Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
21 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

ท่องเที่ยวอย่างรู้คุณค่ากับ “การท่องเที่ยวโดยชุมชน”


นั่งเรือมาดชมความงดงามตามธรรมชาติที่บ้านสลักคอก

เดี๋ยวนี้กระแสการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในประเทศไทย
ต่างหันมาให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวที่เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติ และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
ดังจะเห็นได้จากการท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่งที่กำลังมาแรง และเป็นที่น่าสนใจ
นั่นคือ “การท่องเที่ยวโดยชุมชน” (Community Based Tourism)
ซึ่งเป็นการอนุรักษ์การท่องเที่ยวอย่างแท้จริงจากกลุ่มคนในชุมชน ที่ใช้ทรัพยากรให้เกิดเป็นการท่องเที่ยวขึ้นมา

การท่องเที่ยวโดยชุมชน คือการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม สังคม และวัฒนธรรม
กำหนดทิศทางโดยชุมชน จัดการโดยชุมชนเพื่อชุมชน และชุมชนมีบทบาทเป็นเจ้าของมีสิทธิในการจัดการดูแล
เพื่อให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้มาเยือน โดยมีองค์ประกอบหลักของการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนอยู่ 4 ด้าน คือ
1. ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม 2.องค์กรชุมชน 3.การจัดการ และ 4. การเรียนรู้


นั่งเรือที่ทำจากท่อพีวีซี ล่องล้ำน้ำห้วยแร้ง

อีกทั้งการท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่ใช้การท่องเที่ยว เป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชนยังมีหลักการปฏิบัติ คือ
ชุมชนต้องเป็นเจ้าของ ชาวบ้านต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและการตัดสินใจ
พร้อมกับส่งเสริมความภาคภูมิใจในตนเอง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ก่อให้เกิดความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อม
และยังคงเอกลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้ระหว่างคนต่างวัฒนธรรม
ให้การเคารพในวัฒนธรรมที่แตกต่างและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ส่งผลให้เกิดผลตอบแทนที่เป็นธรรมแก่คนท้องถิ่น แล้วเกิดการกระจายรายได้สู่สาธารณประโยชน์ของชุมชน

สำหรับรูปแบบการท่องเที่ยวโดยชุมชนนั้น มีหลายชุมชนที่ได้นำไปปฏิบัติแล้วเกิดผลทางการท่องเที่ยวที่ดี
ซึ่งในครั้งนี้ทางททท. ได้มีการจัดทริปนำเสนอพาไปเที่ยว
โดยใช้ชื่อโครงการว่า “สุดทางบูรพา ชุมชนอาสาพาเที่ยว”
โดยนำเสนอเส้นทางท่องเที่ยว 4 ชุมชนที่น่าสนใจในจังหวัดตราด


ข้าวห่อกาบหมากอาหารพื้นบ้านของชุมชนบ้านห้วยแร้ง

ชุมชนแรกที่นำเสนอคือ “ชุมชนบ้านห้วยแร้ง” ตั้งอยู่ที่ หมู่ 2,5 ต.ห้วยแร้ง อ.เมือง จ. ตราด
ชุมชนแห่งนี้ได้รับรางวัลชุมชนดีเด่นทางด้านการท่องเที่ยว จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปี 2550
และยังได้รับรางวัลชนะเลิศหมู่บ้าน OTOP Village Champion (OVC) ปี 2549

ชุมชนบ้านห้วยแร้ง เป็นชุมชนที่ยังคงสภาพป่าและแม่น้ำลำคลองที่อุดมสมบูรณ์ ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ
มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียงตามแนวทางทฤษฎีใหม่ และยังมีวิถีชีวิตของชุมชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่งตรงจุดนี้ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของชุมชนห้วยแร้ง

สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวที่ชาวบ้านร่วมกันจัดขึ้นเพื่อให้นักท่อง เที่ยวได้สัมผัสและเที่ยวชมนั้น มีอยู่มากมาย
ไม่ว่าจะเป็น การล่องเรือชมธรรมชาติริมคลองห้วยแร้ง ชมโขดหินและแก่งหินมากมาย
การล่องแก่ง 18 แก่งตามคลองห้วยแร้ง ด้วยเรือหางเครื่องของชาวบ้านที่ทำจากพีวีซี
ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านของชาวห้วยแร้ง ชมการสาธิตการทำอาหารพื้นบ้านอย่าง ข้าวห่อกาบหมาก
ที่ไม่ใช้โฟมมาห่ออาหาร แต่ใช้กาบหมากวัสดุจากธรรมชาติแทน
ชิมขนมจาก พร้อมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์พื้นบ้านที่ชาวบ้านทำกันเอง อาทิ สบู่เปลือกมังคุด น้ำมันเหลือง
ครีมฟอกหน้าเปลือกมังคุด ฯลฯ อีกทั้งยังมีโฮมสเตย์การพักร่วมกับชาวบ้าน ซึ่งจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่
ของชาวบ้าน การตกกุ้งหลวงยามค่ำคืน และระบบนิเวศของลำน้ำห้วยแร้งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง


สภาพวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของชุมชนรักษ์คลองบางพระ

ชุมชนต่อมาคือ “ชุมชนรักษ์คลองบางพระ” ตั้งอยู่ที่ ต.บางพระ อ.เมือง จ. ตราด
ได้รับรางวัลชุมชนดีเด่นทางด้านการท่องเที่ยว จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปี 2550
ย่านริมคลองบางพระ เมื่ออดีตเคยเป็นชุมชนการค้าเก่าแก่ของจังหวัดตราด
เป็นที่พบปะแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าของคนหลายกลุ่ม เพราะทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ ปากแม่น้ำตราด
เป็นเส้นทางคมนาคมหลัก แต่เมื่อมีการตัดถนนสุขุมวิทมาถึงจ.ตราด
อีกทั้งมีการสร้างตลาดแห่งใหม่ริมถนนสุขุมวิทเมื่อปี 2495
ร้านค้าส่วนใหญ่จึงทยอยย้ายออกไปตั้งอยู่ริมถนน ศูนย์กลางความเจริญของจังหวัดก็เปลี่ยนตำแหน่งไป
แต่ว่าปัจจุบันนี้ริมคลองบางพระก็ยังมีเรือนแถวไม้เก่าแก่ ที่เคยเป็นร้านค้า นับร้อยคูหา
และมีร้านค้าแบบโบราณเหลืออยู่บ้างอย่างร้านขายยาไทย ที่มีคุณค่าแก่การเที่ยวชมเพื่อเรียนรู้เมืองตราดในอดีต


การผลิตไบโอดีเซลของชุมชนรักษ์คลองบางพระ

โดยนักท่องเที่ยวที่มาจะได้ชมกิจกรรมมากมายที่น่าสนใจ อาทิ สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนแบบพอเพียง
ชมคลองบางพระที่เรียบง่ายสงบสุข ชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน เดินเที่ยวชมถนนสายวัฒนธรรมรักษ์คลองบางพระ
และไปชมศูนย์การเรียนรู้ชุมชนไบโอดีเซล ที่ชาวชุมชนผลิตน้ำมันไบโอดีเซลใช้เอง เพื่อช่วยลดพลังงานโลก


เลือกซื้องอบ งานหัตถกรรมพื้นบ้านของบ้านน้ำเชี่ยว

จากนั้นมาที่ “ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว” ตั้งอยู่ที่ บ้านน้ำเชี่ยว หมู่ 1 ต.น้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ จ.ตราด
ชุมชนนี้ได้รับมาถึง 2 รางวัล คือ รางวัลชุมชนดีเด่นการท่องเที่ยว จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปี 2550
และรางวัลชนะเลิศหมู่บ้าน OTOP Village Champion (OVC) ปี 2549
ชุมชนแห่งนี้มีสภาพสังคมเป็นชุมชน 2 ศาสนา คือ นับถือศาสนาพุทธ 50% และศาสนาอิสลาม 50 %
ซึ่งชาวมุสลิมอพยพเข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยร. 3 ชาวบ้านที่นี่อยู่ร่วมกันแบบเกื้อกูล
ถ้อยทีถ้อยอาศัย รักใคร่กลมกเกลียวกัน

หากมาเที่ยวยังชุมชนบ้านน้ำเชี่ยวอันเก่าแก่ และมีเอกลักษณ์นี้ก็จะได้พบกับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
อาทิ มัสยิดอัลกุบรอ อันเก่าแก่แห่งแรกของภาคตะวันออกมีอายุกว่า 200 ปี
วัดน้ำเชี่ยวเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยพุทธ มีพระอุโบสถรูปทรงสวยงาม มีศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน
สร้างเป็นทางเดินยาวทอดตัวไปตามแนวป่าชายเลน ให้ศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลน
และมีหอดูนกสูงกว่า 12 ม. ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปดูนก ชมวิว


การทำงอบงานภูมิปัญญาพื้นบ้านของชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว

และยังมีเส้นทางเดินสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านริมน้ำ ที่มีบ้านเรือนมัสยิดสร้างเลาะเลียบไปตามริมคลอง
มีเรือประมงพื้นบ้านจอดเรียงรายอยู่ในลำคลอง หรือจะล่องเรือชมบ้านเรือน ป่าชายเลน วิถีชีวิตริมคลอง
ริมปากอ่าว ชมการทำประมงพื้นบ้าน และก็อย่าลืมแวะไปอุดหนุนซื้อสิ้นค้าโอทอปขึ้นชื่อ คือ งอบน้ำเชี่ยว
เป็นงอบ (หมวก) ทำด้วยใบจาก งานหัตถกรรมพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์ ที่บรรพบุรุษชาวตราดสืบทอดกันมาช้านาน

ชุมชนสุดท้ายที่แนะนำ คือ “ชุมชนบ้านสลักคอก” ตั้งอยู่ที่ หมู่ 3 ต.เกาะช้าง กิ่งอำเภอเกาะช้าง จ.ตราด
ชุมชนนี้มีรางวัลการันตี เป็นรางวัลชุมชนดีเด่นทางด้านการท่องเที่ยว จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปี 2550
ที่หมู่บ้านสลักคอก เป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ มีอ่าวสลักคอกเป็นอ่าวที่เว้าลึกเข้ามาในแผ่นดิน
มีปากทางออกทะเลเป็นช่องแคบๆ สองฟากของอ่าวเป็นป่าโกงกางที่ยังสมบูรณ์
เป็นแหล่งอนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำ ที่เงียบสงบ


บ้านสลักคอกอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าโกงกาง

เมื่อเดินทางมาที่บ้านสลักคอก นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
ที่มีชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอกจัดขึ้น อาทิ การนั่งเรือมาดชมบรรยกาศป่าโกงกาง ป่าชายเลนที่สมบูรณ์
ชื่นชมธรรมชาติที่งดงามของอ่าวสลักคอก และในยามเย็น ยามค่ำคืน
จะนั่งเรือชมบรรยากาศพร้อมรับประทานอาหารเย็นบนเรือก็มีบริการด้วย

นอกจากนี้ยังมีบริการเรือคายัค ให้พายเล่นลัดเลาะไปตามป่าโกงกางและชม อ่าวสลักคอกที่สวยงาม
หรือจะไปเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติบ้านสลักคอก ศึกษาป่าชายเลน ซึ่งเป็นสะพานปูนยาวประมาณ 2 กม.
มีป้ายบอกเล่าเรื่องราวให้ได้รับความรู้กัน

และนี่ก็คือ 4 ชุมชนที่น่าเดินทางไปท่องเที่ยว เพื่อไปสัมผัสกับรูปแบบ “การท่องเที่ยวโดยชุมชน” ที่ตระหนัก
และใส่ใจถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมให้อยู่คู่กับการท่องเที่ยวไปอีกนานแสนนาน

* * * * * * * * * * *

สำหรับ ผู้ที่สนใจการท่องเที่ยวโดยชุมชน สามารถติดต่อไปยังชุมชนทั้ง 4 ได้ ดังนี้
ชุมชนบ้านห้วยแรง โทร. 08-9247-9648, 08-1964-6441
ชุมชนรักษ์คลองบางพระ โทร. 08-1428-1909
ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว โทร. 0-3953-2959
ชุมชนบ้านสลักคอก โทร. 08-9247-9648, 08-1964-6441


ที่มา : //www.manager.co.th




 

Create Date : 21 มกราคม 2553
3 comments
Last Update : 21 มกราคม 2553 14:13:55 น.
Counter : 2175 Pageviews.

 

ผมอยากให้มีการสร้างแหล่งท่องเทียวใหม่ๆ ให้ชาวต่างชาติให้มีแหล่งท่องเทียวใหม่ให้กับประเทศไทย ผมอยากให้มีโครงการสร้งวัด
นอกจากวัดพระแก้วแล้ว ผมอยากให้มีวัดที่สวยกว่าอลังการกว่าวัดพระแก้วอีก เพราะชาวต่างชาติต้องการมาดู
วัดวาอาราม มากกว่ามาดูตึกสุง หรือความเจริญ ชาติต่างชาติต้องการมาดูความสวยงามของวัฒนธรรมไทยมากกว่า


