก็ยากแล้ว

หากเป็นโรคที่โดนกระทำทางไสยศาสตร์ ท่านก็จะรักษาอีกแบบ อาจเข้าทรงโดยเทพที่ท่านนับถือ เมื่อหมอพันเริ่มแก่ตัว การเข้าทรงต้องใช้พลังงานมาก ถึงกับเส้นเอ็นปูดโปน ร่างกายรับไมไหว จึงค่อยๆเลิกไป

หมอพันไม่ติดต่อกับใคร ไม่ออกไปไหนมานับสิบปีแล้ว ช่วงหลังสุขภาพเริ่มถดถอย เคยไปหาหมอแผนปัจจุบันตรวจร่างกายก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ

วันที่ผมไปถึงพัทลุง หมอพัน ในวัย 87 ปี คงนอนนิ่งที่เตียงประจำที่บ้านของท่าน ไม่คุย ไม่กินอะไรเลย เข้าวันที่ 5 แล้ว การมาครั้งนี้ของผมจึงไม่ได้กำหนดวันกลับ

ผมนอนในห้องที่มีหิ้งบูชาสิ่งศักดิ์สิทธ์ของคุณตาพัน ซึ่งไม่เหมือนอย่างในหนังไทย ไม่มีอะไรเลยนอกจากกระถางธูป 2 ใบ และผ้าขาวขนาดผ้าเช็ดหน้าขึงข้างบน 2 ผืนเท่านั้น ผมมาในฐานะลูกหลานจึงไม่คิดอะไร แต่เปิดไฟนอนทุกคืน มิฉะนั้นจะมืดตึ๊ดตื่อ

.....................

ก่อนศาสนาพราหมณ์, พุทธ จะเข้ามา ชนพื้นเมืองในภูมิภาคนี้นับถือผีมาก่อน เมื่อศาสนาพุทธตั้งมั่นแล้ว ชาวบ้านก็ประยุกต์การนับถือผีให้เข้ากับพิธีทางศาสนา

ลิสต์รายชื่อที่หมอพันติดต่อได้และคอยช่วยเหลือลูกหลาน ได้แก่ ตารองหนุ่ม ตารองแก่ ตาขุนดำ ทวดขาว ตาผีดี ตาหลวง

เราไม่รู้ว่าท่านเหล่านี้เกิดในยุคไหน รู้แต่ว่าพวกเขามาแนะนำตัวด้วยการเข้าทรงหมอพันตอนอายุ 9 ขวบ พออายุ 13 ก็ส่งไปเรียนแพทย์แผนโบราณจากก้อนหินในดินแดนลึกลับ

การมีอาคมและเป็นหมอยาแผนโบราณ จึงเป็นที่พึ่งให้ชาวบ้านในยุคที่สาธารณสุขยังไม่เจริญ ลูกหลานที่จะรับไม้ต่อก็ยังไม่รู้ว่าใคร

ลูกสาวคนโตที่ดูแลท่านมาตลอด อาสารับมอบทำหน้าที่แทน โดยมีคนมาทำพิธีส่งมอบนี้ หน้าที่นั้นคือบวงสรวงสิ่งที่รับไว้ปีละครั้ง ไม่ได้เป็นหมออย่างพ่อหรือมีอาคมเสกเป่าคาถาใดๆ

เท่านั้นยังไม่พอ หมอพันต้องละสิ่งของที่เคยใช้รักษาคน โดยลูกสาวเอาสมุดบันทึกส่วนตัวเกี่ยวกับคาถาต่างๆและมีดหมอไปทำพิธีปลดเปลื้องพันธนาการกับพระรูปหนึ่งที่มีอาคม พร้อมทั้งถ่ายภาพหมอพันไปด้วย
พระรูปนั้น ไม่เคยรู้ประวัติของหมอพัน วันนั้นคนไปกันมาก รอคิวอยยู่นาน พอเห็นภาพหมอพันก็ทักกับลูกสาวหมอพันว่าเป็นหมอรักษาคน ช่วยเหลือคนมาก หมอดี

1 ธ.ค.64 นิมนต์พระ 5 รูปสวด "บังสุกุลเป็น" ให้หมอพัน มีเพียงลูกตาท่านเท่านั้นบอกถึงการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อพระ 5 รูปทำพิธีเสร็จแล้ว หมอพันมีท่าทีรับรู้ ร่างกายที่แข็งเกร็งเริ่มผ่อนคลาย
เนื้อตัวนิ่มลง ท่านนอนอยู่บนเตียงโดยไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ใดใด มีสิ่งหนึ่งที่เห็นได้คือลมหายใจเข้าออกทางปาก เครื่องยนต์ตัวสุดท้าย

4 ธ.ค. 64 ญาติๆนิมนต์พระอีกรูปหนึ่งที่ชาวบ้านรู้จักดี มาทำพิธีที่เตียง พระท่านบอกว่าอีก ไม่เกิน 3 -5 วัน คุณตาพันจะจากไปอย่างสงบ พระท่านเล่าว่าชีวิตคนเราก็เหมือนน้ำไหล ถ้ามีอะไรขวางที่ทางออกของก็อกน้ำ น้ำนั้นก็จะติดขัด จะไปก็ไปไม่ได้ ท่านมีหน้าที่เขี่ยเศษผงนั้นให้ผู้จะจากไป ได้ไปอย่างสงบ

เมื่อทุกอย่างพร้อม คุณตาพันหรือหมอพัน ณ พัทลุง ได้จากพวกเราไปเมื่อ วันจันทร์ที่ 6 ธ.ค.64 เวลา 09.50 น.อายุ 87 ปี 6 เดือน

เมื่อเสร็จจากงานศพแล้ว ผมได้เวลาเดินทางกลับ กทม. การรถไฟยังคงรักษาเวลาเดินรถเหมือน 30 กว่าปีก่อน ก่อนที่หัวลำโพงจะเป็นอดีตตลอดกาล


Create Date : 27 ธันวาคม 2564
Last Update : 28 ธันวาคม 2564 17:58:42 น. 28 comments
Counter : 1060 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtuk-tuk@korat, คุณหอมกร, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเริงฤดีนะ, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณkatoy, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณกะว่าก๋า, คุณhaiku, คุณกิ่งฟ้า, คุณชีริว


 
สู่สุขคติค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 27 ธันวาคม 2564 เวลา:15:32:11 น.  

 
ทำกุศลไว้เยอะตอนมีชีวิตตายแบบรู้สติ
น่าจะไปสู่สุคติภพแหละคุณอิม



โดย: หอมกร วันที่: 27 ธันวาคม 2564 เวลา:16:08:56 น.  

 
ช่วยคนให้พ้นทุกข์ พ้นโรค ท่านเป็นหมอเทวดา

ลาวมีรถไฟความเร็วสูงแล้ว



โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 27 ธันวาคม 2564 เวลา:21:21:12 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ

รถไฟไทย ผมว่าพลาดนะที่จะปิดหัวลำโพง มันกระทบต่อคนเข้าเมืองเยอะ แม้จะบอกมีรถไฟฟ้าใต้ดินเข้าถึงในเมืองแต่ ค่าใช้จ่ายของคนต่างพื้นที่เข้ากรุงเทพฯ มันจะสูงขึ้นอีกมาก เอาเถอะพิมพ์เยอะก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ผมไม่ได้อยู่ในจุดที่ผู้มีอำนาจจะต้องมาใส่ใจหรืออ่านความเห็นอยู่แล้ว


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 ธันวาคม 2564 เวลา:21:52:59 น.  

 
ท่านมีคุณาประการเหลือล้น
กราบส่งท่านสู่ฟากฟ้า


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 28 ธันวาคม 2564 เวลา:20:30:42 น.  

 
รำลึกถึงคุณตาด้วยคนครับ
แบบนี้น่าจะคล้ายๆ กับหมอธรรม ที่ชาวบ้านเรียกกันไหมครับ ที่จะช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้านจากโรคแปลก ๆ อาการแปลก ๆ ได้


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 28 ธันวาคม 2564 เวลา:21:53:35 น.  