หลายวันมาแล้วผมเคยดูรายการหนึ่งรายการนั้นพาไปดูเมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศพม่าก็คือ เนปีดอ
สิ่งที่ผมเห็นเป็นอยางแรกก็คือการสร้างวัด ที่อลังการมากหเห็นได้ชัดเลยว่าพม่าให้ความสำคัญเกียวกับวัดวาอารามมาก แต่ผมบอกเลยว่าความสวยงามของวัดสู้ไทยไม่ได้

ถ้าประเทศไทยให้ความสำคัญเกียวกับวัดวาอารามบ้างประเทศไทยอาจจะเป็นเมืองสวรรค์เลยละ (ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้สร้างริมแม่น้ำเจ้าพระยานะมันจะได้เขากับวัดพระแก้ว


เด็กรักชาติ
(ใครเห็นด้วยบอกหน่อยนะคับอยากให้ทุกคนสนับสนุนกันมาก)


กรุณาอ่านให้หมด



 

โดย: เด็กรักชาติ IP: 124.157.148.74 1 กุมภาพันธ์ 2553 21:14:45 น.  

 

ผมอยากให้มีการสร้างแหล่งท่องเทียวใหม่ๆ ให้ชาวต่างชาติให้มีแหล่งท่องเทียวใหม่ให้กับประเทศไทย ผมอยากให้มีโครงการสร้งวัด
นอกจากวัดพระแก้วแล้ว ผมอยากให้มีวัดที่สวยกว่าอลังการกว่าวัดพระแก้วอีก เพราะชาวต่างชาติต้องการมาดู
วัดวาอาราม มากกว่ามาดูตึกสุง หรือความเจริญ ชาติต่างชาติต้องการมาดูความสวยงามของวัฒนธรรมไทยมากกว่า


หลายวันมาแล้วผมเคยดูรายการหนึ่งรายการนั้นพาไปดูเมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศพม่าก็คือ เนปีดอ
สิ่งที่ผมเห็นเป็นอยางแรกก็คือการสร้างวัด ที่อลังการมากหเห็นได้ชัดเลยว่าพม่าให้ความสำคัญเกียวกับวัดวาอารามมาก แต่ผมบอกเลยว่าความสวยงามของวัดสู้ไทยไม่ได้

ถ้าประเทศไทยให้ความสำคัญเกียวกับวัดวาอารามบ้างประเทศไทยอาจจะเป็นเมืองสวรรค์เลยละ (ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้สร้างริมแม่น้ำเจ้าพระยานะมันจะได้เขากับวัดพระแก้ว


เด็กรักชาติ
(ใครเห็นด้วยบอกหน่อยนะคับอยากให้ทุกคนสนับสนุนกันมาก)


กรุณาอ่านให้หมด



 

โดย: เด็กรักชาติ IP: 124.157.148.74 1 กุมภาพันธ์ 2553 21:15:02 น.  

 

ผมอยากให้มีการสร้างแหล่งท่องเทียวใหม่ๆ ให้ชาวต่างชาติให้มีแหล่งท่องเทียวใหม่ให้กับประเทศไทย ผมอยากให้มีโครงการสร้งวัด
นอกจากวัดพระแก้วแล้ว ผมอยากให้มีวัดที่สวยกว่าอลังการกว่าวัดพระแก้วอีก เพราะชาวต่างชาติต้องการมาดู
วัดวาอาราม มากกว่ามาดูตึกสุง หรือความเจริญ ชาติต่างชาติต้องการมาดูความสวยงามของวัฒนธรรมไทยมากกว่า


หลายวันมาแล้วผมเคยดูรายการหนึ่งรายการนั้นพาไปดูเมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศพม่าก็คือ เนปีดอ
สิ่งที่ผมเห็นเป็นอยางแรกก็คือการสร้างวัด ที่อลังการมากหเห็นได้ชัดเลยว่าพม่าให้ความสำคัญเกียวกับวัดวาอารามมาก แต่ผมบอกเลยว่าความสวยงามของวัดสู้ไทยไม่ได้

ถ้าประเทศไทยให้ความสำคัญเกียวกับวัดวาอารามบ้างประเทศไทยอาจจะเป็นเมืองสวรรค์เลยละ (ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้สร้างริมแม่น้ำเจ้าพระยานะมันจะได้เขากับวัดพระแก้ว


เด็กรักชาติ
(ใครเห็นด้วยบอกหน่อยนะคับอยากให้ทุกคนสนับสนุนกันมาก)


กรุณาอ่านให้หมด



 

โดย: เด็กรักชาติ IP: 124.157.148.74 1 กุมภาพันธ์ 2553 21:15:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.