 
การรักษา บางอย่างเช่น เป่า ทา นวด รักษาทางยาด้วยสมุนไพร
ทำให้คนหายจากอาการไม่ดี เป็นปกติ เห็นมาเยอะเหมือนกัน

ส่วนสมุนไพร อย่าได้กังขาเลย จำได้ว่าเคยนังรถไปกับพี่สาว
พาลูกสาวที่เรียน เภสัชทีมหาลัยแห่งหนึ่ง พากันไปศึกษา
แพทย์แผนโบราณทีนครสวรรค์ เรียนรู้สมุนไพรตามที่อาจารย์
มหาลัยแนะนำ

ผมก็เชื่อว่า สมุนไพรพืชผัก รักษาโรคให้หายได้ เหมือนกับ
ฟ้าทะลายโจร รักษาโควิดได้ คือรักษาตามอาการ
บางคนก็ฟังเขาเล่ามา ก็เก็บใบมะรุมมาบด แล้วกินหรือใส่
แคบซูลไว้กิน กินจนแย่.. เพราะไม่รู้ว่ากินกี่วันจึงจะได้ผล
ถ้ากินเกิน ก็เป็นพิษ
...

อย่างคุณตาที่พัทลุง รักษาคนมานาน คุณตาก็จากไปอย่าง
สงบท่านสบายไปแล้วครับ

เดินทางโดยรถไฟ เมือ่ก่อนผมไป หาดใหญ่ หรือตรังหรือ
ที่อื่นจะ ใช้บริการรถไฟนอน 2 ฉึกฉักไปเรื่อย ตืนมาตอน
เกือบรุ่งเช้า น่าจะสถานีทุ่งสง เข้าไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ (เสี่ยงต่อน้ำหมด)
เพราะไปถึงที่ จะหิ้วกระเป๋าไปโรงแรม ทำงานต่อได้เลย

หัวลำโพงคงต้องเป็น อดีตไป ถึงจะเปิดบริการคงไม่เต็มรูปแบบเหมือนที่ผ่านมา เรา ๆ ก็เห็นใจคนใช้รถยนต์เพราะ
ต้องรอหลีกรถไฟวันหนึ่ง ก็หลายขบวนรถติดมหาศาล

จะทำทางรถไฟลอดไป ใช้เงินมหาศาล ทีแรกคงจะใช้
โฮปเวล แต่ตอนนี้โฮปเลส ไปแล้ว



โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 29 ธันวาคม 2564 เวลา:6:09:19 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับพี่อิม

อ่านประวัติของท่านแล้วก็ทึ่งครับ
ทึ่งตั้งแต่การหายตัวไป
แล้วกลับมาพร้อมความสามารถในการรักษาโรค
น่าเสียดายที่ไม่มีการบันทึกสูตรยารักษาเอาไว้นะครับ
น่าจะเป็นประโยชน์กับคนรุ่นหลังอย่างมากมายเลย




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 ธันวาคม 2564 เวลา:6:37:40 น.  

 
สวัสดีครับคุณอิม

ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
ขอบคุณที่นำเรื่องราวของท่านมาเล่าสู่กันฟังนะครับ
ท่านทำกุศลช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย
และอุ่นใจที่มีผู้รับสืบทอดวิชาความรู้เหล่านั้นต่อด้วย

ขอบคุณที่ไปเยี่ยมบล็อกและส่งกำลังใจนะครับ


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 29 ธันวาคม 2564 เวลา:12:27:44 น.  

 
ขอบคุณครับพี่อิม

ช่วงก่อนผมเขียนไฮกุไว้เยอะพอสมควรเลย
ตอนนี้ก็ค่อยๆทยอยลงให้อ่านในบล็อกไปเรื่อยๆครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 ธันวาคม 2564 เวลา:18:32:44 น.  

 
ขอบคุณครับคุณอิม
อ.วากิ ยามาโตะ เป็นนักเขียนผู้หญิงครับ แต่ชื่อนามสกุลดูคล้ายผู้ชาย

อาจารย์วาดผู้หญิงสวย อ่อนช้อยมาก พล็อตเรื่องส่วนใหญ่ออกแนวแฟมินิสต์ นางเอกจะดูเป็นผู้นำครับ แต่เรื่องที่มารีวิวนี้จะซอฟท์ๆ อบอุ่นครับ


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 29 ธันวาคม 2564 เวลา:22:42:03 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
ผมชอบเดินทางด้วยรถไฟเหมือนกันครับ ชอบบรรยากาศ ถึงแม้ว่าจะช้าไปหน่อยแต่ก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 30 ธันวาคม 2564 เวลา:0:23:01 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่อิม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 ธันวาคม 2564 เวลา:6:57:26 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ คุณตาท่านช่วยเหลือคนให้หายจากความทุกข์มามากเวลาท่านจากไปท่านจึงได้ไปอย่างสงบ บุญกุศลจะหนุ่นส่งให้ดวงวิญญาณของคุณตาไปสู่ภพภูมิที่ดีนะคะ

การรถไฟยังคงรักษาการทำงานการเดินทางไว้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงนั่งรถไฟต้องใจเย็นนะคะ อิอิ


วันนี้เป็นวันสิ้นปีแล้วนะคะ
ลาทีปีเก่า สวัสดีปีใหม่พรุ่งนี้ค่ะ

ขอให้คุณและครอบครัวคิดทำสิ่งใดขอให้สำเร็จสมปรารถนาทุกประการ สุขภาพแข็งแรง การงานราบรื่นพบเจอแต่สิ่งดีๆตลอดปีและตลอดไปนะคะ




โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 31 ธันวาคม 2564 เวลา:7:42:34 น.  

 
สุขสันต์สุขขี วันปีใหม่ 2565 ขออำนาจแห่ง คุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลาย จงดลบันดาล ประทานพร ให้ท่านและครอบครัว จงพบพานพบ แต่สิ่งที่ดี ตลอดปีตลอดไป จงมีความสุข สมหวังมีชีวิตการงานที่รุ่งเรืองก้าวหน้า มั่นคง มีสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยเงินทอง และประสบความสำเร็จด้วยเทอญ สวัสดีค่ะ


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 1 มกราคม 2565 เวลา:8:50:37 น.  

 
สวัสดีปีเสือนะคะ
ขอให้ปีนี้เป็นทีของเสือของคุณค่ะ
มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะคะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 1 มกราคม 2565 เวลา:11:48:18 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ครับพี่อิม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 มกราคม 2565 เวลา:13:18:28 น.  

 
สวัสดีปีใหม่๒๕๖๕ ครับคุณอิม

ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดี มีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะครับ



โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 1 มกราคม 2565 เวลา:22:10:41 น.  

 
happy new year 2022

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๕ ครับ


โดย: **mp5** วันที่: 2 มกราคม 2565 เวลา:19:49:23 น.  

 

แม่โสมวาดเองค่ะ ของส่งความสุขปีใหม่มา ณ ที่นี้ นะคะ


โดย: โสมรัศมี วันที่: 4 มกราคม 2565 เวลา:12:02:37 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ 2565
สุขภาพแข็งแรง เฮงๆ รวยๆค่ะ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 5 มกราคม 2565 เวลา:11:35:35 น.  

 
พยายามอ่านจนจบ
แต่สายตา ความคิดและความจำไม่ดีแล้ว
อ่านๆไปก็ได้หน้าลืมหลัง

สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังด้วยนะคะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 9 มกราคม 2565 เวลา:19:44:56 น.  

 
สวัสดีค่ะขอบคุณที่ไปให้กำลังใจที่บล็อกนะคะ คุณอิม ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนบล็อกค่ะ

มีความสุขวันศุกร์นะคะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 14 มกราคม 2565 เวลา:12:37:55 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 14 มกราคม 2565 เวลา:15:20:12 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ปาเข้าไปกลางเดือน


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 14 มกราคม 2565 เวลา:22:51:04 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่อิม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 มกราคม 2565 เวลา:7:07:15 น.  

 
สวัสดีครับคุณอิม

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบล็อกและส่งกำลังใจให้นะครับ


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 15 มกราคม 2565 เวลา:19:52:09 น.  

 
แวะมาสวัสดีคุณ IM ค่ะ
แวะมาอ่านทีไรก็เพลิดเพลินในความเรียบง่าย และเรื่องราวที่น่าสนใจทุกครั้งค่ะ


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 23 มกราคม 2565 เวลา:13:29:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.